เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 213 เจ้าเป็นฝ่ายเกี้ยวพาสำเร็จแล้วทิ้งขว้างหรือ
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่แต่เดิมคิดว่าท่านพ่อหายไปอีกแล้ว เขาอยากร้องไห้จริงๆ ก็ในเมื่อก่อนหน้านี้ท่านพ่อบอกไว้ว่ารอให้ท่านแม่เสร็จธุระแล้วจะมาอุ้มเขา ผลคือ… ท่านพ่อรูปงามเกือบจะหายไปอีกแล้ว!
“อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่จะร้องไห้เมื่อครู่นี้เปลี่ยนสีหน้ายิ้มร่า เขาส่งเสียงร้องไปทางท่านพ่อรูปงามของเขาไม่หยุด เพื่อเร่งให้ท่านพ่อของเขารีบมาอุ้มเขาได้แล้ว! ส่วนเรื่องอื่นๆ เขาไม่สนใจหรอก
เด็กน้อยจึงไม่รู้ว่าท่านแม่ของเขากำลัง ‘เหม่อลอย’ ไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของเขา และยิ่งไม่ได้ยินเสียง ‘เนะๆๆ’ ของเขาแม้แต่น้อย เพราะว่าตั้งแต่จังหวะที่เยี่ยนอวี๋กระโดดออกมาจากกลางอากาศ นางก็ถูกกู้หยวนซูดึงดูด ‘ความสนใจ’ ไปทันที ในความทรงจำของนางมีภาพมากมายผุดขึ้นมา มันช่างชัดเจนและต่อเนื่อง! นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทว่าเยี่ยนอวี๋รู้ว่าทั้งหมดนี้คือความทรงจำของแม่นางน้อยเยี่ยนจื่ออวี๋ เป็นความทรงจำของชาติปางก่อนที่ถูกสตรีชุดขาวตรงหน้าคนนี้เรียกคืนมา!
“ที่แท้นางก็คือกู้หยวนซู” เยี่ยนอวี๋จัดเรียงภาพความทรงจำที่ไหลทะลักเข้ามาในอนุสติอย่างไม่ขาดสายจึงรู้ว่าสตรีตรงหน้าคนนี้คือกู้หยวนซูจริงๆ และก็คือเหนียงเหนียงคนนั้นจริงๆ ด้วย
ที่แท้แล้ว เมื่อเยี่ยนจื่ออวี๋รู้ว่าพี่ชายทั้งสองท่านของนางถูกตัดสินให้แขวนคอตาย นางเคยขอร้องให้ท่านลุงกู้หยวนหมิงช่วยนาง นางอยากช่วยพี่ชายสองท่านของนาง และด้วยเหตุนี้นางยอมแลกด้วยเคล็ดวิชาลับของชางอู๋!
ที่แท้เคล็ดวิชาลับชางอู๋คือหนึ่งในสินเดิมของเยี่ยนจื่ออวี๋
ที่แท้ถึงแม้สำนักคุนอู๋จะทำลายสำนักชางอู๋ไปก็ไม่เคยได้เคล็ดวิชาลับชางอู๋ เพราะเคล็ดวิชาลับนั่นอยู่ที่เยี่ยนจื่ออวี๋ และอันที่จริงตัวนางเองก็ไม่รู้
“…”
ในภาพความทรงจำที่คลี่คลายออกเรื่อยๆ เยี่ยนอวี๋ได้ยินชัดเจนว่าแม่นางน้อยขอร้องกู้หยวนหมิงอย่างไร เหตุที่นางไม่ได้ไปหากู้หยวนเหิงก็คงเป็นเพราะสิ้นหวังในตัวเขาเป็นอย่างมาก
ส่วนกู้หยวนหมิง สำหรับแม่นางน้อยแล้วเขาเป็นเพียงคนเดียวที่อาจจะช่วยนางได้ ท้ายที่สุดก็ถือได้ว่านางทำสำเร็จแล้วล่ะ เพราะว่ากู้หยวนหมิงช่วยนางไว้จริงๆ เขาเป็นคนพานางเข้าไปในวังหลัง ในเมื่อกู้หยวนหมิงไม่มีสิทธิ์ห้ามปรามเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่แล้วกู้หยวนซูผู้แอบซ่อนจิตมารเอาไว้ นางย่อมไม่ช่วยเหลือแม่นางน้อยผู้ไร้หนทางด้วยความบริสุทธิ์ใจ เยี่ยนอวี๋จึง ‘เห็น’ ภาพในความทรงจำ ครั้นแม่นางน้อยวิ่งไปที่ประตูเมืองแล้วเห็นศพในสภาพน่าเศร้าสองศพ…
ชั่วขณะนั้นเอง… เยี่ยนอวี๋รู้สึกถึงความเจ็บปวดรวดร้าว! แม่นางน้อยที่ถูกต้อนจนมุมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถูกแก่งแย่งชิงดีซ้ำแล้วซ้ำเล่าและถูกหลอกลวงซ้ำแล้วซ้ำเล่า… ทำให้เยี่ยนอวี๋เจ็บปวดใจจนนางหายใจติดขัด!
ทว่าก็เป็นเพราะสถานการณ์ที่บีบบังคับเช่นนี้ แม่นางน้อยผู้ไม่มีอะไรเลยจึงคลุ้มคลั่ง นางกรีดร้องโหยหวนหน้าประตูเมืองจนสวรรค์ต้องสั่นคลอน!
สวรรค์สั่นคลอนจริงๆ…
ที่แท้เคล็ดวิชาลับชางอู๋อันอยู่ในจิตวิญญาณของแม่นางน้อย
นางคือหงส์!
นางคืออู๋ถง!
นางคือผู้กล้าที่ถึงแม้จะถูกยึดพลังไป แต่ยังคงสามารถปลุกพลังวิญญาณให้ตื่นได้ในสถานการณ์เช่นนี้
ดังนั้น… นางจึงได้กลับมาเกิดใหม่ อีกทั้งก่อนที่นางจะกลับมาเกิดใหม่ นางยังทำลายเมืองหลวงจนสูญสิ้น! นางปล่อยเพลิงของหงส์เพลิงแท้ออกมา ทำให้เมืองหลวงลุกไหม้เจ็ดวันเจ็ดคืน
ทว่าไฟที่ลุกโชนเจ็ดวันเจ็ดคืนนี้ก็ใช้พลังจิตวิญญาณของเยี่ยนจื่ออวี๋มากเกินไป ดังนั้นถึงแม้นางจะเกิดใหม่ก็ตาม ท้ายที่สุดก็พ่ายแพ้แก่จิตวิญญาณที่อ่อนแอเกินไป นางจึงมิอาจมีลมหายใจอยู่ต่อไปได้
แน่นอนว่าก็เป็นเพราะจิตวิญญาณของเยี่ยนจื่ออวี๋อ่อนแอเกินไป เยี่ยนอวี๋จึงได้มาจุติ
…
ความจริงถูกเปิดเผย
ความจริงอันขมขื่น
ความจริงที่นองเลือด
…
เยี่ยนอวี๋ยังไม่ทันได้หลุดจากสามโลกอีกครั้งเพื่อ ‘ดู’ ความจริง บัดนี้เพราะการมาของกู้หยวนซู ความทรงจำทั้งหมดก็หลั่งไหลเข้าไปในอนุสติของนางทันที มันช่างชัดเจนและโหดร้ายนัก เยี่ยนอวี๋สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดและความสิ้นหวังทั้งหมดบนร่างกายชาติที่แล้วของตนจาก ‘ความทรงจำ’ ที่หลั่งไหลมาไม่หยุดเหล่านี้
กู้หยวนเหิง กู้หยวนซู สำนักชางอู๋ จักรพรรดิหยวนคัง อาจจะมีผู้มีอำนาจคนอื่นอีกมากมายเป็นผู้ก่อโศกนาฏกรรมเยี่ยนจื่ออวี๋ โศกนาฏกรรมของตระกูลเยี่ยนแห่งสำนักชางอู๋ รวมทั้งโศกนาฏกรรมของทั้งสำนักชางอู๋
เยี่ยนอวี๋จำเป็นต้องสูดหายใจเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ลง
ทว่าไม่ว่านาง ‘เห็น’ ไปมากแค่ไหน สีหน้านางยังคงเหมือนเดิม นางมองสายตาของกู้หยวนซูแน่นิ่ง ไม่มีแม้กระทั่งแววอาฆาตปรากฏให้เห็น มีเพียงความเงียบดุจน้ำนิ่งเท่านั้น
ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางกำลังคิดอะไร ทว่านางเองก็ไม่รู้ว่าในขณะที่นาง ‘มอง’ กู้หยวนซูอยู่นั้น ก็มีใครอีกคนหนึ่งกำลังจ้องนางเขม็งเช่นกัน!
แน่นอนว่าสำหรับเยี่ยนอวี๋ในยามนี้แล้ว อาจจะเป็นเพราะมีสายตาหลายคู่จับจ้องมองนางอยู่ นางจึงไม่รู้ตัวว่าต้าซือมิ่งก็กำลังมองนางอยู่เช่นกัน
ต้าซือมิ่งที่ปรากฏตัวอย่างสง่างามกลางอากาศ เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะไม่ถูกมองแม้เพียงเสี้ยวสายตาหรือกระทั่งหางตาของเยี่ยนอวี๋ ทว่าต้าซือมิ่งก็ไม่ได้สนใจนัก เพราะเขาเองก็กำลังตกตะลึง “เจ้าเองหรือ…”
ต้าซือมิ่งที่ไม่เคยคิดว่ามารดาเด็กน้อยมีหน้าตาอย่างไร เขาก็ไม่คิดเลยว่าสตรีนางนี้จะมีหน้าตาเหมือนปฐมราชินีหยวนชูเช่นนี้ อีกทั้งความเหมือนกันนี้ยังเหมือนกันตั้งแต่ภายในจนถึงภายนอก ทั้งรูปร่างหน้าตา การแต่งตัว จนถึงลมปราณและท่าทาง!
นี่มัน… คนคนเดียวกันชัดๆ
มิน่าเล่านางจึงได้รับมรดกตำหนักไท่ชางอย่างง่ายดาย
มิน่าเล่านางจึงสามารถทำให้กระบี่ไท่ชางยอมรับใช้นาง
มิน่าเล่ามังกรโบราณจึงยอมให้นางทำตามอำเภอใจ
มิน่าเล่าผนึกโบราณที่อยู่ใต้น้ำ นางจึงพลิกได้ง่ายๆ
…
ที่แท้นางก็คือนางผู้เป็นปฐมราชินีหยวนชูแห่งตำหนักไท่ชาง เทพีสร้างโลกแห่งสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ผู้ปกครองสี่สมุทรแปดพิภพ
ที่แท้ก็คือนาง
ไม่คิดเลยว่าจะเป็นนาง
ต้าซือมิ่งหรงที่รู้สึกมหัศจรรย์ใจมากนัก เขาก็มองเยี่ยนอวี๋อย่างตั้งใจ เขารู้สึกชื่นชมนางจากใจ ตัวจริงนางงดงามกว่าภาพฉายจากหินสามมิติมากนัก ที่สำคัญคือนางยังเป็นมารดาของบุตรตนด้วย
เขาและนางมีอะไรกันจริงๆ หรือ เหตุใดเขาจึงจำไม่ได้เลย หรือว่าปฐมราชินีหยวนชูท่านนี้กระทำเรื่องมิงามต่อเขา
หรือว่า…
“!” เมื่อคิดว่าตนอาจเป็นคนที่ถูกกระทำแล้วทิ้ง ต้าซือมิ่งผู้มีมาดสง่าดั่งท่านเซียนและมีหน้าตาสูงส่งดุจเทพก็ค่อยๆ แข็งเกร็ง
สิ่งนี้ยิ่งทำให้ต้าซือมิ่ง ‘พยายาม’ ขุดความทรงจำมากขึ้น เขาคิดว่าเขาต้องจำให้ได้! เขาต้องรู้ว่าเขาและมารดาของเด็กน้อยเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
ดังนั้น…
ศึกสงครามที่แต่เดิมจะเริ่มขึ้นพลันหยุดชะงักลง เพราะการปรากฏตัวของลูกพี่ทั้งสองท่าน จากนั้นพวกเขาก็งงงวยเมื่อพบว่าลูกพี่ของตนกำลังเหม่อลอย?
“คุณหนูใหญ่?” เม่ยเอ๋อร์เรียกเบาๆ นางสัมผัสถึงกลิ่นอายพลังสังหารจางๆ ภายใต้สีหน้าสงบนิ่งของคุณหนูใหญ่ของตน
สิ่งนี้ทำให้เม่ยเอ๋อร์ที่มีสัมผัสไวต่อพลังสังหารหัวใจสั่นสะท้าน และทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน! ในที่สุดก็เปิดศึกฆ่าไม่ยั้งได้แล้วใช่หรือไม่
เม่ยเอ๋อร์มองคุณหนูใหญ่ของตนอย่างตั้งตารอ…
“กูไหน่ไน?” อินหลิวเฟิงคิดว่าเยี่ยนอวี๋สนใจกู้หยวนซู เขาจึงกล่าวแนะนำนางว่า “สาวงามที่เจ้ามอง โอ้ ไม่สิ เซ่าซือมิ่งคนนั้น นางก็คือกู้หยวนซู พี่คนโตของชุนซิ่นจวิน”
น่าเสียดายที่ไม่ว่าเม่ยเอ๋อร์จะเรียก หรืออินหลิวเฟิงจะพูดอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้เยี่ยนอวี๋ตื่นจากภวังค์ได้ นางยังคงจมอยู่ในภาพความทรงจำเหล่านั้น ไม่อาจถอนตัวได้ ความพะวงถึงดึงรั้งให้นางไปสัมผัสทุกสิ่งด้วยตนเอง ทำให้นางไม่สามารถหลุดจากภาพความทรงจำได้ แม้นางจะได้ยินเสียงคนข้างกายก็ไม่สามารถถอนตัวออกมาได้
แน่นอนว่า หากนางยินยอม นางย่อมบังคับตนเองให้หลุดออกมาได้ ทว่านางไม่อยากทำเช่นนั้น นางรู้ว่าความพะวงถึงที่ทำให้นางได้เห็นและสัมผัสอย่างตั้งใจนั้น คือความพะวงถึงของร่างกายร่างนี้ คือความพะวงถึงของเยี่ยนจื่ออวี๋ในชาติก่อน
นางยอมคล้อยตามความพะวงถึงเช่นนี้ และเต็มใจที่จะไปสัมผัสความเจ็บปวดและความสิ้นหวัง หากเป็นไปได้ นางอยากไปลูบแม่นางน้อยที่กำลังกรีดร้องและระเบิดอารมณ์แผดเผาทุกสิ่งอย่างต่อเนื่องอยู่หน้าประตูเมืองตี้ชิว นางอยากโอบกอดและปลอบประโลมแม่นางน้อย บอกนางว่า “ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว อย่าสิ้นหวัง อย่าร้องไห้เลย ข้ามาแล้ว ให้ข้าช่วยเจ้าเถิด…”
เสียดายที่ถึงแม้เยี่ยนอวี๋จะสามารถหลุดออกจากสามโลกอีกครั้งเพื่อไปอยู่ข้างกายเยี่ยนจื่ออวี๋ตามที่ต้องการ ทว่านางก็ทำได้เพียงอยู่ในร่างกายของแม่นางน้อย คอยรับรู้ทุกสิ่ง ไม่สามารถโอบกอดหรือปลอบประโลมเด็กน้อยคนนี้ได้เลย
“กรี๊ด…”
เยี่ยนอวี๋ได้แต่มองเยี่ยนจื่ออวี๋ที่กำลังแผดเผาตนเองจนมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน นางรับรู้ถึงความเจ็บปวดจากการถูกฉีกและแผดเผาทีละน้อยตั้งแต่วิญญาณจนถึงร่างกาย
แม่นางน้อยเอ๋ย…
เยี่ยนอวี๋ได้แต่ทอดถอนใจ
และในขณะที่เยี่ยนอวี๋ตกอยู่ในภวังค์อยู่นานแสนนานนั้น เด็กน้อยเยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เป็นห่วงเป็นใยก็ลูบหน้าของนาง “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ? อ้ะเนะเนะ…” ท่านแม่ ท่านแม่! เป็นอะไรไปหรือขอรับ อึ้งในความงามของท่านพ่อรูปงามหรือขอรับ…
น่าเสียดายที่ท่านแม่ของเขายังไม่ได้มองท่านพ่อรูปงามแม้เพียงหางตาเลย นางเอาแต่มอง ‘สาวงามกู้’ ตรงหน้า ทว่ากู้หยวนซูที่ถูกนางมองกลับรู้สึกถึงความผิดปกติแล้ว
กู้หยวนซูมั่นใจว่าสตรีที่งดงามจนทำให้นางอิจฉาตรงหน้าคนนี้กำลังมองนาง ส่วนเหตุผลก็น่าจะเป็นเพราะนางรู้ตัวตนที่แท้จริงของนางแล้ว และกำลังคิดว่านางเป็นศัตรูหัวใจ? ในเมื่อต้าซือมิ่งเอาแต่มองสตรีที่อุ้มเด็กไว้ มิหนำซ้ำยังเหม่อมมองอยู่เช่นนั้น… สตรีคนนี้ต้องยั่วยวนต้าซือมิ่งไปแล้วแน่ๆ!