เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 126 กองกำลังเสริมจำนวนมากมาถึง
เยี่ยนเสี่ยวเป่ายิ่งคิดยิ่งสับสน… แต่ก็มิได้ทำให้เขาหยุดกิน เขาร้องไห้จนหิวแล้วจริงๆ
“ข้าคิดออกแล้ว!”
ศิษย์ตระกูลชือที่ครุ่นคิดอย่างหนักมาตลอดจู่ๆ ก็พูดขึ้นมาทำให้เสี่ยวเป่าที่กำลัง ‘ครุ่นคิด’ อยู่เช่นกันสะดุ้งตกใจ
เยี่ยนอวี๋ก้มจูบศีรษะเด็กน้อยเบาๆ เพื่อปลอบเขาทันที จากนั้นก็กวาดตามองไปที่ศิษย์ตระกูลชือคนนั้นด้วยสายตาไม่เป็นมิตรนัก แต่คนคนนั้นกลับไม่รู้สึกตัว เขาหยิบพู่กันที่เยี่ยนอวี๋ใช้เขียนยันต์ก่อนหน้านี้ขึ้นมา ก่อนจะจรดพู่กันและลากลายเส้นทันที! ต้าซือมิ่งที่คอยติดตามอยู่นั้นก็อดขมวดคิ้วเรียวยาวไม่ได้…
“เขียนอะไรน่ะ” อินหลิวเฟิงก็มองไปที่เขาทันที
ผ่านไปครู่หนึ่ง คำว่า ‘ไฟ’ ก็ปรากฏบนกระดาษ โดยฝีมือศิษย์ตระกูลชือคนนั้นและตัวอักษร ‘ไฟ’ ตัวนี้ก็ยังเต็มไปด้วยพลังวิญญาณธาตุไฟแสนวิเศษ ถึงแม้จะไม่ชัดเจนนัก แต่ก็ทำให้เยี่ยนอวี๋พึงพอใจมากแล้ว
แต่เนื่องจากคนคนนี้ทำให้เสี่ยวเป่าตกใจ… ครั้นศิษย์ตระกูลชือถือกระดาษคำว่า ‘ไฟ’ ไว้และมองเยี่ยนอวี๋ตาปริบๆ นางจึงตอบอย่างเย็นชาว่า “พอใช้ได้”
ศิษย์ตระกูลชือพูดตะกุกตะกัก “เช่น…เช่นนั้น ข้า…ข้าถือว่าผ่านหรือไม่ขอรับ”
“เขียนต่อไปจนกว่าข้าจะพอใจ” เยี่ยนอวี๋ตอบ
“ได้ขอรับ! ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!” ศิษย์ตระกูลชือย่อมมิกล้าโต้เถียง อันที่จริงสำหรับเขาในตอนนี้แล้ว เยี่ยนอวี๋คือสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวกว่าผู้แข็งแกร่งลัทธิเซิ่งเหลียน เยี่ยนอวี๋พูดสิ่งใด เขามิกล้าเห็นต่าง ยิ่งมิอาจคัดค้าน ดังนั้น ศิษย์ตระกูลชือไก่อ่อนคนนี้จึงตั้งหน้าตั้งตาเขียนยันต์ของเขาต่อไป
อินหลิวเฟิงดูอยู่พักหนึ่งก็ค้นพบบางอย่างเข้า เขาจึงหันไปพูดกับยี่ยนอวี๋ว่า “เหมือนกับว่าเขาสามารถรวบรวมพลังจิตวิญญาณไว้ในตัวอักษรที่เขียนได้เลย! ข้าขอลองบ้างได้หรือไม่”
“อย่าสิ้นเปลืองกระดาษเลย” เยี่ยนอวี๋พูดกระทบกระทั่งจิตใจเขาอย่างไร้ความปรานี
อินหลิวเฟิง “…”
“แค่กๆ” เยี่ยนจื่อเสาพูดปลอบอย่างเห็นใจว่า “ซวงเสวียนจวิน มนุษย์ทุกคนมีพรสวรรค์ต่างกัน เหตุใดเจ้าต้องใช้จุดเด่นของผู้อื่นมาเติมเต็มจุดด้อยของตนเองเล่า”
“แต่พลังจิตวิญญาณของข้าก็ไม่เลวนี่” อินหลิวเฟิงอดพูดขึ้นไม่ได้ “อย่างน้อยข้าก็เป็นถึงผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์!”
“พอได้แล้ว ผู้อัญเชิญวิญญาณระดับห้าเช่นข้ายังไม่พูดอะไรเลย คนระดับสี่อย่างเจ้าจะประสมโรงอะไรกัน” กู้หยวนหมิงทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว เรื่องอะไรต้องให้แม่นางเยี่ยนสอนเจ้า
“…” อินหลิวเฟิงเงียบ เขาคงไม่สามารถพูดว่า ข้าเป็นสุนัขรับใช้ของแม่ลูกคู่นี้ตั้งนานแล้ว เขาไม่มีหน้าพูดเรื่องน่าอายเช่นนี้หรอก
เดิมทีเขาคิดว่าหากสุนัขรับใช้เช่นเขาแข็งแกร่งกว่านี้ก็คงช่วยอะไรได้มากกว่านี้มิใช่หรือ แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขาเห็นคุณหนูใหญ่มักจะอุ้มเด็กน้อยของนางเข้าไปเสี่ยงอันตรายด้วย ทำเอาเขารู้สึกกังวลจริงๆ เขาอยากให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น เพราะเขาไม่อยากจากไปก่อนวัยอันควร!
เยี่ยนอวี๋รู้ความคิดเหล่านี้ของเขาดี ทว่ายันต์ที่นางสร้างขึ้นเองนั้น ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาสามารถฝึกฝนได้ หากพลังจิตวิญญาณไม่มีความสามารถพอก็จะถูกครอบงำและสติฟั่นเฟือนได้ง่าย
“แค่ก” เมื่อเยี่ยนจื่อเสาเห็นว่าบรรยากาศอึดอัดจึงเปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเป่าง่วงแล้วหรือ”
“อ้ะ?” เมื่อเยี่ยนเสี่ยวเป่าได้ยินชื่อตัวเองก็เบิกตาที่บวมเป่งสะลึมสะลือของตนออกกว้าง ท่าทางง่วงนอนแล้วจริงๆ
แต่เขายังไม่ยอมนอน ยังคงเคี้ยวข้าวต้มงูที่ท่านแม่ของเขาป้อนใส่ปากของเขาทีละคำสองคำ ราวกับกำลังบอกว่าถึงแม้ลูกจะง่วง แต่ลูกก็หิว ช่างน่าเอ็นดูนัก
เยี่ยนอวี๋เห็นดังนั้นก็รู้สึกง่วงตามจึงพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเป่ากินอีกคำแล้วนอนก่อนนะ ตื่นแล้วค่อยมากินต่อ ดีหรือไม่จ๊ะ”
“อ้ะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างว่านอนสอนง่าย เขาเกือบจะโขกศีรษะลงไปบนช้อนเพราะความง่วงของตนเองแล้ว
ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูเช่นนี้ทำให้ต้าซือมิ่งที่รับรู้เรื่องราวอยู่ตลอดเวลานั้นอับจนคำพูด เขาอดกุมขมับและทอดถอนใจขึ้นไม่ได้ “โง่จริงๆ”
เยี่ยนอวี๋หยุดป้อนอาหารให้เด็กน้อยที่เกือบจะผล็อยหลับไปหลายครั้ง แต่ยังคงทานข้าวต่อไปอย่างไม่รู้สึกตัว “พอแล้ว ไม่กินแล้ว เสี่ยวเป่านอนเถอะ”
“…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่ได้ตอบ หลังจากที่ไม่มีอาหารป้อนใส่ปากเขา เขาก็หลับไปในทันที
เยี่ยนอวี๋ตบหลังของเด็กน้อยเบาๆ ทว่าจู่ๆ เจ้าตัวน้อยก็เบิกตาโต ก่อนจะยกมือขึ้นลูบท้องน้อยๆ ของเขา แล้วจึงหลับไปอีกครั้ง
“หรือว่ายังหิวอยู่” เยี่ยนจื่อเสายิ้มถาม
เยี่ยนอวี๋ก็รู้สึกขัน นางลูบศีรษะน้อยๆ ของเด็กน้อย “เมื่อเจ้าตื่นแล้ว แม่ให้เม่ยเอ๋อร์ทำอาหารอร่อยๆ ให้มากกว่านี้นะ ถึงตอนนั้นชุ่ยชุ่ยก็จะอยู่ทำอาหารให้เจ้าด้วย”
“…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าหลับลึกจนไม่ได้ยินสิ่งที่แม่พูดแล้ว
ส่วนต้าซือมิ่งที่ได้ยิน มุมปากของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย เขารู้ดีว่าเจ้าก้อนมอมแมมไม่ได้ลูบท้องเพราะหิว แต่เพราะรู้สึกถึงกลิ่นอายของเขาจึงลูบท้องต่างหาก
แม้กระทั่งหลับไปแล้ว เขาก็ยังไม่วายตรวจดูว่าท่านพ่ออยู่กับเขาหรือไม่ เจ้าก้อนมอมแมมคงจะชอบเขามาก ถ้าเช่นนั้น… เขาก็จะไม่ไปไหนก่อน ส่วนทางฝั่งเมืองชางอู๋…
ณ สำนักชางอู๋
หลังจากสังเกตการณ์มาเป็นเวลากว่าหนึ่งถ้วยชา สำนักชางอู๋สามารถยืนยันในเบื้องต้นได้ว่าในหลุมลึกนั่นยังมีทหารใต้บังคับบัญชาคุนอู๋ไม่น้อยที่รอดชีวิต ผู้แข็งแกร่งขั้นถอดจิตสามคนนั่นก็ยังไม่ตายตามคาด
เรื่องนี้ทำให้ประมุขหอสัตว์บรรพกาลรู้สึกไม่สบายใจนัก เขาพูดขึ้นว่า “ข้าขอเสนอให้เราส่งทหารใต้บังคับบัญชาปิดล้อมพวกเขาไว้ นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะจัดการพวกเขาให้สิ้นซาก!”
“ข้าไม่เห็นด้วย” ผู้อาวุโสรองพูด “พลังการต่อสู้ของกองทัพใต้บังคับบัญชาสำนักชางอู๋สู้พลังทหารที่หลงเหลือเหล่านั้นมิได้หรอก”
“ข้าไม่คิดเช่นนั้น เพียงแค่…” ในขณะที่เยี่ยนหงชวนเอ่ย จิตเหนือสำนึกของเขาก็มองข้ามกองกำลังคุนอู๋ที่พ่ายแพ้ไปตั้งนานแล้ว เขารับรู้ถึงกองกำลังจำนวนมากกลุ่มหนึ่งมาจากทางเหนือ
ทว่าเขาในตอนนี้ยังไม่มั่นใจว่ากองกำลังที่มานั้น เป็นกองกำลังพันธมิตรหรือศัตรู เขาต้องตรวจสอบที่มาของกองกำลังชุดนี้ให้แน่ชัดจึงสามารถตัดสินใจได้ว่าควรมีคำสั่งส่งกองกำลังออกไปหรือไม่
สำนักหมอหลวง…