เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 291 คราวนี้เป็นเมรุจริงๆ แล้ว
ตอนที่ 291 คราวนี้เป็นเมรุจริงๆ แล้ว
“อ้ะเนะ!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าผู้ซึ่งถูก ‘โยนทิ้ง’…
ต้าซือมิ่งที่เห็นว่าผิดปกติตั้งนานแล้วได้ ‘ระวัง’ ไว้ก่อนแล้วเอื้อมมือออกไปจับลูกตามสัญชาตญาณ แต่เขารับไว้ไม่ทัน
เพราะเจ้าตัวน้อยบางคนมีไหวพริบดีอยู่แล้ว! เขากอดแขนของท่านลุงแน่น ขาน้อยๆ ของเขายังคงเตะอยู่กลางอากาศ “อ้ะเนะเนะ?” ทิ้งข้าได้อย่างไรกัน
“อะแฮ่ม!” เยี่ยนจื่อเยี่ยรีบดึงหลานชายตัวน้อยของเขาขึ้นมา เหงื่อผุดซึมบนหน้าผากด้วยความรู้สึกผิด “ขออภัย ท่านลุงอุ้มไม่มั่นคงเอง ขออภัยด้วย…”
“อ้ะ! อ้ะเนะเนะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่กำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของท่านลุงของเขาอีกครั้ง พยักหน้าอย่างสง่างาม บ่งบอกว่าข้าให้อภัยท่าน เพราะครั้งแรกท่านพ่อของข้าก็อุ้มข้าไม่อยู่เช่นกัน!
เยี่ยนจื่อเยี่ยที่อุ้มเจ้าตัวน้อยที่อ่อนนุ่มอย่างแข็งทื่อยังอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมาก! ในทางกลับกันต้าซือมิ่งผู้มีประสบการณ์ในอดีตก็ได้ช่วยไว้ “พี่ใหญ่ผ่อนคลายมือและกอดเขาตรงนี้ ไม่เป็นไร เสี่ยวเป่าสามารถบีบได้”
“เช่นนี้?” เยี่ยนจื่อเยี่ยที่คลำทางมาระยะหนึ่งกำลังเรียนรู้วิธีอุ้มเด็กทารกอย่างจริงจัง
“ใช่” ต้าซือมิ่งหรงก็สอนพี่ใหญ่ของเขาเช่นกัน
ผู้ชมที่ยังไม่แยกย้ายกันไปมองดูอย่างคาดไม่ถึง ชายผู้ยิ่งใหญ่สองคนที่มีพลังวิเศษและหน้าตาดี แบ่งปันและเรียนรู้วิธีอุ้มลูกอย่างไร ช่างงดงามยิ่งนัก พลังทำลายล้างสูงมาก หลายคนกำลังมึนงง
แต่ก็ยังมีผู้ฝึกฌานหญิงที่เริ่มสอนคนรักข้างกายพวกเขา “ดูต้าซือมิ่งเขา ทั้งแข็งแกร่ง! และยังรู้จักวิธีดูแลลูกน้อยอีก เจ้าล่ะ ตั้งแต่ที่เจ้าหมาน้อยกำเนิดมาเจ้าอุ้มไปกี่หนแล้ว”
“ไม่ใช่อย่างนั้น อุ้มหลานไม่อุ้มลูกอย่างไรเล่า…”
“พอกันที! ความสามารถไม่มาก แต่กฎระเบียบนั้นยิ่งใหญ่จริงๆ! ดูต้าซือมิ่งเขาสิ เจ้ามีความสามารถเช่นเขาสักนิ้วหนึ่งหรือไม่ ยังจะมาพูดเรื่องเหตุผลกับข้าอีก กลับบ้านเป็นคุณชายแล้วสินะ! ข้าจะบอกเจ้าให้นะชีวิตเช่นนี้ข้าไม่เอาแล้ว!”
…
ผู้ฝึกฌานหญิงที่ ‘เห็น’ ท่าทางที่ไม่ใช่ชายทุกคนจะเป็นได้จากตัวต้าซือมิ่ง บ่งบอกว่าสามีภรรยาต้องเลี้ยงลูกด้วยกัน! คู่ชีวิตที่ไม่สามารถช่วยเลี้ยงลูกได้นั้น…เอาไม่ได้!
แน่นอนว่ายังมีผู้ฝึกฌานชายที่ยุ่งมาก บอกว่าในอนาคตการฝึกฝนของพวกเขาจะถูกแยกจากกัน ต้องมีคนหนึ่งอยู่เพื่อดูแลลูก ซึ่งมีความกลมกลืนกันมากกว่าอดีต
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง แต่เกือบจากนี้ไปทั้งเมืองหลวงก็มี ‘ข่าวลือ’ ว่า “แต่งงานกับใครสักคน ควรแต่งงานกับคนเช่นต้าซือมิ่ง มีลูกสาวคนหนึ่งควรมีเช่นปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน!”
ตอนนี้ลู่หมิงได้เชิญทุกคนกลับมาที่สำนักศึกษาแล้ว และในบางครั้งเขาก็มองไปที่เจ้าตัวน้อยบางคนที่สามารถเคลื่อนไหวไปมาในอ้อมแขนของท่านลุงได้อย่างมีความสุข โดยไม่มีทาง ‘หลุด’ ไปอีก
ต้าซือมิ่งบางคนกระซิบข้างเยี่ยนอวี๋ว่า “ดูสิ ข้าทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
เยี่ยนอวี๋เหลือบมองเขา “เจ้าต้องขอบใจที่เสี่ยวเป่าแข็งแกร่ง”
“อ้ะ!” ทันทีที่เยี่ยนเสี่ยวเป่าได้ยินว่ากำลังเรียกเขา เขาก็มองไปที่ท่านแม่ของเขาทันที “แม!”
“จ๋า” เยี่ยนอวี๋ตอบด้วยแววตายิ้มและลูบศีรษะโล้นของลูกน้อย “เสี่ยวเป่าชอบท่านลุงหรือไม่”
“ชอบ! ชอบ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตอบอย่างมีความสุข
มันทำให้ลุงรองบางคนอิจฉา “เสี่ยวเป่าลำเอียง ลุงรองสอนให้เจ้าเรียกท่านลุงตั้งนาน แต่เจ้าไม่เคยเรียกเลย แต่วันนี้เมื่อท่านลุงใหญ่ของเจ้าปรากฏขึ้น เจ้าก็เรียกเสียอย่างนั้น ลุงรองเศร้าเหลือเกิน”
“เนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ามองลุงรองของเขาทันที บึ้งปากใส่แล้วเป่า ‘ฮู้ๆ’ ราวกับว่าเขากำลังปัดเป่าความเจ็บปวดให้กับลุงรองของเขา และพ่นน้ำลายออกมาเล็กน้อย
เยี่ยนเสี่ยวเป่า “…”
เขารีบมุดเข้าไปในอ้อมแขนของลุงใหญ่ทันที นอนนิ่งไม่ขยับ
“เกิดอะไรขึ้น” เยี่ยนจื่อเยี่ยดูประหลาดใจ แต่รู้สึกว่าหลานชายของเขามีชีวิตชีวามาก เมื่อน้องชายและน้องสาวของเขายังเด็ก พวกเขาไม่ค่อยมีชีวิตชีวา และดูเหมือนว่าหลานชายของเขาจะเข้าใจสิ่งที่ผู้ใหญ่พูดได้ทั้งหมด
“อายน่ะ” เยี่ยนอวี๋รู้ดี “พ่นน้ำลายออกมาเลยอายน่ะ”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าผู้ซึ่งถูกเปิดโปงพ่นลมทันที “แม!”
“ฮ่า” เยี่ยนจื่อเยี่ยหัวเราะ
ลู่หมิงยิ้มตาม “เด็กคนนี้ฉลาดจริงๆ”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ได้ยินคำชม เขาก็ยิ้มอย่างนุ่มนวลให้กับลู่หมิงในทันที ทำให้ลู่หมิงเบิกบาน “มามะ ให้ปู่ลู่อุ้มหน่อยได้หรือไม่”
“เนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ยื่นมืออ้วนป้อมของเขาออกมา เห็นได้ชัดว่าให้
ลู่หมิงหัวเราะอย่างร่าเริง “ฮ่าๆๆ ดีๆๆ เจ้าเด็กฉลาด”
“ฮี่ฮี่!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ยิ้ม แสดงความน่ารักออกมาได้อย่างสมบูรณ์ และทำให้ลู่หมิงที่ไม่เคยหัวเราะ หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งดึงดูดความสนใจเป็นอย่างมาก
ส่วนเยี่ยนจื่อเยี่ยที่ถูกแย่งหลานชายตัวน้อยของเขาไปก็หันกลับมามองที่ต้าซือมิ่งบางคนที่กำลังเดินอยู่ข้างเยี่ยนอวี๋ และยังเดินค่อนข้างใกล้ชิดอีกด้วย
ระยะห่างเช่นนี้ เยี่ยนจื่อเยี่ยย่อมมีไม่พอใจอยู่แล้ว แต่เขาไม่ได้เข้าไปแยกทั้งสองออกจากกันโดยตรง เขามองออกว่าน้องสาวคนเล็กของเขารู้สึกพอใจกับ ‘เขยในอนาคต’ คนนี้ที่ผ่านด่านท่านพ่อมาแล้ว
แต่ทว่า…
เยี่ยนจื่อเยี่ยเอ่ยปากพูด “ต้าซือมิ่งหรงใช่หรือไม่”
“พี่ใหญ่” หรงอี้ลืมตาขึ้นแล้วเรียกกลับ
เยี่ยนจื่อเยี่ยเม้มริมฝีปากเล็กน้อย “เจ้าอยากเรียกข้าว่าพี่ใหญ่ก็ได้ถ้าต้องการ ผนึกฌานตบะและพลังวิเศษของเจ้า แล้วมาดวลกันที่ลานสำนักศึกษา สาวน้อยตระกูลเยี่ยนของเราไม่ได้สู่ขอกันง่ายๆ หรอกนะ”
“พี่ใหญ่…” เยี่ยนจื่อเสาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร แม้ว่าเขาจะมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอุปนิสัยของต้าซือมิ่งก็ตาม แต่ในฐานะพี่ใหญ่! เขาก็ลังเลมากเช่นกัน
เม่ยเอ๋อร์แตกต่างออกไป นางร้องออกมาทันที “ได้เจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่! ข้าเห็นด้วย ท่านว่าอย่างไร”
เยี่ยนอวี๋เงยหน้า ก่อนที่นางจะพูดอะไร ต้าซือมิ่งก็ตอบรับ ‘คำท้า’ เสียแล้ว “ฝากเนื้อฝากตัวด้วย”
“เชิญ” เยี่ยนจื่อเยี่ยโบกแขนเสื้อเพื่อน้อมเชิญ ดูมีมาดสุภาพบุรุษ ไม่รีบร้อนและแน่วแน่
“อ้ะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าดูเหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจว่า ‘ดวล’ นี้หมายถึงอะไร ไม่เหมือนที่เยี่ยนชิงมักจะพูดว่า ‘ตี’ เลย ถ้าคำนี้เขาสามารถเข้าใจได้
ทันทีที่เยี่ยนจื่อเสาได้ยินเสียงร้องอ่อนเยาว์ก็อธิบายให้กับเจ้าตัวน้อยทันทีว่า “ท่านลุงใหญ่ของเจ้าจะเล่นกับท่านพ่อของเจ้าสักพัก เราไปดูข้างๆ กันดีหรือไม่”
“อ้ะเนะเนะ!” เมื่อเยี่ยนเสี่ยวเป่าได้ยินว่าเล่น เขาก็ยิ้มอย่างมีความสุขอย่างเป็นธรรมชาติ
เยี่ยนจื่อเสาถอนหายใจด้วยความโล่งอกและกระซิบกับพี่ใหญ่ของเขาว่า “อย่ามองว่าเสี่ยวเป่ายังเด็ก เขาปกป้องท่านพ่อของเขามาก หากเขารู้ท่านจะตีท่านพ่อของเขาล่ะก็ ข้าไม่คิดว่าท่านจะสู้ได้”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” เยี่ยนจื่อเยี่ยขมวดคิ้ว
“ท่านคิดว่าท่านพ่อไม่ต้องการตีคนที่จะพรากเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไปหรอกหรือ ต้องการนัก! แต่ทุกครั้งที่ท่านพ่อจะลงมือ เสี่ยวเป่าก็จะหยุดไว้ ท่านลงมือต่อเด็กน้อยที่น่ารักน่าชังขนาดนี้ได้หรือ”
เยี่ยนจื่อเยี่ยมองเจ้าตัวน้อยอย่างจริงจัง ฝ่ายหลังจึงยิ้มหวานให้เขาทันที ทำให้เขาละลายเหมือนน้ำแข็งและหิมะ พร้อมกับถอนหายใจ “ไม่ได้”
“ก็นั่นน่ะสิ” เยี่ยนจื่อเสาดูชัดเจน
เยี่ยนจื่อเยี่ยเข้าใจว่าท่านพ่อของเขาถูก ‘อุบาย’ ครอบงำได้อย่างไร ก็ว่าล่ะ! เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่ท่านพ่อหวงนักหวงหนาจะตอบตกลงได้ง่ายเพียงนั้นได้อย่างไรกัน ที่แท้ก็เป็น ‘คนทรยศน้อย’ นี่เอง
อย่างไรก็ตาม เยี่ยนจื่อเยี่ยที่เปิดใจพูดอีกครั้งกล่าว “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เจ้ามากับพี่ที”
“หืม?” เยี่ยนอวี๋ตกใจเล็กน้อย
เยี่ยนจื่อเยี่ยจับมือของนางแล้วพาไปอีกที่หนึ่ง
เยี่ยนอวี๋สัมผัสได้ถึงความอุ่นที่แผ่ซ่านมาจากฝ่ามือ แม้นจะไม่คุ้นเคยสักเท่าไร แต่ก็ไม่ได้ขัดขืน กลับกันยังมีความตื่นเต้นแปลกๆ
นางสามารถรับรู้ได้ว่าพี่ใหญ่เป็นคนที่อ่อนไหวที่สุดในครอบครัว เช่นนั้นเขาจะรู้หรือไม่ว่านางไม่ใช่ ‘เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์’ คนเดิมของพวก…พวกเขาอีกต่อไป
แต่เมื่อความกังวลนี้เอ่อล้นมาจากหัวใจของเยี่ยนอวี๋นางก็ถูกเยี่ยนจื่อเยี่ยสวมกอด เขากอดนางไว้ในอ้อมแขนของเขาเบาๆ และตบหลังนางเหมือนตอนที่ยังเป็นเด็ก “พี่ขอโทษ ตอนที่เจ้าต้องการพี่ใหญ่ที่สุด พี่กลับไม่อยู่ที่สำนักชางอู๋”
สำนักศึกษามักจะ ‘เร้นจากโลก’ และอุทิศตนให้กับการฝึกฝน ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับเยี่ยนจื่อเสาแล้ว เยี่ยนจื่อเยี่ยจะได้รับข่าวช้ากว่านัก เมื่อตอนที่เขารู้เรื่อง ทุกอย่างก็ผ่านไปแล้ว
แต่แม้เวลาจะผ่านไปนานเยี่ยนจื่อเยี่ยก็ยังปล่อยมันไปไม่ได้ หากท่านพ่อของเขาไม่ขอให้เขาอยู่ในสำนักศึกษาและรอน้องสาวของเขาเข้าเมืองหลวงล่ะก็ เขาคงออกจากสำนักศึกษาแล้วกลับไปยังสำนักชางอู๋ตั้งนานแล้ว
สำหรับเยี่ยนอวี๋ นางกะพริบตาเล็กน้อย หัวใจของนางอบอุ่นมาก “มันผ่านไปแล้ว”
เยี่ยนจื่อเยี่ยเจ็บใจ! เศร้าขึ้นมา…
เพราะมัน ‘ผ่านไป’ ไม่ใช่ ‘ข้าสบายดี’ ดังนั้นเขาจึงสามารถรับรู้ได้จากคำตอบของน้องสาวได้ว่าน้องสาวของเขาต้องลำบากมากแค่ไหน
ความจริงก็ยากจริงๆ เยี่ยนอวี๋ไม่ได้พูดว่า ‘ข้าสบายดี’ เพราะ ‘นาง’ ลำบากจริงๆ เสียสละไปทั้งชีวิต แลกมาด้วยชีวิตที่สั้นเพียงนี้
…ผ่านไปนานพอควร เยี่ยนจื่อเยี่ยก็ระงับความปวดใจและถามด้วยน้ำเสียงแหบห้าว “แล้วต้าซือมิ่งคนนี้ล่ะ เจ้าบอกพี่ใหญ่มาตรงๆ ว่าเขารังแกเจ้าหรือไม่”
ขณะพูดเยี่ยนจื่อเยี่ยก็ปล่อยน้องสาวของเขาและมองดูนางอย่างจริงจัง เห็นได้ชัดว่าต้องการคำตอบที่แน่นอนเพื่อตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรในภายหลัง
เยี่ยนอวี๋เข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึงและตอบตามจริงว่า “ที่จริงแล้ว ข้าควรขอบคุณที่เป็นเขา ไม่ใช่กู้หยวนเหิง หรือคนอื่น” ชาติที่แล้ว เป็นเพราะไม่ใช่เขา เด็กสาวคนนั้นคง…
“พี่เข้าใจแล้ว” เยี่ยนจื่อเยี่ยเข้าใจ
เยี่ยนอวี๋พยักหน้าแล้วหยิบโอสถอายุวัฒนะออกจากถุงวิเศษ “พี่ใหญ่”
เมื่อเห็นว่าเยี่ยนจื่อเยี่ยยิ้มแล้ว เหมือนหิมะและท้องฟ้าอันสดใส “เจ้าไม่กลัวว่าพี่จะตีเขาจริงๆ หรือ”
“นั่นคือสิ่งที่เขาสมควรได้รับ!” เยี่ยนอวี๋ตอบด้วยสายตาที่หรี่ลง
เยี่ยนจื่อเยี่ยยกมือขึ้นและลูบเครื่องติดผมที่ขมับของน้องสาว ซึ่งมีความหมายว่า ‘พี่ใหญ่เข้าใจแล้ว’
จากนั้น…
ต้าซือมิ่งบางคนหึงมาก!
และในขณะนั้นเอง…
ยังมีสหายร่วมชั้นคนหนึ่งที่รู้จักเยี่ยนจื่อเยี่ย ได้ตะโกนเรียกอยู่ทางไม่ไกล “จื่อเยี่ย! จื่อเยี่ย! นี่คือภรรยาที่ท่านพ่อของเจ้าหาให้หรือ งามจริงๆ!”