เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 293 ห้ามแตะต้องภรรยาและลูกของข้าแม้เพียงนิดเดียว
- Home
- เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน
- ตอนที่ 293 ห้ามแตะต้องภรรยาและลูกของข้าแม้เพียงนิดเดียว
ตอนที่ 293 ห้ามแตะต้องภรรยาและลูกของข้าแม้เพียงนิดเดียว!
เหอซงที่กล่าวจบแล้วถึงจะกล้าถอนหายใจและเช็ดเหงื่อของเขาได้ แล้วจึงเริ่ม ‘ค้นหา’ ว่าเทพธิดาผู้นั้นอยู่ที่ไหน จากนั้นเขาก็เห็นหญิงสาวผู้งดงามเพียงคนเดียวที่กำลังอุ้มลูกของนางไว้ที่ลานประลองของสำนักศึกษาทันที
เหอซงไม่ต้องคิดก็รู้ว่านี่คือเทพธิดาที่ฝ่าบาทพร่ำนึกถึงตลอด เขาก้าวไปข้างหน้าทันที และยื่นพระราชโองการให้ด้วยความเคารพ “ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน โปรดรับพระราชโองการ”
“อ้ะเนะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าละสายตาจากบิดาของเขา และมองดูพระราชโองการตรงหน้าเขาอย่างสงสัย แล้วมองไปที่ท่านแม่ของเขา “อ้ะเนะเนะ?” อะไรน่ะ
เยี่ยนอวี๋สัมผัสศีรษะโล้นที่มีผมของเจ้าตัวน้อย จากนั้นก็ยื่นมือออกไปรับพระราชโองการ “ขออภัย อุ้มลูกน้อยอยู่ไม่สะดวกนัก”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร!” เหอซงไม่ถือสา หากเป็นคนอื่น เขาจะต้องตำหนิเขาเป็นแน่ แต่คนนี้ไม่ใช่ใครอื่นใด! อีกไม่นานนางจะกลายเป็นฮองเฮาคนใหม่ และเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทตลอดไป!
เยี่ยนเสี่ยวเป่าจับพระราชโองการในมือของมารดาด้วยความสงสัย เพราะว่าสิ่งนี้มีสีสันและสะท้อน ‘ความงาม’ ของมารดาได้เป็นอย่างมาก
เยี่ยนอวี๋ไม่ได้หยุดเขา แต่เหอซงรู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีทีท่าจะพูดอะไร ดังนั้นเขาจึงได้แต่บอกเพียงว่า “ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนต้องไปงานเฉลิมฉลองในค่ำคืนนี้ให้ตรงเวลา เพื่อต้อนรับท่าน ฝ่าบาทได้เชิญผู้คนในราชสำนัก รวมทั้งผู้มีเกียรติทั้งหลายในเมืองหลวงได้มาสนุกสนานกันถ้วนหน้าแล้ว”
“ข้าต้องไปงานเฉลิมฉลองอย่างตรงเวลาแน่ แม้ว่าจะไม่มีงานเฉลิมฉลองนี้ ข้าก็วางแผนที่จะไปที่พราราชวังเพื่อแสดงความขอบพระทัยอยู่แล้ว ฝ่าบาททรงทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่แล้ว ละอายใจ” เยี่ยนอวี๋กล่าวว่าละอายใจ แต่ความจริงแล้วก็คือ ‘ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่’ นั่นเอง
เหอซงเป็นคนฉลาด เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร แต่เขาแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “ที่ใดกัน ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนเป็นอัจฉริยะที่หาที่เปรียบมิได้ในต้าซย่า สมควรได้รับเกียรตินี้ และสามารถทำให้พวกที่มีตาหามีแววไม่ได้มีแววบ้างเสียที”
“เช่นนั้นก็ขอบพระทัยฝ่าบาทสำหรับความรักความเมตตาที่ทรงมีให้” เยี่ยนอวี๋วางพระราชโองการไว้ในอ้อมแขนของลูกน้อยและปล่อยให้เขาเล่นให้พอใจ
เหอซง “…”
เขาที่เหงื่อเย็นแทบจะไหลลงมารีบเอ่ยลาอย่างรวดเร็ว
แต่อินหลิวเฟิงได้ออกมาแล้วถามว่า “หัวหน้าเหอ ไม่ทราบว่างานเฉลิมฉลองนี้มีส่วนของข้าด้วยหรือไม่”
“…แน่นอน นายน้อยอินเป็นบุตรชายของท่านอ๋อง ต้องอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว แต่ขันทีภายในที่นำวาจาไปให้ท่านนั้น น่าจะส่งไปที่จวนอ๋องอิน ท่านกลับไปดูก็จะทราบเอง”
“อ้อ!” อินหลิวเฟิงนึกขึ้นได้ทันใด “แล้วไม่ทราบว่าต้าซือมิ่งจะไปได้หรือไม่”
หยาดเหงื่อเย็นของเหอซงกำลังจะไหลลงมา แต่เขาก็ยังตกลงว่า “แน่นอน ฝ่าบาทไม่ได้พบต้าซือมิ่งมาเป็นเวลานานแล้ว ต้องต้อนรับเขาอยู่แล้ว แต่พระราชโองการนี้ก็คงส่งไปที่ตำหนักซือมิ่งแล้วเช่นกัน”
“อ้อ!” อินหลิวเฟิงตกตะลึงอีกครั้ง และต้องการจะถามอย่างอื่น
เหอซงกล่าวลาแล้ว “ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน นายน้อยอิน ข้ายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ ขอตัวลาก่อน”
“อืม” เยี่ยนอวี๋ตอบอย่างเย็นชา
เหอซงสบโอกาสรีบหนีไปทันทีโดยไม่ได้ไปคารวะโยวตูอ๋องและต้าซือมิ่งบางคนด้วยซ้ำราวกับว่าไม่เห็นพวกเขา
…
“ข้าเห็นแล้ว” เยี่ยนจื่อเยี่ยที่ปล่อยมือน้องเขยของเขาแล้วถามอย่างเฉยเมยว่า “เจ้าคิดว่าฝ่าบาททรงรีบร้อนเรียกให้เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เข้าวังทำไมกัน และยังแสร้งทำเป็นต้อนรับนางอีกด้วย เพราะอะไรกันนะ”
ต้าซือมิ่งหรงที่ถูกถาม พาดมือข้างหนึ่งไว้ด้านหลัง ดวงตาของเขาราวกับจักรวาลที่ซ่อนอยู่ “ทะเยอทะยานหรือหลงใหลในกามารมณ์กันแน่”
“โอ้ะ?” เยี่ยนจื่อเยี่ยเลิกคิ้ว “หลงใหลในกามารมณ์อย่างนั้นหรือ หมายความว่าอย่างไร”
“เฉาหมิงเฉิงเคยเห็นเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ และมีความสำเร็จในวิชาปรุงยา นอกจากนี้ที่ตระกูลจางมาก่อเรื่องที่นอกสำนักศึกษา บางทีบางคนอาจคิดว่าสำนักศึกษาอาจสามารถซ่อนพลังของข้าและไม่ถูกสังเกตได้” ต้าซือมิ่งหรงไม่ลืมจดหมายที่ไม่รู้ที่มาของโยวตูอ๋องนั่น
และเยี่ยนจื่อเยี่ยที่ได้ยินเรื่องนี้ก็พยักหน้าเล็กน้อย “เจ้ารู้อยู่แก่ใจก็พอ แต่อย่ากังวลมากเกินไป เพราะเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ถือเป็นหญิงออกเรือนแล้ว และราชโองการก็บอกว่าให้พาลูกชายเข้าวังด้วย จริงอยู่ที่ฝ่าบาทของเราฝักใฝ่ในกาม แต่ไม่ใจดำแน่นอน
หากเขาต้องการพาเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เข้าในวังจริงๆ คงจะไม่ยอมให้เสี่ยวเป่าตามไปด้วยแน่นอน ดีที่สุดก็คือส่งเสี่ยวเป่าออกไป และไม่มีวันปล่อยให้เสี่ยวเป่าปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีก ดังนั้นข้าคิดว่า ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เขาจะลงมือแล้วจึงได้ใช้ข้ออ้างทำเพื่อเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์”
ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ มีสายลับอยู่ในเมืองหลวงมานานแล้ว และหยวนคังฮ่องเต้ที่พยายามทนโยวตูอ๋องอย่างสุดความสามารถก็ไม่อยากจะทนอีกต่อไป เป็นไปได้เช่นกัน บัดนี้…
“ช่างเขาเถิด ข้าไม่ปล่อยให้เขาแตะต้องภรรยาและลูกของข้าเด็ดขาด”
“ดี”
เยี่ยนจื่อเยี่ยเอื้อมมือออกไปตบหลังน้องเขย พูดขึ้นว่า “ไปกันเถอะ ลูกชายของเจ้าร้องอีกแล้ว อีกประเดี๋ยวเขาคงได้โกรธข้าแล้วกระมัง”
“หึ” หรงอี้ยิ้มไม่พูดอะไร
เยี่ยนจื่อเยี่ยไม่อยากเห็นการแสดงออกที่พึงพอใจของเขาเช่นนี้เลย “อย่าชะล่าใจไป อย่างไรเจ้าก็เป็นน้องเขยของข้าอยู่ดี!”
“แน่นอน” ต้าซือมิ่งที่ตอบอย่างธรรมชาติเดินไปที่ภรรยาและลูกของเขา
“พ่อ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ารีบทิ้งพระราชโองการทันที เตะขาน้อยๆ ของเขาจะลุกขึ้นจากอ้อมแขนของมารดา และถูกต้าซือมิ่งที่ก้าวมาก้าวใหญ่อุ้มไป
เยี่ยนเสี่ยวเป่ามีความสุข “พ่อ!”
“อืม” ต้าซือมิ่งที่อุ้มลูกน้อยสัมผัสศีรษะของลูกเบาๆ สัมผัสความรู้สึกถึงขนบางๆ นั่น แต่กลับให้ความรู้สึกที่ไม่เลวนัก ดวงตาจับจ้องไปที่คนที่อยู่ข้างหน้า
เยี่ยนอวี๋มองไปที่เขาเช่นกัน เห็นว่ามีคราบเหงื่อเล็กน้อยบนหน้าผากของเขา นางจึงดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาโดยไม่รู้ตัว และเกือบจะเช็ดมันให้ราวกับกำลังดูแลลูกน้อย
แต่นางห้ามมือไว้ได้ทันเวลา “เช็ดเอาเอง”
แต่ทว่าต้าซือมิ่งหรือจะเช็ดเอง แน่นอนว่าไม่อยู่แล้ว!
“ช่วยข้าที” ต้าซือมิ่งที่ยื่นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเข้ามาใกล้อย่างหน้าไม่อาย เกือบมุดจะเข้าไปในอ้อมกอดของเยี่ยนอวี๋แล้ว ทำเอาฝ่ายหลังเกือบจะถอยหลังไป แต่เขาก็โอบเอวอันอ่อนนุ่มนั้นไว้
“เจ้า…” เยี่ยนอวี๋อยากจะตีใครบางคน “ปล่อย!”
“ข้าจะปล่อยเมื่อเจ้าเช็ดให้” ต้าซือมิ่งต่อรอง
เยี่ยนอวี๋ทำอะไรได้เล่า นางไม่มีหน้าที่จะทะเลาะกับเขาในที่สาธารณะหรอก ดังนั้นนางจึงเช็ดอย่างรุนแรง
ต้าซือมิ่งไม่สนใจด้วยซ้ำ สำคัญคือภรรยาเช็ดหน้าให้เขาต่างหาก ทำให้ริมฝีปากบางๆ ของเขายกขึ้นราวกับวสัตฤดูในช่วงแรกเริ่มที่มีเสน่ห์และสดใส ทำให้เยี่ยนอวี๋รู้สึก ‘แสบตา’
“อ้ะ!” เจ้าตัวน้อยกลับยื่นมืออ้วนป้อมออกไปช่วย แต่ท่านพ่อของเขาจับไว้
เยี่ยนอวี๋ลดกำลังของนางลงและถามขึ้น “ทำไมกัน” ที่เขาเป็นเช่นนี้เป็นเพราะนางให้กำเนิดลูกของเขาหรือ หากเป็นเช่นนั้น…
“ข้าบ้ากาม” หรงอี้ที่ยกมือขึ้นจับมือเล็กๆ อันขาวผ่องของคนคนหนึ่ง ดวงตาของเขาชัดเจนและเต็มไปด้วยภาพสะท้อนของคนตรงหน้า ซึ่งชัดเจนราวกับภาพวาด
เยี่ยนอวี๋ “…”
จริงๆ เลย…
“เพียงแค่เจ้าผู้เดียว” ต้าซือมิ่งหรงที่ดึงคนเข้ามาในอ้อมกอดของเขาอย่างไร้ร่องรอย กระซิบที่ข้างหูของนาง “เห็นเจ้าครั้งแรก ข้าก็รู้สึกว่ารูปลักษณ์ของเจ้าไม่มีจุดไหนที่ไม่ถูกใจข้าเลย น่าจะเป็น…รักแรกพบก็ว่าได้”
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางที่รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อครู่นี้ ขณะนี้กลับรู้สึกแปลกๆ อารมณ์แปลกประหลาดค่อยๆ พลุ่งพล่านอยู่ในหัวใจของนาง ทำให้นางไม่ได้ผลักคนคนนี้ออกในทันที
“…” และเยี่ยนเสี่ยวเป่าที่นิ่งไม่ขยับก็กำลังถูกบิดาและมารดาหนีบไว้ตรงกลาง แม้จะไม่ถึงขั้นถูก ‘หนีบ’ จนขยับไม่ได้ก็ตาม แต่ก็ถูกกอดไว้แน่น ซึ่งทำให้เขารู้สึกว่าน่าสนใจมาก!
หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อเยี่ยนอวี๋ได้สติและกำลังจะผลักคนคนนี้ออกไปนั้น ต้าซือมิ่งที่พบว่าใบหูของนางแดงก่ำก็ได้จุมพิตไปที่ใบหูของนางอย่างกะทันหัน!
เยี่ยนอวี๋ผลักคนคนนั้นออกทันที ใบหูของนางแดงขึ้นกว่าเดิม “เจ้า…”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ได้เห็นดวงอาทิตย์อีกครั้งร้องอย่างตื่นเต้น และเอื้อมมือจะไปจับท่านแม่ของเขามาเล่นอีกครั้ง
แต่เยี่ยนอวี๋ได้เดินไปที่ข้างกายของเยี่ยนจื่อเยี่ยแล้ว “พี่ใหญ่”
“เขารังแกเจ้าหรือ” เยี่ยนจื่อเยี่ยมองดูน้องสาวด้วยสายตาที่อ่อนโยนราวกับว่าน้องสาวเมื่อตอนที่พบกู้หยวนเหิงครั้งแรก แล้ววิ่งมาแอบอยู่ข้างๆ เขา ใบหูนางแดงก่ำราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
หลายปีผ่านไป…กู้หยวนเหิงที่เขาคิดว่าต้องยอมปิดหูปิดจมูกทนต่อไปนั้น ในที่สุดก็สามารถขจัดออกไปได้เสียที เจ้าสวะคนนั้น! ทำร้ายน้องสาวเขาไปมากนัก
บัดนี้ เยี่ยนจื่อเยี่ยมองไปที่หรงอี้ที่กำลังเดินเข้ามา ดวงตาของเขาสดใส “เจ้าต้องดีกับเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ตลอดไป มิเช่นนั้นแม้นข้าจะกลายเป็นภูตผีวิญญาณก็ไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่นอน”
สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเยี่ยนอวี๋สั่นไหว! ทำให้นางเหมือนเห็นจุดจบอันน่าอนาถของพี่ใหญ่เมื่อชาติที่แล้วที่กลายเป็นภูตผีวิญญาณตามหลอกหลอนกู้หยวนเหิงจริงๆ
ในความทรงจำของ ‘นาง’ กู้หยวนเหิงได้บอกว่าในจวนมีผีหลอกจริงๆ ดังนั้นนี่อาจไม่ใช่แค่คำเตือนเท่านั้น
และเยี่ยนจื่อเยี่ยที่กล่าวจบก็ไม่ต้องการคำตอบใดๆ “เจ้าไม่จำเป็นต้องตอบข้า ข้าจะคอยดูเจ้าต่อไป”
ต้าซือมิ่งบางคนไม่ได้พูดอะไร แต่เจ้าตัวน้อยในอ้อมกอดของเขากลับเลิกคิ้วขึ้น “หึ!”
“ฮ่า” เยี่ยนจื่อเยี่ยหัวเราะและเอื้อมมือไปบีบเจ้าตัวน้อยผู้น่ารัก “โกรธขนาดนั้นเชียว”
“หึ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ปัดมือของท่านลุงใหญ่ของเขาส่งเสียงหึออกมาอีกครั้ง บ่งบอกว่าข้าโกรธมากจริงๆ!
เยี่ยนจื่อเยี่ยหัวเราะเสียงดัง “เช่นนั้นท่านลุงพาเจ้าไปจับนกดีหรือไม่”
“เนะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่กะพริบตาด้วยความสงสัยตาเป็นประกาย จากนั้นก็ “หึ” อีกครั้ง และเอนตัวไปในอ้อมกอดของบิดา
“ดูสิ ข้าพูดถูก” เยี่ยนจื่อเสาพูดด้วยรอยยิ้ม และสัมผัสเด็กน้อยบางคน “ใครให้เจ้าลำเอียงกัน ตอนนี้รู้หรือยังว่าท่านลุงคนไหนดีกว่ากัน”
ต้าซือมิ่งบางคนลูบแผ่นหลังนุ่มๆ ของลูกน้อยด้วย “สุดท้ายก็เป็นท่านพ่อที่ตีท่านลุงใหญ่มิใช่หรือ จะโกรธทำไมกัน”
“…” เยี่ยนจื่อเยี่ยพูดไม่ออก อยากจะตีคนคนนี้อีกครั้ง!
ต้าซือมิ่งกลับเจรจากับลูกน้อยว่า “ให้ท่านลุงของเจ้าอุ้มก่อน ท่านพ่อมีเรื่องต้องออกไปครู่หนึ่ง และจะกลับมาก่อนมื้อเที่ยง ตกลงหรือไม่”
“มีเรื่องอันใดอย่างนั้นหรือ” เยี่ยนอวี๋ถามขึ้น
ต้าซือมิ่งบางคนยกมุมปากขึ้นทันที และยกขึ้นสูงด้วย! หากไม่ใช่เพราะว่าเขาต้องไป ‘ทดสอบ’ อืม…ความบริสุทธิ์ของชายหนุ่มด้วยตัวเองล่ะก็ เขาอยากจะพาคนตรงหน้านี้กลับไปที่ตำหนักด้วยจริงๆ