เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 29 ถือหาง
ผู้อาวุโสเก้าโมโหจนตาถลนออกมา เส้นผมบางๆ บนศีรษะของเขาแทบจะตั้งขึ้นอีกครั้ง! เขาคิดไว้แล้วว่านางหนูร้ายกาจคนนี้จะมาวุ่นวายอีก โชคดีที่เขาเตรียมแผนรับมือไว้ก่อนแล้ว
จากนั้น ผู้อาวุโสเก้าก็มองไปที่เยี่ยนชิงทันที แล้วพูดขึ้นว่า “สั่งสอนลูกของเจ้าเสียหน่อยเถิด นางไร้พลังแต่กำเนิด จะไปทำอะไรได้ ใต้เท้าเฉาอยู่ที่นี่ เจ้าก็ยับยั้งชั่งใจเสียบ้าง!”
ความหมายของคำพูดเหล่านี้ เขาต้องการให้เยี่ยนชิงรู้ว่า ในเมื่อลูกสาวของเจ้าไร้พลังแต่กำเนิด เจ้าเองก็ไม่อยากให้นางถูกคัดเลือกเป็นซิ่วหนี่ว์ เช่นนั้นก็จงยับยั้งชั่งใจเสีย อย่าเข้ามาวุ่นวาย
เยี่ยนชิงคิดตรงกับคำพูดเช่นนี้ของเขานัก แต่เยี่ยนอวี๋กลับกล่าวแทนบิดาของนางว่า “ข้าไร้พลังแต่กำเนิด มิใช่ไร้สมองแต่กำเนิดเสียหน่อย เรื่องง่ายดายเช่นนี้ ย่อมพิสูจน์ได้ง่ายอยู่แล้ว”
ผู้อาวุโสเก้า “…”
“หืม?” เฉาหมิงเฉิงให้ความสนใจขึ้นมาทันที เขามองสตรีผู้โดดเด่นไร้ที่ติคนนี้ “เจ้ามีวิธีอย่างนั้นหรือ”
ถึงแม้เฉาหมิงเฉิงในตอนนี้จะไม่คิดว่าสตรีคนงามตรงหน้านี้จะมีวิธีพิสูจน์จริงๆ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสิ่งมีชีวิตที่งดงามชั้นยอดเช่นนี้แล้ว ไม่ว่าผู้ใดก็ย่อมรู้จักอดทนมากขึ้น
เรื่องอื่นมิต้องพูดถึง เพียงแค่ได้ฟังนางพูดก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งแล้ว เสียงนั้นช่างไพเราะอ่อนโยน ราวกับเสียงลมโชย ราวกับเสียงคลื่นซัดอย่างอ่อนโยน ช่างไพเราะจับใจนัก
แต่สำหรับเยี่ยนชิงถังแล้ว เสียงเช่นนี้ไม่ไพเราะเอาเสียเลย! นางจึงตำหนิกลับไปอย่างทนไม่ได้ว่า “เยี่ยนจื่ออวี๋! พอแล้ว! เจ้ารู้หรือไม่ หากเจ้าเล่นไร้สาระต่อหน้าใต้เท้าเฉา จะส่งผลเช่นไรต่อสำนักเรา”
“ข้า…” เฉาหมิงเฉิงอยากบอกว่าเขาไม่เป็นไร
แต่เฉาหมิงเฉิงผู้ตรวจตราสำนักราชพิธี กลับต้องเห็นด้วยกับเยี่ยนชิงถัง พูดว่า “เยี่ยนซิ่วหนี่ว์พูดถูก ข้ามิทราบมาก่อนว่า ในวิหารใหญ่ของสำนักชางอู๋ มีที่ยืนสำหรับหญิงไร้พลังตั้งแต่เมื่อใดกัน”
ความหมายก็คือ สำนักชางอู๋ไร้มารยาท ไม่เคารพราชสำนัก จึงปล่อยให้เศษสวะออกมาพูด มีโทษใหญ่หลวงนัก!
สีหน้าเยี่ยนชิงพลันเปลี่ยนเล็กน้อย แต่เขายังคงพูดอย่างไม่รีบไม่ร้อนว่า “ใต้เท้าเฉาไม่ทราบมาก่อน ถึงแม้สาวน้อยจะไร้พลังแต่กำเนิด แต่ก็เพิ่งพบว่ามีพรสวรรค์ด้านปรุงยา ดังนั้นนางจึงมีสิทธิ์พูดเรื่องการพิสูจน์ยาแปรสภาพของลูกชายข้า ทั้งนี้ บุตรสาวข้าอายุยังน้อยนัก ยังไม่เคยเผชิญกับเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ หากมีที่ใดผิดพลาดไป ได้โปรดใต้เท้าเฉาและใต้เท้าท่านอื่นอภัยด้วย”
“พรสวรรค์ด้านการปรุงยาอย่างนั้นหรือ” เฉาหมิงเฉิงตาเป็นกระกาย
ผู้อาวุโสเก้าถลึงตาใส่เยี่ยนชิง เจ้าหมอนี่รักลูกสาวคนนี้มากมิใช่หรือ เหตุใดจึงยอมให้ขันทีคัดเลือกหญิงงามรู้ความจริงเล่า ไม่กลัวว่าลูกสาวจะถูกพาตัวไปหรืออย่างไรกัน
หารู้ไม่ว่าเยี่ยนชิงรู้ดีแก่ใจนัก พรสวรรค์ของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไม่สามารถปิดบังไว้ได้อยู่แล้ว แทนที่จะได้รับโทษฐานลบหลู่เบื้องบนในวันข้างหน้า สู้เปิดเผยตอนนี้เสียดีกว่า ส่วนผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร เขาย่อมมีวิธีแก้ไข ย่อมไม่ยอมเดินตามหมากของผู้อาวุโสเก้าหรอก
ผู้อาวุโสรองที่ไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใด ก็ได้เวลาเหมาะสม พูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว นังหนูอวี๋มีสิทธิ์พูด แต่อายุของนางยังน้อยเกินไป ข้าจึงเรียกท่านประมุขแห่งหอโอสถของสำนักข้ามาด้วย ใต้เท้าเฉา และผู้ตรวจตราทุกท่านคิดว่าอย่างไร”
“มิบังอาจ” ผู้ตรวจตราที่มีหน้าที่ตรวจสอบงานราชสำนักมิบังอาจแทรกแซงกิจนอกเหนือหน้าที่ ถึงอย่างไรหัวหน้าคณะในครั้งนี้ ก็คือเฉาหมิงเฉิง
เฉาหมิงเฉิงดีใจมากที่เยี่ยนอวี๋มีพรสวรรค์อย่างอื่น เขาย่อมเห็นด้วยกับแผนของผู้อาวุโสรอง ทำเอาผู้อาวุโสเก้ารู้สึกถึงภัยอันตราย
แม้จะรู้สึกหวาดระแวง แต่ผู้อาวุโสเก้าก็รู้สึกได้อย่างแรงกล้าว่านางหนูตัวดีที่กลับมาสำนักชางอู๋อีกครั้งคนนี้ ช่างร้ายกาจยิ่งนัก เพียงแต่ว่าแม้พวกเขาจะติดสินบนผู้ตรวจตราได้ แต่กลับไม่สามารถติดสินบนขุนนางอันดับสามได้ ดังนั้นแม้จะร้อนรนเพียงใด ผู้อาวุโสเก้าก็ทำได้เพียงกลั้นไว้
…
ประมุขแห่งหอโอสถถูกเชิญมาที่ห้องโถงใหญ่อย่างงุนงงอีกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงอุปสรรคที่อาจจะมีมากขึ้นหากใช้เวลายิ่งนาน ผู้อาวุโสรองจึงถามประมุขแห่งหอโอสถที่เพิ่งเข้ามาว่า
“เสี่ยวเย่า ในฐานะที่เจ้าเป็นนักปรุงยาชั้นห้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าต้องพิสูจน์คนแปรสภาพเพราะเกิดจากพิษของยาแปรสภาพจริงๆ ไม่ใช่เพราะมีสายเลือดของสัตว์ร้ายอยู่ในร่างกายอยู่แล้ว”
“นี่มัน…” ประมุขแห่งหอโอสถชะงักไปครู่หนึ่ง ส่ายศีรษะพูดว่า “ข้าน้อยไม่สามารถพิสูจน์ได้ขอรับ” ตามที่เขาทราบ เรื่องนี้มิสามารถพิสูจน์ได้ เนื่องจากการปรุงยาแปรสภาพนั้น ต้องผสมเลือดของสัตว์ร้ายเข้าไปด้วยอยู่แล้ว กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ถึงแม้คนคนนี้จะไม่มีสายเลือดของสัตว์ร้ายก็ตาม หากกลืนกินยาแปรสภาพเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนมีสายเลือด! และยังไม่สามารถถอนพิษได้ เนื่องจากการกระตุ้นสรรพคุณของยาแปรสภาพ เลือดของสัตว์ร้ายจะหลอมรวมเข้ากับเลือดของคนอย่างรวดเร็ว
ดังนั้น เมื่อประมุขแห่งหอโอสถได้ทราบเรื่องของเยี่ยนจื่อเสา เขาก็รู้ว่าทิศทางลมของสำนักอาจจะเปลี่ยนกลับไปแล้ว เพราะว่าท่าทีที่ราชสำนักมีต่อมนุษย์วานรหวาไหว สัตว์ร้ายเช่นนี้นั้น ต้องสังหารสถานเดียว แม้ผลสรุปจะเกิดข้อผิดพลาดก็ตาม!
แต่แล้วประมุขแห่งหอโอสถเพิ่งพูดจบ เยี่ยนอวี๋ก็เอ่ยปากอีกครั้ง “ทุกคนมาครบแล้วใช่หรือไม่ ต้องเชิญผู้ใดมาพิสูจน์อีกหรือไม่” จะได้ไม่ต้องยุ่งวุ่นวายอีกครั้ง
“…” ประมุขแห่งหอโอสถไม่รู้ควรตอบอย่างไร เขาจึงแกล้งไม่ได้ยิน ปล่อยให้ผู้ใหญ่คนอื่นๆ เป็นคนตอบ คำถามนี้ช่างเผยความหยิ่งผยองของผู้โง่เขลานัก
เฉาหมิงเฉิงคอยชื่นชมความงามของเยี่ยนอวี๋มาตลอด ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่าหญิงสาวผู้นี้สวยแต่ไร้สมองก็ตาม แม้นรูปโฉมจะงดงามแต่โง่เขลานัก ทว่าเขายังคงพูดอย่างสมยอมว่า “ไม่ต้องแล้ว หากเจ้ามีวิธี ก็เริ่มได้เลย”
“ได้” เยี่ยนอวี๋หันไปมองเยี่ยนชิง “ท่านพ่อ พาผู้อาวุโสที่ถูกขังมาทีเจ้าคะ”
“…?” เยี่ยนชิงคิดตามไม่ทันแล้ว
เยี่ยนชิงถังกลับระแวดระวังขึ้นมาทันที “เจ้าจะทำอะไร”
เยี่ยนอวี๋ไม่สนใจนาง เมื่อเห็นเยี่ยนชิงเงียบไป เยี่ยนอวี๋จึงกะพริบตาก่อนจะเรียก “ท่านพ่อเจ้าคะ?”
“อ้อ! อื้มๆ พ่อจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” เยี่ยนชิงรีบตั้งสติและบัญชาลงไป
ผ่านไปเพียงครู่เดียว เยี่ยนอู้ที่หน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่น ก็ถูกนำตัวเข้ามาในห้องโถงด้วยโซ่ตรวน ดูน่าอนาถนัก แต่เยี่ยนอู้ยังมีสติดีมาก เขาเหลือบมองเยี่ยนชิงและเยี่ยนจื่อเสาที่อยู่เยื้องๆ กัน ก่อนจะยิ้มเล็กน้อย แสดงท่าทีราวกับกุมชัยชนะไว้ในมืออย่างไรอย่างนั้น
แต่แล้ว ท่าทีมั่นใจเต็มร้อย พร้อมพลิกสถานการณ์ของเขา ก็ถูกเข็มของเยี่ยนอวี๋แทงลงไปอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำเอาวิญญาณของเขาแทบหลุดออกจากร่าง…
เยี่ยนอู้ส่งเสียงกรีดร้อง อ้ากกก อย่างเจ็บปวด แทบจะระเบิดแล้ว! เขาตะคอกใส่เยี่ยนอวี๋ที่ลอบลงมือว่า “นังตัวดี! บังอาจนัก! เจ้า…”
เยี่ยนอู้ก่นด่าไปถึงครึ่งทาง พลันรู้สึกคันบริเวณกระดูกสันหลัง นี่มัน…
ไม่ทันที่เขาจะตั้งสติได้ เสียง แซด เบาๆ ก็ดันทะลุออกมาจากเสื้อผ้า และโผล่ออกมาจากหลังของเขา
นี่มัน…
“แผงคอสัตว์?”
ผู้อาวุโสรองเบิกตากว้าง เห็นบนหลังของเยี่ยนอู้กำลังมีขนแข็งเหมือนหมูป่างอกออกมาอย่างรวดเร็ว นี่มัน… “บนตัวเสี่ยวอู้มีแผงคอสัตว์งอกออกมาอย่างนั้นหรือ” นี่…ไม่น่าจะเป็นไปได้หรอก เขาคงไม่ได้แก่จนตายลายหรอก!?