เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 98
คนกลุ่มหนึ่งหัวเราะการตัดสินใจของลู่หมิง และในตอนนี้เอง ก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง
“พวกนายผิดกันหมดแล้ว ลู่ฝานของตระกูลลู่แข็งแกร่งมากจริงๆ”
ทุกคนหันไปมอง แล้วก็พูดกับคนที่ส่งเสียงมาว่า “โม่หยุนเฟย นายไม่ได้หรอกพวกเราใช่ไหม”
โม่หยุนเฟยยิ้มพูดว่า “ไม่แน่นอน มีคนเปิดพนันแล้วไม่ใช่หรือว่า นักเรียนใหม่รอบนี้ใครจะได้อันดับที่1 พวกนายไปพนันตัวลู่ฝานได้ ไม่แพ้แน่นอน”
พูดจบ โม่หยุนเฟยก็เงยหน้าขึ้นไปมองด้านบน สายตาจับจ้องไปที่ตัวของลู่ฝาน
อีกฝั่ง ในหลุ่มนักเรียนของคณะบังเหิน จางเยว่หานชี้ไปยังตัวของลู่ฝานพูดว่า “ศิษย์พี่ เขานั่นแหละ ช่วยฉันจัดการเขาหน่อยได้ไหม?”
คนที่ถูกจางเยว่หานเรียกว่าศิษย์พี่นั้น ได้โอบเอวเล็กๆ ของจางเยว่หานไว้ แล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหาแน่นอน คนดีของพี่ ขอเพียงบอกมา ไม่ว่าใครพี่ก็จะช่วยจัดการได้หมด เดี๋ยวรอมันเข้าสถาบันแล้ว พี่จะสั่งสอนมันเอง ต้องการให้มันน่าอายแบบนี้ก็ได้หมดเลย”
สายตาของจางเยว่หานเผยความเยือกเย็นออกมา “ถ้าฉันต้องการให้เขาตายล่ะ?”
ศิษย์พี่ก็อึ้งไป แล้วก็พูดว่า “ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธี”
จางเยว่หานก็รีบหัวเราะร่าออกมา “ศิษย์พี่ดีจังเลย”
ศิษย์พี่ที่ว่าก็หัวเราะออก จางเยว่หานเงยหน้า สายตามองไปยังลู่ฝาน แล้วบ่นว่า “นายทำให้ฉันดูแย่ ฉันจะทำให้นายตายเพื่อชดใช้”
ด้านบน ลู่ฝานกับสุ่ยหยวนก็สู้กันอย่างยากที่จะรู้แพ้ชนะได้
ดาบมือซ้ายกระบี่มือขวาของสุ่ยหยวน สามารถโจมตีได้คนละมุมและคนละความรุนแรง ทำให้ปัดป้องได้ยากลำบากจริงๆ
โชคดีที่ดาบของลู่ฝานยาวพอ ใหญ่พอ แกว่งๆ ออกไปก็สามารถปัดป้องการโจมตีได้ไม่น้อย ถ้ารับไม่ไหว ก็มีผิวหนังเผ่ามังกรคุ้มกันกาย โดนไปครั้งสองครั้ง ก็แค่เป็นรอยใส่ผิวหนังเท่านั้น
สุ่ยหยวนกลับยิ่งโจมตียิ่งรีบร้อน เขาไม่เคยเจอนักบู๊ที่แบกรับได้ขนาดนี้
พลังการป้องกันของฝ่ายตรงข้ามเหนือความคาดหมายของเขามาก กว่าจะหาจุดอ่อนเจอ แล้วแทงเข้าไป ก็ไม่สะกิดผิวของฝั่งตรงข้ามเลย กลับแลกมาด้วยความร้อนที่ลวกมือของเขาจนแสบร้อน
จะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว สุ่ยหยวนส่งเสียงฮึกเหิมเบาๆ แล้วกระโดดพลิกตัวถอย เอาดาบและกระบี่มาไว้ที่หน้าอก
ด้านล่าง สุ่ยอู๋ฉิงเห็นท่าทางของสุ่ยหยวน ก็รู้ได้เลยว่าสุ่ยหยวนจะใช้กระบวนท่าอะไร เลยชื่นชมไปว่า “ดีมาก วิชาหยาดน้ำ กระบี่กลายพิรุณ”
พอสิ้นเสียงของสุ่ยอู๋ฉิง สุ่ยหยวนก็ลงมือ
พริบตา ดาบและกระบี่ในมือก็หายไป เหลือแต่เงาลวงที่ยังพอเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เงาลวงที่น่ากลัว มันเหมือนกับลมและฝน ปกคลุมไปทั้งตัวของลู่ฝาน หัวใจของลู่หมิงก็แทบจะหยุดเต้น
ลู่ฝานตาเหลือก บนตัวก็มีเปลวไฟพวยพุ่งออกมาทันที
วิชากายทองไฟอาบ!
เจ้าดำที่ยื่นอยู่ข้างๆ เจียงชิ่นโดยตลอดก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ มันชอบไฟมาก พอเห็นบนตัวของลู่ฝานมีไฟลุก เจ้าดำก็จะดีใจมาก
แต่คนอื่นไม่รู้ว่าเจ้าดำทำอะไร มีเพียงลู่ฝานที่พอรับรู้ได้ว่ากายทองไฟอาบของตนเองไม่ค่อยปกติ ทำไมในไฟถึงมีสีดำๆ อยู่ด้วย เขาไม่ได้ใช้เคล็ดฝึกชี่เสียหน่อย
จะสนใจอะไรมากไม่ได้ ปราณชี่ปกคลุมกาย ลู่ฝานก็แกว่งกระบี่ออกไป
ไฟก็ปกคลุมทั่วตัวกระบี่ทันที ลู่ฝานก็ยังตกใจเอง วินาทีต่อมา กระบี่หนักก็ไปโจมตีทำลายการโจมตีจากเงาของสุ่ยหยวน
เสียงดังโครม ไฟระเบิดออก สุ่ยหยวนถูกกระบี่โจมตีจนลอยออกไป เกาะก็สั่นไปหมด
อาวุธหลุดออกจากมือ สุ่ยหยวนร่วงลงพื้น จนลุกขึ้นมาไม่ไหว
คนทางด้านล่างก็อึ้งกันหมด เฉียนเฟิงถึงกับส่งเสียงดังออกมา “อะไรกัน!”
ลู่หมิงก็กำหมัดแน่น ลู่ฝานทำได้ดีมาก!
สุ่ยอู๋ฉิงก็อึ้งไปเหมือนกัน อ้าปากค้างไม่กล้าพูดอะไร
นักเรียนมากมายเริ่มคุยกัน
“หมอนี่บ้ามาจากไหนกันเนี่ย เขาฝึกแดนปราณนอกไม่ใช่หรือไง? แล้วไฟนั่น มันน่ากลัวมากเลย”
“เหมือนจะไม่ใช่แดนปราณนอก เหมือนจะเป็นวิชาเกี่ยวกับฝึกร่าง แต่ว่าพลังรุนแรงมากเลย!”
“โม่หยุนเฟย รู้จักหมอนั่นไหม? เขาใช้วิชาอะไร?”
คนก็เข้าไปล้อมโม่หยุนเฟย ใบหน้าก็เหงื่อตก ทุกครั้งที่โม่หยุนเฟยเห็นลู่ฝานต่อสู้ ก็ล้วนจะรับรู้ได้ว่าลู่ฝานแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว
หายใจเข้าไปลึกๆ โม่หยุนเฟยก็พูดว่า “นั่นเป็นวิชาที่สืบทอดกันมาของตระกูลเขา ชื่อว่ากายทองไฟอาบ”
ทุกคนก็ถึงบางอ้อ “แบบนี้นี่เอง เป็นวิชาของตระกูล เขามาพร้อมกับลู่หมิงไม่ใชหรือไง? ลู่หมิงก็เป็นคนของตระกูลลู่นะ ทำไมลู่หมิงไม่เป็นวิชานี้ล่ะ?”
“นายคิดว่าตระกูลหนึ่งจะมีอัจฉริยะได้หลายคนงั้นหรือ? เกรงว่าลู่ฝานคงจะเป็นอัจฉริยะแห่งยุคของพวกเขาเลยล่ะ”
“อืมๆ เกรงว่าอยู่ในสถาบันสอนวิชาบู๊ก็คงจะเป็นอัจฉริยะในอัจยริยะอีกที”
……….
บนท้องฟ้า อาจารย์เซินถูก็หัวเราะขึ้นมาว่า “วิชาฝึกร่าง ไม่เลวเลย ไม่เลวๆ เสวียนเจิน ในเมื่อเขาไม่ยอมเข้าคณะกระบี่ของนาย ก็ให้มาเข้าคณะกำแหงของผมแล้วกัน”
เสวียนเจินหัวเราะพูดว่า “แม้แต่คณะกระบี่ของผมเขายังไม่ไป แล้วจะไปคณะกำแหงของนายได้ไง”
เซินถูก็ส่ายหัวพูดว่า “ก็เพราะว่านายไม่รู้จักดึงคนไปอยู่ด้วยน่ะสิ จะรับเขาไว้เป็นศิษย์ จะต้องให้ผลประโยชน์ เดี๋ยวผมจะให้วิชากับเขา พอเขาเห็นวิชาที่สูงส่ง ก็จะยอมรับปากเองนั่นแหละ”
เสวียนเจินเก็บรอยยิ้มไป แล้วพูดว่า “นายนี่นะ จริงๆ เลยเชียว……ซิงยวนไม่พูดอะไรหน่อยหรือไง?”
ซิงยวนนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วก็หันหน้ามาพูดว่า “ท่านผอ. เห็นแล้วใช่ไหมครับ?”
ท่านผอ.พยักหน้า “เห็นแล้ว พลังปราณของหมอนี่ ค่อนข้างไม่ปกติ”