เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 30 แย่งชิงกันสู่ขอ
จะโทษผู้อาวุโสรองที่คิดเช่นนี้มิได้ เพราะมันช่าง…
แม้แต่คนที่ถูกวางยาแปรสภาพโดยตรงแล้ว ก็เป็นไม่ได้ที่อาการจะกำเริบรวดเร็วเช่นนี้!
นอกเสียจากว่าในร่างคนคนนั้นมีสายเลือดของมนุษย์วานรหวาไหวอยู่แต่แรก! และถูกกระตุ้นขึ้นเองอย่างรวดเร็ว จึงทำให้กลายเป็นสัตว์ร้ายได้ไวเช่นนี้ แต่ว่า…แต่…
“เป็นไปไม่ได้!” เยี่ยนชิงถังเบิกตากว้าง “ท่านพ่อของข้าไม่มีสายเลือดของมนุษย์วานรหวาไหวแน่นอน! พวกเราทั้งครอบครัวสะอาดบริสุทธิ์ ย่อมมิอาจมีส่วนโยงใยกับสัตว์ร้ายเช่นมนุษย์วานรหวาไหวได้”
แปะๆๆ เยี่ยนอวี๋ปรบมืออย่างเห็นด้วย และพูดอย่างชื่นชมว่า “ข้าเชื่อ”
“เจ้า…” เยี่ยนชิงถังโมโหจนหน้าดำหน้าแดงก่ำ ก่อนจะคิดได้ว่าจุดประสงค์ของเยี่ยนจื่ออวี๋คืออะไร และนางกลับช่วยเยี่ยนจื่ออวี๋ไปโดยไม่รู้ตัว
“เจ้าทำอะไรกับเสี่ยวอู้” ผู้อาวุโสเก้ากลัวว่าเยี่ยนชิงถังจะหลงกลอีก เขาจึงถามด้วยตนเอง “เจ้าใช้วิชามารอะไร”
แต่แล้ว…
แซด แซดแซด…
อ้าก! อ้ากกก…
สิ่งที่ขานตอบผู้อาวุโสเก้าคือเสียงร้องอันทุกข์ทรมานของเยี่ยนอู้ที่กลายเป็นสัตว์ร้ายอย่างรวดเร็ว ทำเอาเขาเองก็สับสนงงงวยไปหมด เขาอยากรู้สาเหตุ แต่เสียดายที่อาการเจ็บปวดและสถานการณ์แปรสภาพเป็นสัตว์ร้ายนั้น ทำให้เขามิอาจสนใจสิ่งอื่นได้
ทันใดนั้น เมื่อสิ้นเสียงร้อง อ้าก แหลมสูงเสียงนั้น เขาก็หมดสติไปในทันที และยังคงแปรสภาพต่อไปจนโซ่ตรวนแตก ยอดฝีมือฝั่งราชสำนักต่างตกใจสุดขีด ปล่อยพลังจากฝ่ามือไปทางเยี่ยนอู้ราวกับสายฟ้าผ่าทันที “อสูรร้าย!”
เยี่ยนอู้ผู้ไม่สามารถบังคับตนเองได้ ตัวลอยกระเด็นออกไปนอกห้องโถง ล้มลงบนพื้นจนเกิดเสียงหักเปราะดังขึ้น แผงคอสัตว์ที่เพิ่งงอกออกมา หักเป็นบริเวณกว้าง ทำเอาเขาเจ็บปวดจนร้องโหยหวนไม่หยุด
“ท่านพ่อ?” เยี่ยนชิงถังงุนงงไปหมด นางไม่เคยคิดเลยว่า คนที่จู่ๆ ก็กลายสภาพเป็นสัตว์ร้ายคนนี้ จะเป็นบิดาแท้ๆ ของนาง
“อ้ะเนะเนะ…” สิ่งมีชีวิตตัวน้อยรู้สึกสนุกสนาน! เพราะกระบวนการกลายสภาพเป็นสัตว์ร้ายของเยี่ยนอู้ ทำให้เขารู้สึกตื่นตาตื่นใจนัก ต้องตั้งใจดูเสียแล้ว
“เจ้าชอบดูของพรรค์นี้หรือ” เยี่ยนอวี๋ลูบเด็กน้อยที่กำลังสนุกสนาน นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เม่ยเอ๋อร์นำตัวเยี่ยนอู้ที่อาบเลือดและเจ็บปวดรวดร้าวกลับเข้ามาด้วยตนเอง และพูดอย่างเยือกเย็นว่า “ทำทุกท่านแตกตื่นแล้ว ขออภัยเจ้าค่ะ”
“…แหะๆ” เฉาหมิงเฉิงยิ้มเจื่อน เขาไม่อยากยอมรับว่าเมื่อครู่นี้เขาขวัญหายจริงๆ! เขาอดสงสัยไม่ได้ว่า หรือว่าคนตระกูลเยี่ยนมีสายเลือดของมนุษย์วานรหวาไหวทั้งตระกูล…
เยี่ยนอวี๋กลับพูดขึ้นว่า “นี่เป็นเพียงการพิสูจน์เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เลือดที่ข้าฉีดเข้าไปในร่างของผู้อาวุโสหยวน มาจากไขสันหลังของพี่ชายข้า มีส่วนผสมของยาแปรสภาพเข้มข้น ไม่ว่าผู้ใดที่ถูกฉีดเข้าไป ก็จะกลายสภาพเป็นมนุษย์วานรหวาไหวในทันที”
“ไม่ว่าผู้ใดอย่างนั้นหรือ” เฉาหมิงเฉิงสงสัยเล็กน้อย
“ใช่แล้ว หากใต้เท้าเฉาแคลงใจ เลือกผู้ใดก็ได้มาหนึ่งคน แล้วลองดูได้” เยี่ยนอวี๋อธิบาย “เลือดที่มีพิษนี้ เป็นเลือดพิษที่กลายสภาพเป็นสัตว์ร้ายอยู่แล้ว เพียงแค่ฉีดเข้าไปในกระดูกสันหลัง ก็จะเปลี่ยนคุณสมบัติเลือดของผู้ที่ถูกวางยา นี่เป็นผลลัพธ์ที่เลือดบริสุทธิ์ของมนุษย์วานรหวาไหวมิอาจทำได้ ข้าเชื่อว่าทุกท่านรู้เรื่องนี้ดี แต่นี่เป็นยาพิษที่ถอนมาจากผู้ที่ถูกวางยา ประสิทธิภาพจึงด้อยมาก ดังนั้น หลังจากคนกลายสภาพเป็นสัตว์ร้ายแล้ว นอกจากจะมีลักษณะภายนอกที่เหมือนหวาไหวแล้ว จะไม่มีความสามารถของหวาไหว หรืออย่างมากที่สุดก็แค่ดุร้ายมากขึ้นเท่านั้น ไม่มีอันใดต้องเป็นห่วง”
“…เอ่อ” ผู้อาวุโสรองซับเหงื่อที่ซึมออกมาเบาๆ พูดว่า “นี่ก็น่ากลัวมากแล้ว ไม่รู้ว่าจะอยู่ในร่างแปรสภาพนี้นานเท่าใด”
“อ้อ หากไม่ถอนพิษ ก็จะเป็นเช่นนี้ไปตลอดชีวิต” เยี่ยนอวี๋กล่าว
เยี่ยนชิงถังหน้าดำหน้าแดงทันที “เจ้าร้ายกาจนัก! บิดาของข้าเป็นอาของเจ้า เจ้าลงมือโหดเหี้ยมเช่นนี้กับญาติผู้ใหญ่ได้อย่างไรกัน”
เยี่ยนอวี๋ไม่สนใจนาง อธิบายต่อว่า “การแปรสภาพเช่นนี้ และการแปรสภาพจากยาแปรสภาพ ก่อนจะกลายสภาพอย่างสมบูรณ์ สามารถถอนพิษชั่วคราวได้ และถอนได้ภายในสี่สิบห้าวัน”
“ถอนได้หรือ” เฉาหมิงเฉิงตกตะลึง เพราะเท่าที่เขาทราบ ผู้ที่ถูกพิษยาแปรสภาพ ไม่สามารถถอนได้! เพราะพิษนี้เป็นพิษที่สำนักหมอหลวงกำลังศึกษาเพื่อทำให้ทาสกลายเป็นสัตว์ร้าย เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งด้านการทหารให้กับราชสำนัก แต่สัตว์ร้ายอย่างมนุษย์วานรหวาไหว ไม่อยู่ในขอบเขตการศึกษาของสำนักหมอหลวง ดังนั้น เฉาหมิงเฉิงจึงสงสัยตั้งแต่แรกแล้วว่า คนที่กลายสภาพเป็นมนุษย์วานรหวาไหว จะมีสายเลือดของมนุษย์วานรหวาไหวอยู่แล้ว
ถึงแม้ว่านอกจากนักปรุงยาของสำนักหมอหลวงแล้ว ทุกๆ สำนักก็มีนักปรุงยาเป็นของตนเอง แต่วิชาการปรุงยาแปรสภาพสัตว์ร้ายโบราณ ตามหลักแล้วมีเพียงสำนักหมอหลวงเท่านั้นที่มี หรือว่า… เฉาหมิงเฉิงฉุกคิดขึ้นได้ แต่ยังคงแสดงท่าทีฟังเยี่ยนอวี๋อธิบายอย่างตั้งใจ “ใช่แล้ว เพราะว่ายาแปรสภาพที่อยู่ในตัวของพี่ชายข้ามีประสิทธิภาพค่อนข้างด้อย หากต้องการถอนพิษอย่างสิ้นเชิง ต้องใช้เวลาสี่สิบเก้าวัน”
“เช่นนี้นี่เอง” เฉาหมิงเฉิงพยักหน้า ดูท่าแล้วแม้จะเป็นนักปรุงยาของสำนักต่างๆ ก็สามารถค้นหาสูตรยาแปรสภาพที่ดีกว่าได้ แต่ยังคงมิสามารถเทียบเคียงกับสำนักหมอหลวงได้
เมื่อเยี่ยนชิงฟังถึงตรงนี้ เขาก็พูดอย่างมีแผนการว่า “ใต้เท้าเฉา ท่านก็ทราบดีว่าผู้ถูกวางยาแปรสภาพ ไม่ว่าจะใช้วิธีใด หลังจากสี่สิบเก้าวันจะกลายเป็นสัตว์ร้ายอย่างบริบูรณ์ ไม่สามารถกลับไปเป็นดังเดิมได้อีก ใต้เท้าเฉา ท่านสามารถใช้เวลาสี่สิบเก้าวันนี้ คัดเลือกหญิงงามให้เรียบร้อย ย่อมไม่รบกวนเวลาของท่าน ในระหว่างนี้ ข้าเองก็จะตรวจสอบที่มาของยาแปรสภาพที่มีสายเลือดของมนุษย์วานรหวาไหวให้ชัดเจน”
“ย่อมได้” สิ่งที่เฉาหมิงเฉิงอยากรู้มากที่สุดก็คือที่มาของสายเลือดมนุษย์วานรหวาไหว
ไม่ว่าสายเลือดนี้จะมาจากสายใดของตระกูลเยี่ยน หรือมาจากทั้งสายตระกูล หรืออาจจะมาจากที่อื่น ในเมื่อเขาพบเข้าแล้ว ย่อมต้องตรวจสอบให้รู้แน่ชัด จึงจะรายงานราชสำนักได้ แน่นอนว่า เขาจะไม่ปล่อยให้เยี่ยนชิงตรวจสอบคนเดียว เขาเองก็จะจัดแจงลูกมือไปตรวจสอบ หลังจากเฉาหมิงเฉิงตัดสินใจเช่นนี้แล้ว ก็พูดขึ้นว่า “ข้ากลับโรงเตี๊ยมก่อน รอฟังข่าวดีจากท่านเจ้าสำนักเยี่ยน”
“ขอบคุณใต้เท้าเฉา ข้าย่อมให้คำตอบกระจ่างแจ้งแก่ท่าน” เมื่อเยี่ยนชิงให้สัญญาแล้ว กำลังจะส่งคณะทูตคัดเลือกนางงามกลับไป
เฉาหมิงเฉิงกลับพูดขึ้นว่า “ลูกสาวของเจ้าแม้จะมีจุดด้อย แต่ข้าเต็มใจเพิ่มชื่อให้นางเป็นซิ่วหนี่ว์อีกหนึ่งคนนะ”
“!” เยี่ยนชิงส่ายหน้าปฏิเสธทันที
เฉาหมิงเฉิงกลับไม่ยอมให้เยี่ยนอวี๋ปฏิเสธ พูดขึ้นว่า “แม่นาง เจ้าช่างงามดั่งหยาดเพชร สิบวันให้หลังจงมาร่วมงานคัดเลือกตัวที่โรงเตี๊ยม ส่วนกรณีพิเศษของเจ้า ข้าจะทูลองค์จักรพรรดิเอง”
“ฮ่าๆๆ ใต้เท้าเฉาโปรดยั้งมือ นายน้อยอินผู้นี้กำลังจะมาสู่ขอ ท่านอย่าเลือกหญิงงามให้องค์จักรพรรดิไปเสียหมด อย่างน้อยก็เหลือไว้ให้ข้าบ้างเถิด”