เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 232 สวรรค์ปรีดา
“อะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าฟังรู้เรื่อง
เขาโบกมืออวบอ้วนของตนไปทางกู้หยวนซูอย่างกระปรี้กระเปร่า พูดกับท่านพ่อของเขาว่า “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ…” หญิงคนนี้เป็นคนเลว! จะมารังแกท่านแม่คนงาม…
“อืม” ต้าซือมิ่งฟังรู้เรื่อง เขายกมือขึ้นลูบศีรษะโล้นน้อยๆ ของลูก คอยดูกองไฟพลางสังเกตท่านแม่ของเด็กน้อยอย่างใกล้ชิด
ในขณะเดียวกัน เฉินฉุนเฟิง เฉิงคั่วและคนอื่นๆ ที่ถูกกู้หยวนซูเรียกมาก็รวมตัวกันที่นี่แล้ว พวกเขาเป็นตัวแทนของฝ่ายราชสำนัก
นอกจากนี้ อินสวินอี้ที่ตกใจก็พาอินหลิวเฟิงรีบเร่งมาที่นี่ แม้แต่อาหารเช้าก็ไม่ได้ทาน เพราะกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอาณาเขตของตนเอง เขาไม่คิดเลยว่ากู้หยวนซูเป็นคนมาหาเรื่องเอง…
“คุณหนูใหญ่เกรียงไกร!” คนสำนักเหยาไถเซียนที่มาให้กำลังใจกู้หยวนซูยังส่งเสียงท้ารบให้กู้หยวนซู “หากปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนเก่งกาจจริง ย่อมต้องรับคำท้า!”
“มีเหตุผล!” คนสำนักคุนอู๋สำทับ “หากปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนไม่มีความสามารถ แล้วจะเป็นผู้นำแก้ไขอุทกภัยได้อย่างไร นั่นมันเรื่องเหลวไหลแล้ว”
“แค่ก” เฉิงคั่วจำเป็นต้องตามมา เขารู้สึกอึดอัดนัก เขาพูดไกล่เกลี่ยว่า “แม้มีวาจาของต้าซือมิ่ง พวกข้าก็เชื่อว่าปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนมีความสามารถจริง แต่ผู้มีความสามารถย่อมไม่กลัวคำท้าทาย เซ่าซือมิ่งกู้ชื่อเสียงเลื่องลือ ไม่ยอมก้มหน้าให้ผู้ใดเป็นธรรมดา ต้าซือมิ่งท่านว่าจริงหรือไม่”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ารู้ว่า ‘ต้าซือมิ่ง’ ก็คือท่านพ่อของเขา เขารีบหันกลับไปหาท่านพ่อทันที “อ้ะเนะเนะ!”
ต้าซือมิ่งหยิกแก้มปีศาจน้อยเบาๆ ก่อนจะใส่หมูสับลงไปในข้าวต้ม เขาพูดโดยมิได้มองไปที่เฉินคั่วว่า “ข้าฟังคำสั่งของปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน”
“ซี้ดด” อินสวินอี้รู้สึกปวดฟันขึ้นมาทันที ยังมิทันแต่งงานกันก็ทำให้เขาปวดฟันได้ตลอดเวลาเช่นนี้ โชคดีที่วันข้างหน้าเขาไม่ต้องเป็นพยานรู้เห็นอะไรแล้ว มิเช่นนั้นจะทนรับอย่างไรไหว
“เนะ!” เยี่ยนเปสี่ยวเป่าจึงพยักหน้าตาม ใช่! ฟังท่านแม่
ทุกคนกลับมิสามารถละสายตาจากต้าซือมิ่งได้ ภาพตรงหน้าในยามนี้ของเขาช่าง… ช่างตะลึงจนตาพร่าจริงๆ เขา… เขากำลังทำ… ทำอาหาร ดู… ดูเหมือนว่ายังช่ำชองมากด้วย… สมแล้วที่เป็นต้าซือมิ่ง แม้แต่ทำอาหารยังมีท่าทีสง่างามและโดดเด่นเช่นนี้ คนที่ไม่รู้คงคิดว่าเขากำลังปรุงอาหารโอชาชั้นเลิศ กลิ่นไอเทพรายล้อม
คนของสำนักเหยาไถเซียนดึงความสนใจของทุกคนกลับมา “ในเมื่อต้าซือมิ่งไม่คัดค้าน คงหมายถึงเห็นด้วย! คุณหนูใหญ่ท่านนี้ ท่านมีอะไรจะกล่าวรึไม่”
“ข้า…” อันที่จริงเยี่ยนอวี๋ก็มิได้จะปฏิเสธ เพียงแต่ว่าคนกลุ่มนี้พูดส่งเสริมกันไม่หยุด นางไม่มีจังหวะพูดเลย แม้แต่ตอนนี้เอง!
กู้หยวนซูยังขัดจังหวะพูดขึ้นว่า “หากเจ้าจะบอกว่าความสามารถยังตื้นเขิน ไม่อยากประลอง จะทำลายมิตรภาพเสียเปล่าอะไรพรรค์นั้นน่ะ จอมปลอมเกินไป ตัวข้ากู้หยวนซูจิตใจกว้างขวาง หวังว่าเจ้าเยี่ยนจื่ออวี๋จะเปิดใจกว้างเช่นกัน แน่นอนว่า ในเมื่อเป็นการประลอง ไม่มีรางวัลก็คงไม่มีความหมาย เช่นนี้แล้วกัน หากเจ้าชนะ ตัวข้ากู้หยวนซูยินยอมฟังคำสั่งของเจ้า แต่หากเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องเลิกตอแยต้าซือมิ่ง ออกจากชีวิตของต้าซือมิ่งตลอดไป”
คำพูดเช่นนี้…
“อ้ะเนะ!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าเป็นคนแรกที่ไม่พอใจ “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะเนะเนะ…” ท่านพ่อรูปงามของข้าจะหายไปจากสายตาของท่านแม่ได้อย่างไร เช่นนั้นจะดูแลเสี่ยวเป่าอย่างไร
ต้าซือมิ่งหลงรักเจ้าตัวน้อยที่มีจิตใจเชื่อมโยงกับตนเองหัวปักหัวปำ เขาก้มลงจูบศีรษะโล้นน้อยๆ ของเด็กน้อยเบาๆ ฝ่ายหลังมิได้สนใจ เพราะเขากำลังประท้วงให้ท่านแม่เขาอยู่ “อ้ะเนะเนะ!” ตกลงไม่ได้!
เยี่ยนอวี๋ “…”
หัวใจของเด็กน้อยถูกขโมยไปแล้ว
เยี่ยนอวี๋สงบสติอารมณ์ลง ครั้นจะปริปาก “ข้า…”
แต่แล้วกู้หยวนซูก็มีแผนสำรองอีกว่า “หากเจ้าคิดว่าการท้าประลองไม่ยุติธรรม ข้าเชิญสวรรค์มาเป็นประจักษ์ได้!”
“ตกลงว่าเจ้าจะฟังรึไม่!” เยี่ยนอวี๋หัวเสีย
พรวด! อินหลิวเฟิงอดหลุดหัวเราะไม่ได้ “มิต้องสนใจข้า เชิญพวกเจ้าต่อเลย”
สีหน้ากู้หยวนซูเปลี่ยนเล็กน้อย แต่สุดท้ายนางก็หุบปากลง
“ข้ารับคำท้าประลองของเจ้า” เยี่ยนอวี๋ตอบรับอย่างราบเรียบ อันที่จริงนางก็อยากถือโอกาสสำรวจปีศาจระกาเก้าเศียรที่อยู่ในตัวกู้หยวนซูตั้งแต่แรกแล้ว ไม่มีความคิดจะปฏิเสธคำท้าเลย ทว่าสตรีนางนี้พูดมากนัก ไม่ยอมหยุดเลย
ทว่ากู้หยวนซูที่ไม่รู้ความคิดในใจของเยี่ยนอวี๋ นางก็กังวลว่าเยี่ยนอวี๋จะพูดปัด ต้าซือมิ่งอาจจะช่วยพูดปัดให้นางเช่นกัน นางจึงต้องปฏิเสธคำแก้ตัวที่เป็นไปได้ทั้งหมด! แต่กลับไม่คิดเลยว่า ทุกอย่างเหมือนจะราบรื่นดี?
กู้หยวนซูยังคงไม่ค่อยวางใจ นางพูดขึ้นว่า “เช่นนั้น ข้าจะเชิญสวรรค์มาประจักษ์การท้าประลองของพวกเรา”
เมื่อได้ยินดังนั้น เยี่ยนอวี๋ก็ทำท่าจะปฏิเสธ
แต่แล้ว…
กู้หยวนซูกลับเปิดใช้งานพลังจิตใจ พูดชัดถ้อยชัดคำว่า “ข้ากู้หยวนซู วันนี้ท้าประลองเยี่ยนจื่ออวี๋ เชิญสวรรค์เป็นประจักษ์ให้เราทั้งสอง! หากข้าแพ้ ต่อไปจะฟังคำสั่งของเยี่ยนจื่ออวี๋! หากเยี่ยนจื่ออวี๋แพ้ ต่อไปจะอยู่ห่างจากต้าซือมิ่ง!”
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็มิต้องกังวลว่าเยี่ยนจื่ออวี๋จะยังตามพัวพันต้าซือมิ่ง! นี่คือจุดประสงค์ที่กู้หยวนซูท้าประลองนาง แน่นอนว่า… หากสามารถฆ่าหรือทำให้เยี่ยนจื่ออวี๋นังชั่วคนนี้พิการได้ยิ่งดี
นังคนชั่ว!
กู้หยวนซูคิดถึงเรื่องเล่าที่ได้ยินจากปากน้องชายเมื่อคืน นางก็เดือดดาลนัก
‘ใจเย็น!’ ปีศาจระกาเก้าเศียรที่เงียบมาตลอดจำเป็นต้องส่งพลังจิต ‘กู้หยวนซู ศึกวันนี้ ข้ามิอาจช่วยเจ้าได้ เจ้าต้องเอาชนะด้วยความสามารถของตนเอง อย่าใจร้อนและอย่าดูถูกศัตรู ถึงแม้นางอาจจะยืมอำนาจบางสิ่งมาจึงทำให้นางมีวิชา ความจริงนางอาจจะยังคงเป็นเพียงเศษสวะ แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ ระวังตนไว้ดีที่สุด’
กู้หยวนซูได้ยินก็ตอบในอนุสติว่า “ซูเอ๋อร์เข้าใจ”
‘อืม ข้าก็อยากรู้ว่านางยังคงไร้พลังหรือนางทำลายผนึกของข้าไปแล้วจริงๆ’ ปีศาจระกาเก้าเศียรกล่าวอย่างมีนัยยะ เขารู้สึกกังวลเรื่องนี้มาก
ในครานั้น ผนึกที่มันยืมมือกู้หยวนซูตราไว้บนตัวเยี่ยนจื่ออวี๋เป็นผนึกสองชั้นที่ไม่ธรรมดา เพราะว่าในครานั้นมันรับรู้ได้ว่าเยี่ยนจื่ออวี๋ไม่เป็นคนไร้พลังก็เป็นผู้กล้าสุดแกร่ง มันจึงหาทางหนีทีไล่ไว้แต่แรกแล้ว
บัดนี้ ดูเหมือนว่าเยี่ยนจื่ออวี๋จะเป็นผู้กล้าสุดแกร่งจริงๆ แต่เหตุใดแผนการที่มันวางไว้จึงไม่เป็นผลเล่า ตามหลักแล้ว เมื่อพรสวรรค์ของนางถูกปลุกให้ตื่นจะต้องแปรเปลี่ยนเป็นพรสวรรค์ของกู้หยวนซูหรือก็คือของมันในทันที
ปีศาจระกาเก้าเศียรกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก อันที่จริงมันร้อนรนใจมากกว่ากู้หยวนซู มันจึงมิได้ห้ามปรามกู้หยวนซูท้าประลอง และก็ไม่ได้ห้ามพฤติกรรมโง่เขลาก่อนหน้านี้ของนาง
เพียงแต่ว่า
“…”
ท้องนภาไร้เมฆายังคงส่องแสงอรุณเจิดจ้า คำสาบานของกู้หยวนซูมิได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ
“เกิดอะไรขึ้น”
เฉินฉุนเฟิงและผู้คนที่รู้จักปรากฏการณ์สวรรค์ประจักษ์ดีต่างแปลกใจกับความเงียบงันของท้องฟ้าเช่นนี้
ตามหลักแล้ว หากพลังจิตใจของกู้หยวนซูอยู่เหนือขั้นวิญญาณปฐมภูมิ นางย่อมสามารถอัญเชิญสวรรค์ให้เป็นประจักษ์ได้ เว้นแต่ว่า…
“พลังจิตใจของเจ้ายังไม่ถึงขั้นวิญญาณปฐมภูมิ!” กู้หยวนซูมองเยี่ยนอวี๋ด้วยแววตากระจ่าง นางพบว่าตนเองสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้โดยมิต้องต่อสู้! อันที่จริงก็เป็นเรื่องที่อยู่ในการคาดเดาของนาง แต่ก็ยังคงทำให้นางรู้สึกตื่นตะลึงอยู่ดี
ทว่าน่าเสียดาย กู้หยวนซูยังไม่ทันหัวเราะ…
ครืน!
สายฟ้าแลบวาบผ่านท้องฟ้า ตามมาด้วยพลังวิเศษนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย ทำให้ทุกคนเพิ่งเข้าใจว่า แท้จริงแล้วสวรรค์มีปฏิกิริยาเฉื่อยช้าไปเล็กน้อย
แต่แล้ว
ครืน!
ครืนๆ!…
บัดนี้เมฆหลากสีกลับรวมตัวและซ้อนทับกันจากทั่วสารทิศอย่างต่อเนื่อง
“นี่มัน…”
เฉินฉุนเฟิงและคนที่รู้จักปรากฏการณ์สวรรค์ประจักษ์ดีต่างตกตะลึง ก่อนจะถามซึ่งกันและกันเสียงเบาว่า “นี่มันคือสวรรค์ประจักษ์ชั้นใด ข้าไม่เคยอ่านเจอในตำรา เจ้าเคยอ่านเจอรึไม่”
“ไม่เคย แต่ข้ามั่นใจว่านี่มิใช่ปรากฏการณ์สวรรค์ประจักษ์! รุ่นการศึกษาของข้ามีคำถามเกี่ยวกับสวรรค์ประจักษ์ในข้อสอบปลายภาค ข้าได้คะแนนเต็ม!”
“สหาย ข้าอยู่รุ่นเดียวกับเจ้า! ข้าทำข้อนี้ไม่ได้…”
เหล่าคนสำนักเหยาไถเซียนที่รู้สึกว่าเริ่มนอกเรื่องแล้วก็อดกระแอมขึ้นไม่ได้ “ปรากฏการณ์เช่นนี้ อาจจะเป็นเพราะศิษย์พี่ใหญ่สำนักข้ามีความสามารถเหนือสิ่งอื่นใด จึงเรียกมาซึ่งสวรรค์ประจักษ์ที่ไม่ธรรมดา”
“ก็…” เฉินฉุนเฟิงอยากจะบอกว่า “ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
แต่แล้ว กลุ่มเมฆหลากสีที่รวมตัวกันนั้นก็ลงมาอยู่ข้างกายเยี่ยนอวี๋ และโอบล้อมตัวนางไว้ ราวกับว่ามันมาต่อสู้เพื่อนาง
“นี่มัน…”
แม้จะตาบอดก็คงพูดไปเรื่อยมิได้แล้ว
แม้แต่คนเหยาไถเซียนที่สนับสนุนกู้หยวนซู พวกเขาก็มิอาจชี้ไปที่เมฆหลากสีที่ล้อมรอบตัวเยี่ยนอวี๋ดึงดันบอกว่าเป็นสวรรค์ประจักษ์
ทุกคนในเหตุการณ์อ้ำอึ้งจนอ้าปากค้าง…
ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนท่านนั้นที่ค่อยๆถูกเมฆหลากสียกลอยขึ้นราวกับจะบินขึ้นไป ดูแล้วราวกับ… อืม… พวกเขาไม่สามารถหาคำบรรยายใดๆ มาอธิบายความรู้สึกของตนได้แล้ว!
นะ… นี่มันช่าง…
พวกเขาถึงกับมิอาจใช้ความรู้ที่ตนมีมาอธิบายเหตุการณ์ตรงหน้านี้ได้! เพราะว่าไม่เคยมีบันทึกในประวัติศาสตร์เลย!
“นี่หรือคือนักปรุงยาในตำนาน”
“อายุเพียงสิบแปด พลังจิตใจกลับอยู่ในขั้นถอดจิต สามารถสื่อสารกับสวรรค์ได้ และยังสร้างความประทับใจแก่สรวงสวรรค์ ปราชญ์มหาสำนักที่มีอายุน้อยที่สุดแห่งต้าซย่า ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน!”