เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 320 ต้าซือมิ่งผู้หลุดพ้น VS ต้าซือมิ่งผู้โหดเหี้ยม
- Home
- เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน
- ตอนที่ 320 ต้าซือมิ่งผู้หลุดพ้น VS ต้าซือมิ่งผู้โหดเหี้ยม
ตอนที่ 320 ต้าซือมิ่งผู้หลุดพ้น VS ต้าซือมิ่งผู้โหดเหี้ยม
อย่าว่าแต่เยี่ยนชิงพวกเขาอ้ำอึ้งเลย แม้แต่หรงต้าซือมิ่งก็ชะงักเล็กน้อย ทว่าเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนของสำนักคุนอู๋กระตุกหนวดเสือเข้าแล้ว เพียงแต่ว่าเยี่ยนชิงและบุตรชายอีกสองคนของเขาก็ปฏิเสธเสียงแข็ง “ไม่ได้!”
ถึงแม้พวกเขาต่างรู้ว่าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ในสายตาพวกเขาไม่ใช่ผู้ไร้พลังเช่นอดีตแล้ว แต่บุรุษตระกูลเยี่ยนก็ต้องปกป้องแม่นางน้อยเพียงคนเดียวในครอบครัวคนนี้อยู่ดี พวกเขาย่อมไม่ปล่อยให้นางไปเป็นผู้ท้าชิง
“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ พี่รู้ว่าเจ้าไม่เหมือนเดิมแล้ว หากเจ้าเข้าไปสู้ก็จะต้องชนะแน่นอน แต่พี่ไม่ยอมให้เจ้าไปหรอกนะ เรื่องนี้ต้องให้พี่จัดการเท่านั้น จิ้งจอกเก้าหางของพี่ยังไม่เคยได้ปรากฏต่อหน้าใครเลย!” เยี่ยนจื่อเสาพูดถึงเรื่องนี้แล้วก็หงุดหงิด เขาเป็นผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ระดับตำนานโดยสมบูรณ์แล้ว แต่คนในเมืองหลวงยังคิดว่าเขาเป็นตำนานระดับกลาง และยังเป็นผลจากการที่เขามีเรื่องกับชือปี้เหลียนหน้าประตูเมืองแล้วด้วย
“น้องรอง หากเจ้าไปอาจจะมีโอกาสแพ้ ข้าไปดีกว่า อีกอย่างข้าเป็นพี่ใหญ่ ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ต้องไม่ตกถึงน้องเล็กเช่นพวกเจ้าสองคน คนที่ไปต้องเป็นข้าเท่านั้น” เยี่ยนจื่อเยี่ยใช้อำนาจพี่ใหญ่
แต่แล้วเยี่ยนอวี๋กลับพูดว่า “แต่ข้าอยากไป”
เยี่ยนชิงปวดศีรษะขึ้นมาทันใด “การต่อสู้ไม่เห็นมีอะไรดีเลย เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เชื่อฟังพ่อนะ เราคอยดูอยู่ข้างล่างก็ดีแล้ว อย่าไปยุ่งกับศึกของพวกผู้ชายตัวเหม็นนั่นเลย”
“ท่านพ่อ ท่านก็เป็นผู้ชายตัวเหม็นเช่นกันนะ” เยี่ยนจื่อเสาพูดเสียงเบา
เยี่ยนชิงถลึงตาใส่ลูกชายอย่างไม่สบอารมณ์ เขาเกลี้ยกล่อมลูกสาวต่อไปว่า “จริงๆ นะ เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ สู้ฟันกันไม่สนุกหรอก เราไม่ไปดีกว่านะ”
“ไม่” เยี่ยนอวี๋กล่าว “ข้าอยากไป”
เยี่ยนชิงปวดศีรษะ เขาไม่เคยปฏิเสธความต้องการของสตรีได้เลย เขาจึงรีบส่งสัญญาณให้บุตรชายคนโตจัดการ รีบเกลี้ยกล่อมน้องสาวเจ้าสิ!
“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์…” เยี่ยนจื่อเยี่ยเพิ่งจะปริปาก
เยี่ยนอวี๋ก็มองเขาแล้วพูดว่า “กลั้นไว้อึดอัดน่ะ”
…เยี่ยนจื่อเยี่ยพ่ายแพ้
เยี่ยนชิงจึงเรียกบุตรชายอีกคนอย่างหัวเสีย “จื่อเสา!”
“เอ่อ… เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ น้อง…”
“ข้าอยากไป” เยี่ยนอวี๋พูด
เยี่ยนจื่อเสามองท่านพ่ออย่างหมดหนทาง น้องสาวน่ารักเช่นนี้ ข้าก็ปฏิเสธไม่ลงเหมือนกัน!
“พวกเจ้าสองคนบัดซบจริงๆ ออกไปซะ!” เยี่ยนชิงที่อุ้มหลานชายน้อยไว้ก็หันหลังกลับ เขายังคงไม่ยอมให้นางไป
ทว่าเยี่ยนอวี๋ก็ใช้ท่าไม้ตาย “ท่านพ่อ”
เพียงคำว่า ‘ท่านพ่อ’ แสนอ่อนโยนนี้ เยี่ยนชิงก็ทนไม่ไหวแล้ว “ถ้าเจ้าไปแล้วบาดเจ็บจะทำอย่างไร เจ้าจะให้พ่อทำอย่างไร พ่อต้องเจ็บปวดใจตายแน่ๆ เลย”
“ไม่หรอกเจ้าค่ะ” เยี่ยนอวี๋มั่นใจ
แม้เยี่ยนชิงรู้ว่าบุตรสาวมีพลังไม่ธรรมดา แต่ว่า แต่ว่า…
“หรงอี้! เจ้าไม่ห้ามหน่อยเลยรึ” เยี่ยนชิงชี้ว่าที่ลูกเขยอย่างทนไม่ไหว
ต้าซือมิ่งกลับพูดว่า “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อยากเล่นก็ให้นางเล่นเถอะ”
เยี่ยนอวี๋พึงพอใจมาก นางรีบเดินไปข้างหน้าท่านพ่อของนาง “ข้าจะไม่ทำให้ท่านพ่อเจ็บปวดใจจนร้องไห้แน่นอน วางใจเถอะ”
“แต่ว่าพ่ออยากร้องไห้ตั้งแต่ตอนนี้เลย” เยี่ยนชิงกล่าว
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางคิดว่านางกำลังจะพ่ายแพ้แล้ว เยี่ยนอวี๋จึงรีบกล่าวว่า “ตามนี้นะเจ้าคะ ข้าไปเตรียมการเรื่องที่จะเข้าไปราชสำนักคืนนี้ก่อนแล้ว”
เมื่อพูดเสร็จ นางก็วิ่งลิ่วไปทันที และยังเห็นได้ชัดว่านางวิ่งไปทางห้องนอนของต้าซือมิ่ง ทำเอาเยี่ยนชิงหงุดหงิด ส่วนต้าซือมิ่งก็ดีอกดีใจ เขากล่าวลาเสร็จก็ตามภรรยาออกไปแล้ว
“บัดซบ! ไม่ห้ามหน่อยเลย เอาแต่ตามใจเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์” เยี่ยนชิงก่นด่าอย่างไม่พอใจ น้ำเสียงกลับไม่ได้เจือปนการตำหนิใดๆ แต่กลับกันเมื่อเขาดุเสร็จยังหัวเราะออกมา
“มีเพียงเขาที่ตามใจเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ได้” เยี่ยนจื่อเยี่ยพูดขึ้น ในบางมุมต้าซือมิ่งท่านนี้ก็เหมาะสมกับเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของพวกเขามาก เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ในตอนนี้
เยี่ยนจื่อเยี่ยเองก็สัมผัสถึงนิสัยที่เปลี่ยนแปลงไปของน้องสาว นอกจากรู้สึกปวดใจแล้ว เขาก็ไม่รู้สึกสิ่งใดอีก ตั้งแต่ที่เขาได้พบน้องสาวอีกครั้ง เขาก็รู้ว่าน้องสาวจอมเจื้อยแจ้วคนนั้นคงกลับมายากแล้ว มีเพียงยามที่อยู่กับต้าซือมิ่ง นางยังพอเผยมุมที่ไร้เดียงสาบ้าง เวลาที่เหลือนางก็เหมือนกับเด็กน้อยที่เติบใหญ่ในชั่วข้ามคืน
“แต่ก็เป็นเพราะน้องเขยคนนี้ เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไม่อ้อนข้าแล้ว” เยี่ยนจื่อเสาคิดถึงน้องสาวตัวน้อยๆ บอบบางในอดีตคนนั้น น้องสาวที่เอาแต่เรียก ‘พี่รองๆ’ ตามหลังเขา
แต่แล้วเยี่ยนชิงก็อดพูดแทงใจดำขึ้นมาไม่ได้ว่า “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไม่อ้อนเจ้าตั้งแต่อายุครบแปดขวบแล้ว”
เยี่ยนจื่อเสา “…”
เขาจึงสงสัยมาตลอดว่าตนเองคงถูกเก็บกลับมาเลี้ยง ใช่ว่าจะไม่มีมูลเหตุนะ
ในขณะที่ชายตระกูลเยี่ยนกำลังเปิดโปงจุดอ่อนกันไปมานั้น เยี่ยนอวี๋ก็เข้ามาในลานหน้าเรือนของต้าซือมิ่งแล้ว ทุกอย่างงามวิจิตรและเงียบสงบ ต้าซือมิ่งเองก็ตามมาถึงแล้ว “เข้าไปนั่งหรือไม่”
เยี่ยนอวี๋กลับส่ายศีรษะ “หากสะดวกเราไปราชสำนักตอนนี้กันเถอะ หากคนๆ นั้นคือหยวนคังฮ่องเต้จริงๆ บางทีเข้าไปตอนนี้อาจจะเหมาะสมกว่า”
“ก็ได้” แต่เดิมหรงอี้คิดว่ากลางคืนลงมือทำอะไรง่ายกว่า แต่ในเมื่อภรรยาอยากไปตอนนี้ก็ไปตอนนี้ก็ได้
“ลำบากหรือไม่” เยี่ยนอวี๋ถามจริงจัง
หรงอี้ที่ยื่นมือไปโอบนางไว้แล้วก็พูดขึ้นว่า “วางใจเถอะ ขอเพียงเจ้าอยู่กับข้า ไม่เป็นอะไรหรอก”
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางรู้สึกเหมือนกับตกหลุมพรางเขาอีกแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไร หลังจากนั้นทั้งสองก็ปรากฏตัวในราชสำนักแล้ว
แต่การเคลื่อนไหวในเวลากลางวันก็ไม่สะดวกเท่ากลางคืนจริงๆ พวกเขาต้องคอยหลบหลีกสายตามากกว่าเดิม โอกาสที่จะถูกจับได้ก็มีมากกว่าเดิม แต่เยี่ยนอวี๋มีสัญชาติญาณบางอย่าง นางจึงอยากมาดูเองก่อน และเมื่อลอบเข้าไปถึงในวังใต้ดินได้ พวกเขาก็พบบางอย่างเข้าตามคาด…
วังใต้ดินถูกประดับเต็มไปด้วยยันต์อักษรค่ายกลชิงนภาเปลี่ยนตะวัน มีกลิ่นอายเหมือนกับครั้นเยี่ยนอวี๋กลับไปเมื่อชาติที่แล้ว! ไม่ต่างกันเลย
“สุดท้ายก็ปรากฏจนได้” เยี่ยนอวี๋เผยแววตาเคร่งขรึม นางกำลังสื่อจิตสัมผัสยันต์เหล่านี้ เพื่อดูว่าค่ายกลนี้เกี่ยวข้องกับผู้ใด
ผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ยื่นมือออกมาโอบเอวบางๆ ของชายข้างกายก่อนจะพาเขาเหินไปทางทิศทางที่นางสัมผัสบางสิ่งได้ ต้าซือมิ่งเกือบจะทำให้กลิ่นอายของตนรั่วไหลเพราะไม่ทันตั้งตัว ทั้งสองเกือบจะถูกจับได้แล้ว
เจ้าปลายน้อยตัวนี้นี่…
ต้าซือมิ่งที่ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยปล่อยให้นางโอบต่อไป จิตสัมผัสของนางก็แผ่ซ่านออกไปรอบทิศ ไม่นานก็สัมผัสถึงกลิ่นอายอันคุ้นเคย
เพี๊ยะ!
เคร้ง!… กู้หยวนซูกำลังขว้างของอย่างโมโห เห็นได้ชัดว่านางยังไม่สามารถสงบอารมณ์ลงได้ “ออกไป! ออกไปให้หมด! ไปตายซะ! คนเลว! ไสหัวไปซะ!”
“เหนียงเหนียงโปรดอภัย!”
“เหนียงเหนียง…” นางในที่ถูกพาลต่างหนีออกมาจากห้องโถง คนไม่น้อยยังบาดเจ็บจนเลือดไหลซิบ เห็นก็รู้ว่าบาดเจ็บไม่น้อย รู้ได้ว่ากู้หยวนซูโมโหเพียงใด!
เหอซงที่เพิ่งเดินจากไปไม่ไกลได้แต่ส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ เหนียงเหนียงท่านนี้แต่เดิมก็เป็นคนงามสง่า ไม่น่า… ช่างเถอะ พูดได้เพียงว่าสำหรับองค์ฮ่องเต้แล้ว สตรีที่เหลือที่มิใช่เทพธิดาเยี่ยนล้วนเหมือนกันหมด ฝ่าบาทย่อมมิได้รักทะนุถนอมจากใจจริง
การที่ไม่ได้รับความรักจากใจจริงและยังถูกปฏิบัติด้วยอารมณ์แปรปรวนเช่นนี้ คนปกติย่อมเสียสติ อีกอย่างเหนียงเหนียงท่านนี้เองก็มิใช่คนใจกว้าง เหอซงที่คิดเช่นนี้ก็รีบเดินกลับไปที่ตำหนักหันกวง เขากลับไม่รู้ว่ามีคนกำลัง ‘ตาม’ เขาไป
“ทำไมตามเขาล่ะ” หรงอี้เลิกคิ้วเล็กน้อย
เยี่ยนอวี๋ส่ายศีรษะ อันที่จริงนางก็ตามมาเพราะสัญชาติญาณล้วนๆ “ครั้งที่แล้วเราเคยมาที่กู้หยวนซูแล้ว ไม่ได้พบสิ่งปกติอะไร แม้ค่ายกลนั่นจะข้องเกี่ยวกับนาง แต่หยวนคังฮ่องเต้ก็ยังพัวพันกับนางมิใช่หรือ”
“เจ้ากำลังสงสัยว่าหยวนคังฮ่องเต้ใช้วิธีการร่วมฝึกฌานโดยการนำพลังที่กู้หยวนซูได้โอนย้ายมาที่ร่างของตนเองหรือ” หรงอี้ที่พูดอย่างตรงไปตรงมาทำให้เยี่ยนอวี๋หูแดง
ทว่านางก็พยักหน้า “การฝึกมนต์ดำโดยทั่วไปแล้วก็ชั่วร้าย”
ต้าซือมิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาโอบเอวภรรยาไว้แน่น “ร่วมฝึกฌานน่ะไม่ชั่วร้ายหรอก เช่นเดียวกับหยินหยาง”
“หยุดพูด!” เยี่ยนอวี๋ยกมือขึ้นป้องปากเขา นางไม่อยากฟังเขาเพ้อเจ้ออีก ทั้งที่เขารู้ดีว่านางไม่ได้หมายความถึงเช่นนั้น ไม่สิ นางก็ไม่ตั้งใจจะหมายความเช่นนั้น เจ้าคนผู้นี้ช่าง…
หรงอี้ที่ถูกปิดปากไว้ก็ไม่ได้พูดอะไร เมื่อพวกเขาตามเหอซงไปจนได้เห็นหยวนคังฮ่องเต้กลับพบว่าฝ่ายหลังมีอาการแย่มาก!?
“นี่มัน…” เยี่ยนอวี๋ตกใจ “ครั้งที่แล้วหลังจากที่เจ้าลงโทษเขาไป อีจี้จิ่วก็รักษาให้แล้ว เขาก็ดีขึ้นมากแล้วมิใช่หรือ เหตุใดบัดนี้ดูแล้วเหมือนจะตายได้ทุกเมื่ออย่างไรอย่างนั้น”
หรงอี้เองก็ประหลาดใจเช่นกัน แต่เขาสัมผัสถึงกลิ่นอายที่สะท้อนถึงตัวเขาบนตัวของหยวนคังฮ่องเต้ ทำให้เขาขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่รู้ตัว “ไม่ถูก”
“พบอะไรเข้าหรือ” เยี่ยนอวี๋ถามทันที
หรงอี้ขมวดคิ้วเรียวยาว จู่ๆ ก็พานางกลับไปที่วังใต้ดิน
เยี่ยนอวี๋ชะงัก “เกิดอะไรขึ้น”
“ปัญหาอยู่ที่นี่” หรงอี้แพร่จิตสัมผัสออกไปอย่างกว้างขวางที่สุด เขาสัมผัสทุกๆ จุดในโถงอย่างตั้งใจ รวมถึงยันต์ชั่วร้ายเหล่านั้น
และในระหว่างนี้เยี่ยนอวี๋ก็สังเกตทุกอย่างในวังใต้ดิน จากนั้นนางก็เห็นคราบเลือดสีดำคล้ำ นางจึงย่อตัวลงเพื่อใช้จิตสัมผัสบริเวณนั้นอย่างละเอียด
และในขณะที่นางย่อตัวลงนั้นเอง โลงศพที่อยู่กลางวังใต้ดินที่มีอยู่จริงๆ แต่เยี่ยนอวี๋และหรงต้าซือมิ่งไม่เห็นราวกับอยู่ในโลกอีกใบหนึ่งนั้นก็สั่นสะเทือนเล็กน้อย
ในขณะเดียวกัน!
“…”
‘ต้าซือมิ่ง’ ที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายและอำมหิตในโลงศพดวงตาก็เคลื่อนไหวเล็กน้อยเหมือนกับจะลืมตาขึ้นแล้ว!