เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 311 ให้ตาย ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนร้ายกาจจริงๆ
ตอนที่ 311 ให้ตาย! ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนร้ายกาจจริงๆ!
ฟิ้ว!
ชุ่ยชุ่ยยังลอดหนีออกมาจากตำแหน่งที่แต่เดิมศิษย์หญิงคนนี้ยืนอยู่ด้วยความรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็ไม่เห็นเงาแล้ว ศิษย์สำนักคุนอู๋ที่เหลือไม่ทันเข้าไปขัดขวางได้ด้วยซ้ำ
นี่มัน…
“บ้าเอ๊ย!”
“รีบตามไป!”
จางซ่านจยารีบนำคนไล่ตามชุ่ยชุ่ยไป เขาคิดไม่ถึงเลยว่าสาวใช้ขี้แงคนนี้จะเคลื่อนไหวได้รวดเร็วปานนี้ อีกทั้งทิศทางที่หนีไปนั้นยังแม่นยำมากนัก ทำให้จางซ่านจยาอดสงสัยไม่ได้ว่าสตรีนางนี้คงกำลังวางแผนว่าจะหนีอย่างไรตั้งแต่แรกแล้ว การสนทนาเมื่อครู่เป็นเพียงการหลอกล่อพวกเขา! ทำให้พวกเขาคิดว่านางอ่อนแอมาก
หารู้ไม่ว่าสิ่งที่ชุ่ยชุ่ยพูดเมื่อครู่เป็นเรื่องจริงทั้งนั้น! นางรู้สึกหวาดกลัวจริงๆ และอยากจะขอร้องให้ไว้ชีวิตจริงๆ ขอแค่คนสำนักคุนอู๋ไว้ชีวิตนาง ให้นางอยู่ต่อไปในต้าฮวงได้ นางก็ยอมทำทุกสิ่ง
แต่จางซ่านจยาพวกเขาไม่ยอมนี่ ชุ่ยชุ่ยจึงทำได้เพียงวิ่งหนีแล้ว นางยังวิ่งพลางร้องไห้ “คุณหนูใหญ่ เจ้าคนพวกนี้ทำเกินไปหน่อยแล้ว ข้าอุตส่าห์ยอมตกลงคุกเข่าวิงวอนแล้ว พวกเขาก็ยังไม่ยอมปล่อยข้า”
“หยุดนะ!” จางซ่านจยายิ่งคิดยิ่งโมโห เขารู้สึกเหมือนถูกหลอก “นังคนชั่ว! หยุดเดี๋ยวนี้!”
ชุ่ยชุ่ยจะหยุดได้อย่างไรเล่า นางวิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิมอีก! อีกเพียงนิดเดียวก็จะสลัดพวกเขาไปได้แล้ว เห็นได้ชัดว่านางเคลื่อนไหวได้เร็วมากจริงๆ เร็วจนเม่ยเอ๋อร์ที่ดูอยู่ข้างนอกยังตกใจเบิกตาโพลง
“ชุ่ยชุ่ยวิ่งเก่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน”
“นางวิ่งเก่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” ชือหมินหมิ่นตอบ “ตอนที่เราฝึกฌานด้วยกัน สิ่งที่นางเรียนเป็นอย่างแรกก็คือการวิ่งหนี นางบอกว่าแม้พลังต่อสู้จะอ่อนแอ แต่จะตกเป็นภาระคุณหนูใหญ่ไม่ได้ นางจึงเรียนวิธีการหนีก่อนสิ่งอื่นใด”
เม่ยเอ๋อร์ “…”
เอาเถิด ความคิดไม่เลว กลยุทธ์ก็ใช้ได้ ดูคนสำนักคุนอู๋สิ ตามกันไม่ทันแล้ว
แต่แล้ว… ชุ่ยชุ่ยที่กำลังวิ่งอยู่นั้นก็หยุดลงในทันใด ราวกับกำลังรอให้เหล่าศิษย์สำนักคุนอู๋ไล่ตามนางทัน
“นางจะทำอะไรอีกน่ะ” เม่ยเอ๋อร์รู้สึกเป็นกังวลแทนนางจริงๆ
ชือหมินหมิ่นพูดขึ้นว่า “นางอาจจะคิดว่าวิ่งหนีต่อไปเช่นนี้ จะทำให้คุณหนูใหญ่อับอาย ก็เลยเตรียมจะกำจัดสักคนสองคน?”
เม่ยเอ๋อร์ “…”
นางไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว
ทว่าความจริงก็พิสูจน์ให้เห็นว่าชือหมินหมิ่นรู้จักชุ่ยชุ่ยเป็นอย่างดี นางคิดเช่นนี้จริงๆ บัดนี้นางพับแขนเสื้อขึ้น ยืนมือเท้าเอวรอจางซ่านจยาพวกเขาแล้ว
จางซ่านจยาและคนอื่นๆที่จู่ๆ ก็ชะงักหยุดลงอย่างระแวดระวังต่างคิดว่าสาวใช้คนนี้จะเล่นตุกติก พวกเขาจึงตั้งท่าเตรียมรับมือจริงจัง ใครจะไปรู้ว่า…
“พวกเจ้า! เข้ามาทีละคน!” ชุ่ยชุ่ยชี้ไปที่จางซ่านจยาและกล่าวว่า “ข้าจะวิ่งหนีเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ ข้าเป็นสาวใช้ข้างกายคุณหนูใหญ่ เอาแต่หนีเช่นนี้จะทำให้นางขายหน้า”
จางซ่านจยาแสดงสีหน้างุนงงปนประหลาด เขามองสำรวจชุ่ยชุ่ยครู่หนึ่ง พบว่านางเองก็มีฌานตบะขั้นปฐมภูมิที่เหมือนกับว่าไม่ได้วิเศษอะไรนักด้วย
“เจ้าหลอกพวกข้า!” จางซ่านจยาสีหน้าเคร่งขรึม “ลุย! ลุยพร้อมกันไปเลย! ฆ่านางซะ! อย่าออมมือ!”
ชุ่ยชุ่ยหน้าซีดเผือด “พวกเจ้าทำเกินไปหน่อยแล้ว!”
“ไปตายซะ!” ศิษย์หญิงสำนักคุนอู๋ชักดาบฟันลงไปที่ชุ่ยชุ่ย
ศิษย์สำนักคุนอู๋ที่เหลือก็จู่โจมพร้อมกัน แสงดาบมากมายมุ่งไปทางชุ่ยชุ่ย ปิดกั้นทางหนีของนางไว้หมดสิ้น ครานี้เอง…
ชุ่ยชุ่ยร้องไห้ แต่นางร้องไห้พลางหลบหลีกการโจมตีเอาชีวิตนางได้ถึงสามครา “พวกเจ้าหน้าด้านจริงๆ! สิบรุมหนึ่งงั้นรึ!”
“หยุดพล่ามเสียที!” จางซ่านจยาหน้าดำหน้าแดง เขาเป็นหนึ่งในคนจู่โจมที่นางหลบได้ ทำเอาเขาโมโหจนแสดงพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิมออกมา และยังผสานพลังกับสหายอีกเก้าคนสร้างค่ายกลปิดล้อมสังหาร
ในจังหวะเดียวกัน…
“ไปตายซะ!” ศิษย์หญิงสำนักคุนอู๋ที่โมโหจนแทบคลั่งก็ตะคอกอย่างโหดเหี้ยม!
ฟิ้วๆ!
สามดาบเจ็ดกระบี่ผนึกไปที่ลำตัวส่วนบน ส่วนกลางและส่วนล่างของชุ่ยชุ่ย ทำให้นางไม่มีโอกาสหนีหลุดรอดไปได้แม้แต่น้อย
แต่แล้ว…
“ข้าไม่ยอมตายหรอก!”
ก่อนที่การล้อมสังหารจะสำเร็จ นางก็วิ่งหนีออกมาจากค่ายกลที่จางซ่านจยาและคนอื่นๆ สร้างขึ้น! อีกทั้งร่างของนางยังหายวับไปอยู่ข้างหลังศิษย์หญิงสำนักคุนอู๋คนนั้นอย่างรวดเร็ว
“เจ้าน่ะแหละไปตาย!” ชุ่ยชุ่ยซัดฝ่ามือไปทางท้ายทอยของศิษย์หญิงสำนักคุนอู๋ นางหลับตาแน่น เพราะนางไม่เคยฆ่าคนมาก่อนจึงรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของนางจึงชะงักไปเล็กน้อย
แต่ศิษย์หญิงสำนักคุนอู๋ไม่รู้ว่าชุ่ยชุ่ยไม่เคยฆ่าคน! นางสัมผัสถึงเพียงเจตนาฆ่าล้างอันแรงกล้ากำลังพุ่งเข้ามาที่ศีรษะนาง ทำเอานางตกใจจนบีบป้ายชื่อแตก
ปัง!
ศิษย์หญิงสำนักคุนอู๋ถูก ‘กำจัด’ แล้ว
ชุ่ยชุ่ยงงงัน นางรีบหายวับก่อนจะซัดฝ่ามือใส่อีกคนที่อยู่ข้างเคียง
ปัง!
ศิษย์สำนักคุนอู๋อีกหนึ่งคนที่ตกใจจนบีบป้ายชื่อตนเอง
นี่มัน…
ชุ่ยชุ่ยเข้าใจแล้ว
“ไปตายซะ!” ชุ่ยชุ่ยที่เหิมเกริมก็จู่โจมไม่หยุด! นางแสดงความว่องไวของตนอย่างเต็มที่ ทำให้ศิษย์สำนักคุนอู๋ที่ไม่ทันตั้งตัวแพ้ต่อเนื่องอีกสามราย
“บัดซบ!” จางซ่านจยาตวัดดาบอย่างโมโห เขาพุ่งตรงเข้าไปหาชุ่ยชุ่ย ฝ่ายหลังตกใจจนก้าวถอยหลัง ป้ายชื่อของไม่กี่คนที่เหลือจึงรอดไปได้
ทว่าจากคนสิบคนที่ไล่ชุ่ยชุ่ย ตอนนี้เหลือเพียงห้าคนแล้ว อีกห้าคนถูกนาง ‘กำจัด’ แล้ว
จางซ่านจยาแววตาเคียดแค้น แต่ก็จ้องมองชุ่ยชุ่ยอย่างเกรงกลัว เขาคิดว่านางคนนี้กำลังแสร้งทำเป็นคนอ่อนแอไร้น้ำยา เพื่อหลอกลวงให้ศัตรูตายใจ! จะดูถูกนางมิได้! เพราะว่าเมื่อครู่นี้เขายืนอยู่ข้างกายศิษย์หญิงสำนักคุนอู๋ที่ถูกกำจัดไป เขาสัมผัสได้ว่าฝ่ามือของสตรีนางนี้น่าสะพรึงมาก!
แต่แล้ว…
กำจัดไปห้าคนแล้ว วิ่งหนีตอนนี้คงไม่น่าอายเท่าไร ชุ่ยชุ่ยคิดเช่นนี้ในใจ นางก็ ฟิ้ว หนีไปโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลัง
“นี่มัน…” จางซ่านจยาและคนอื่นๆ งงงัน
ศิษย์สำนักคุนอู๋คนหนึ่งยังถามขึ้นว่า “ตามไปหรือไม่” เหมือนว่าสตรีนางนี้จะชั่วร้ายไม่เบา!
“ตาม! ต้องตาม! นางคงหมดแรงแล้ว!” จางซ่านจยาคิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น มิเช่นนั้นหลังจากฝ่ายตรงข้ามหนีไปดื้อๆ เช่นนี้ขณะที่ตนได้เปรียบกว่าหรือ! เห็นได้ชัดว่าแม้การโจมตีเมื่อครู่นี้จะน่ากลัว แต่นางก็สูญเสียพลังงานไม่น้อย!
จางซ่านจยาจึงเป็นผู้นำตามนางไป! คนที่เหลือก็ตามเขาไป จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง “ว๊าย! ช่วยด้วย…”
“เป็นไปตามคาด!” จางซ่านจยายิ่งมั่นใจว่า นังคนชั่วคนนี้หมดแรงแล้ว มิเช่นนั้นเหตุใดจู่ๆ จึงร้องขอความช่วยเหลืออย่างหวาดกลัวเช่นนั้นเล่า เขาฟังออกว่าเสียงร้องขอความช่วยเหลือนี้แฝงความหวาดกลัวไว้จริงๆ
แต่แล้ว… เมื่อพวกเขาหายวับไปกลางอากาศ กระโจนไปทิศทางที่ชุ่ยชุ่ยหายตัวไป พวกเขาก็ตกใจเช่นกัน “ช่วยด้วย!”
จางซ่านจยาและคนอื่นๆ ที่จู่ๆ ก็ไร้วิชาเพิ่งรู้ว่าเหตุใดชุ่ยชุ่ยจึงร้องขอความช่วยเหลือ! เพราะว่าที่นี่คือหน้าผา ข้างล่างเป็นเหวที่แผ่ซ่านกลิ่นอายต้าฮวงแปลกประลาด ซึ่งสามารถทำให้เหล่านักฝึกฌานมิอาจใช้วิชาได้
ดังนั้น…
ฟิ้ว!
ฟิ้วๆ!
จางซ่านจยาและคนอื่นๆ ก็ตกลงไปในเหวลึกอย่างไม่ต้องสงสัย และในขณะที่ตกลงไปนั้น พวกเขาก็เห็นนังคนชั่วที่พวกเขาไล่ตามนั้นเกาะต้นไม้บนหน้าผาได้อย่างโชคดี ต้นไม้หนึ่งเดียวบนหน้าผา นี่มันโชคอะไรกัน!
จางซ่านจยาแทบจะกระอักเลือดแล้ว แต่กลับจำเป็นต้องบีบป้ายชื่อตนให้แตก เพื่อกำจัดตนเองออกไป ศิษย์สำนักคุนอู๋ที่เหลือสี่คนก็เช่นกัน
ส่วนชุ่ยชุ่ย… นางก็มองกลุ่มคนของจางซ่านจยาร่วงลงไปต่อตาเช่นนี้ ก่อนจะหายตัวไปพร้อมกัน เหลือเพียงนางคนเดียวที่ ‘แกว่งไปแกว่งมา’ บนต้นไม้ที่หน้าผา
“ยอดไปเลย!” ตี๋อูหวน เจ้าสำนักแห่งสำนักเนี่ยผานที่อยู่ข้างนอกดูถึงตรงนี้ก็ตบโต๊ะตะโกนร้องชื่นชม “นางคงรู้อยู่แล้วว่าที่นี่มีหน้าผา จึงแสดงละครตบตาได้ดีเช่นนี้”
“กำจัดคนสำนักคุนอู๋สิบคนได้อย่างง่ายดาย ถือว่าแก้แค้นแทนสหายสำนักแล้ว” เหล่าผู้อาวุโสสำนักเนี่ยผานก็เห็นตรงกันว่าศิษย์หญิงเพียงหนึ่งเดียวของสำนักชางอู๋ท่านนี้ต้องเป็นตัวแทนของแผนการทั้งหมดแน่ๆ เพราะชุ่ยชุ่ย ‘สู้’ ได้อย่างแยบยลนัก ก่อนอื่นนาง ‘แสร้ง’ ตกใจวิ่งหนี แต่กลับหลอกล่อให้คนที่ไล่ฆ่านางไปบริเวณใกล้หน้าผา จากนั้นนางก็ซัดรวดห้าคนในคราเดียว! จากนั้นนางก็หนีอีก ทำให้คนเหล่านี้ไล่ตามนางไปต่อ จากนั้นพวกเขาก็ตกหลุมพรางอีกครั้ง
“หากนางไม่แสดงตัวอ่อนแอตั้งแต่แรก คงมีคนมากกว่าสิบไล่ฆ่านาง”
“นั่นน่ะสิ! หากนางไม่หยุด ‘รอคน’ พวกเขาก็ตามนางไม่ทันหรอก”
“ใช่แล้ว! หากนางไม่วิ่งหนีไปเพราะหมดแรงหลังจากสู้เสร็จ คนที่เหลือห้านายก็คงไม่ไล่ตามนางไป อย่างน้อยก็คงไม่ตามไปทุกคนเช่นนี้ หรือไม่ก็คงกลับไปขอกำลังเสริม สุดท้าย…”
ผู้อาวุโสสำนักเนี่ยผานที่มโนกลุ่มนี้ต่างมโนไปว่าการกระทำของชุ่ยชุ่ยเป็นเล่ห์กล! พวกเขาคิดว่าศิษย์หญิงที่เหลือรอดคนนี้ของสำนักชางอู๋ต้องรับมือด้วยยากแน่ๆ ดูท่าคงจะทำให้สำนักบางสำนักผิดหวังแล้ว
“ให้ตายเถอะ! บัดซบ! ไร้ประโยชน์!” หยางถิงซานที่ผิดหวังจริงๆ ก็กำลังก่นด่าแล้ว เขากำลังด่ากลุ่มคนจางซ่านจยาที่ถูกกำจัดออกมานั่นเอง
ส่วนชุ่ยชุ่ยน่ะหรือ นางก็ใช้พลังของตนปีนขึ้นจากหน้าผาได้อย่างยากลำบาก แต่น่าเสียดาย… ชุ่ยชุ่ยที่เพิ่งปีนขึ้นมาได้ก็กำลังเผชิญกับศิษย์สำนักคุนอู๋สามสิบคน
ที่แท้หลังจากที่หยางไป่หมิงพบว่าจางซ่านจยาจับคนไว้ไม่ได้และปล่อยให้นางหนีไปได้ เขาก็ส่งคนตามมาอีกสามสิบนาย หยางถิงซานที่เห็นดังนั้นก็โล่งอก
แต่แล้ว…
ฟิ้ว!
ชุ่ยชุ่ยที่รู้ดีแก่ใจแล้วว่าคนสำนักคุนอู๋ไม่มีทางปล่อยตนเองไป ขณะที่นางปีนขึ้นจากหน้าผาและเห็นพวกเขาสามสิบคนกำลังยืนรอนาง นางก็ชิงลงมือก่อนทันที จากนั้น…
กรรร!
ในชั่วขณะนั้นเอง ชุ่ยชุ่ยที่ราวกับกลายร่างเป็นอสูรก็พุ่งตัวขึ้นมา รอบกายนางปรากฏเงาอสูรโบราณองค์หนึ่ง ทำเอาผู้ชมทั้งอัฒจันทร์ตะลึงสุดขีด!
เพราะว่า…