เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 122 ยันต์อัญเชิญวิญญาณแรกของปฐมราชินี
เยี่ยนจื่อเสาที่เห็นสีหน้าน้องสาวค่อยๆ ชีดลงนั้น ก็ห้ามปรามนางอย่างปวดใจว่า “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ พอได้แล้ว หยุดเขียนเถอะ!”
หากเยี่ยนชิงอยู่ที่นี่ เขาก็คงรู้สึกสงสารนางจับใจเหมือนเยี่ยนจื่อเสา เพราะว่าสีหน้าของเยี่ยนอวี๋นั้นไม่ได้ซีดลงธรรมดา แต่ยังมีความหม่นหมองในความซีดนั้นด้วย!
ทว่าถึงแม้เป็นเช่นนี้ เยี่ยนอวี๋ก็ยังคงไม่หยุดเขียน จวบจนตอนนี้ ทุกคนในเกี้ยววิหคสุริยันก็เพิ่งพบว่า พู่กันของนางนั้นก็ไม่ธรรมดา เพราะมันมีกลิ่นอายของพลังงานทั้งห้าธาตุอันบริสุทธิ์วูบวาบอยู่
“จื่ออวี๋ เจ้า…” อินหลิวเฟิงมองเยี่ยนอวี๋ด้วยดวงตาเป็นประกาย เขาอยากจะห้ามปรามให้นางหยุดเขียนเช่นกัน แต่เขามีสติกว่าเยี่ยนจื่อเสา ทำให้เขาพบว่ายันต์ที่เยี่ยนอวี๋เขียนนั้นกำลังจะสำเร็จแล้ว
“อ้ะ!” เจ้าตัวน้อยมองไปที่มารดาของเขาด้วยน้ำตาคลอหน่วย ทว่าลูกหนูน้อยตัวหนึ่งรั้งตัวเขาไว้ เพื่อไม่ให้เขาเข้าใกล้แม่คนงามของเขา
มีหลายครั้งที่เยี่ยนเสี่ยวเป่าโมโหจนอยากจะทุบตีลูกหนูน้อย ทว่าฝีมือของฝ่ายหลังก็ใช่ย่อย และเยี่ยนเสี่ยวเป่าเองก็เอาแต่คิดอยากจะไปอยู่ข้างกายแม่คนงามของเขาจึงไม่มีกะจิตกะใจไปไล่ตีลูกหนู ทำให้มันห้ามเสี่ยวเป่าได้สำเร็จทุกครั้งไป
ทว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ครั้งนี้เยี่ยนเสี่ยวเป่ากลิ้งไปใกล้เท้ามารดาของเขาแล้ว อินหลิวเฟิงจึงกัดฟันอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาในทันที
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าโมโห!
อินหลิวเฟิงพลันรู้สึกว่า เขาอุ้มระเบิดลูกหนึ่งขึ้นมาทำให้รู้สึกพะว้าพะวงขึ้นมา
วิ้ง
ในชั่วขณะที่เยี่ยนอวี๋หยุดเขียน เสียงร้องดัง วิ้ง เบาๆ กลับดึงความสนใจของทุกคนในเกี้ยว
เยี่ยนเสี่ยวเป่าจึงมองไปที่เยี่ยนอวี๋อย่างไม่สนใจอินหลิวเฟิง เยี่ยนอวี๋วางพู่กันในมือลง ก่อนจะใช้มือป้องปากไอขึ้นเบาๆ
“แง!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าร้องไห้เสียงดังทันที เขาเอนลำตัวไปหาท่านแม่ของเขา
อินหลิวเฟิงรีบยื่นเจ้าระเบิดน้อยออกไป ก่อนจะถามขึ้นว่า “จื่ออวี๋ เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
“แค่ก” เยี่ยนอวี๋ไอเป็นเลือดออกมา ทำเอาเยี่ยนจื่อเสาน้ำตาคลอ
ทว่าเยี่ยนอวี๋ทานยาลงไปแล้ว ทุกคนไม่พูดอะไร ต่างมองนางทานยาตาปริบๆ
แม้แต่เยี่ยนเสี่ยวเป่าเองก็บิดลำตัวกลับไปกอดอินหลิวเฟิง มิได้โผเข้าไปในอ้อมอกของมารดาและยังอดกลั้นเสียงร้องเอาไว้ มองท่านแม่ของเขาด้วยน้ำตาคลอเต็มเบ้า
จนเมื่อเยี่ยนอวี๋ลืมตาขึ้นอีกครั้ง สิ่งมีชีวิตตัวน้อยจึงเปล่งเสียงร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์…” เสียงของเยี่ยนจื่อเสาแหบแห้ง แต่เขาก็มิได้พูดสิ่งใดอีก เขารู้มานานแล้วว่าน้องสาวจะทำอะไร
ส่วนเยี่ยนอวี๋เอง หลังจากที่นางรับเด็กน้อยที่ร้องไห้ฟูมฟายกลับมาแล้วนั้น นางก็หยิบยันต์ที่มีขนาดใหญ่เท่าหน้าของอินหลิวเฟิงขึ้นมา
วิ้ง… อักษรสีทองที่ส่องประกายระยิบระยับแผ่กลิ่นอายที่เพียงพอจะทำให้กู้หยวนหมิงรู้สึกตกตะลึงออกมา!
“กลิ่นอายธาตุไฟแข็งแกร่งนัก!” ไก่อ่อนตระกูลชือคนหนึ่งยังรับรู้ได้ว่า ในอักษรเหล่านี้ มีพลังไม่น้อยไปกว่า ‘ปทุมเดช’ อันเป็นศาสตราเวทลัทธิเซิ่งเหลียนของพวกเขา
และปทุมเดชนี้ก็เป็นที่พึ่งพาสุดท้ายที่ยังไม่ถูกขจัดไปอย่างสิ้นเชิงของลัทธิเซิ่งเหลียนจวบจนทุกวันนี้
หากไม่ใช่เพราะสิ่งพึ่งพิงสิ่งนี้ ลัทธิเซิ่งเหลียนคงถูกกำจัดสิ้นซากไปตั้งแต่แรกแล้ว!
ในครานั้น ราชสำนักก็คำนึงถึงว่า หากต้องการทำลายล้างลัทธิเซิ่งเหลียน เกรงว่าราชสำนักก็จะไม่สามารถครองอำนาจได้ อาจจะถูกอำนาจอื่นเข้าครอบครองจึงทำสัญญาสงบศึกกับชนเผ่าจิ่วหลี
บัดนี้เอง… ยันต์ศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งที่เขียนขึ้นโดยเยี่ยนอวี๋ก็ถูกเยี่ยนอวี๋โยนออกไปกลางอากาศทันที!
จากนั้น…
“ไป” เสียงดุจสายน้ำของเยี่ยนอวี๋ ประหนึ่งเป็นเครื่องนำทาง ยันต์ใบใหญ่สีทองอร่ามเป็นประกายนั้นก็ลอยไปทางทิศตะวันออกของสำนักชางอู๋!
“นี่มัน…” กู้หยวนหมิงเป็นมองยันต์ที่ลอยไปไกล อันที่จริงเขาก็ไม่รู้ว่ายันต์นั้นมีความสามารถอะไร แต่สิ่งที่เขาสามารถยืนยันได้คือ ยันต์ใบนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
ในขณะเดียวกัน เหนือสำนักชางอู๋!
เปรี้ยง!
ครืน!
ทะเลเพลิงและสายฟ้าผ่าอันน่ากลัวกระจุกตัวกันอยู่เหนือเกราะคุ้มกันของเมืองชางอู๋
แซ่ด!
แซ่ดๆ!
เกราะคุ้มกันสำนักชางอู๋ที่ถูกทะลวงไม่ขาดสาย แตกร้าวอย่างต่อเนื่อง
“แตกแล้ว!”
“แตกแล้ว แตกแล้ว!”
เหล่าศิษย์สำนักคุนอู๋ที่ยืนอยู่ข้างหน้าสุดและอยู่ใกล้เมืองชางอู๋ที่สุดส่งเสียงร้องอย่างฮึกเหิม พวกเขาเตรียมพร้อมทลายค่ายกลเพื่อบุกเข้าไปทุกเมื่อ!
“ทุกคนเตรียมพร้อม!” เยี่ยนหงชวนออกคำสั่ง
เหล่าผู้น้อยใหญ่สำนักชางอู๋ก็อยู่ในท่าเตรียมพร้อม รอรับมือศัตรู
ทว่าเม่ยเอ๋อร์กลับหันขวับไปทางทิศตะวันออก
ฟิ้ววว…
มีแสงสีทองแสงหนึ่งกำลังรวมตัวกันอย่างต่อเนื่องต่อหน้าเม่ยเอ๋อร์
ชิ้ง!
แสงสีทองที่รวมตัวกันสะท้อนแสงแสบตา ดึงความสนใจของเยี่ยนหงชวน
“นั่นคืออะไร”
ปู่เย่าเหลียนเองก็สังเกตเห็นแสงอร่ามที่ม้วนเป็นเกลียวคลื่นทางทิศตะวันออกแล้ว และเขาก็สัมผัสถึงพลังธาตุไฟที่ทำให้ยอดฝีมือขั้นถอดจิตธาตุไฟคนหนึ่งตกตะลึงได้
ในขณะเดียวกัน
หวีด…
เสียงหงส์ที่เต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณดังก้องกังวาน มันมาพร้อมกับเปลวไฟสีทองอร่าม เสียงของมันดังก้องไปทั่วเมืองชางอู๋
ชิ้ง!
ปรมาจารย์วิญญาณที่แต่เดิมห่อเหี่ยว จู่ๆ ก็มีพลังขึ้นมา!
หลังจากนั้น…
หวีด…
หงส์ฟ้าสีทองตัวหนึ่งปรากฏต่อสายตาผู้คนมากมาย ขนของมันเรียงเส้นอย่างงดงาม ดวงตาของมันสว่างไสวมีชีวิตชีวา ขนของมันเปล่งประกายสีทองระยิบระยับ!
เพลิงไฟลุกโชนรอบตัวมัน!
นี่มัน…
“หงส์เพลิงหรือ!!”