เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 229 เจ้าใช้เชื้อของข้าไป
คำพูดนี้แปลง่ายๆ ได้ว่า ต้าซือมิ่งท่านเป็นพรหมจารี ท่านไม่มีทางมีลูก! ตื่นเถิด เป็นเรื่องหลอกลวงทั้งนั้น ท่านหลงกลคนเลวแล้ว
ทุกคนในเหตุการณ์ล้วนเป็นปัญญาชน ย่อมเข้าใจความหมายของกู้หยวนซูดี แม้แต่โยวตูอ๋องก็เพิ่งกระจ่างในเรื่องนี้ เขาตกใจเล็กน้อย “…”
ให้ตายเถอะ! ใช่แล้ว!
ต้าซือมิ่งในตำแหน่งซือมิ่ง เขาต้องรักษาพรหมจารีเพื่อคงพลังวิเศษในร่าง มิให้สรรพสิ่งที่เป็นหยางและพลังปราณสูญหาย มิเช่นนั้นพลังวิเศษจะพังทลาย ทว่าตอนนี้ต้าซือมิ่งยังคงมีความสามารถอันแก่กล้า ดังนั้น…
อินสวินอี้สับสนไปหมด!
เยี่ยนอวี๋ก็ตะลึงเช่นกัน นางไม่รู้ว่ามีเรื่องเช่นนี้ด้วย จากนั้นนางจึงเริ่มสงสัยที่มาของบิดาเด็กน้อย
ทว่าต้าซือมิ่งไร้ยางอายก็พูดขึ้นว่า “ตำแหน่งซือมิ่งในอดีตกาล เทียบเคียงข้า?”
เพียงประโยคเดียวก็แสดงจุดยืนชัดเจนว่าตำแหน่งซือมิ่งในอดีตกาลมิอาจเทียบเคียงกับเขาได้! ซึ่งก็หมายถึงว่า ตำแหน่งซือมิ่งในอดีตกาลต้องรักษาพรหมจารีไว้จึงจะรักษาพลังวิเศษได้ แต่ต้าซือมิ่งไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นก็แข็งแกร่งและไร้เทียมทานได้เช่นกัน
“เอ่อ…”
มิอาจมีผู้ใดคัดค้านได้
ความพ่ายแพ้ของจักรพรรดิหยวนคังสร้างชื่อเสียงให้กับต้าซือมิ่งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ถึงแม้เขาไม่สนใจเรื่องซุบซิบในโลกหล้า ทว่าตำนานก็คือตำนาน เขาทำให้ผู้คนยำเกรงนัก
“แต่ว่า…” กู้หยวนซูยังคงไม่เชื่อ
“พอแล้ว” ต้าซือมิ่งหมดความอดทน “โยวตูอ๋องและปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนจะไปเมืองหลวงพร้อมข้าหลังจากปัญหาอุทกภัยแก้ไขลุล่วงแล้ว พวกเจ้ามิจำเป็นต้องยุ่งเกี่ยว”
เมื่อเฉิงคั่วได้ยินดังนี้ เขากลับคิดว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว จึงรีบกล่าวขอบคุณ “น้อมรับคำบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”
“น้อมรับคำบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!” คนที่เหลือก็เห็นด้วยกับวิธีการนี้ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดันของต้าซือมิ่ง พวกเขายิ่งยอมรับ! ส่วนเรื่องจับกุมตัวอะไรนั่น พวกเขาก็มิกล้าเอ่ยถึงอีก
ส่วนกู้หยวนซู ถึงแม้นางจะไม่เต็มใจ แต่ปีศาจระกาเก้าเศียรในอนุสติของนางก็สั่งห้ามนางคลุ้มคลั่งอีก นางจึงได้แต่เงียบปาก
ทว่าเฉินฉุนเฟิงกลับถามขึ้นว่า “ต้าซือมิ่ง อุทกภัยนี้ต้องการกระหม่อมช่วยเหลือหรือไม่ กระหม่อมพานักบวชแก้ไขปัญหาอุทกภัย ศิษย์ตำหนักซือมิ่งมาหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ต้าซือมิ่งมองไปที่เยี่ยนอวี๋ที่ถูกเขาจัดแจงทั้งหมดไว้เรียบร้อยแล้ว ฝ่ายหลังก็สบตาเขาด้วยสายตาเยือกเย็น!
“…” ต้าซือมิ่งกอดเด็กน้อยในอ้อมอกแน่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะแสดงแววตาไร้เดียงสาเพื่อบอกว่า ถึงอย่างไรทุกคนก็ต้องรู้การกำเนิดของเด็กน้อย จะทำให้เด็กน้อยเสื่อมเสียชื่อเสียงมิได้
เยี่ยนอวี๋มองกลับมาอย่างเย็นชา นางพยักหน้าช้าๆ “ข้าต้องการ ให้พวกเขาอยู่ที่นี่ก่อน”
จากนั้นต้าซือมิ่งก็ตอบเฉินฉุนเฟิงเช่นนี้ “ฟังคำสั่งนาง”
เฉินฉุนเฟิง “…”
เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ปัญหาอุทกภัยมิใช่ปัญหาธรรมดา ท่าน…” โปรดทบทวนด้วย! อย่าทำให้ความรักบังตา!
ทว่าต้าซือมิ่งที่ถูกความรักบังตาจริงๆ ก็กล่าวว่า “ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนรู้เรื่องนี้ดีกว่าข้า ข้าเองก็ฟังคำสั่งของนาง มีปัญหารึ”
“มิบังอาจ!” เฉินฉุนเฟิงที่ตระหนกตกใจรีบก้มศีรษะลง
“เช่นนั้นกระหม่อมจะรอฟังคำสั่งอยู่ที่นี่ เมื่อเสร็จภารกิจแล้วจะกลับเข้าเมืองหลวงพร้อมท่าน” เฉิงคั่วแสดงจุดยืนคล้อยตาม เขาไม่อยากกลับไปทุกข์ทรมานก่อนหรอก
อินสวินอี้ที่อยู่ข้างๆ ได้ยินถึงตรงนี้ เขาก็เข้าใจทันที สงครามที่แต่เดิมปะทุขึ้นได้ทุกเมื่อมลายหายไปราวกลีบเมฆแล้ว! เขารู้สึกโล่งใจอย่างยิ่ง “เช่นนั้นข้าจัดแจงค่ายพักแรมให้แม่ทัพเฉิง”
“ขอบคุณ” เฉิงคั่วพยักหน้าเล็กน้อย
อินสวินอี้จัดแจงที่พักให้กำลังพลที่เหลือทันที จากนั้นเขาก็พูดว่า “ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน ข้าได้รับสารจากสำนักจวินจื่อ พวกเขาก็มีลูกมือเช่นกัน ให้ข้าเรียกพวกเขามาหรือไม่”
“ได้” เยี่ยนอวี๋พยักหน้า นางต้องการลูกมือไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อได้เห็น ‘ฉาก’ นั้น นางต้องวางแผนให้รอบคอบ ห้ามมีช่องโหว่
ยามนี้เป็นเวลากลางดึกแล้ว พวกเขาก็เหนื่อยมาทั้งวัน เยี่ยนอวี๋จึงกล่าวว่า “พักผ่อนกันก่อนเถิด พรุ่งนี้เจอกันที่ริมแม่น้ำยามเฉิน”
“ดี” อินสวินอี้ตอบ
หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน แม้แต่กู้หยวนซูที่ไม่พอใจนักก็จำเป็นต้องจากไป ทว่านางดูเสียสติมาก คงถูกกระทบกระเทือนไม่น้อย
เมื่อคนเหล่านี้จากไปแล้ว เยี่ยนอวี๋จึงหันไปมองต้าซือมิ่งด้วยสายตาเย็นชา ฝ่ายหลังยังคงมองนางอย่างบริสุทธิ์และไร้เดียงสา ไม่แสดงความหวาดกลัวและไม่คิดจะยอมรับผิดเลย ทำให้เยี่ยนอวี๋ปวดศีรษะนัก
เยี่ยนจื่อเสาจึงทำลายความเงียบ “เจ้าเป็นคนรังแกน้อง… อืม รังแกเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของพวกเราหรือ”
“อาจจะเป็นนางที่รังแกข้า” ต้าซือมิ่งตอบอย่างตรงไปตรงมา ทำเอาเยี่ยนจื่อเสาตะลึงงัน
“แค่ก!” อินหลิวเฟิงเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองไม่ควรอยู่ที่นี่ มิเช่นนั้นอาจจะถูกฆ่าปิดปากได้ “เอ่อ… กู้ไหน่ไน ต้าซือมิ่ง ข้าขอลาไปก่อน”
“ช้าก่อน” เยี่ยนอวี๋กล่าว
อินหลิวเฟิง “…”
เขารู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมา
“นายท่านน้อยอย่ากลัว” เอ้อร์เหมาให้กำลังใจนายท่านน้อยของเขา
อินหลิวเฟิงตระหนักได้ว่าเขาต้องตายด้วยปากพล่อยๆ ของลูกน้องไร้ประโยชน์คนนี้สักวันหนึ่งเป็นแน่
ทว่าต้าซือมิ่งที่เพิ่งเปิด ‘เครื่องทำความเย็น’ ให้อินหลิวเฟิง เขาก็อุ้มลูกพลางพูดว่า “เช่นนั้นข้าและเสี่ยวเป่าไปนอนก่อน”
“ ไม่…” เยี่ยนอวี๋ค้าน
ทว่าต้าซือมิ่งอุ้มลูกจากไปแล้ว!
“เจ้าคนสารเลว!” เยี่ยนอวี๋ปวดศีรษะจริงๆ!
“สารเลวจริงๆ! ไร้ยางอายเช่นนี้…” เยี่ยนจื่อเสาที่เพิ่งตั้งสติได้ก็ไม่คาดคิดเลยว่าคนที่รังแกเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ยังแว้งกัดเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เช่นนี้??!
“ไม่ได้! ข้าต้องไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง!” เยี่ยนจื่อเสาทนไม่ไหวอีกต่อไป ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามจะเก่งกาจมากก็ตาม เขาก็ต้องเรียกคืนความยุติธรรมให้น้องสาวของเขา คนบ้าอะไรกัน!
“ข้าไปด้วย” เม่ยเอ๋อร์พร้อมนานแล้ว นางรู้ตั้งแต่แรกว่าต้าซือมิ่งคนนี้แข็งแกร่งมาก น่าจะแข็งแกร่งกว่านางด้วยซ้ำ จึงทำให้นางอยากสู้ด้วยสักยก
“จิ๊ด…” ลูกหนูน้อยที่มีชีวิตอยู่เหมือนกับอากาศธาตุรีบกระโดดออกจากตัวเม่ยเอ๋อร์ทันที มันไม่ไปด้วยหรอกนะ ต้าซือมิ่งนั่นเจ้าเล่ห์จะตายไป
“ขี้ขลาด!” เม่ยเอ๋อร์ดูแคลนลูกหนูน้อย
ลูกหนูน้อยกระโดดไปที่อินหลิวเฟิงแล้ว มันตัดสินใจอยู่กับคนขี้ขลาด ย่อมปลอดภัยกว่า
“ไม่มีใครต้องไปทั้งนั้น” เยี่ยนอวี๋ไม่อยากให้พี่รองและเม่ยเอ๋อร์หาเรื่องใส่ตัว “ดึกมากแล้ว อาบน้ำและนอนเถอะ”
“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์…” เยี่ยนจื่อเสาไม่เต็มใจนัก!
เยี่ยนอวี๋เพียงตบไหล่ ‘ที่มีหนาม’ ของเขาเบาๆ ในขณะเดียวกันก็พูดกับกับอินหลิวเฟิงว่า “หลิวเฟิง เมื่อท่านพ่อของเจ้าเสร็จธุระแล้ว ให้เขามาพบข้า ข้ามีธุระสำคัญต้องคุยกับเขา”
อินหลิวเฟิงแสดงสีหน้าจริงจังทันที “เรื่องอุทกภัยหรือ”
“อืม” เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้ว ยังไม่รู้ว่าจะจัดการปัญหานี้อย่างไรดี
นางพอจะมีแผนการโดยคร่าวๆ ในตอนนี้ แต่นางยังต้องลงไปใต้น้ำอีกครั้ง จึงจะมั่นใจในแผนการได้
“ได้ ข้าไปหาท่านพ่อของข้าเดี๋ยวนี้” อินหลิวเฟิงสังเกตเห็นสีหน้าของเยี่ยนอวี๋ที่แสดงความกลุ้มใจชัดเจน เขาจึงพาเอ้อร์เหมาจากไปอย่างไม่ชักช้า
เอ้อร์เหมาทอดถอนใจตลอดทาง…
หลังจากทุกคนจากไปหมดแล้ว เยี่ยนอวี๋ก็มองออกไปไม่ไกล
ต้าซือมิ่งที่อยู่ทางนั้นกำลังกางกระโจมด้วยท่าทางช่ำชอง ท่วงท่าสบายๆ ราวกับทวยเทพเพิ่งสถิตในโลกมนุษย์ กำลังเตรียมสัมผัสการใช้ชีวิตอย่างอารมณ์ดี
เยี่ยนอวี๋เห็นแล้วก็ปวดฟัน…
“ข้าช่วยเจ้ากางอีกกระโจมดีหรือไม่” ต้าซือมิ่งที่รับรู้ถึงสายตาของมารดาเด็กน้อย เขายังหันกลับไปมองและถามอย่างตรงไปตรงมา “ข้ายังมีอีกหลัง”
เมื่อสิ้นเสียงพูด เยี่ยนจื่อเสาก็เอ่ยขึ้นทันทีโดยไม่รอเยี่ยนอวี๋ตอบ “ยังมีหน้าจะถาม! ยังไม่รีบกางอีก” สารเลวนี่ถือว่ายังรู้จักมารยาท รู้ว่ายังไม่แต่งงานห้ามอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน
ไม่สิ!
ไม่ใช่แล้ว!
สารเลวนี่…
“พี่โมโหจนเสียสติไปแล้ว” เยี่ยนจื่อเสาตบท้ายทอยเบาๆ ก่อนจะเดินจ้ำอ้าวไปทางต้าซือมิ่ง เขาไม่มีทางปล่อยให้สารเลวที่รังแกน้องสาวของเขาทำตัวเอ้อระเหยลอยชายเช่นนี้!
เพียงแต่เมื่อเยี่ยนจื่อเสาเพิ่งเดินไป ต้าซือมิ่งที่กางกระโจมเสร็จก็เรียก “พี่รอง?”
“…” เยี่ยนจื่อเสาสะดุดขาตนเองจนเกือบจะล้มคะมำ
ทว่าต้าซือมิ่งที่อุ้มเด็กน้อยอยู่ก็ประคองพี่เขยรองไว้
เมื่อเยี่ยนจื่อเสาทรงตัวได้แล้ว สิ่งที่เห็นคือดวงตางดงามและบริสุทธิ์ราวกับเสี่ยวเป่าของต้าซือมิ่ง เขา…
“เนะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เหมือนจะตื่นขึ้นมา เขาก็ขยับเขยื้อนตัวเล็กน้อย
ต้าซือมิ่งลูบหลังอันนุ่มนิ่มเบาๆ เพื่อกล่อมเด็กน้อย “โอ๋”
เมื่อเยี่ยนเสี่ยวเป่าได้กลิ่นอายเข้มข้นของท่านพ่อ เขาก็มุดเข้าไปในอ้อมอกของท่านพ่อเขา ก่อนจะนอนหลับต่อไป
เยี่ยนจื่อเสาคอยดูอยู่ข้างๆ เขาย่อมสัมผัสถึงการดูแลเอาใจใส่ของต้าซือมิ่งที่มีต่อเสี่ยวเป่า เมื่อครู่นี้เขาถูกกระโจมบังไว้ จึงไม่รู้ว่าในขณะที่ต้าซือมิ่งกางกระโจมนั้น เขาก็มิได้วางเสี่ยวเป่าลง
ต้าซือมิ่งที่กล่อมเด็กน้อยเสร็จแล้วก็ถามว่า “พี่รองจะคุยด้วยหรือ”
เยี่ยนจื่อเสาเก็บอารมณ์โมโห “เพิ่งคิดจะมาทำดีกับเสี่ยวเป่าตอนนี้ ก่อนหน้านี้หายไปไหนมาเล่า!”
“ข้าผิดเอง” หรงอี้ก้มศีรษะน้อมรับผิด คำพูดนี้ทำให้เขาคิดว่าอินสวินอี้พูดถูก ไม่ต้องสนใจว่าเมื่อก่อนเกิดอะไรขึ้น การที่ไม่ได้เห็นเด็กน้อยกำเนิดและไม่ได้อยู่ข้างกายเขาเป็นความผิดมหันต์ที่มิอาจแก้ไขได้
เยี่ยนอวี๋เดินมา พูดขึ้นว่า “ไม่เกี่ยวกับเขา” ไม่ว่าสิ่งที่ต้าซือมิ่งคนนี้พูดมีความจริงและความเท็จมากน้อยเพียงใด เด็กน้อยก็เป็นของนาง ไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น
ถึงแม้เด็กน้อยอยากได้พ่อ นั่นก็เป็นเรื่องของเด็กน้อย สำหรับนางแล้ว ชายคนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนางแม้เพียงน้อย
“ข้า…”
เยี่ยนอวี๋ที่ครุ่นคิดชัดเจนแล้ว นางกำลังจะเอ่ย
แต่แล้ว…
“ไม่เกี่ยว แล้วเจ้าจะให้กำเนิดเสี่ยวเป่าเองได้รึ” ต้าซือมิ่งหรงถามกลับ