เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 253 สวรรค์รับบัญชา
“…”
ลำแสงเทพหลากสีเปล่งประกายอยู่บนท้องฟ้าอย่างเงียบๆ
เป็นสัญญาณบอกว่าเยี่ยนอวี๋ได้ควบคุมวิถีสวรรค์อีกครั้งแล้ว
และเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสวรรค์ไม่เพียงแต่ไม่ ‘ทำ’ อะไรนางเท่านั้น แต่ยังจะถูกนางเรียกใช้อีกด้วย!
ในระหว่างนี้ แม้นว่าสวรรค์จะยอมฟังคำสั่งจากเยี่ยนอวี๋ แต่มันก็ไม่มีทางถูกสั่งการได้ เพราะเยี่ยนอวี๋อ่อนแอเกินไป นางยังไม่สามารถเรียกใช้พลังแห่งสวรรค์ได้
หากเรียกใช้เป็นพลการก็มีแต่จะทำร้ายนางเท่านั้น
แต่บัดนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป นางสามารถทำได้แล้ว
ดังนั้นกระบี่ไท่ชางที่ลอยบนอากาศก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียง ‘วิ้ง’ ออกมา ราวกับว่ามันเห็นความหวังที่จะสามารถติดตามอยู่ข้างกายเยี่ยนอวี๋ตลอดเวลาอย่างไรอย่างนั้น!
ส่วนเยี่ยนอวี๋นั้น นางแอบคิดไม่ถึงเล็กน้อยว่า ‘ลูกแก้วชั่วร้าย’ นี้จะมีพลังเวทย์มนต์ที่บริสุทธิ์และดั้งเดิมมากเช่นนี้อยู่ด้วย “เพื่อสึกกร่อนผนึก อสูรในแดนมืดวิญญาณอสูรนี้ก็สู้สุดแรงเหมือนกัน”
หลังจากวันนั้นเหล่าอสูรในแดนมืดวิญญาณอสูรก็ได้รู้ว่า ‘ลูกแก้วชั่วร้าย’ ที่พวกมันรวบรวมอย่างสุดความสามารถนั้น สุดท้ายกลายมาเป็นก้าวฟื้นฟูของปฐมราชินีหยวนชูเสียอย่างนั้น ทำเอาพวกมันแทบจะร้องไห้
ร้องไห้จริงๆ นะ!
เพราะมันกลายเป็นหินรองเท้าของนางจริงๆ!
แต่ในขณะนั้นเอง…
คิดไม่ถึงว่าอิงหลงที่อาวุโสถึงเพียงนั้นจะตื่นเต้นจนปล่อยจิตเหนือสำนึกออกมา “ปฐมราชินี!” มันสามารถรับรู้ได้เลือนรางว่ามีจิตเหนือสำนึกของปฐมราชินีของมันอยู่รอบๆ!
“ข้าเอง” เสียงของเยี่ยนอวี๋ล่องลอยไร้ตัวตน เพราะนางเพียงแค่ใช้พลังที่ฟื้นฟูและการรวมตัวกับสวรรค์นี้สัมผัสได้ถึงโลกภายนอกเท่านั้น “เจ้าสบายดีหรือไม่”
อิงหลงอาวุโสที่ได้รับความเอ็นดูตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ข้าน้อยสบายดี! ดีมาก! ท่านล่ะ…ท่านจะออกมาแล้วหรือยัง แล้วท่านอยู่ตรงนั้นเป็นอย่างไรบ้าง…พบตัวฆาตกรหรือยัง”
อิงหลงอาวุโสที่รีบร้อนมากอยากจะรู้ว่าเป็นไอ้หน้าไหนกันที่ทำกับมันเช่นนี้ได้! มันจะไม่ตีอีกฝ่ายจนตายแน่ๆ ต้องเก็บแรงไว้ก่อน จะได้เพียงพอที่จะตีมันทุกวัน! ให้ตายเถอะ!
“หนีไปแล้ว” เยี่ยนอวี๋เสียใจมาก “แต่ว่าหลังจากที่ข้าออกมาก็จะสามารถช่วยเจ้าฟื้นฟูพลังวิญญาณกลับมาได้ทันทีและรวมตัวเข้ากับพลังกายเป็นหนึ่งเดียว”
“ขอบพระทัยปฐมราชินี! ว่าแต่เจ้าตัวปัญหานั่นหนีไปที่ใดนั้นทราบเบาะแสหรือยัง” อิงหลงอาวุโสที่รู้สึกว่ามีแค้นต้องชำระสนใจในตัวฆาตกรมาก มันต้องไปอัดอีกฝ่ายให้ได้!
“ข้าไม่แน่ใจ” เยี่ยนอวี๋ไม่อาจตอบคำถามแน่ชัดได้
อิงหลงอาวุโสยังคงขอร้องต่อไป “เช่นนั้นข้าน้อยเข้าไปได้หรือไม่ ข้าน้อยจะเข้าไปตรวจสอบด้วยตนเอง บางทีอาจจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างก็ได้ เพราะอย่างไรเจ้านั่นก็ทำอะไรในตัวข้าน้อยมาโดยตลอดเช่นกัน!”
“ข้ามีเป้าหมายบ้างแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป รอข้าออกไปเถิด” เยี่ยนอวี๋ไม่ได้คิดจะให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเข้ามาเสี่ยงด้วย อีกอย่างนางยังเตรียมตัวที่จะให้วิญญาณที่ถูกผนึกช่วยรักษาอาการของผู้ใต้บังคับบัญชาเสียด้วยซ้ำ เพื่อมั่นใจว่าต่อไปมันจะไม่ถูกหลอกใช้อีก
อิงหลงอาวุโสทำได้เพียงปฏิบัติตาม แต่เยี่ยนอวี๋กลับพบว่านางยังคงไม่สามารถเปิดผนึกเข้าสู่โลกมนุษย์ได้เช่นเคย?
“เป็นไปได้อย่างไร” เยี่ยนอวี๋ไม่เข้าใจ แต่หลังจากนั้นถึงได้รู้สาเหตุจากการสัมผัสทั้งผนึกอย่างละเอียด “เกราะเสริมในชั้นที่สองของผนึกได้เปิดออกแล้ว”
เยี่ยนอวี๋จำได้ ในปีนั้นเพื่อมั่นใจว่าผนึกมั่นคงดีแล้วจึงได้เพิ่มเกราะเสริมชั้นที่สามไว้! แต่เมื่อผนึกถูกกัดเซาะในระดับหนึ่ง เกราะเสริมในชั้นที่สองก็จะทำงานทันที เกรงว่าแม้จะเป็นนางก็ยากที่จะเข้าออกได้
ถึงแม้การสึกกร่อนตรงหน้าจะหายไปหมดแล้ว แต่ตัวผนึกเองได้รับความเสียหายรุนแรงจากการตรวจสอบด้วยตนเอง จึงได้เปิดใช้งานเกราะเสริมชั้นที่สอง ซึ่งสามารถป้องกันการพังทลายของชั้นจิตสำนึกทางวิญญาณได้
“ดูแล้ว การสึกกร่อนก่อนหน้านี้ยังไปหยุดพลังตรวจสอบด้วยตนเองของผนึกไว้ด้วย” เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้ว รู้อยู่แก่ใจว่านี่ต้องเกี่ยวข้องกับการที่อีกฝ่ายโจมตีปัญญาวิญญาณได้แน่นอน
เยี่ยนอวี๋ที่คิดถึงตรงนี้ ก็ไม่อาจต้านทานเสียงเรียกของลูกน้อยได้ นางลืมตาขึ้น จากนั้นก็เห็นลูกน้อยของนางกำลังพรางดื่มนมพลางส่งเสียงเรียก ‘อ้ะเนะเนะ’ มาทางนาง
“อ้ะ!”
หลังจากที่เห็นท่านแม่ลืมตาขึ้น เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็ตาเป็นประกายจนยื่นมืออ้วนป้อมออกมา แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะดื่มนมที่ป้อนมายังปากของเขาเช่นกัน
เยี่ยนอวี๋ลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าลูกน้อย และอุ้มเข้ามาในอ้อมกอด ทำเอาเสี่ยวเป่าดีใจจนกระทืบเท้าไปสองที จากนั้นก็หันกลับไปดูดนมที่ท่านพ่อของเขาชงให้
“นี่คืออะไร”
เยี่ยนอวี๋มองดูของเหลวสีขาวนม สามารถได้กลิ่นหอมจากมันดูคุ้นเคยนัก
“นมแพะ”
ต้าซือมิ่งที่ป้อนลูกน้อยเสร็จยังถามต่อว่า “เจ้าไม่เคยป้อนให้เสี่ยวเป่าหรือ”
“เคย แต่เขาไม่ดื่ม” เยี่ยนอวี๋ถึงจะรู้ว่าเหตุใดนางถึงรู้สึกคุ้นเคย “เสี่ยวเป่าไม่ชอบดื่มนมตั้งแต่เล็ก กินเพียงพวกเข้าต้มเท่านั้น เดิมชุ่ยชุ่ยยังนึกว่าเขาจะไม่สามารถย่อยได้ แต่เขากลับทำได้”
“อ้า…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่อ้าปากรอป้อนไม่มีทีท่าว่าไม่ชอบดื่มนมเลยสักนิด ทำเอาเยี่ยนอวี๋ที่ตอบกลับนั้น “…” หากไม่รู้คงคิดว่านางกำลังพูดปดอยู่เป็นแน่
แต่ต้าซือมิ่งบางคนกลับรู้สาเหตุ “พวกเจ้าไม่จัดการกับกลิ่นนมให้ดีเสียก่อน ทำให้เขารู้สึกเหม็นคาว”
เยี่ยนอวี๋ “…”
ลูกน้อยเลือกกินเพียงนี้เชียวหรือ เหตุใดนางจึงไม่รู้
แต่ต้าซือมิ่งบางคนก็ถามขึ้น “เจ้าไม่ป้อนนมของเจ้าให้เขาหรือ”
เยี่ยนอวี๋รู้สึกว่านี่เป็นคำถามที่ไม่สมเหตุสมผล แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเป็นธรรมชาติมากเช่นกัน แต่นางยังคงไม่อยากตอบคำถาม
แต่ต้าซือมิ่งบางคนยังคงถามต่อไป “หืม?”
“คุณหนูใหญ่ไม่ป้อน!” เม่ยเอ๋อร์รีบก้าวขึ้นมาตอบแทน นางน่าจะสัมผัสได้ว่าคุณหนูใหญ่ของนางไม่รู้จะตอบคำถามนี้อย่างไรดี มีสัญญาณของการถูกเอาเปรียบ
แต่ถึงแม้เม่ยเอ๋อร์จะตอบแทน เยี่ยนอวี๋ก็ยังคงรู้สึกแปลกอยู่ดี นางจึงเปลี่ยนเรื่องทันที “ตอนนี้พวกเรายังคงออกไปไม่ได้ เพราะผนึกถูกเพิ่มเกราะเสริมอีกแล้ว”
“อ้อ” ต้าซือมิ่งที่ไม่เป็นกังวลป้อนนมลูกน้อยต่อไป
เยี่ยนอวี๋หมดคำจะพูด นางถามขึ้น “ตาของเจ้าหายดีแล้วหรือ”
ต้าซือมิ่งที่ป้อนนมชะงักไปชั่วขณะไม่ได้ตอบอะไร จนเยี่ยนอวี๋เงยหน้ามองเขา เขาถึงตอบว่า “เทียบกับหมัดของเจ้าแล้ว นี่ไม่นับเป็นอะไรเลย”
เยี่ยนอวี๋ “…”
ดังนั้นเพราะอะไรถึงโดนหมัด! คนผู้นี้ไม่รู้เลยหรือ หากเขาไม่เสแสร้ง นางจะต่อยเขาหรือ…สมน้ำหน้า
เม่ยเอ๋อร์เองก็คิดเช่นนี้ “ต่อไปหากท่านทำอะไรคุณหนูใหญ่อีก อย่าว่าแต่คุณหนูใหญ่จะต่อยท่านเลย ข้าเองก็ไม่เกรงใจเช่นกัน! นี่เป็นครั้งสุดท้าย”
“เม่ยเอ๋อร์” ต้าซือมิ่งบางคนจำต้องตอบ “ข้านั้นเติมเต็มสิ่งที่คุณหนูใหญ่ของเจ้าคิดต่างหาก”
“ถุย!”
“เหลวไหล!”
เยี่ยนอวี๋เก็บอาการไม่อยู่
เม่ยเอ๋อร์เองก็ระเบิดแล้วเช่นกัน “ท่านพูดเหลวไหลอะไรกัน! ท่านกล้าดูหมิ่นคุณหนูใหญ่อย่างนั้นหรือ…ข้าไม่ปล่อยท่านไว้แน่! วางถ้วยช้อนบนมือของท่านลงซะ แล้วมาสู้กัน!”
“อ้ะ! อ้ะเนะเนะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ได้ยินว่าถ้วยช้อนจะถูกวางลงร้อนรน เขารีบคว้ามือของท่านพ่อไว้ แล้วลองหยิบถ้วยด้วยตัวเอง และดื่มมันลงไป
เม่ยเอ๋อร์ “…”
นางดับไฟเช่นนี้แล้วอย่างนั้นหรือ
ต้าซือมิ่งผู้นี้มีอุบายจริงๆ! ขโมยใจของคุณชายน้อยไปก่อน ตอนนี้จะสู้กันก็ไม่ได้ ไม่สู้ก็ทำเอาคนโกรธมาก คุณหนูใหญ่เองก็คงรำคาญเพราะเช่นนี้เหมือนกัน
เยี่ยนอวี๋ที่ปวดศีรษะจริงๆ นางกำลังเตรียมจะลุกขึ้น เยี่ยนจื่อเสาที่อยู่ตรงนั้นกลับระเบิดออกดัง ‘ปัง’ เต็มไปด้วยหมอกเลือด เสื้อคลุมร่างกายเขาก็ถูกระเบิดด้วย เผยให้เห็นถึงแผงคอสัตว์ที่คลุมไปทั่วร่างกาย ทั้งยังมีเลือดออกตามขนอีกด้วย
“อ้ะ!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าตกใจจนหยุดกินข้าว
เยี่ยนอวี๋และต้าซือมิ่งบางคนกวาดมองไปทางเยี่ยนจื่อเสาพร้อมกัน กลับพบว่าฝ่ายหลังไม่เพียงแต่ ‘ระเบิด’ เลือดออกมาเท่านั้น แต่กลิ่นอายในร่างกายยังแปรปรวนมากอีกด้วย! สาเหตุเพราะยาแปรสภาพที่ยังหลงเหลืออยู่
“เลือดมนุษย์วานรหวาไหวผสมกับสิ่งแปลกประหลาดได้ผสานเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับพี่รองอย่างสมบูรณ์แล้ว ซึ่งเป็นผลต่อการเลื่อนขั้นของพี่รอง และเกิดปัญหาต่อการฝึกฝนเป็นผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านั้นของเขา” เยี่ยนอวี๋คาดไม่ถึงว่าปัญหานี้จะรุนแรงถึงเพียงนี้ และจะมีผลกระทบต่อการเลื่อนขั้นของพี่รองด้วย
ก่อนหน้านั้น เยี่ยนอวี๋ได้ขจัดอาการจากยาแปรสภาพเบื้องต้นไปแล้ว ตามหลักแล้วนอกจากภายนอกที่จะไม่สามารถหวนคืนได้แล้วนั้น ไม่มีทางแสดงอาการขึ้นอีกแน่นอน
ทันใดนั้นเอง “ก่อนหน้านี้มีกลิ่นอายสึกกร่อนในพื้นที่นี้ก็ยังแสดงอาการออกมาเล็กน้อย ข้าจะควบคุมจิตเหนือสำนึกของพี่รองไว้ เจ้าช่วยเขาขจัดกลิ่นอายแปลกๆ นี้ หากราบรื่นบางทีพี่รองอาจจะฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติก็ได้”
“เกรงว่าจะไม่ได้ เลือดมนุษย์วานรหวาไหวได้ผสานเข้ากับพี่รองอย่างสมบูรณ์แล้ว” เยี่ยนอวี๋ไม่คาดหวัง
แต่ต้าซือมิ่งบางคนกลับพูดขึ้น “ชำระไขกระดูก”
เยี่ยนอวี๋ตากระตุก!
“ขั้นวิญญาณปฐมภูมิคือการใช้พลังดั้งเดิมจากสวรรค์ในการรวบรวมความแข็งแกร่งของพลังกาย ตราบใดที่สามารถควบคุมมันได้ดี ก็สามารถใช้พลังนี้เพิ่มพลังภายนอกเพื่อชำระไขกระดูกอย่างสมบูรณ์อีกครั้ง”
“ปัญหาอยู่ที่ พลังภายนอกนี้จะเพิ่มอย่างไร” เยี่ยนอวี๋เข้าใจในสิ่งที่ต้าซือมิ่งพูด “ข้าไม่มียาไขกระดูกสวรรค์ที่สามารถชำระไขกระดูกได้อย่างหมดจด และไม่มีวัตถุดิบด้วย จึงยากที่จะหลอมขึ้นอีก”
แต่ต้าซือมิ่งบางคนกลับพูดขึ้นอีกครั้ง “ข้าจะดูดไขกระดูกบริสุทธิ์ทั้งหมดของพี่รองออกมาให้หมด ที่เจ้าต้องทำคือขจัดเลือดประหลาดของมนุษย์วานรหวาไหวให้หมด ข้าสามารถยื้อไว้เป็นเวลาหนึ่งถ้วยชา เพื่อไม่ให้ร่างกายของพี่รองหยุดทำงาน”
ลมหายใจของเยี่ยนอวี๋สงบลง นางเงยหน้ามองต้าซือมิ่งอีกครั้ง นางเข้าใจดีว่านางได้ติดหนี้บุญคุณต่อต้าซือมิ่งผู้นี้มากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
แต่ว่า…
นางไม่อาจปฏิเสธได้
“ได้”
เยี่ยนอวี๋ตอบตกลง “เพียงแค่เจ้าสามารถยื้อเวลาหนึ่งถ้วยชาให้ข้าได้ ข้าย่อมสามารถขจัดเลือดมนุษย์วานรหวาไหวได้แน่นอน”
“เจ้าวางใจได้” หรงอี้ให้คำมั่นสัญญา ในดวงตาแฝงรอยยิ้มหลายส่วน เขารู้ว่าแม่ของลูกน้อยสัมผัสได้ถึง ‘ปฏิกิริยาน้อยๆ’ ของเขาได้ แต่เขาต้องการให้นางไม่สามารถ ‘ไป’ จากเขาได้จริงๆ
แต่นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
สิ่งที่เขาต้องการนั้น…
คือนางเองก็มีใจให้เขาเช่นกัน