เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 192 ฌาปนสถาน ตอนที่ 193 เลวดีนัก
ตอนที่ 192 ฌาปนสถาน!
เยี่ยนจื่อเสา เอ้อร์เหมาและอินหลิวเฟิงที่ปรากฏตัว พวกเขาต่างกระโดดลงไปในแม่น้ำอย่างไม่ลังเล และก็ถูกดีดออกมา ‘ทีละคน’
เยี่ยนจื่อเสากระวนกระวาย “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์!”
“เกิดอะไรขึ้น?” สีหน้าอินหลิวเฟิงดูไม่ดีเช่นกัน “ลงไปตรวจสอบไม่ได้แล้วหรือ”
“คุณหนูใหญ่ไม่ให้พวกเราลงไป” เม่ยเอ๋อร์พูดซ้ำอีกครั้ง สีหน้ายังคงไม่สู้ดีนัก “รอก่อนเถอะ”
“แล้วเสี่ยวเป่าล่ะ” เยี่ยนจื่อเสาอดถามไม่ได้ “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์พาลงไปด้วยหรือ พวกเราลงไปไม่ได้สักคน แต่นางกลับพาเสี่ยวเป่าลงไป จะไหวหรือไม่”
“ประเด็นคือพวกเราเฝ้าพ่อคุณทูนหัวไว้ไม่อยู่” อินหลิวเฟิงรู้ตัวดี “ทว่าเมื่อครู่นี้เหมือนกับว่าข้าจะได้กลิ่นอายของต้าซือมิ่ง เขาลงไปด้วยแล้วใช่หรือไม่”
“ใช่แล้ว” อินสวินอี้ที่ไม่รู้ว่ามาถึงตั้งแต่เมื่อใด เขาก็ยืนยันการคาดเดาของบุตรชาย “ต้าซือมิ่ง ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน และก็ลู… แค่ก แล้วก็เด็กคนนั้นลงไปกันหมดแล้ว” เกือบไปแล้ว เกือบหลุดปากเสียแล้ว!
อินสวินอี้เว้นจังหวะไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อไปว่า “สถานการณ์ในยามนี้อันตรายนัก อั้นหยวนเจ้ากลับสำนักไปก่อน เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ส่วนหลิวเฟิงเจ้าก็อย่าอยู่ที่นี่เลย จงไปค่ายใหญ่หนานซาน เอ้อร์เหมาเจ้าตามไปด้วย”
จวินอั้นหยวนสีหน้าพลันเปลี่ยน “ท่านอ๋องคิดว่า อุทกภัยครั้งนี้อาจจะกระทบค่ายใหญ่หนานซานหรือ”
“อืม…” อินหลิวเฟิงกำลังจะตอบ ใต้แม่น้ำเย่ว์หมิงกลับมีเสียงระเบิดดัง ตูม ดังกว่าเดิม เกลียวคลื่นแม่น้ำราวกับเหล่าสัตว์ป่าคืบคลานออกจากใต้แม่น้ำออกมาปรากฏตัวสู่โลกมนุษย์
“รีบไปเร็วเข้า!” อินสวินอี้ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
กรรร…
เสียงที่ดังออกมาจากแม่น้ำเย่ว์หมิงราวกับเสียงขู่คำรามเกรี้ยวกราดของสัตว์ร้าย ก่อนที่มันจะกลายเป็นศีรษะมังกรศีรษะหนึ่งในเวลาต่อมา ตามด้วยเสียงก้องดัง ครืน ประหนึ่งเสียงฟ้าร้องดังออกมาจากแม่น้ำ เมืองโยวตูทั้งเมืองสั่นสะเทือนราวกับว่าผืนแผ่นดินจะถูกพลิก
“ให้ตายเถอะ!” จวินอั้นหยวนหายวับไปจากที่เดิมทันทีเขารู้ว่าสถานการณ์รุนแรงกว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก เพราะว่าเขามองเห็นเกลียวคลื่นที่กลายเป็นศีรษะมังกร
มันคือศีรษะแห่งมังกรในตำนานที่เป็นผู้กุมต้นกำเนิดของน้ำ มันสามารถสร้างคลื่น เรียกลมเรียกฝน สร้างอุทกภัยทำลายล้างโลกและเปลี่ยนสีของแม่น้ำได้อย่างฉับพลัน!
“ข้าไปด้วย!” อินหลิวเฟิงพาเอ้อร์เหมาไปอย่างว่องไว
ทว่าทั้งสองยังไปได้ไม่ไกล ศีรษะแห่งมังกรที่ก่อตัวจากคลื่นยักษ์ก็ไม่สามารถพุ่งขึ้นกลางอากาศ มันยังถูกดึงลงไป?
“นี่มัน…” อินสวินอี้ชะงัก
นัยน์ตาเม่ยเอ๋อร์มีแสงประกายวาบผ่าน “คุณหนูใหญ่แน่นอน!”
“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์?” เยี่ยนจื่อเสาไม่ค่อยอยากเชื่อ
อินสวินอี้กลับคิดว่าน่าจะเป็นฝีมือของต้าซือมิ่งท่านนั้นมากกว่า
แต่แล้ว…
“ลงมา”
เสียงตวาดเบาๆ ดุจเสียงดนตรีดังออกมาจากใต้แม่น้ำเย่ว์หมิง ศีรษะมังกรที่ล่าถอยและหายไปในทันทีอย่าง ‘ขี้ขลาด’ ก็พิสูจน์แล้วว่าเม่ยเอ๋อร์พูดได้แม่นยำนัก
อินสวินอี้ “…”
“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์จริงๆ หรือนี่” เยี่ยนจื่อเสาตะลึงงัน
ลูกหนูตัวน้อยที่ห้อยอยู่บนตัวของเม่ยเอ๋อร์ก็ตะลึง “!” ท่านแม่คนงามนั่นเก่งกาจจริงๆ โชคดีที่เขาสำรวมตัวมาตลอด ไม่ได้ทำให้นางโกรธ
อินสวินอี้กลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว “จะว่าไปแล้ว คุณหนูใหญ่ของพวกเจ้ามาจากที่ใดกันแน่”
“ที่ที่เก่งที่สุด!” เม่ยเอ๋อร์ตอบอย่างภาคภูมิ “รอหน่อยเถอะ คุณหนูใหญ่จะคุมอุทกภัยได้เร็วๆ นี้ หากต้าซือมิ่งนั่นไม่เข้ามายุ่งเสียก่อน”
“…หึ” อินสวินอี้นอกจากยิ้มเล็กน้อยแล้วก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
เยี่ยนจื่อเสาวางใจลงไม่น้อย ไม่ว่าอย่างไร มีน้องเล็กที่เก่งย่อมดีกว่ามีน้องเล็กที่อ่อนแอ ดูท่าตัวแปรเดียวในตอนนี้ก็คือต้าซือมิ่งท่านนั้นแล้ว
“ท่านอ๋อง ต้าซือมิ่งท่านนี้เป็นศัตรูหรือมิตรกันแน่ขอรับ” เยี่ยนจื่อเสาอยากรู้มาก
“มิตร!” อินสวินอี้ตอบอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด!
เม่ยเอ๋อร์กลับไม่เชื่อ “หวังว่าเป็นเช่นนั้น”
ไม่เพียงแต่นางไม่เชื่อ เยี่ยนอวี๋ที่อยู่ใต้น้ำก็ไม่เชื่อ
ต้าซือมิ่งก็ไร้คำพูดเมื่อเขาพบกว่าเขาเองก็ถูกมารดาของเจ้าก้อนมอมแมม ‘กีดกัน’ ไว้แล้ว เขาถูก ‘กีดกัน’ ด้วยชั้นของกระแสน้ำที่เลือนราง
“…กันข้าไว้เช่นนี้เลยหรือ” นัยน์ตาประกายสีม่วงของต้าซือมิ่งหรี่ลงเล็กน้อย จากนั้นใต้ตาของเขาก็มีแสงสีม่วงส่องออกมา ทำให้เขาเห็นแม่ลูกคู่นั้นที่อยู่ใต้แม่น้ำได้อย่างชัดเจน
“อ้ะเนะ! อ้ะเนะเนะ” เด็กน้อยยังโบกมืออวบอ้วนของตนเองไปทางท่านพ่อของเขาอย่างที่เขาสัมผัสได้ หากไม่ใช่เพราะถูกท่านแม่ของเขาอุ้มไว้ เด็กน้อยคงว่ายไปหาแล้ว
ต้าซือมิ่งที่มั่นใจแล้วว่าแม่ลูกคู่นี้ไม่เป็นอะไร มุมปากของเขาก็เผยอยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เขามองไปที่เยี่ยนอวี๋ที่อุ้มเด็กน้อยไว้ แต่บัดนี้ฝ่ายหลังหันหลังให้เขา
ทว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่ากำลังตบลำคอของท่านแม่ “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ…” ท่านแม่ ท่านแม่! ท่านพ่อรูปงามน่ะ เหมือนกับว่าจะเป็นท่านพ่อรูปงามที่ตามเสี่ยวเป่ามา…
“มาแล้วหรือ” เยี่ยนอวี๋ลูบศีรษะโล้นน้อยๆ ของเด็กน้อย ก่อนจะเบนความสนใจไปจากหลุมดำที่อยู่ตรงหน้า นางจึงสัมผัสถึงกลิ่นอายของต้าซือมิ่งที่ไม่หลบซ่อนแล้ว
แม้เยี่ยนอวี๋จะตกใจเล็กน้อย แต่นี่ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร นางส่งเสียงไปทางต้าซือมิ่งว่า “ในเมื่อมาแล้วก็ลงมาเถอะ”
ตอนที่ 193 เลวดีนัก!
เสียงอันนุ่มนวลดั่งเสียงดนตรีของเยี่ยนอวี๋ดังสะท้อนเข้าไปในใจของต้าซือมิ่งทันที ทำให้เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ทว่าในเสียงของเยี่ยนอวี๋ยังมีพลังลึกลับซ่อนอยู่ด้วย
เมื่อพลังลึกลับสัมผัสต้าซือมิ่ง ‘ถนน’ อันเลือนรางสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้น มันลอยอยู่ระหว่างต้าซือมิ่งและหลุมดำที่อยู่ข้างหน้าเยี่ยนอวี๋
ทันใดนั้น…
ตูม!
หมอกสีดำไหลทะลักออกมาจากหลุมดำ มวลหนาทึบพร้อมกลิ่นเหม็นของมันพุ่งเข้าใส่ต้าซือมิ่งทันที! ทำเอาเยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เห็นเหตุการณ์ตกใจ “อ้ะเนะ!”
“เสี่ยวเป่าไม่กลัวนะ” เยี่ยนอวี๋ตบหลังจองเด็กน้อยเบาๆ ก่อนจะหันไปมองต้าซือมิ่งที่ถูกหมอกหนาปกคลุมคนนั้น มุมปากนางเผยอยิ้ม “ถือเป็นดอกเบี้ย”
“อ้ะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าจับเสื้อของท่านแม่ของเขาไว้ด้วยความกังวล “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ?…” ท่านแม่ ท่านแม่ นั่นคือของที่ไว้จับท่านพ่อรูปงามหรือ
ทว่าครั้งนี้เยี่ยนอวี๋ที่เข้าใจตรงกับเด็กน้อยใน ‘เบื้องต้น’ แล้ว นางก็ตอบว่า “น่าจะจับเขาไม่ได้ แต่ก็ทำให้เขาหนีไปไหนมิได้และไม่สร้างปัญหา”
“อ้ะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่เข้าใจ ทว่าเขาก็ไม่มีเวลาครุ่นคิดแล้ว เพราะพลังของต้าซือมิ่งเล็ดลอดออกมาจากกลุ่มมวลหมอกสีดำแล้ว แซ่ด แสงสีม่วงพันกันเป็นตาข่ายหนาแน่นก่อนจะค่อยๆ คลุมหมอกสีดำไว้
“อ้ะเนะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าชี้ไปด้วยความตื่นเต้นทันที “อ้ะเนะเนะ…” ท่านพ่อรูปงามจะออกมาแล้ว
“ไม่เลว แข็งแกร่งพอ” เยี่ยนอวี๋พยักหน้าอย่างพึงพอใจ นิ้วเรียวขาวดั่งหิมะของนางก็เคาะไปที่หลุมดำที่อยู่ข้างกาย แสงสีม่วงเข้มปรากฏขึ้นเหนือหลุมดำ ก่อนจะรวมตัวเป็นลายเส้นแสงแห่งดาวเหนือเจ็ดดวง
วิ้ง’!
วื้งๆ!…
ความเคลื่อนไหวไร้ที่มาปะทุขึ้นพร้อมกัน!
ผ่านไปครู่หนึ่ง ม่านหมอกสีดำส่งกลิ่นเหม็นก็ทะลักออกมาจากหลุมดำราวกับน้ำป่าไหลหลาก และมันก็พุ่งไปทางต้าซือมิ่งประหนึ่งฝูงหมาป่าที่โหยหิวกำลังจะกัดกินเขา
เห็นได้ชัดว่าหมอกหนาเมื่อครู่นี้นั้นเป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อย หมอกที่ทะลักออกมาในยามนี้ถึงเป็น ‘อาหารจานหลัก’ ที่เยี่ยนอวี๋มอบให้ต้าซือมิ่ง
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตะลึงงัน หากไม่ใช่เพราะมีม่านบางๆ ชั้นหนึ่งคุ้มกันเขาออกจากน้ำในแม่น้ำไว้ อาการตะลึงงันของเขาคงทำให้เขาสำลักน้ำจนร้องไห้ไปแล้ว
ต้าซือมิ่งที่ติดอยู่ในมวลหมอกหนาแน่นและเหม็นนั้นก็แสดงสีหน้าเหยเกเล็กน้อย เพราะว่ามวลหมอกนี่เหม็นมากจริงๆ! กลิ่นของมันเหม็นราวกับปลาเค็มที่บูดจนส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยว
“…ดังนั้น ข้าได้นางแล้วทิ้งจริงๆ?” ต้าซือมิ่งแสดงสีหน้าประหลาด เขาไม่รู้ว่าควรแสดงความคิดในใจของตนอย่างไร ตัวเขาเองมั่นใจเต็มร้อยว่าเขาไม่เคยปฏิบัติไม่ดีกับผู้ใด เพราะว่าเขาเป็นพรหมจารี! พรหมจารี! พรหมจารี! คำสำคัญต้องพูดย้ำสามครั้ง…
ทว่าคำยืนยันนี้ช่างอ่อนแอและซีดเซียวเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาในฉบับย่อคนนั้น ยิ่งเมื่อคิดถึงสัมผัสพิเศษระหว่างเขาและเด็กน้อย คำยืนยันก็ยิ่งไร้น้ำหนัก
“หรือว่าข้าต้องกลับไปตำหนักซือมิ่งอีกครั้งเพื่อสำรวจตนเอง” ต้าซือมิ่งราชสำนักที่ตกอยู่ในความคิดแปลกประหลาด ตาของเขาพลันกระตุก เขาไม่คิดเลยว่าเขาต้องสำรวจร่างพรหมจารีของตนในวันหนึ่ง?
อืม…
เมื่อต้าซือมิ่งราชสำนักที่มีอารมณ์ความคิดประหลาดได้เผชิญเหตุการณ์น่าอัศจรรย์ใจเหล่านี้ ใบหน้าของเขาก็แสดงอาการพูดไม่ถูก อาการพูดไม่ถูกเหล่านี้ยังทำให้เขานึกขึ้นได้ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้ามารดาของเจ้าก้อนมอมแมม เขาควรเอ่ยปากพูดอะไรเป็นคำแรก
“ข้า ทำอะไรเจ้าไปใช่หรือไม่”
“เจ้าก้อนน้อยคือลูกของข้า?”
“พวกเรา…”
ก่อนหน้านี้ต้าซือมิ่งคิดเพียงว่าเขาต้องมารับเด็กน้อยเป็นลูก ทว่าบัดนี้เขาเพิ่งคิดได้ว่าเขาอาจจะตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก โดยเฉพาะเมื่อท่านแม่ของเด็กน้อยจำทุกอย่างได้ มีเพียงเขาที่จำอะไรไม่ได้เลย
ซึ๊ด ต้าซือมิ่งพลันรู้สึกปวดฟันขึ้นมา สำหรับเขาที่ควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างได้นั้น นี่ย่อมไม่ใช่ประสบการณ์ที่ ‘ดี’ เท่าไรนัก! เขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบเกินไป…
ทว่าไม่ว่าอย่างไร เขาในตอนนี้ก็ทำได้เพียงยอมรับ ‘บททดสอบ’ ที่มารดาของเด็กแจกให้ ‘บททดสอบ’ ที่ไม่ธรรมดาเท่าไรจนทำให้เขาอดแสดงสีหน้าอย่างคนหมดหนทางออกมาไม่รู้ตัว
หมอกหนาส่งกลิ่นเหม็นที่กำลังกัดกร่อนเกราะคุ้มกันของต้าซือมิ่งที่กำลังเหม่อลอยอยู่นั้น ท้าทายโรครักความสะอาดของต้าซือมิ่งไม่หยุด เมื่อเขาตั้งสติขึ้นได้ เขาก็ค่อยๆ รวบรวมพลังจนกลายเป็นแสงสว่างเจิดจ้าอันน่ากลัวชั้นหนึ่ง!
ผ่านไปเพียงครู่หนึ่ง…