เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 33 การแขวะซึ่งๆ หน้าเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้ามีสายเลือดวิหคทมิฬ” อินหลิวเฟิงตกใจมาก! เพราะนี่คือความลับสุดยอดของตระกูลอินแห่งเมืองโยวตู
แต่เมื่อสักครู่ที่เขาเพิ่งก้าวเข้าไปในหอประมุข เพิ่งเดินเข้าไปในห้องโถงแห่งนี้นั้น แม่นางโฉมงามที่ดูเย็นชาตรงหน้า ก็มองความลับนี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
“หืม?” เยี่ยนอวี๋เงยหน้า ละสายตาจากลูกน้อยในอ้อมอกไปยังชายตรงหน้า “อนุญาตให้เจ้าคิดว่าเป็นวิชาแพทย์อันล้ำเลิศของข้าได้”
“…อ้อ” อินหลิวเฟิงกระตุกมุมปาก พลางคิดในใจว่า เชื่อก็บ้าแล้ว!
“เจ้าต้องการอะไรจากข้า” เยี่ยนอวี๋ถาม
อินหลิวเฟิง “…”
เขาพบว่ายอดหญิงงามอันดับหนึ่งตามที่เล่าขานกัน ไม่เพียงแต่ความสามารถจะไม่ตรงกับข่าวลือเท่านั้น อีกทั้งความเฉียบแหลมยังไม่ตรงกับข่าวลืออีกด้วย กล่าวว่าสตรีคนนี้เปรียบดั่งแจกันที่มีประโยชน์แค่เอาไว้ชื่นชมมิใช่หรือ ไฉนถึงได้มีไหวพริบเฉียบแหลมปานฉะนี้
เป็นอย่างที่คนว่าเอาไว้ไม่มีผิด…ข่าวลือสามารถทำให้คนตายได้!
โชคดีที่เขาไม่ใช่คนที่เชื่อข่าวลือมาแต่ไหนแต่ไร เพราะเขาเองก็ไม่เหมือนอย่างที่เขาล่ำลือกันเช่นกัน
ขณะที่อินหลิวเฟิงเพิ่งจะจัดการอารมณ์ความรู้สึกได้ เยี่ยนอวี๋ก็พูดขึ้นอีกว่า “ไม่ว่าเจ้าจะต้องการอะไรก็ตาม สิ่งที่ข้าต้องการก็คือภาพกลควบคุมที่อยู่ในตัวเจ้า”
“…หืม?” อินหลิวเฟิงตะลึงงัน เขาพบว่าตัวเขาเองไม่สามารถตามความคิดของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าได้เลย!
เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วกล่าวว่า “เจ้าโง่เขลากว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก” ยังไม่ฉลาดเท่าเสี่ยวเป่าเลย โง่เขลาเหมือนกับเสี่ยวเป่าตอนที่ยังไม่ได้เปิดทวารอย่างไรอย่างนั้น
“…” อินหลิวเฟิงจำไม่ได้แล้วว่าวันนี้เขาสะอึกจนพูดไม่ออกไปกี่หนแล้ว เขาจำต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ที่สำคัญคือแม่นางช่างแตกต่างจากข่าวลือไปโดยสิ้นเชิง ข้าน้อยปรับตัวไม่ทัน”
“ผู้เข้าครอบครองก่อนย่อมได้เปรียบเป็นเจ้าของก่อน มิใช่ผู้สืบทอดของวิหคทมิฬ” เยี่ยนอวี๋ส่ายศีรษะเล็กน้อย ถึงแม้กองกำลังวิหคทมิฬในบังคับบัญชาของนางจะไม่นับว่าแข็งแกร่งอะไรมากนัก แต่ก็มีไหวพริบ สายตากว้างไกล ฉลาดและรอบรู้เป็นพหูสูตเช่นกัน
ส่วนลูกหลานของวิหคทมิฬที่อยู่ตรงหน้านี้ออกจะโง่เขลาไปเสียหน่อย…
โชคดีที่อินหลิวเฟิงผู้ถูก ‘แขวะซึ่งๆ หน้า’ ปรับตัวเข้ากับ ‘บทบาท’ ได้อย่างรวดเร็วและพูดว่า “คําถามข้อแรก อันที่จริงข้าน้อยอยากได้ข้อมูลจากแม่นางจริงๆ ข้าอยากรู้ว่า หัตถ์แห่งเทพกสิกรรมของแม่นางได้มาแต่ใด”
เห็นชัดว่านี่เป็นสิ่งที่อินหลิวเฟิงพิศวงสงสัยที่สุด! และเขารู้สึกว่าการคุยกับแม่นางที่อยู่ตรงหน้านี้ ควรใช้การพูดคุยอย่างตรงไปตรงมาจึงจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด แต่ทว่า…
เยี่ยนอวี๋กลับแสดงเจตจำนงอย่างตรงไปตรงมาและเปิดเผยมากกว่า! “นำภาพกลควบคุมของเจ้ามาให้ข้า แล้วข้าจะบอกเคล็ดพิสดารของหัตถ์แห่งเทพกสิกรรมให้กับเจ้า”
“…เอ๋?” อินหลิวเฟิงงุนงงไปหมด แต่ว่าคราวนี้เขาพูดโต้ตอบได้อย่างรวดเร็ว “แม้ว่าข้าจะต้องการเคล็ดพิสดารมากเพียงใด แต่ข้าก็มิอาจส่งภาพกลควบคุมให้ท่านได้จริงๆ มันคือความลับสุดยอดของตระกูลของข้า ภาพนี้อยู่ในมือของท่านพ่อข้า ต้องรอให้ข้าสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลเสียก่อน ถึงจะได้มัน”
“เจ้ามิต้องนำภาพมาให้ข้า เจ้าแค่ยอมรับและทำตามที่ข้าบอกก็พอ” เยี่ยนอวี๋อธิบาย
“หืม? อ้อ” อินหลิวเฟิงถามอย่างสงสัยอีกว่า “ท่านจะให้ข้าทำอะไร”
“นอนลง”
“ห้ะ?” อินหลิวเฟิงหดคออย่างช้าๆ และชั่วขณะนั้น เขาก็สงสัยว่าท่าทีที่แม่นางคนนี้แสดงออกมาว่าไม่สนใจต่อรูปลักษณ์ของเขานั้น อาจจะไม่ใช่ความจริง!
“ข้าจะกระตุ้นกลควบคุมนี้ให้เปิดเผยและจดจําไว้ในความทรงจำ ในระหว่างนั้น ห้ามเจ้าขัดขืนเป็นอันขาด มิฉะนั้นมันจะย้อนกลับมาทําร้ายเจ้า” เยี่ยนอวี๋กล่าว
“อ้อ…” อินหลิวเฟิงรู้สึกแปลกๆ และรู้สึกผิดหวังเล็กๆ นางมองไม่เห็นความหล่อเหลาของเขาแม้เพียงสักนิดเลยหรือ
“แต่วันนี้พลังปราณของข้าใช้ไม่ได้ พรุ่งนี้เช้าเจ้าค่อยกลับมาใหม่” แม้ว่าเยี่ยนอวี๋อยากลงมือทำในเวลานี้มากเพียงใด จะได้รีบช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้เยี่ยนจื่อเสา ทว่าวันนี้นางใช้พลังปราณมากเกินไปแล้วจริงๆ
“อื้ม” อินหลิวเฟิงแตะหน้าผาก จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นอย่างจนปัญญาว่า “แม่นาง ทำไมเวลาข้าอยู่กับท่านถึงได้มีความรู้สึกเหมือนตอนที่ข้าอยู่ต่อหน้าท่านแม่เลย ไม่รู้จริงๆ ว่าควรพูดอย่างไรดี”
“อืม” เยี่ยนอวี๋พยักหน้า เมื่อนับตามลำดับอาวุโสแล้ว นางก็เป็นบรรพบุรุษของคนคนนี้เช่นกัน
อินหลิวเฟิงตกตะลึงอีกครั้ง แต่ก็หัวเราะตามมา “ท่านอยากเป็นแม่ของข้าจริงหรือ”
“อะเนะเนะ!” เจ้าตัวน้อยที่หลับไปแล้ว จู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นร้อง ราวกับจะประท้วงว่า ‘เจ้าอย่าหวังเชียว!’
พรืด! เยี่ยนอวี๋ขำพรืด “ข้าเป็นแม่ของเจ้าไม่ได้หรอก ข้าเป็นแม่ของเสี่ยวเป่าอยู่แล้ว”
อินหลิวเฟิงยิ้มตาม “ข้าคิดว่าข้าพอจะรู้วิธีคบค้าสมาคมกับท่านแล้ว เยี่ยนจื่ออวี๋ ท่านแตกต่างจากข่าวลือมากจริงๆ”
รักลูกถึงขั้นคลั่ง การรับรู้เฉียบคม ทักษะทางการแพทย์ล้ำเลิศ วิถีโอสถเหนือชั้น เยือกเย็นเฉียบแหลม สายตากว้างไกล สิ่งเหล่านี้ถึงจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของเยี่ยนจื่ออวี๋ผู้เป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเยี่ยนของสำนักชางอู๋
อินหลิวเฟิงรู้สึกว่าการที่เขาเดินทางมาชางอู๋คราวนี้ ได้พบกับเยี่ยนจื่ออวี๋และได้ทำความรู้จักกับนางนั้นเป็นสิ่งที่คุ้มค่าแล้ว ส่วนเรื่องอื่นเป็นเพียงการเพิ่มพูนสิ่งที่คุ้มค่าอยู่แล้วให้ดีขึ้นไปอีกเท่านั้น
“ส่วนเรื่องการสู่ขอที่ข้าบุ่มบ่ามเอ่ยออกไปก่อนหน้านี้ แม่นางอย่าได้ใส่ใจนัก ข้าคิดว่าท่านก็คงทราบดีว่านั่นเป็นเพราะสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องพูดเช่นนั้น บุคคลสำคัญอย่างแม่นาง คิดว่าราชสำนักไม่ควรค่าพอสำหรับท่าน” อินหลิวเฟิงพูดอย่างชัดเจน
เพียงคําพูดนี้ที่เขาเอ่ยออกมา ทำให้เยี่ยนชิงที่เงียบมาตลอดได้ปริปากพูดด้วยความไม่พอใจ “ในเมื่อสถานการณ์บีบบังคับ ไยเจ้าถึงไม่กล่าวชื่นชมก็เพียงพอ เหตุใดจึงต้องเอ่ยถึงเรื่องการสู่ขอด้วย ทำเช่นนี้เหมือนเป็นการทำให้อวี๋เอ๋อร์ของข้าต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงมิใช่หรือ!”
“…เป็นข้าน้อยที่ล่วงเกินไป” อินหลิวเฟิงจนปัญญา
“เจ้ารู้เช่นนั้นก็ดีแล้ว และเรื่องส่วนตัวที่เจ้าจะคุยกับอวี๋เอ๋อร์นั้น ต่อไปไม่ต้องไปคุยกับอวี๋เอ๋อร์ คุยกับข้าก็เป็นพอ” เยี่ยนชิงพูดขึ้นอีก เขายังรู้สึกว่าซวงเสวียนจวินผู้นี้มีเจตนาที่ไม่ดีนัก
“หรือจะมาหาข้าน้อยก็ได้” เยี่ยนจื่อเสาที่อยู่ข้างๆ ก็พูดคล้อยตาม “บางทีท่านซวงเสวียนจวินอาจจะรู้สึกว่าไม่สําคัญ การที่ท่านมาสู่ขออาจเป็นเกียรติสําหรับสตรีหลายนาง แต่สำหรับน้องสาวของข้าน้อยนั้น ไม่เหมือนกัน ข้าน้อยหวังว่าท่านจะเข้าใจ”
“…ข้าน้อยล่วงเกินแล้ว” อินหลิวเฟิงรู้สึกอับอายจนเหงื่อตก คิดในใจว่าภายหน้าหากต้องการจะสนทนากับสตรีที่น่าสนใจผู้นี้ อาจต้องพูดคุยเหมือน ‘การพิจารณาไต่สวนคดีจากเจ้ากรมทั้งสามกระทรวง’
“ซวงเสวียนจวินกล่าวเกินไปแล้ว” เมื่อเยี่ยนชิงเห็นว่านายน้อยรู้จักปรับตัวให้เหมาะสมเช่นนี้ จึงไม่อยากทำให้ลำบากใจ “ถ้าเช่นนั้นท่านจะพักอยู่ที่สำนักชางอู๋ หรือว่าจะหาที่พักเองด้านนอกล่ะ”
“ข้าน้อยขอตัวลาก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่” แม้ว่าจะรู้สึกทึ่งกับเยี่ยนจื่ออวี๋มาก แต่อินหลิวเฟิงก็ไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด และอันที่จริงเขาก็มีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการด้วย
“อะเนะเนะ…” เจ้าตัวน้อยมีความสุขมาก ดูเหมือนจะพึมพำออกมาหลายคำ ครั้นแล้วก็หลับตานอนต่อ วันนี้เขานอนน้อยมาก ง่วงจะตายอยู่แล้ว
อินหลิวเฟิงรู้สึกถึงการขับไล่จากทั้ง ‘สามหนุ่ม’ อยู่ครามครัน เขาจึงเดินออกไปทันที โดยมุ่งหน้าไปยังเรือนจ่างสื่อที่กู้หยวนเหิงพำนักอยู่
ต่อมาเยี่ยนชิงก็ได้รับรายงานทันที นอกจากนี้พ่อบ้านเฒ่ายังกล่าวอีกว่า “ท่านเจ้าสำนักขอรับ ผู้ส่งสาส์นยังบอกอีกว่าบุตรสาวคนรองของเยี่ยนฉี่ซานเพิ่งออกจากเรือนจ่างสื่อ และกำลังมุ่งหน้าไปยังเรือนพักม้าขอรับ”
เยี่ยนชิงขมวดคิ้วพลัน “ข้าสั่งให้ควบคุมตัวทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเยี่ยนฉี่ซานแล้วมิใช่หรือ”