เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 139 บิดาของเจ้าก้อนมอมแมมคือใคร ตอนที่ 140 มาเท่าไร ทำลายเท่านั้น
- Home
- เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน
- ตอนที่ 139 บิดาของเจ้าก้อนมอมแมมคือใคร ตอนที่ 140 มาเท่าไร ทำลายเท่านั้น
ตอนที่ 139 บิดาของเจ้าก้อนมอมแมมคือใคร
ต้าซือมิ่งราชสำนักพลันขมวดคิ้ว เมื่อเขาคิดได้ว่าตามข่าวซุบซิบที่เขาได้ยินเมื่อครู่นี้ พ่อของเจ้าก้อนมอมแมมนั่นคือคนผู้นี้หรือ เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก
ความคิดนี้ทำให้ต้าซือมิ่งราชสำนักอารมณ์เสีย กระทั่งเขาอยากจะกำจัดพ่อที่ไม่คู่ควรของเจ้าก้อนน้อยคนนี้จนกลิ่นอายโมโหแผ่ซ่านออกมา
“ใคร!” กู้หยวนเหิงสะดุ้งตกใจเพราะกลิ่นอายอาฆาตอันรุนแรงที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นรอบตัว ทันใดนั้นป้ายกายสิทธิ์ที่อยู่กับเขาก็แตกกระจายดัง เพล้ง มันช่วยชีวิตกู้หยวนเหิงไว้ ก่อนจะสลายเป็นเถ้าถ่าน… ทำเอากู้หยวนเหิงได้แต่ตะลึงงัน
มิหนำซ้ำยังทำให้กู้หยวนหมิงที่เดินจากไปแล้วกลับมาอีกครั้ง เพราะว่าเขาสัมผัสถึงกลิ่นอายเฉพาะของป้ายกายสิทธิ์เช่นกัน เพียงแต่เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะเห็นป้ายกายสิทธิ์แตกสลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว
“นี่มัน…” กู้หยวนหมิงมองกู้หยวนเหิงด้วยความตะลึง
กู้หยวนเหิงที่เพิ่งตั้งสติได้ก็พูดขึ้นว่า “ข้า… ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่… เมื่อครู่นี้เหมือนกับว่ามีคนจะสังหารข้า! ป้ายกายสิทธิ์ช่วยข้าไว้”
กู้หยวนหมิงคุกเข่าลงเงียบๆ เขาต้องการหาเบาะแสบางอย่างบนป้ายกายสิทธิ์ที่แตกสลายไปแล้ว แต่เสียดายที่เขาไม่พบอะไรเลย
…
ในขณะเดียวกัน
“เอ๋?”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ตื่นขึ้นมา เขาก็ลูบท้องน้อยๆ ของตนเอง เพราะเขาไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของท่านพ่อรูปงามของเขาแล้ว “อ้ะเนะเนะ?”
“เสี่ยวเป่าหิวแล้วหรือจ๊ะ” เยี่ยนอวี๋จูบแก้มของเด็กน้อยเบาๆ ครั้นเมื่อนางกำลังจะให้พี่รองช่วยนำอาหารมาให้ก็ได้ยินเสียงรายงานขององครักษ์ในเขตหวงห้ามแจ้งว่าชุ่ยชุ่ยมาแล้ว
เยี่ยนชิงรีบอาสาไปดู เขาพูดขึ้นว่า “พ่อไปดูเอง!”
“เจ้าค่ะ” เดิมทีเยี่ยนอวี๋อยากจะบอกว่าให้องครักษ์นำอาหารเข้ามาก็ได้ ทว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่ากลับกอดแม่คนงามของเขาอย่างเศร้าเสียใจและทำตาปริบๆ “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ…” พ่อรูปงามไปอีกแล้ว! ทำไมพ่อรูปงามไปตลอดเลย!
ถึงแม้เยี่ยนอวี๋จะฟังไม่รู้เรื่องว่าเด็กน้อยพูดอะไรอยู่ แต่นางก็ดูออกว่าเด็กน้อยกำลังเสียใจ นางจึงถามด้วยความสงสัยว่า “เสี่ยวเป่าเป็นอะไรไปหรือจ๊ะ”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็ลูบท้องตนเองเบาๆ จากนั้นก็มุดศีรษะเข้าไปในอ้อมอกของมารดา และจับนางไว้แน่น “อ้ะเนะเนะ อ้ะเนะเนะ…”
“โอ๋ เสี่ยวเป่า” เยี่ยนอวี๋ลูบหลังของเด็กน้อยด้วยความสงสาร นางพลันรู้สึกเสียใจเมื่อคิดว่าเด็กน้อยคงหิวจนทนไม่ไหวแล้ว ก่อนหน้านี้น่าจะให้เด็กน้อยทานให้มากกว่านี้แล้วค่อยนอน แต่ตอนนั้นเขาก็ง่วงมากนี่นา
ทว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่าเสียใจอยู่ครู่หนึ่ง ลูกหนูตัวน้อยก็ไม่รู้มุดออกมาจากไหน มันเกาขาของเด็กน้อยเบาๆ “จี๊ดๆ!”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเตะเท้าสองสามที
ในขณะเดียวกัน เยี่ยนชิงก็นำอาหารเข้ามาแล้ว เยี่ยนอวี๋จึงรีบป้อนอาหารให้เด็กน้อย
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่มีอาหารให้กิน มีของให้เล่น และยังมีเยี่ยนอวี๋ที่คอยปลอบ เขาจึงไม่ได้หาท่านพ่อรูปของเขาอีกแล้ว เพราะเขาไม่ได้กลิ่นอายของพ่อรูปงามแล้ว และก็ไม่รู้ว่าควรหาเขาได้อย่างไร
หารู้ไม่ว่าพ่อรูปงามของเขากำลังโมโหงอนไม่พูดไม่จา ทว่าต้าซือมิ่งราชสำนักมิได้ห่วงแต่โมโห เขาใช้วิธีการของเขาให้คนไปสืบเยี่ยนเสี่ยวเป่าและท่านแม่ของเด็กน้อยแล้ว เพียงแต่ว่า…
“ข้าจะสนใจว่าพ่อของเจ้าก้อนมอมแมมคือใครไปทำไมกัน” ต้าซือมิ่งราชสำนักทำท่าเคาะอากาศเบาๆ เพื่อเก็บสารกลับมา เขามิได้ส่งออกไป
จากนั้นเขาก็กางม่านพลังข้างตัว ก่อนจะนำกระบี่ไท่ชางออกมา เขาอดคิดถึงมารดาของเจ้าก้อนมอมแมมไม่ได้ จากนั้นเขาก็นึกถึงกู้หยวนเหิงเจ้าคนอัปลักษณ์ ไร้ความสามารถ และสันดานเสียคนนั้น
อือ…
“แม่ของเจ้าก้อนมอมแมม ขออย่าตาต่ำเช่นนั้นเลย” ต้าซือมิ่งราชสำนักพึมพำกับตนเอง ก่อนจะเริ่มปลุกกระบี่ไท่ชาง ทันทีที่กระบี่ไท่ชางขยับ เยี่ยนอวี๋ที่อยู่ในเขตหวงห้ามชางอู๋ก็สัมผัสได้ทันที ทว่าความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเพียงวูบหนึ่งเท่านั้น นางไม่สามารถจับตำแหน่งได้เลย
เยี่ยนเสี่ยวเป่าตาเป็นประกายขึ้นมาทันที เขามองไปรอบข้าง “อ้ะเนะเนะ?” เหมือนกับว่าท่านพ่อรูปงามของข้ากลับมาอีกแล้ว?
“จี๊ด!” ลูกหนูตัวน้อยถือโอกาสขโมยกินซาลาเปาลูกหนึ่ง
ชุ่ยชุ่ยเป็นคนทำซาลาเปาลูกนั้น อร่อยและทานง่ายราวกับละลายในปากได้ เรียกได้ว่าเป็นซาลาเปา ‘เทพ’ ทั้งยังมีกลิ่นหอมละมุนของนมด้วย
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าโมโหทันที! เขากินของเหลวๆ มาหลายวันแล้ว วันนี้กว่าจะได้กิน ‘ข้าว’ ที่ไม่เหมือนเช่นเดิม เขากลับได้กินไปเพียงสองลูก ส่วนเจ้าลูกหนูกินไปสามลูก!
“จิ๊ด!” ลูกหนูยังตะกละตะกลามทำท่าจะขโมยกินลูกสุดท้ายที่อยู่ในจานอีก!
ทำเอาเยี่ยนเสี่ยวเป่าโมโหจนรีบเตะมันออกไป และรีบคว้าซาลาเปาขึ้นมายัดเข้าปากด้วยท่าทางคล่องแคล่วทันที…
“เจ้านี่นะ สกปรกจริงๆ” เยี่ยนอวี๋จิ้มหน้าผากเขาเบาๆ ก่อนจะเช็ดมือของเด็กน้อย
ในขณะนั้นเอง เยี่ยนหงชวนก็มีความเคลื่อนไหว รอบตัวของเขาแผ่ซ่านแสงสีแดงสะดุดตา
หึ่ง!
เงาร่างต้นอู๋ถงก็ปรากฏขึ้นข้างหลังเยี่ยนหงชวน มันสอดประสานกับปรมาจารย์วิญญาณสำนักจนส่องประกายแสงสีทองออกมา
“เริ่มขึ้นแล้ว!” เยี่ยนชิงตื่นเต้นดีใจ
เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้ว เพราะว่า…
ตอนที่ 140 มาเท่าไร ทำลายเท่านั้น!
เยี่ยนหงชวนยังคงสื่อสารกับต้นอู๋ถงด้านเดียวเท่านั้น ทั้งๆ ที่ต้นอู๋ถงมีวิญญาณหงส์เพลิงอยู่ด้วย เขา ‘เมินเฉย’ ต่อวิญญาณหงส์เพลิง
สำหรับเยี่ยนอวี๋แล้ว นี่คือการทำให้สรรพสัตว์ทั้งปวงสูญเปล่าอย่างสิ้นเชิง นางจึงสะกิดเตือน (สั่งสอน)ว่า “ท่านปู่ทวด เปิดใจของท่านให้กว้าง คำพูดที่ว่าหงส์เกาะบนต้นอู๋ถงเท่านั้น หมายถึงท่านสามารถอัญเชิญอู๋ถงและหงส์เพลิงออกมาพร้อมกันได้”
“ว่าไงนะ” เยี่ยนชิงตะลึงงัน เพราะเขาไม่เคยได้ยินวิธีการเช่นนี้!
เยี่ยนจื่อเสาก็ถามขึ้นว่า “ทำเช่นนี้ได้ด้วยหรือ เช่นนั้นวิญญาณที่อัญเชิญออกมาก็จะมีทั้งหงส์เพลิงและต้นอู๋ถงสองอย่างหรือ ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ใดสามารถเรียกวิญญาณสองประเภทออกมาพร้อมกันได้เลย…”
“ช่างไม่มีความรู้” เยี่ยนอวี๋กล่าว “ในตำราพื้นฐานผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าให้ท่านเขียนไว้ว่าผู้อัญเชิญวิญญาณศักดิ์สิทธิ์สามารถเรียกวิญญาณออกมาได้เพียงหนึ่งประเภทหรือ”
เยี่ยนจื่อเสารื้อฟื้นความทรงจำอย่างคนแก่เรียนและพูดขึ้นว่า “ก็ไม่มีนะ ในนั้นเขียนไว้ว่าหากมีความสามารถเพียงพอ จะสามารถสื่อสารกับวิญญาณประเภทที่สองต่อเมื่อเรียกวิญญาณประเภทที่หนึ่งออกมาสำเร็จแล้ว ประโยคนี้ไม่ได้หมายความว่า หากมีความสามารถเพียงพอก็จะสามารถอัญเชิญวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่าออกมาแทนได้หรอกหรือ อย่างเช่นข้าในตอนนี้สามารถเรียกวิญญาณจิ้งจอกขาวออกมาได้ แต่ในอนาคตเมื่อความสามารถของข้าเพิ่มขึ้นก็จะเรียกจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางออกมาได้ มิใช่หมายความเช่นนี้หรือ”
“ไม่ใช่ ความหมายของมันคือ พี่สามารถอัญเชิญวิญญาณประเภทที่สองออกมาได้ ภายใต้เงื่อนไขการสับเปลี่ยน พูดง่ายๆก็คือ ขอเพียงมีความสามารถเพียงพอ พี่ต้องการเรียกวิญญาณออกมากี่ประเภทก็ได้ แต่ระดับวิญญาณของจิ้งจอกสองประเภทนี้ไม่เหมือนกัน วิญญาณจิ้งจอกขาวจึงไม่สามารถปรากฏร่างพร้อมจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางได้ พี่สามารถอัญเชิญวิญญาณที่มีระดับวิญญาณขั้นเดียวกันออกมาพร้อมกันได้เท่านั้น” เยี่ยนอวี๋ไม่คิดว่าคนรุ่นหลังจะจำกัดความสามารถของนักอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์มากเพียงนี้
ความคิดของเยี่ยนชิงและเยี่ยนจื่อเสาที่ไม่เคยรู้เรื่องเหล่านี้ก็ถูกล้มล้างสิ้นเชิง!
“ทะ… ทำเช่นนี้ได้ด้วยหรือ…” เยี่ยนจื่อเสาไม่เคยคิดว่าสามารถทำเช่นนี้ได้ อาจารย์ที่สอนวิชาอัญเชิญวิญญาณในอดีตก็ไม่ได้สอนเช่นนี้นี่!
หรือ… หรือว่า…
“ท่านพ่อ หรือว่าอาจารย์อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ของสำนักชางอู๋สอนไม่ถูกต้อง แต่เท่าที่ข้ารู้มา นอกจากลัทธิเซิ่งเหลียนแล้ว ห้าสำนักใหญ่ที่เหลือก็เข้าใจตามที่เล่าเรียนมาว่าผู้อัญเชิญศักดิสิทธิ์หนึ่งท่านสามารถเรียกวิญญาณได้เพียงหนึ่งตนนี่ หรือว่าข้าได้ยินมาผิด หรือว่า…”
“ไม่หรอก เจ้ามิได้ยินผิด” เยี่ยนชิงพูดขัดเยี่ยนจื่อเสาที่กำลังสงสัยในตัวเอง ก่อนจะหันไปทางบุตรสาวสุดที่รักด้วยท่าทีจริงจัง “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เราจะไม่ให้คนนอกรู้เรื่องนี้ เรารู้กันเองก็พอแล้ว”
เยี่ยนอวี๋กลับไม่ใส่ใจนัก “รู้ไปก็ไม่เป็นไร ความสามารถของผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์โดยทั่วไปมิได้เก่งกาจนัก สามารถเรียกวิญญาณอสูรออกมาได้ตนหนึ่งก็ไม่ง่ายแล้ว หากทำอะไรเกินกำลังตนเองมีแต่จะถูกครอบงำและเสียสติ”
“พ่อมิได้หมายความเช่นนั้น พันหมื่นปีมา ในตำราพื้นฐานของผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์เขียนไว้ว่าผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์หนึ่งคนสามารถอัญเชิญวิญญาณได้เพียงหนึ่งตนเท่านั้น เจ้าอายุยังน้อย ผู้อาวุโสหัวแข็งบางคนมิอาจเปิดใจรับได้” เยี่ยนชิงพูดเกลี้ยกล่อมไม่หยุด เขาไม่กลัวเรื่องใดนอกจากผู้อาวุโสในสำนักศึกษาผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นที่อาจจะจ้องเล่นงานเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เขาเคยศึกษาเล่าเรียนในสำนักศึกษาจึงรู้ความน่ากลัวของผู้อาวุโสหัวแข็งเหล่านั้นดี
“เจ้าค่ะ” เยี่ยนอวี๋ตอบสั้นๆ
ทว่าเยี่ยนชิงคิดว่าลูกสาวสุดที่รักยังคงไม่ใส่ใจ เขาจึงพร่ำบ่นต่อไป หวังให้ลูกสาวจดจำขึ้นใจ
เยี่ยนอวี๋กลับพูดขัดขึ้นว่า “ท่านพ่อดูท่านปู่ทวดสิ”
หวีด!
เยี่ยนหงชวนที่จู่ๆ แผ่ซ่านกลิ่นอายของหงส์เพลิงออกมาก็ดึงดูดความสนใจของเยี่ยนชิงไปทันที เขาเห็นรอบตัวของท่านปู่ของเขานอกจากจะมีเงาร่างต้นอู๋ถงแล้ว ยังมีเงาอสูรหงส์เพลิงด้วย! ทำเอาเขาเบิกตาโพลงด้วยความตะลึง ถึงแม้เงาอสูรหงส์เพลิงยังจางมากก็ตาม แต่กลับปรากฏขึ้นแล้วจริงๆ!
นี่มัน…
“เร็วเช่นนี้เลยหรือ”
เยี่ยนชิงพูดอย่างเหลือเชื่อ “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เจ้า… เจ้าไม่ใช่เพิ่งจะ… เพิ่งจะสะกิดเขาหรือ”
“ท่านปู่ทวดมีความสามารถไม่น้อย เพียงแค่ความคิดของเขาถูกจำกัดไว้เท่านั้น” เยี่ยนอวี๋กลับไม่รู้สึกแปลกใจ
ต้นอู๋ถงและวิญญาณหงส์เพลิง ปรมาจารย์วิญญาณสำนักชางอู๋ในขณะนี้เองก็แผ่ซ่านพลังจิตวิญญาณเจิดจ้าไปทางเยี่ยนหงชวน เยี่ยนหงชวนที่อยู่ถูกที่ถูกเวลานั้น ทำให้เขาสานสัมพันธ์กับหงส์เพลิงได้อย่างรวดเร็ว ขอเพียงเขาทำต่อไป ในไม่ช้าเขาก็จะผูกจิตเป็นหนึ่งกับหงส์เพลิง และสามารถอัญเชิญวิญญาณหงส์เพลิงออกมาได้ในวันข้างหน้า
โดยพื้นฐานแล้ววิญญาณหงส์เพลิงเหมือนกับเทพอสูรหงส์เพลิง พวกมันมาจากพลังวิญญาณของหงส์เพลิง หากต้องบอกว่ามีตรงไหนไม่เหมือนกันน่ะหรือ จากการคาดเดาของเยี่ยนอวี๋ ความแตกต่างก็คือวิญญาณหงส์เพลิงที่อยู่ร่วมกับปรมาจารย์วิญญาณนี้ ท้ายที่สุดจะนำร่างเดิมหงส์เพลิงออกมาได้! เนื่องจากที่นี่มีต้นไม้ศักดิสิทธิ์เช่นต้นอู๋ถง เพียงแต่ว่า…
“ไม่รู้จะทันหรือไม่” เยี่ยนหวี๋มองไปที่เยี่ยนหงชวนที่กำลังเลื่อนขั้น นางสัมผัสได้ถึงกองกำลังราชสำนักที่มาจากทางทิศเหนือที่บัดนี้ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว
เยี่ยนอวี๋รู้ว่าต้องเป็นผลจากที่ตาแก่คุนอู๋ไปรายงานราชสำนัก อันที่จริงก็เป็นผลลัพธ์ที่นางต้องการ นางต้องการทำลายล้างกองทัพราชสำนักจากทิศเหนือและกองทัพคุนอู๋จากชานเมืองตอนเหนือให้สิ้นซากพร้อมกัน ทว่าในแผนการของเยี่ยนอวี๋ นางต้องการกำจัดคนสำนักคุนอู๋ก่อน แล้วจึงค่อยกำจัดกองทัพราชสำนัก เพราะว่าสำนักชางอู๋มีกำลังไม่เพียงพอ แต่บัดนี้…
ฟู่!
หวีด!
จู่ๆ เสียงร้องหงส์เพลิงก็ดังขึ้นพร้อมกับเงาศักดิ์สิทธิ์ของต้นอู๋ถงที่กำลังแผ่ขยาย ในขณะที่เยี่ยนอวี๋กำลังกล่อมเด็กน้อยพลางครุ่นคิด มันก็สว่างไสวไปทั่วทั้งบริเวณ
ปัง!
จู่ๆ ก็เกิดปรากฏการณ์งดงามบนท้องฟ้าเหนือสำนักชางอู๋
หวีด…
หงส์เพลิงเจิดจรัสพราวแสงและต้นอู๋ถงสีทองงามอร่ามก็ปรากฏกลางอากาศเหนือเมืองชางอู๋พร้อมกัน แสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วทุกทิศจนทิ่มแทงดวงตาของกองทัพที่กำลังเคลื่อนทัพมาจากทางทิศเหนือ!
นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น…