เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 985
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 985
ตระกูลเทียน ที่ศูนย์กลางเมืองของเมืองหลวง
คฤหาสน์สูงใหญ่ บดบังด้วยเมฆหมอก ถึงตั้งอยู่ในเมือง แต่ก็ยังดูลึกลับยากจะคาดเดาอยู่ดี
ตระกูลเทียนเป็นหนึ่งในสิบตระกูลใหญ่ เป็นตระกูลเดียวที่ไม่ได้ใช้กำลังบู๊ยกระดับความก้าวหน้า ภายนอกเรียกกันว่าตระกูลมหัศจรรย์ค่ายกลยอดเยี่ยม
แค่ค่ายกลคุ้มกันในคฤหาสน์ตระกูลก็ไม่รู้ตั้งเท่าไรแล้ว ทุกพื้นที่หนึ่งนิ้ว น่าจะมีค่ายกลปกคลุมสิบกว่าชนิด คนนอกหาวิธีเหมาะสมไม่ได้ ระดับความอันตรายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าสถานที่ที่ต้องตายคาที่
ในเมฆหมอก มีเทพมังกรผลุบโผล่
มังกรกลืนไปกับเมฆ เห็นเพียงหางของมัน ไม่เห็นตัวของมัน
ตระกูลเทียนยังเป็นตระกูลเดียวที่สามารถใช้อาคารรูปมังกรได้นอกเหนือจากราชวงศ์
ไม่ใช่เหตุผลใดอื่น เพราะบรรพบุรุษตระกูลเทียน คือมนุษย์มังกรเทียนผู้ที่ช่วยจักรพรรดิอู่ก่อตั้งประเทศ คนที่สูงส่งที่สุดในมนุษย์เผ่ามังกร
ด้วยเหตุนี้จนถึงตอนนี้ตระกูลเทียน จึงยังติดต่อกับมนุษย์เผ่ามังกรอยู่
เมื่อเข้ามาในคฤหาสน์ มีประตูซิว เซิง ซาง ตู้ จิ่ง สื่อ จิง ไค ทั้งหมด 8 ประตู
แต่ละประตูเชื่อมต่อกับสถานที่หนึ่งแห่ง เป็นสวนไผ่ตระกูลเทียน หรือไม่ก็สถานที่เรียนรู้ของตระกูลเทียน
แต่จะเข้าโถงหลักตระกูลเทียน ต้องทำลายทั้ง 8 ประตู มองผ่านความเท็จ และแสวงหาความจริง
คนที่สามารถทำถึงจุดนี้ได้ ในเมืองหลวงมีน้อยถึงขั้นนับนิ้วได้
แต่วันนี้มีคนหนึ่งเหาะมากับเมฆ ทำลายประตูทั้ง 8 ของตระกูลเทียนทันที
ค่ายกลล่องหน แต่ไม่สามารถโจมตีคนคนนี้ได้เลย
เงามังกรในค่ายกล โผล่ดวงตาสองข้างออกมา แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นเงาของคนคนนี้ได้
เขาเหมือนวิญญาณตนหนึ่ง เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วไปที่สวนหลังบ้านตระกูลเทียน มาถึงโถงหลักของตระกูลเทียน
สิ่งที่ปรากฏในสายตาคือห้องโถงใหญ่โต ที่มีเสา 13 ต้นของตระกูลเทียนเผ่ามังกร
พื้นสีขาวขุ่น สะท้อนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา
เสา 13 ต้น แต่ละต้นสลักลวดลายมังกรที่แตกต่างกัน เป็นตัวแทนของมังกรยักษ์ 13 ชนิดที่หายสาบสูญไปจากโลกนี้เป็นเวลานานแล้ว
คนที่มาก้าวเท้าเดินในห้องโถงใหญ่ ทุกที่ที่ฝ่าเท้าเดินผ่าน แสงดาวกระจายออกไปหมด
ผมทองประบ่า หน้าตาหล่อเหลา ดวงตาเป็นประกายสีทองแวววาว ทำให้เขาดูสูงส่งมาก
“ฉันกลับมาแล้ว!”
ผู้ชายพูดด้วยรอยยิ้ม
เขายื่นมือปล่อยกระบวนท่าออกมา บนลายมังกรบนเสาทั้ง 13 ต้น มีแสงสว่างขึ้นมา
เงามังกร 13 ตัวปรากฏออกมา ท่ามกลางความเลือนราง ดวงตาทั้ง 13 คู่มองผู้ชายด้วยรอยยิ้ม
“ชิงหยาง นายกลับมาแล้ว!”
จู่ๆ มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
เสียงปลื้มใจและชื่นชมเล็กน้อย ดังก้องในห้องโถงขนาดใหญ่
เงาสองสามเงาปรากฏขึ้นพร้อมกัน ร่วงลงมาในห้องโถงใหญ่พร้อมกับเสียงลม
ผู้อาวุโสคนหนึ่งนั่งลงบนเก้าอี้หลัก ส่วนคนที่เหลือยืนอยู่ทั้งสองด้าน ในบรรดานั้นมีเทียนหยาจื่อ ผู้อาวุโสของตระกูลเทียน
ผู้ชายโค้งคำนับผู้อาวุโสด้วยความเคารพ
“เทียนชิงหยางพบเจ้าบ้านและผู้อาวุโสทุกท่าน”
เงยหน้าขึ้น มีรอยยิ้มบางๆ ตรงมุมปาก เขาคือเทียนชิงหยาง อัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลเทียน!
เจ้าบ้านตระกูลเทียนหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “นายไปฝึกฝนข้างนอกมาห้าปี เพิ่งออกจากการฝึกฝนเมื่อเร็วๆ นี้ ได้อะไรมาบ้างล่ะ”
เทียนชิงหยางตอบว่า “ไม่มีอะไรนอกจากวิทยายุทธเต็มเปี่ยมเท่านั้น!”
พูดพลาง เกราะปราณบนตัวเทียนชิงหยางก่อตัวเป็นรูปร่าง ตัวลอยขึ้นเบาๆ
เขาก้าวเดินกลางอากาศ มาถึงด้านบนของห้องโถงใหญ่
อ้าแขนทั้งสองข้าง ลมหมุนวนอยู่รอบตัวเขา เสียงมังกรคำรามดังออกมาจากรอบตัวเขาเป็นระยะ
“เกือบจะเข้าสู่แดนปราณฟ้า!”
เทียนหยาจื่อพยักหน้ายิ้มแล้วเอ่ยขึ้น
วิทยายุทธแบบนี้ ในบรรดาคนอายุน้อย นับได้ว่าเป็นผู้โดดเด่นเหนือใคร อีกทั้งเทียนชิงหยางยังอายุแค่ 27-28 ปี
เจ้าบ้านตระกูลเทียนหัวเราะร่า แล้วพูดว่า “ดี ตระกูลเทียนของฉันมีผู้สืบทอดแล้ว ชิงหยาง นายลงมาสิ”
เทียนชิงหยางกลายเป็นแสง มาตรงหน้าเจ้าบ้านตระกูลเทียน
เจ้าบ้านตระกูลเทียนค้ำไม้เท้าหัวมังกร ค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วพูดว่า “คุกเข่า!”
เทียนชิงหยางได้ยินก็ขมวดคิ้วเบาๆ แต่ก็คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น
เจ้าบ้านตระกูลเทียนยกมือขึ้นวาดกลางอากาศ รอยแยกมิติปรากฏออกมาอย่างชัดเจน หลังจากนั้นกระบี่เล่มหนึ่งเด้งออกมาจากรอยแยกมิติ