เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 128 วิชาอัญเชิญวิญญาณอันชั่วร้าย
เหล่าชั้นผู้ใหญ่สำนักชางอู๋มองเม่ยเอ๋อร์ตาเบิกโพลงด้วยความตกตะลึง
หากไม่มีเสียงร้องเมื่อครู่นี้ พวกเขาคงไม่เชื่อคำพูดของเม่ยเอ๋อร์ แต่เสียงหงส์ร้องที่ปรากฏเมื่อครู่นี้เกิดขึ้นอย่างประจวบเหมาะจริงๆ
ในความเป็นจริงแล้ว หยางชีซานที่เฝ้าปรมาจารย์วิญญาณรู้สึกตกตะลึงและสะเทือนขวัญมากที่สุด เพราะว่ามีหงส์เพลิงขนาดเล็กตัวหนึ่งบินวนรอบๆ ต้นอู๋ถงจริงๆ
เดิมทีหยางชีซานคิดว่านี่เป็นเพียงภาพลวงตา แต่ครั้นเมื่อหงส์เพลิงตัวนี้ส่งเสียงร้องก็ทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่า หรือว่าหงส์เพลิงตัวนี้มีตัวตนอยู่จริงๆ มิใช่ภาพลวงตา?!
หยางชีซานไม่รู้ เขารู้เพียงว่าจิตวิญญาณประจำสำนักยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ความเร็วในการเติบโตของมันจะไม่ได้รวดเร็วเช่นเมื่อครั้นหงส์เพลิงสถิต แต่ก็มิได้หยุดสูงใหญ่ขึ้นเลย!
“ดูจากการเติบใหญ่เช่นนี้แล้ว ภายในหนึ่งวัน ต้นอู๋ถงคงสูงเท่าคนแล้ว! ผ่านไปอีกเพียงสิบวันหรือครึ่งเดือนก็คงสูงเท่าต้นอู๋ถงที่โตเต็มวัยแล้ว!” หยางชีซานคิดพลางรู้สึกหายใจติดขัด ขนลุกชันไปทั้งตัว ช่างน่าตื่นเต้นยินดีเหลือเกิน!
นี่ก็เป็นความเชื่อมั่นของเม่ยเอ๋อร์ แม้สำนักคุนอู๋จะส่งกองกำลังมาอีกสามหมื่นนายก็มิอาจทำลายเกราะคุ้มกันได้!
เม่ยเอ๋อร์รู้ดีว่า พลังวิญญาณธาตุไฟของหงส์เพลิงหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของชางอู๋อยู่ตลอดเวลา เมื่อฝ่ายหลังแข็งแกร่งขึ้น เกราะคุ้มกันย่อมแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
ในขณะนั้นเอง… หยางเทียนชื่อที่มิกล้าดูถูกสำนักชางอู๋อีก เขาคัดค้านความคิดของปู่เย่าเหลียนและวั่วปู้เหลยที่ให้จู่โจมด้วยการสร้างค่ายกลทะลวงอากาศธาตุสองลักษณ์อีกครั้ง
“เราไม่รู้ว่าหงส์เพลิงตัวนั้นจะปรากฏตัวอีกคราหรือไม่ หากมันปรากฏขึ้นอีก แม้ค่ายกลของเราจะแข็งแกร่งขึ้นสิบเท่าก็ไร้ประโยชน์!” หยางเทียนชื่อพูดพลางรักษาตัวเอง
ในขณะเดียวกัน หยางชีฮั่นผู้อาวุโสสิบหกแห่งสำนักคุนอู๋ที่นำกองหนุนสองหมื่นมาช่วยเหลือนั้นก็ลอบพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ถึงแม้เขาไม่ได้เข้าร่วมศึกก่อนหน้านี้ ทว่าเขาเองก็สัมผัสถึงอานุภาพของหงส์เพลิงตัวนั้นแล้ว! ถึงแม้ในยามนั้นเขายังอยู่ห่างจากที่นี่มาก แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการตัดสินของเขา เมื่อเขามาถึงที่ เขาก็ยิ่งมั่นใจในการตัดสินใจของตนเอง
หยางชีฮั่นรู้ดีว่าท่านประมุขสำนักสูงสุด ผู้พิทักษ์ธาตุไฟ ธาตุสายฟ้าและกองกำลังใต้บังคับบัญชาหนึ่งหมื่นนายแข็งแกร่งเพียงใด ทว่าการต้านทานการโจมตีครั้งนี้ต้องแลกด้วยการที่ผู้อาวุโสแปดถูกลักพาตัวและยังต้องสูญเสียกองกำลังถึงเจ็ดแปดส่วน
นี่คือความสามารถเช่นใดกัน หยางชีฮั่นยอมประเมินพวกเขาสูงเกินไปดีกว่าดูแคลนพวกเขา เพราะจุดจบของการดูแคลนศัตรูในสนามรบมีเพียงสิ่งเดียวคือ ตาย!
“เช่นนั้นทำอย่างไรดี จะยอมแพ้หรือ” ปู่เย่าเหลียนและวั่วปู้เหลยเข้าใจสถานการณ์ดี แต่พวกเขาไม่อยากยอมจำนน
ไม่เพียงพวกเขาที่ไม่ยอม หยางเทียนชื่อเองก็ไม่ยอมเช่นกัน! จะให้ยอมได้อย่างไร ในเมื่อสำนักคุนอู๋ส่งยอดผู้พิทักษ์สองนาย ศาสตราเวทสองชิ้น และตาเฒ่าอย่างหยางเทียนชื่อมาเพื่อให้สำเร็จตามแผนได้อย่างราบรื่น กองกำลังแข็งแกร่งเช่นนี้ แม้แต่สำนักเหยาไถเซียนยังต้องสะเทือน! แต่กลับไม่สามารถโจมตีสำนักธรรมดาๆ อย่างชางอู๋ได้?
ไม่! หยางเทียนชื่อไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เด็ดขาด! โดยเฉพาะตั้งแต่ที่วิญญาณสัตว์ของเขาแหลกสลายไปแล้ว เขายิ่งมิอาจยอมแพ้ได้! เขาจะมิยอมจำนนหากแค้นนี้มิได้ชำระ
ดังนั้น เมื่อหยางเทียนชื่อสงบอารมณ์ลงแล้วก็พูดขึ้นว่า “ให้กองกำลังอยู่ที่เดิมก่อน รอข้าพักฟื้นชั่วครู่”
“ท่านเจ้าสำนักสูงสุดมีแผนแล้วหรือขอรับ” ปู่เย่าเหลียนอดถามขึ้นไม่ได้
หยางเทียนชื่อพยักหน้า “ถึงครานั้นข้าขอยืมเวทพิทักษ์ของพวกเจ้า และข้าจะสูบฌานตบะครึ่งหนึ่งของทหารทุกนาย แต่ใช่ว่าพวกเขาจะไม่สามารถฟื้นคืนได้ น้องสิบหก เจ้าไปจัดการที”
“…ขอรับ!” หยางชีฮั่นลังเลครู่หนึ่ง เพราะเขาไม่รู้ว่าเจ้าสำนักสูงสุดต้องการทำอะไรถึงกับต้องสูบฌานตบะของทหารชั้นผู้น้อยเหล่านั้น ฟังดูแล้วรู้สึกราวกับเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายมาก แต่หยางเทียนชื่อบอกแล้วว่าสามารถฟื้นคืนได้ อีกทั้งตอนนี้สำนักคุนอู๋ของพวกเขาเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน…
หยางชีฮั่นมิอาจคิดได้เลยว่า หากหลังจากที่คุนอู๋ส่งกองกำลังเช่นนี้แล้วยังไม่สามารถเอาชนะสำนักชางอู๋ได้จะน่าอายเพียงใด ถึงครานั้นอย่าว่าแต่ทั่วทั้งต้าซย่าจะโกลาหลเพียงใดเลย แม้แต่ตำแหน่งหนึ่งในเจ็ดสำนักใหญ่แห่งต้าซย่าก็อาจสั่นคลอนได้…
หยางชีฮั่นที่คำนึงถึงปัญหาเหล่านี้ก็รู้ว่า ศึกครั้งนี้คุนอู๋ต้องชนะเท่านั้น!
ผ่านไปประมาณหนึ่งถ้วยชา หลังจากผ่านการรักษาด้วยยารักษาบาดแผลอันทรงพลัง หยางเทียนชื่อก็ฟื้นพลังสามส่วนแล้ว เขาลืมตาขึ้นและมองไปที่วั่วปู้เหลย ปู่เย่าเหลียนและหยางชีฮั่น “เตรียมพร้อมเถิด”
“ขอรับ! ท่านเจ้าสำนักสูงสุด” ปู่เย่าเหลียนและวั่วปู้เหลยไม่เหมือนหยางชีฮั่น พวกเขาพอจะรู้ว่าหยางเทียนชื่อจะทำอะไร ทำให้พวกเขาตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกหวาดหวั่นในใจเช่นกัน
ทว่าไม่ว่าปปู่เย่าเหลียนและวั่วปู้เหลยจะคิดอย่างไร หยางเทียนชื่อก็เริ่มเปิดศึกแล้ว!
หึ่ง!
สายหมอกสีดำเก้าสายก็กระจายออกไปรอบทิศจากตัวของหยางเทียนชื่อ มันปกคลุมกองหนุนคุนอู๋ที่จัดเรียงแถวเสร็จแล้วและทหารใต้บังคับบัญชาคุนอู๋ที่บาดเจ็บอีกห้าหกพันนาย
หึ่ง! หึ่ง…
หมอกที่แน่นหนาขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ก็ดึงความสนใจของเหล่าชั้นผู้ใหญ่สำนักชางอู๋ไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเม่ยเอ๋อร์ นางถึงกับจับดาบเล่มใหญ่ไว้แน่น! เพราะว่าเม่ยเอ๋อร์สัมผัสถึงกลิ่นอายอันตรายท่ามกลางหมอกดำกลุ่มนั้น และสัญชาติญาณของนางก็ได้รับการพิสูจน์อย่างรวดเร็ว!
พรึ่บ!
รูปร่างคล้ายผีเสื้อราตรีตัวหนึ่งปรากฏเหนือหมอกดำ แต่กลับเป็นผีเสื้อราตรีสีดำที่มีดวงตาขนาดใหญ๋สี่ดวงและมีหนวดมากกว่าผีเสื้อราตรีทั่วไป มันค่อยๆ ก่อตัวขึ้น…
“ผีเสื้อราตรีแดนนรก! จงออกมา…”