เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 217 เรียกพ่อให้ฟังอีกครั้งซิ
ต้าซือมิ่งที่ถูกตามล่าอยู่ข้างหน้าเองก็ถอนหายใจ “รวดเร็วไม่เบา”
“อ้ะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกท่านพ่ออุ้มไม่ค่อยเข้าใจ “อ้ะเนะเนะ?” เหตุใดไม่รอท่านแม่คนงามเล่า?
ต้าซือมิ่งหรงมองเจ้าก้อนน้อยที่นานๆ ทีจะสุกใสงามงดในอ้อมอก เขาเข้าใจสิ่งที่เจ้าตัวน้อยจะสื่อ ทว่าเขาต้องทำบางอย่างก่อนมิใช่หรือ
“ต้องรออีกสักหน่อยนะ ถึงจะให้ท่านแม่ของเจ้าจับเราได้” ต้าซือมิ่งหรงตัดสินใจก่อนจะหายตัวไปจากบริเวณจุดบรรจบของแม่น้ำลั่วสุ่ยและแม่น้ำเย่ว์หมิง แสงสีม่วงมลายหายไปในทันที
ฟิ้ว!
เยี่ยนอวี๋ที่ตามมาถึงที่นี่ก็ไม่อาจสัมผัสกลิ่นอายของต้าซือมิ่งได้อีก “บัดซบ!”
หลังจากสูดหายใจเข้าลึกแล้ว นางก็นั่งขัดสมาธิลงก่อนจะเรียกกระบี่ไท่ชางออกมา นางดูสงบเยือกเย็น แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านางมั่นใจว่าจะจับตัวต้าซือมิ่งได้แน่นอน
ส่วนต้าซือมิ่งที่ ‘หนี’ มาแล้ว เขาก็หยุดพักในกระท่อมกลางหุบเขาที่ห้อมล้อมไปด้วยเมฆหมอกราวกับเป็นดินแดนสวรรค์
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ากลับไม่สนใจบรรยากาศรอบตัว เขาชี้ไปข้างหลังพลางส่งเสียงร้อง “อ้ะเนะเนะ! อ้ะ…” ท่านแม่คนงามยังไม่ได้ตามมาเลย!
“เดี๋ยวนางก็ตามมา อย่าได้เป็นห่วง” ต้าซือมิ่งหรงมั่นใจในตัวท่านแม่ของเด็กน้อย หลังจากที่เขาอุ้มเด็กน้อยเข้าไปในกระท่อม เขาก็อยากวางเจ้าตัวน้อยลง แต่เยี่ยนเสี่ยวเป่าคว้าท่านพ่อไว้ด้วยความระแวงทันที “อ้ะ!”
ทำเอาต้าซือมิ่งพ่นเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ และก็ทำให้เขายกมือขึ้นลูบศีรษะโล้นน้อยๆ ของเด็กน้อย สัมผัสนั้นช่างนุ่มลื่นและอบอุ่น จนเขาชะงักเล็กน้อย “ไม่ต้องห่วง ไม่ทิ้งเจ้าหรอก”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ายังคงจับเสื้อของท่านพ่อไว้แน่น เขาไม่เชื่อ!
ต้าซือมิ่งหรงก็มิได้ฝืนทำต่อไป เขาอุ้มเด็กน้อยไว้พร้อมกับนั่งขัดสมาธิลง ก่อนจะวางเด็กน้อยลงบนตักเพื่อที่เขาจะได้ตั้งใจมองเด็กน้อยดีๆ เสียที
“อ้ะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกวางอยู่บนตักก็งุนงง เขาสบสายตาท่านพ่อของเขา
พวกเขาสบตากันเช่นนี้อยู่นานพอสมควร ก่อนที่ต้าซือมิ่งจะถอนหายใจอีกครั้ง “เหมือนกันเช่นนี้ เหตุใดตอนที่ข้าพบเจ้าครั้งแรกจึงไม่เห็นนะ” ถึงแม้ตอนนั้นเด็กน้อยจะตัวสกปรกมาก แต่เขาก็ควรดูออกมิใช่หรือ
ช่างเหมือน!
เหมือนจริงๆ!
นอกจากไม่มีผมและดวงตาไม่เป็นสีม่วงแล้ว ส่วนที่เหลือก็เหมือนเขาทุกประการ ดูก็รู้ว่าเป็นทายาทของเขา! เหตุใดก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ตัวเลยเล่า!
“อ้ะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่รู้ว่าท่านพ่อกำลังคิดอะไร แต่เขาชอบให้ท่านพ่อลูบศีรษะมาก เขาจึงถูไถฝ่ามือใหญ่ของท่านพ่อ มือของท่านพ่อรูปงามใหญ่จังเลย!
ต้าซือมิ่งหรงที่ถูกถูไถก็ยิ้มเบาๆ นิ้วเรียวยาวของเขาอดหยิกเจ้าก้อนนุ่มนิ่มตัวนี้อย่างเบามือมิได้ “ไหนเรียก ‘พ่อ’ อีกครั้งสิ”
“เอ๋?” เยี่ยนเสี่ยวเป่ากะพริบดวงตากลมโตของเขา ราวกับกำลังย้อนความทรงจำ
ผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็ลองเปล่งเสียงออกมาอีกครั้ง “…พอ?”
ต้าซือมิ่งหรงขมวดคิ้ว “ไม่ใช่พอ ออกเสียงว่าพ่อ ลองอีกครั้งสิ”
“…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่อึกอักอยู่ครู่หนึ่งก็เปล่งเสียง “พอ?”
ต้าซือมิ่งหรง “…”
คำว่า ‘พ่อ’ ที่ชัดถ้อยชัดคำเมื่อครู่นี้หายไปไหนแล้วล่ะ?
“อ้ะเนะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าหมดความพยายาม เขากลิ้งเข้าไปในอ้อมอกของท่านพ่อของเขา ไม่เอ่ยปากพูดอีก ศีรษะของเขาก็ถูหน้าท้องของท่านพ่อ(ตัวเล็กเกินไป ถูไม่ถึงหน้าอก) ทุกๆ การกระทำของเขาเอ่อล้นไปด้วยความรัก
ต้าซือมิ่งลูบเด็กน้อยเบาๆ ท่าทางของเขาต่างจากครั้งแรกๆ ที่กลัวว่าจะทำให้เจ้าก้อนน้อยเปราะแตก คงเป็นอย่างที่เขาว่า ครั้งแรกมือใหม่ ครั้งที่สองคุ้นเคย ครั้งที่สาม… มือฉมัง?
ถึงอย่างไรเด็กน้อยก็เป็นลูกของเขา ย่อมแข็งแกร่งไม่เบา ครั้งที่แล้วถูกสาดเช่นนั้นยังไม่เป็นอะไร สมแล้วที่เป็นลูกโดยแท้ของเขา ว่าแต่ตระกูลเฉานั่นสูญสิ้นไปหรือยังนะ เดี๋ยวต้องไปตรวจสอบดูแล้วว่ามีใครหนีรอดไปได้หรือไม่
ต้าซือมิ่งหรงที่กำลังใช้ความคิดอยู่นั้น เจ้าก้อนน้อยในอ้อมอกของเขาก็เริ่มนิ่ง เขาหลุบตาลงมองจึงพบว่าเด็กน้อยกลิ้งไปมาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะง่วงหงาวหาวนอน
“หาววว…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าอ้าปากหาวหวอด เขาง่วงแล้วจริงๆ เพราะตลอดทั้งวันนี้ก็ทำให้เขาเหนื่อยมาก บัดนี้เมื่อร่างกายได้ผ่อนคลายและรู้สึกสงบลง เขาก็อยากหลับสักงีบ ยิ่งเมื่อเขาได้กลิ่นหอมๆ จากตัวท่านพ่อก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกอยากนอน… ง่วงจังเลย…
แต่ว่า! จู่ๆ เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็สะดุ้งจับท่านพ่อของเขาไว้ เขาพยายามเบิกตาตนเองอีกครั้ง จากนั้นก็เงยหน้ามองท่านพ่อของเขา เมื่อมั่นใจว่าท่านพ่อของเขายังอยู่ เขาก็ค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกายลง แต่กลับไม่กล้าหลับตา
เมื่อต้าซือมิ่งเห็นท่าทางเช่นนี้ เขาก็ขมวดคิ้วเป็นปมและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ง่วงก็นอนเถิด พ่อไม่ไปไหนหรอก ต่อไปก็จะไม่ไปไหนอีกแล้ว”
“หา?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่หาวพลางตั้งคำถาม เขาก็มองท่านพ่อของเขาอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก
ต้าซือมิ่งหรงยกมือขึ้นมาลูบศีรษะโล้นน้อยๆ ของเด็กน้อย จู่ๆ ก็รู้สึกผิดขึ้นมา ก่อนหน้านี้ไม่ควร ‘ทิ้ง’ เด็กน้อยคนนี้เลย ยิ่งไม่ควร ‘ลบ’ ความทรงจำของเด็กน้อยคนนี้ ทำให้เด็กน้อยเข้าใจผิดว่าครั้งที่สองที่เจอเขาเป็นเพียงความฝัน
“พ่อสัญญา พ่อจะไม่จากไปไหนอีกจนกว่าเจ้าจะโต” ต้าซือมิ่งหรงที่กำลังลูบเด็กน้อยเบาๆ แม้เขายังไม่มั่นใจว่าเด็กน้อยมาจากไหน แต่เขาก็ให้คำสัญญาไปแล้ว
เยี่ยนเสี่ยวเป่ามองท่านพ่อของเขาอย่างงัวเงียก่อนจะผล็อยหลับไป
ต้าซือมิ่งยิ้ม รอยยิ้มนั้นช่างบางเบาและอ่อนโยนราวกับดวงดาวที่พร่ามัว แม้จะไม่สว่างแต่ก็สดใสมีเสน่ห์
ทว่าเขายิ้มได้เพียงไม่นานก็สัมผัสได้ว่ามารดาของเด็กน้อยเคลื่อนไหวแล้ว
“ถึงกับใช้กระบี่ไท่ชางที่ข้าเคยใช้ตามหาข้า” ต้าซือมิ่งหรงกุมขมับ ไม่คิดว่ามารดาของเขาจะฉลาดเช่นนี้ แต่ก็ไม่แปลก ในเมื่อนางเป็นถึงปฐมราชินีหยวนชู
ทว่าก่อนนางจะมาถึง เขาต้อง ‘เก็บหลักฐาน’ เสียก่อน ถึงแม้เขาจะมั่นใจว่าเจ้าก้อนน้อยตัวนุ่มนิ่มในอ้อมอกคนนี้เป็นลูกของตัวเขาหรงอี้จริงๆ แต่เขาเชื่อว่าหากไม่มีหลักฐานแน่ชัด ปฐมราชินีหยวนชูท่านนั้นไม่เชื่อแน่นอน มิเช่นนั้นเหตุใดนางต้องลบความทรงจำของเขาทิ้ง อืม… ถึงแม้เขายังไม่มั่นใจว่าถูกลบความทรงจำไปจริงๆ หรือไม่ก็ตาม
ถึงอย่างไรตามที่เขาคำนวณ เขามิได้สูญเสียความทรงจำไป อย่างน้อยหากคำนวณจากลำดับเวลาแล้วก็มิได้เป็นเช่นนั้น ครานั้นหลังจากที่เขาเข้าไปในสำนักชางอู๋ เขาตรงไปยังเขตต้องห้ามของสำนักชางอู๋ทันที มิได้พบผู้ใด จุดเชื่อมต่อของทุกช่วงเวลานี้ไม่มีความผิดปกติใดๆ
แต่นี่ก็คือปัญหาที่ใหญ่ที่สุด! หากทุกอย่างเชื่อมโยงกันทั้งหมดแล้วลูกมาจากไหนกัน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ต้าซือมิ่งก็จับมืออวบอ้วนของเสี่ยวเป่าที่กำลังหลับปุ๋ย “ในเมื่อเป็นพ่อลูก เลือดของเราสองคนย่อมเหมือนกัน ผลตรวจย่อมเป็นหลักฐานที่มีน้ำหนักมากที่สุด ดูซิว่านางจะปฏิเสธอย่างไร ว่าไหม ลูกพ่อ”
“คร่อกฟี้…” มีเพียงเสียงกรนของเด็กน้อยขานตอบต้าซือมิ่งหรง เจ้าตัวน้อยหลับไม่สนฟ้าดินไปนานแล้ว
แน่นอนว่า ต้าซือมิ่งก็มิได้ต้องการให้เด็กน้อยตอบจริงๆ เขาค่อยๆ ใช้นิ้วกรีดลงบนมือของเด็กน้อยอย่างเบามือ เขาเจาะเลือดหยดเล็กๆ ออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
ถึงแม้เขารู้ว่าลูกของตน ‘ถึกทน’ แต่เมื่อลงมือจริงๆ ต้าซือมิ่งก็ยังคงรู้สึกประหม่า กลัวว่าตนจะพลั้งมือทำเด็กน้อยของตนเป็นอะไรขึ้นมา
ทว่าความเป็นไปได้นี้เป็นศูนย์ ในเมื่อรูที่ต้าซือมิ่งเจาะลงไปนั้นเล็กกว่าปลายเข็มเสียอีก…!
และในขณะที่ต้าซือมิ่งหรงกำลังปฏิบัติการอยู่นั้น ทางเยี่ยนอวี๋ก็มีความเคลื่อนไหวแล้วจริงๆ นางพบสถานที่ของเจ้าโจรขโมยลูกแล้ว นางจึงลุกขึ้นและตามล่าเขาต่อไป
เยี่ยนอวี๋หายวับไปในทันที นางตามกลิ่นอายอันลึกลับท่ามกลางความว่างเปล่าไปก่อนจะหายวับไปทางต้อตอของกลิ่นอายด้วยความเร็วสูง
ทว่าถึงแม้จะใช้ความเร็วเพียงใด เยี่ยนอวี๋ก็ยังคงมิอาจวางใจได้ “สารเลวนั่นขโมยเสี่ยวเป่าครั้งแล้วครั้งเล่า ต้องมีจุดประสงค์แอบแฝงแน่ๆ”
เมื่อมีความคิดเช่นนี้ ความหงุดหงิดที่เยี่ยนอวี๋พยายามอดกลั้นไว้ก็กลั้นไว้ไม่อยู่อีกต่อไป ทำให้กระบี่ไท่ชางที่รับรู้ถึงอารมณ์ของนางส่งเสียง วิ้ง เบาๆ
“เจ้า…” เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้ว
กระบี่ไท่ชางส่งภาพภาพหนึ่งเข้าไปในอนุสติของเยี่ยนอวี๋ ที่แท้กระบี่ไท่ชางที่เคยอยู่กับต้าซือมิ่งระยะเวลาหนึ่งสามารถสัมผัสถึงเขาได้ในระยะที่จำกัด รู้ได้ว่าเขากำลังทำอะไร มิหนำซ้ำยังสามารถฉายเป็นภาพให้เยี่ยนอวี๋ ‘ดู’
เยี่ยนอวี๋จึงเห็นว่าต้าซือมิ่งกำลังเจาะเลือดของลูกนาง
ครานี้เอง…
“คนชั่วช้า!”
เยี่ยนอวี๋โกรธเกรี้ยว!
ซี้ด!
ต้าซือมิ่งหรงที่กำลังเจาะเลือดตนเองพลันเสียววาบ เขารู้สึกราวกับมีพลังสังหารจากทุกสารทิศทะลวงเข้าไปทุกอณูผิวของเขา จากนั้นเขาก็ตบหน้าผากเมื่อนึกขึ้นได้ว่า “กระบี่ไท่ชาง!”
กระบี่นั่นแอบมองเขา! และยัง ‘เล่า’ เรื่องเหล่านี้ให้มารดาของเด็กน้อยด้วย
ช่างน่า…
“ช่างปะไร ผลเลือดจะเป็นหลักฐานอันหนักแน่นดั่งขุนเขา”
ต้าซือมิ่งหรงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก เขานำเลือดของเด็กน้อยหยดหนึ่งที่เจาะออกมาแล้วผสานเข้ากับเลือดของตน จากนั้น…
“ไอ้เดรัจฉาน!”
เสียงตวาดเดือดดาลของเยี่ยนอวี๋ดังกึกก้องไปทั่วผืนพิภพ!
ซี้ดดด…