เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 317 ปัญหาสายเลือดของพ่อลูกตระกูลหรง
ตอนที่ 317 ปัญหาสายเลือดของพ่อลูกตระกูลหรง!
สีดวงตาที่เปลี่ยนไปนี้เกิดขึ้นเพียงครู่หนึ่งเท่านั้น แต่ต้าซือมิ่งกลับรับรู้ได้อย่างแจ่มชัดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเด็กน้อยกับตนเองแน่นเฟ้นมากขึ้นแล้ว
และความแน่นเฟ้นนี้… ทำให้หรงอี้อดยกมือขึ้นมาเตะหน้าผากเด็กน้อยไม่ได้ เขากำลังสัมผัสดูความเปลี่ยนแปลงของเด็กน้อย
“อ้ะเนะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่างุนงง เขายกมือขึ้นกอดมือท่านพ่อไว้ “อ้ะเนะเนะ?”
เยี่ยนอวี๋กุมมือน้อยๆ ของเจ้าตัวน้อยไว้ราวกับสัมผัสบางสิ่งได้เช่นกัน นางกล่าวเสียงเบาว่า “อย่ารบกวนท่านพ่อ เขากำลังดูว่าเสี่ยวเป่าของเราเก่งแค่ไหนน่ะ”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าจึงอยู่นิ่งๆ อย่างเชื่อฟัง ดวงตากลมโตเป็นประกายของเขากลับมองไปที่ผู้คน น่ารักมากจริงๆ ทำเอาเยี่ยนอวี๋อดหยิกแก้มเด็กน้อยไม่ได้
“ฮี่…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่อยากยิ้มก็รีบทำหน้าจริงจังทันที เขายังพูดว่า “แม ไม่ ไม่ เล่น”
เยี่ยนอวี๋หัวเราะ “ก็ได้ แม่ไม่แกล้งแล้ว”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าสบายใจ ท่านพ่อของเขาก็ปล่อยมือออกพอดี ตัวน้อยจึงถามทันทีว่า “เก่ง?”
“เก่ง” หรงอี้หยิกแก้มเด็กน้อย ก่อนจะหันไปกล่าวขอบคุณอีจี้จิ่ว “ขอบคุณอาจารย์”
“ขอบคุณ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ารีบขอบคุณตาม
อีจี้จิ่วลูบศีรษะเด็กน้อย “เป็นเพราะข้ามีดวงสมพงษ์กับเสี่ยวเป่า มีของดีก็ต้องให้คนเก่ง จะได้เป็นที่พึ่งพาที่ดี คนธรรมดาย่อมไร้วาสนาเชยชม”
“ชม?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าถามว่า นี่คือคำชมหรือ ข้าฟังไม่รู้เรื่อง
“ใช่จ๊ะ” เยี่ยนอวี๋พยักหน้า “ท่านปู่อีชมว่าเสี่ยวเป่าเก่งมาก เป็นเด็กน้อยที่เก่งที่สุด น่ารักที่สุด ไม่ธรรมดาที่สุดเลยจ๊ะ”
“ฮี่…” เยี่ยนเสี่ยวเป่ายิ้มอย่างสงวนตัว รู้ด้วยว่านางชมเกินตัวไปแล้ว จนเขารู้สึกละอายไม่กล้ายอมรับ และยังยื่นมือออกไปให้ท่านแม่อุ้มแก้เขิน
เยี่ยนอวี๋ขันท่าทีของเขา “ตอนนี้เจ้ารู้สึกละอายใจแล้วหรือ”
“อ้ะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่ามุดเข้าไปในอ้อมอกของท่านแม่ของเขาอย่างออดอ้อน แต่เขามุดไปเพียงเล็กน้อยก็ถูกท่านพ่ออุ้มไปแล้ว “เสี่ยวเป่าง่วงหรือไม่ นอนสักหน่อยดีหรือไม่”
เยี่ยนเสี่ยวเป่ารู้สึกง่วงนอนขึ้นมาจริงๆ เขาอ้าปากหาว ผ่านไปไม่นานก็นอนหลับบนไหล่ของท่านพ่อแล้ว ทว่าอีอิ่นที่มีสายตาเฉียบแหลมก็พบว่าหลังจากที่เจ้าตัวน้อยหลับไปแล้ว แม้แสงที่วนเวียนอยู่รอบกายเจ้าตัวน้อยจะจางลง แต่มันก็นุ่มนวลและละเอียดขึ้นไม่น้อย ราวกับว่ายาสกัดตี้ซินเพิ่งออกฤทธิ์
“ต้าซือมิ่งมีความสามารถแก่กล้านัก” อีอิ่นออกปากชื่นชมต้าซือมิ่งทันที เขารู้ว่าต้าซือมิ่งท่านนี้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เฉพาะตัวช่วยเด็กน้อยคนนี้ย่อยและซึมซับยาสกัดตี้ซิน ซึ่งต่างจากการซึมซับทั่วไปอย่างสิ้นเชิง แต่มีประสิทธิภาพกว่ามาก
“เป็นเพราะของที่ท่านให้นั้นดี” หรงอี้ลูบเด็กน้อยเบาๆ คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่เขายังหามาไม่ได้ อีอิ่นกลับมอบให้ก่อนเสียแล้ว
ยาสกัดตี้ซินอายุล้านปีมีประโยชน์ต่อเสี่ยวเป่ามาก แต่เด็กน้อยคงต้องใช้เวลาย่อยวันสองวันจึงจะย่อยหมด และเมื่อหลับแล้วก็จะทำให้ย่อยได้เร็วขึ้น
“ขอบคุณอีจี้จิ่ว วันข้างหน้าเรื่องของสำนักศึกษาก็คือเรื่องของเราสองสามีภรรยา” เยี่ยนอวี๋ประสานมือกล่าวขอบคุณและยังให้สัญญา ต้าซือมิ่งที่ได้ยินดังนั้นก็หลุบตาลงเล็กน้อย ‘สามีภรรยา’ หรือ
“เช่นนั้นก็รบกวนแล้ว” อีอิ่นตอบกลับอย่างอ่อนโยนก่อนจะพาซ่งเฉินฟางและคนอื่นๆ กลับสำนักศึกษา
เยี่ยนจื่อเยี่ยต้องร่วมพิธีแต่งตั้งเจ็ดสำนัก จึงมิได้กลับไปพร้อมอาจารย์ แต่เขาก็อยากจะส่งอาจารย์กลับไปด้วยตนเอง ทว่าอีอิ่นกลับปฏิเสธ
อีจี้จิ่วรู้ดีแก่ใจ เขาไม่อยากให้ศิษย์คนโปรดของเขาหลังจากส่งเขาแล้วจะถูกซุ่มจู่โจมตอนกลับมาคนเดียว สำนักคุนอู๋เสียเปรียบเช่นนี้ พวกเขาย่อมไม่ยอมฝืนทนเงียบๆ เช่นนี้แน่
แต่ไม่ว่าสำนักคุนอู๋จะทำอย่างไรต่อไปก็ไม่สามารถทำอะไรสำนักชางอู๋ได้ พวกเขากลับต้องคอยระวังสำนักชางอู๋จะท้าชิงพวกเขา
ถึงอย่างไรเยี่ยนชิงก็ออกคำสั่งแล้วว่า “เมื่อกลับตำหนักแล้ว ห้ามผู้ใดออกไปข้างนอก แม้จะออกไปเป็นกลุ่มก็ตาม ตั้งใจฝึกฝนวิชาในตำหนัก อย่าก่อความวุ่นวาย”
“ขอรับ ท่านเจ้าสำนัก!” คนสำนักชางอู๋ต่างขานรับ พวกเขารู้ว่าตอนนี้สำนักคุนอู๋คงรู้สึกเคียดแค้นในใจ คงกำลังหาโอกาสแก้แค้นอยู่
“ก็ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น” เยี่ยนอวี๋กลับไม่กังวลมากนัก หากสำนักคุนอู๋บังอาจลงมือ นางย่อมทำให้พวกเขาเสียใจ!
เยี่ยนชิงกลับพูดขึ้นว่า “ต้องทำเช่นนี้ หากจะลงมือทำอะไร ก็ทำบนเวทีอย่างเปิดเผยสิ! ต้องทำให้พวกเขาอับอายต่อหน้าฝูงชน เล่นลับๆ ล่อๆ เช่นนี้ไม่สนุกหรอก”
“ท่านพ่อพูดถูก ข้าจะท้าชิงพวกเขาในรอบการแข่งขันต่อไป ข้าจะทำให้ศิษย์สำนักคุนอู๋ยอมคุกเข่าร้องขอชีวิต!” เยี่ยนจื่อเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก เห็นได้ชัดว่าเขาก็รู้สึกคั่งแค้นเช่นกัน
“ดี! กล้าหาญดี!” เยี่ยนชิงตบไหล่ลูกชายคนโตเบาๆ “ต่อไปหวังว่าจะเอาชนะน้องเขยของเจ้าได้”
เยี่ยนจื่อเยี่ยรู้สึกกดดันในทันใด ทว่าเขาก็พยักหน้าให้สัญญาว่า “ไม่ว่าอย่างไร หากเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ถูกรังแก ครอบครัวเราต้องเอาเรื่องถึงที่สุดอยู่แล้ว”
“แน่นอน” เยี่ยนชิงพูดจบก็มองไปที่ลูกเขย ถึงแม้ยังคงรู้สึกน้อยใจ แต่ก็จำเป็นต้องยอมรับว่าลูกเขยคนนี้ดีมากจริงๆ แต่ปากของเขากลับพูดว่า “เจ้านี่ก็ล่อผึ้งเรียกผีเสื้อ[1]เก่งจริงๆ”
ต้าซือมิ่งหรงที่ถูกรังเกียจก็พูดว่า “หน้าตาดี เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ก็เลยชอบ”
เยี่ยนชิง “…”
เขาหมดคำพูดแล้ว
ทว่าเยี่ยนอวี๋กลับพยักหน้าพูดว่า “ใช่แล้ว” หากหน้าตาแบบหยวนคังฮ่องเต้นั่นหรือ ลาก่อน
“พอแล้ว! กลับกันเถิด!” เยี่ยนชิงโบกมือพูดปัด
คนทั้งขบวนจึงกลับสำนักซือมิ่งอย่างเกรียงไกร ทำเอาผู้คนไม่น้อยอิจฉาตาร้อน
แต่ก็มีคนที่พูดจาเหน็บแนมเหมือนชือปี้เหลียน “ตกอันดับไปถึงอันดับที่เก้าสิบสามแล้ว ยังผยองตนเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเอาความมั่นใจมาจากไหน!”
“ตำหนักซือมิ่งน่ะสิ!” ศิษย์สำนักเหยาไถเซียนก็ร่วมเหน็บแนมด้วย!
ชือปี้เหลียนอิจฉากว่าเดิม นางมองต้าซือมิ่งที่เดินจากไปไกลอย่างไม่รู้ตัว แม้จะเดินอยู่ในฝูงชน ร่างสูงโปร่งสง่าและมาดไร้ที่ติของเขาก็เป็นดั่งไข่มุกในค่ำคืนมืดมิด ดึงดูดสายตาผู้คนมากนัก
“ต้าซือมิ่ง…” ชือปี้เหลียนบีบมือตนเอง คิดในใจว่าหากสำนักคุนอู๋สำเร็จ ขอเพียงทุกอย่างราบรื่น ท่านเทพท่านนี้ต้องเจอกับจุดจบที่ตกอับ ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสถึงตานาง! ถึงครานั้น…
เปรี้ยง! สายฟ้าผ่าลงมาข้างหลังชือปี้เหลียนกลางวันแสกๆ นางสะดุ้งตกใจจนไม่กล้าเพ้อต่อไป และพาคนสำนักออกจากสนามประลองราชสำนักทันที
แต่กลับมีคนจำนวนไม่น้อยทุกข์ใจ “เหตุใดจู่ๆ ฟ้าก็ผ่ากลางวันแสกๆเล่า หรือว่ามีใครคิดเพ้อถึงสิ่งที่ไม่สมควร”
“ใครจะไปรู้ เรารีบไปกันเถอะ!”
“ไปเถอะ ไปสืบดูประวัติของสำนักนิรนามนั้นดีกว่า เผื่อว่าจะไปวางเดิมพันได้”
…
ณ ตำหนักซือมิ่ง
หลังจากต้าซือมิ่งให้หลานชังปรับปรุงตำหนักแล้ว ตำหนักซือมิ่งในบัดนี้ก็กลายเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในเมืองหลวง แม้แต่ยุงบินเข้าออกก็ถูกจับได้
ดังนั้น เยี่ยนชิงจึงออกคำสั่งห้ามคนในสำนักออกไป และมั่นใจว่าคนข้างนอกก็ไม่สามารถเข้ามาได้ ในขณะเดียวกันเขาก็รู้ว่า ลูกเขยคนนี้ใช้ได้จริงๆ ถึงแม้ยังคงรู้สึกอิจฉา เยี่ยนชิงก็ยังคงพูดกับต้าซือมิ่งอย่าง ‘รู้หน้าที่’ ว่า “ส่งเสี่ยวเป่ามาให้ข้าเถอะ พวกเจ้าไปเดินเล่นเถอะ”
หรงอี้ย่อมไม่ปฏิเสธ เขายื่นเด็กน้อยที่นอนหลับสนิทไปให้พ่อตา “เช่นนั้นก็รบกวนท่านพ่อแล้ว วันสองวันนี้เสี่ยวเป่าไม่หิว ท่านพ่อมิต้องปลุกเขา”
“รู้แล้ว! ไปเถอะ” เยี่ยนชิงโบกมือ เริ่มรู้สึกเสียใจ เฮ้อ! เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่เขาหวงแหนตั้งแต่ยังเล็กถูก ‘หมู’ ตระกูลหรงตัวนี้คาบไปง่ายๆ เช่นนี้เสียแล้ว!
“ท่านพ่อ เช่นนั้นพวกเราไปก่อนนะเจ้าคะ” เยี่ยนอวี๋เองก็มีเรื่องอยากจะคุยกับต้าซือมิ่งเป็นการส่วนตัว ดังนั้นเมื่อเยี่ยนชิงโบกมือ นางก็ดึงต้าซือมิ่ง ‘เดินดุ่มๆ’ จากไปทันที!
เยี่ยนชิงยิ่งรู้สึกอิจฉาไม่ไหว “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์คิดว่าท่านพ่อคนนี้แก่แล้วใช่หรือไม่ ไม่ชอบข้าเสียแล้ว เจ้าดูสิ นางชอบลูกเขยสารเลวนั่นมากกว่า! ตั้งหน้าตั้งตาเดินเช่นนี้…”
“ท่านพ่อ ท่านเป็นคนบอกให้คนเขาไปเองมิใช่หรือ แล้วยังโบกมือไล่ด้วย!” เยี่ยนจื่อเสาพูดตรงไปตรงมา
“ไปไกลๆ เลย!” เยี่ยนชิงก็รีบไล่ลูกชายไป “ไอ้เด็กเหลือขอคนสองคนนี่ ไม่เห็นน่ารักเหมือนเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เลย สู้เสี่ยวเป่าก็ไม่ได้ รีบไสหัวไปซะ! เห็นแล้วระคายเคืองตา”
เยี่ยนจื่อเสา “…”
เมื่อถูกขับไสไล่ส่งเช่นนี้ เขาทำได้เพียงออกจากที่นั่น แต่เยี่ยนจื่อเยี่ยยังคงอยู่กับท่านพ่อเพื่อวางแผนการแข่งขันของสำนักในรอบต่อไป
…
ในขณะเดียวกัน เยี่ยนอวี๋ก็คว้าแขนเสื้อของต้าซือมิ่งไว้ถามว่า “เสี่ยวเป่ามีปัญหาอะไรใช่หรือไม่” นางมักจะรู้สึกว่าทุกครั้งที่เสี่ยวเป่ามีการเปลี่ยนแปลง เขามักจะทำตัวแปลกพิกล
ต้าซือมิ่งโอบนางเข้ามาในอ้อมแขนกลับพูดขึ้นว่า “อาจจะเป็นปัญหาของข้าก็ได้”
เยี่ยนอวี๋ชะงัก “หมายความว่าอย่างไร”
หรงอี้ยกมือขึ้นนวดระหว่างคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ไม่มั่นใจ “คืนนี้เราไปวังใต้ดินกันอีกครั้ง”
“วังใต้ดินนั่นก็เกี่ยวข้องกับวิญญาณคนตายนั่นหรือ!” เยี่ยนอวี๋ถามด้วยความร้อนใจปนความกังวล
ต้าซือมิ่งโอบเอวของนางไว้แน่นขึ้นเล็กน้อย เขาหลุบตาอมยิ้มมองนาง “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เป็นห่วงข้าหรือ”
เยี่ยนอวี๋หรี่ตาลงเล็กน้อย เขาสัมผัสถึงแรงที่เขากดลงไปได้ เหมือนกับว่าจะสวมกอดนางเข้าไปในอ้อมอก นางจึงยกมือที่แต่เดิมวางอยู่บนแผ่นอกของเขาขึ้นไปกอดคอของเขาไว้หลวมๆ ก่อนจะมองตาเขา ขณะที่สบตากันนั้น…
“ต้าซือมิ่ง!” เสียงของหลานชังกลับดังขึ้นอย่างเร่งรีบจากนอกเรือน เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องเร่งด่วน!
คิ้วเรียวยาวของหรงอี้ขมวดเล็กน้อย หลานชังก็รายงานขึ้นนอกเรือนว่า “ขบวนของอีจี้จิ่วถูกซุ่มโจมตีขอรับ!”
[1] ล่อผึ้งเรียกผีเสื้อ เป็นสำนวนจีน หมายถึงดึงดูดให้ผู้คนสนใจ