เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 221 แอบหลอกภรรยา
เถาวัลย์สีดำขนาดใหญ่ลำปล้องราวกับมีอักษรโบราณระยิบระยับ มันคืบคลานออกมาจากความว่างเปล่าจู่โจม ‘ครอบครัว’ เยี่ยนอวี๋ด้วยความหิวกระหาย
วิ้ง!
กระบี่ไท่ชางตั้งตัวได้ทันที! ทว่าไหวพริบการปกป้องเจ้านายของมันก็ยังไม่เร็วเท่าต้าซือมิ่งหรง แสงสีม่วงเจิดจ้าที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของเขาทำลายเถาวัลย์แปลกประหลาดที่จู่โจมพวกเขาไม่เหลือชิ้นดี
“…”
แสงสีม่วงเจิดจ้าอันแข็งแกร่งไร้เสียงนั่นพุ่งออกมาจากบริเวณที่เยี่ยนอวี๋ยืนอยู่ มันพุ่งไปรอบทิศในความว่างเปล่า ทำเอาเถาวัลย์ถูกเข่นฆ่าจนส่งเสียงร้องอย่างน่าสังเวช
“มันคือตัวอะไร” นัยน์ตาเยี่ยนอวี๋เคร่งขรึม นางสัมผัสถึงกลิ่นอายจางๆ ที่คุ้นเคยจากเถาวัลย์เหล่านี้ “เจ้ารู้อะไรหรือ”
“รู้แล้วหรือ” หรงอี้ยิ้มบางๆ เขายกมือขึ้นก่อนจะยื่นไปข้างหน้าปฐมราชินีเยี่ยน “ข้าพาเจ้าไปดู”
เยี่ยนอวี๋เหลือบมองมือของเขา ไม่มีทีท่าว่าจะยื่นมือให้เขา นางเอ่ย “นำทาง”
ต้าซือมิ่งหรงที่ถูกปฏิเสธก็อยากลองอีกครั้ง ทว่าในยามฉุกเฉินเช่นนี้ เขาทำได้เพียงปล่อยแสงสีม่วงเจิดจ้าออกมารัดเอวอันบอบบางของปฐมราชินีเยี่ยนไว้
“เจ้า…” เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้ว!
ทว่าต้าซือมิ่งหรงมัดนางไว้หายวับไปจากที่เดิมแล้ว
เมื่อทุกอย่างรอบตัวชัดเจนอีกครั้ง เยี่ยนอวี๋ก็พบว่าพวกเขาลงไปอยู่ที่ใต้น้ำแล้ว
ต้าซือมิ่งหรงที่กางม่านแสงสีม่วงไว้รอบตัวเพื่อกั้นห้องไร้น้ำไว้ที่ใต้แม่น้ำเย่ว์หมิง เขาก็อธิบายว่า “เจ้าน่าจะสัมผัสได้ว่าเถาวัลย์เหล่านั้นมาจากที่นี่”
เยี่ยนอวี๋ไม่มีเวลาชำระบัญชีตอนนี้ เพราะจังหวะที่ลงมาถึงและตั้งสติได้ นางก็เดินสำรวจไปทางกลิ่นอายอันคุ้นเคยที่นางสัมผัสได้แล้ว
ผ่านไปครู่หนึ่ง…
“!”
เยี่ยนอวี๋หยุดมองไปที่ข้างหน้า นัยน์ตาของนางเป็นประกายเล็กน้อย
ท่าทีเฉียบแหลมเช่นนี้ของนางทำให้ต้าซือมิ่งคลายคิ้วที่ขมวดกันลงเล็กน้อย ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ฟังอย่างละเอียด “ก่อนจะไปเมืองชางอู๋ ข้าผ่านสถานที่แห่งนี้แล้วพบว่าแม่น้ำเย่ว์หมิงมีบางอย่างผิดปกติ มีคนใช้ประโยชน์จากค่ายกลผนึกวิญญาณอสูรของเจ้าและใช้หลักภูมิศาสตร์ของต้าซย่าสร้างค่ายกลมังกรปีศาจ มันเป็นต้นตอปัญหาอุทกภัยของโยวตูที่แท้จริง”
แม้เป็นเพียงประโยคสั้นๆ แต่ข้อมูลก็ครบถ้วน ทำให้เยี่ยนอวี๋คิ้วกระตุกสองสามครั้ง และก็ทำให้นางมองใบหน้าด้านข้างของต้าซือมิ่งอย่างไม่รู้ตัวอยู่หลายหน
ต้าซือมิ่งที่รับรู้ถึงสายตาของนางก็กระตุกยิ้มมุมปาก เขาหันหน้ามามองนาง อยากให้ปฐมราชินีเยี่ยนมองเขาให้นานเสียหน่อย แต่เสียดายที่ฝ่ายหลังเคลื่อนสายตาไปทางอื่นแล้ว “เจ้ารู้เยอะจริงๆ”
“อย่างเช่น?” หรงอี้เลิกคิ้วถาม
“ข้าเป็นคนผนึกแดนมืดวิญญาณอสูร” เยี่ยนอวี๋ตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แฝงด้วยความน่าเกรงขาม “เจ้ารู้ตั้งแต่เมื่อใด”
“เจ้าทายสิ” หรงอี้ไม่ตอบแต่ถามกลับ
เยี่ยนอวี๋ไม่สนใจเขา นางเดินไปทางที่นางพบว่ามีสิ่งผิดปกติ
หรงอี้ลอบถอนหายใจ ทำได้เพียงกล่าวตามตรง “ตั้งแต่ที่ข้าพบเจ้า เจ้าไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย”
“แต่ข้าไม่รู้จักเจ้า” เยี่ยนอวี๋ชะงักฝีเท้า ก่อนจะมองผู้ชายที่อยู่ข้างๆ อีกครั้ง “หากข้าเคยเจอเจ้า ข้าย่อมจำได้”
“เช่นนั้นหรือ” ต้าซือมิ่งเองก็หยุดเดิน เขาเลิกคิ้วพลางถามเสียงสูงเล็กน้อย “ข้าทำให้เจ้าจดจำตราตรึงใจ?”
เยี่ยนอวี๋พลันรู้สึกเขาเป็นคนพิลึก ก่อนจะก้าวเท้าเดินต่อไป “พลังของเจ้าต่างหาก”
“…อืม” ต้าซือมิ่งราชสำนักสะเทือนใจเล็กน้อย เขาชะงักลงครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามปฐมราชินีเยี่ยนไป “เจ้ายังไม่เคยเจอข้าจนถึงวันนี้”
เยี่ยนอวี๋ได้ยินดังนั้นก็รอให้เขาพูดต่อให้จบ
ต้าซือมิ่งเองก็ไม่ได้อุบไว้ “ข้าเคยเห็นเจ้าในภาพวาด”
เยี่ยนอวี๋กระจ่าง แต่ก็ยังไม่สามารถยืนยันตัวตันของคนๆ นี้ได้ ตามหลักแล้วถึงแม้จะเป็นภาพวาดของนางก็จะปรากฏแค่ในสวรรค์เก้าชั้นฟ้าและอาณาจักรเทพเจ้า หรือในเผ่าเทพเท่านั้น ทว่ากลิ่นอายของต้าซือมิ่งท่านนี้มิอาจข้องเกี่ยวกับทวยเทพองค์ใดที่นางรู้จักเลย ยิ่งไม่ใช่เทพที่อยู่ในขั้นเซียนบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า และเพราะสิ่งนี้เอง เยี่ยนอวี๋จึงระวังต้าซือมิ่งผู้ไร้ซึ่งที่มาเป็นพิเศษ! เขาไร้ตัวตน ทรงพลัง และทำตัวประหลาดนัก
“เจ้า…”
“ข้า…”
หลังจากที่เยี่ยนอวี๋เงียบไปครู่หนึ่ง นางก็เอ่ยปากขึ้นพร้อมกับต้าซือมิ่งหรง จากนั้นต้าซือมิ่งหรงก็หัวเราะเบาๆ พูดว่า “เจ้าพูดก่อน”
“เจ้าพบปัญหาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใด” เยี่ยนอวี๋มิได้ไต่สวนภูมิหลังของต้าซือมิ่งท่านนี้ต่อไป แต่นางกลับเปลี่ยนมาคุยปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้
ต้าซือมิ่งแสดงสีหน้าเสียดายเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจเบาๆ และตอบว่า “หนึ่งปีกับอีกสองเดือน”
“นานเพียงนี้แล้วหรือ…” เยี่ยนอวี๋ในบัดนี้ไม่รู้เลยว่าระยะเวลานี้เท่ากับเวลาที่นางตั้งครรภ์สิบเดือนและเสี่ยวเป่าอายุสี่เดือนพอดี
“อืม” ต้าซือมิ่งหรงตอบอย่างมีความนัย เขาเล่าต่อไปว่า “ในครานั้นข้ายังมิสามารถจัดการค่ายกลที่เจ้าทิ้งไว้ได้ บัดนี้เจ้าอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าน่าจะเห็นชัดเจนที่สุดว่าเกิดอะไรขึ้น”
เยี่ยนอวี๋มิได้ตอบ ความสนใจของนางถูกแนวปะการังในแม่น้ำดึงดูดไป ข้างหน้านางปรากฏ ‘ปะการัง’ ที่ปกคลุมไปด้วยอักษรโบราณสีเขียว ร่างของมันยังประกอบขึ้นจากเถาวัลย์ที่เลื้อยพันกัน
ปะการังมีขนาดกว้างหมื่นจั้ง มันตั้งอยู่บริเวณจุดบรรจบของแม่น้ำลั่วสุ่ยซึ่งเป็นส่วนที่ลึกที่สุดของแม่น้ำเย่ว์หมิง ขนาดของมันแทบจะกว้างเท่าแม่น้ำเย่ว์หมิง หากมีเรือแล่นผ่านที่นี่ย่อมชน ‘ปะการัง’ ได้อย่างง่ายดาย!
“ที่นี่เกิดภัยพิบัติทุกปี ต่างเชื่อว่าเป็นฝีมือของผีสาง ต้นตอของมันเหมือนว่าจะเกี่ยวโยงกับค่ายกลผนึกนั่นของเจ้า และมันยังยืมพลังของลูกน้องเจ้าสร้างปีศาจมังกร ทุกๆ ปีแม่น้ำเย่ว์หมิงทั้งสายจะถูกก่อกวน ต้นเหตุของอุทกภัยเกิดจากที่นี่ เมื่อปีที่แล้วข้าเพียงแค่ใช้ม่านพลังที่ถูกเจ้าฟันไปแล้วยับยั้งปีศาจนี้ไว้เพื่อไม่ให้มันแผลงฤทธิ์ชั่วคราว แต่ด้วยพลังที่ค่อยๆ สะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ของมันก็คงจะทำลายม่านพลังได้ในวันหนึ่ง แม้จะไม่ถูกเจ้าทำลายก็ตาม”
ต้าซือมิ่งจากราชสำนักทำหน้าที่เป็น ‘มัคคุเทศก์ท้องถิ่น’ เขาอธิบายให้เยี่ยนอวี๋ฟังอย่างละเอียด หากฉากนี้เกิดขึ้นในเมืองหลวง คงทำให้คนจำนวนมากตะลึงจนเบิกตาโพลงแน่นอน เนื่องจากตั้งแต่ที่ต้าซือมิ่งหรงท่านนี้ดำรงตำแหน่งซือมิ่ง เขาเป็นคนเย็นชาและเก็บตัวอยู่เสมอ ท่าทางของเขาเหมือนกับท่านเซียนที่ไม่สนใจคนธรรมดา เขาดูเข้าถึงง่ายและพูดคุยกับผู้คนมากมายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน
เยี่ยนอวี๋ไม่รู้เรื่องเหล่านี้ นางที่กำลังอุ้มเด็กน้อยที่กำลังหลับปุ๋ยมั่นใจว่าเถาวัลย์ที่พันกันยุ่งเหยิงเป็นกลุ่มก้อนตรงหน้านี้ไม่ได้ใช้พลังของเสี่ยวอิงเพียงอย่างเดียว
“มันก่อตัวจากร่างมังกรของเสี่ยวอิง” เยี่ยนอวี๋จ้องปะการังตรงหน้าเขม็ง “ผู้สร้างค่ายกลนี้มีพลังแข็งแกร่งมาก มันมีจิตใจชั่วร้าย และฝีมือเหี้ยมโหด!”
“ร่างมังกรหรือ” ต้าซือมิ่งหรงชะงักเล็กน้อย “ที่แท้คือร่างมังกร มิน่าล่ะ ข้าคิดว่าเป็นเพียงแค่การยืมพลัง แต่หากเป็นเพียงการยืมพลัง มันคงไม่เก่งกาจเช่นนี้ ซ้ำยังเกิดในความว่างเปล่าและควบคุมอวกาศได้ ทั้งที่อันที่จริงมีเพียงเทพเท่านั้นที่ควบคุมพลังแห่งกฎเกณฑ์ได้”
ต้องรู้ว่าความว่างเปล่าที่แท้จริงเป็นโลกอีกใบหนึ่งที่แยกตัวเป็นอิสระจากโลกแห่งความเป็นจริง มันก็เหมือนกับหยินหยางในโลกแห่งความเป็นจริง คนธรรมดาสามารถเรียกพลังจากความว่างเปล่าได้ แต่ไม่สามารถเข้าไปในความว่างเปล่าได้ ทว่าก่อนที่เถาวัลย์เหล่านี้จะจู่โจมพวกเขา พวกมันกลับไม่ส่งกลิ่นอายเล็ดลอดออกมาแม้เพียงน้อย ย่อมรู้ได้ว่ามันจู่โจมโดยการมุดออกมาจากความว่างเปล่า มิเช่นนั้นด้วยการรับรู้ของเยี่ยนอวี๋และหรงอี้ พวกมันคงถูกจับได้ตั้งแต่แรกแล้ว
ทว่าถึงแม้การจู่โจมเมื่อครู่ของพวกมันจะฉลาดอย่างไร แต่การจู่โจมเป้าหมายผิดก็ทำให้พวกมันสลายเป็นเถ้าถ่าน แม้แต่ ‘รัง’ ก็ถูกเปิดเผย
เถาวัลย์ที่เลื้อยพันกันดังสวบสาบ มันรู้ตัวว่าเยี่ยนอวี๋และต้าซือมิ่งเข้าใกล้พวกมันแล้ว แต่ผลของการจู่โจมเมื่อครู่นี้ทำให้พวกมันไม่กล้าบุ่มบ่ามอีก
ด้วยเหตุนี้เยี่ยนอวี๋รู้ว่า “มันยังมีความนึกคิดด้วย”
“เจ้าอยากช่วยมันหรือ” ต้าซือมิ่งขมวดคิ้วครุ่นคิด เกรงว่าจะเป็นเรื่องยากเกินไป
ทว่าเยี่ยนอวี๋ก็พอจะมั่นใจ “ข้ามีวิธีชำระล้างความชั่วร้ายให้บริสุทธิ์ แต่พวกมันแยกร่างและวิญญาณของเสี่ยวอิงแล้ว เกรงว่าข้าไม่สามารถทำให้มันยอมชำระล้างแต่โดยดีได้”
“เจ้าต้องใช้เวลาเท่าใด” ต้าซือมิ่งที่พร้อมจะเป็นลูกมือให้ก็พร้อมเข้าบทบาทในทันที “ข้าช่วยเจ้ายั้งมันไว้หนึ่งชั่วยามได้ พอหรือไม่”
“…” เยี่ยนอวี๋ไม่ได้พูดอะไร นางชายตามองผู้ชายที่อยู่ข้างกาย นางยังคงไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไร
ต้าซือมิ่งหรงที่ถูกมอง เขาก็หันศีรษะไปให้นางเล็กน้อย พยายามให้ปฐมราชินีเยี่ยนมองเขาดีๆ และรู้ว่าเขาคือใคร! น่าเสียดายที่ปฐมราชินีเยี่ยนไม่สนใจรูปลักษณ์ของเขาแม้แต่น้อย “เจ้าช่วยข้าสามครั้งแล้ว รวมครั้งนี้ด้วย เพราะอะไรหรือ”
ต้าซือมิ่งอยากจะบอกว่า ก็เพราะ ‘ข้าเป็นพ่อของลูกไง’ แต่เมื่อคำนึงถึง ‘ความสงบ’ ที่เกิดขึ้นได้ยากนักในตอนนี้ เขาก็ไม่ได้พูดเช่นนั้นออกไป ทว่าเขาก็พูดอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “ถือเสียว่าเจ้าติดหนี้ข้าแล้วกัน อีกไม่นานข้าจะขอคืน”
ทว่าเยี่ยนอวี๋ไม่ได้ถูกหลอกง่ายดายเช่นนั้น นางกล่าวอย่างระวังตัวว่า “หากคำขอร้องของเจ้าไม่ขัดต่อความยินยอมของข้า ข้าย่อมรับปากเจ้า”
“…”
ต้าซือมิ่งที่หลอกคนไม่สำเร็จทำได้เพียงกุมขมับ “ข้าไม่บังคับเจ้าหรอก” ถึงอย่างไร อนาคตยังอีกยาวไกล…
ครั้นเยี่ยนอวี๋กำลังจะพยักหน้า จู่ๆ ใต้เท้านางก็ว่างเปล่า
“ระวัง”
หรงอี้รีบโอบสองแม่ลูกไว้ทันที…