เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 344 ต้าซือมิ่งใจดำทำลายวาสนา เบื้องหลังของสำนักนิรนาม
- Home
- เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน
- ตอนที่ 344 ต้าซือมิ่งใจดำทำลายวาสนา เบื้องหลังของสำนักนิรนาม
ตอนที่ 344 ต้าซือมิ่งใจดำทำลายวาสนา! เบื้องหลังของสำนักนิรนาม
แต่แล้วชือปี้เหลียนกลับปฏิเสธคำท้า “ขออภัย การประลองครั้งนี้ข้าขอไม่ประลองด้วยตนเอง เท่าที่ข้ารู้ สำนักที่ถูกท้าสามารถเลือกได้ว่าจะส่งศิษย์คนใด”
“ใช่แล้ว” ติ้งซีอ๋องยืนยัน
ชือปี้เหลียนแสยะยิ้มให้เม่ยเอ๋อร์อย่างยั่วยุ “เช่นนั้นข้าขอส่งชือเหอศิษย์สำนักเดียวกันลงประลอง”
เม่ยเอ๋อร์ยิ้มเย็นชา “ไม่ช้าก็เร็วก็ถึงตาเจ้าอยู่ดี!”
ชือปี้เหลียน “…”
นังสาวใช้เฮงซวยคนนี้ช่างโอหังจริงๆ! รอให้ลัทธิเซิ่งเหลียนของนางชนะก่อนเถอะ นางจะรอดูว่าสาวใช้คนนี้ยังจะบังอาจหยิ่งผยองเช่นนี้หรือไม่
เม่ยเอ๋อร์ไม่สนใจว่าชือปี้เหลียนจะคิดอย่างไร เมื่อนางขึ้นไปบนเวทีก็ชักดาบเล่มใหญ่วาววับออกมา ทำเอาชือเหอที่เดินอืดอาดขึ้นเวทีตกใจกลัวสุดฤทธิ์ แต่สถานการณ์ก็พลิกผัน เพราะว่าทันทีที่ชือเหอขึ้นมาเขาก็พูดว่า “ข้าน้อยขอยอมแพ้!”
เม่ยเอ๋อร์ “…”
นางไม่ทันได้ตวัดดาบเล่มใหญ่เสียด้วยซ้ำ การประลองก็จบลงเพียงเท่านี้แล้ว น่าหงุดหงิดจริงๆ!
เม่ยเอ๋อร์จึงไม่ยอมลงจากเวที “เม่ยเอ๋อร์ศิษย์สำนักชางอู๋ขอท้าสำนักชิงเหลียน ใครก็ได้ขึ้นมา!” นางไม่เชื่อหรอกว่าวันนี้นางจะไม่ได้สู้จริงๆ!
แต่แล้ว คนสำนักชิงเหลียนก็ไม่มีใครขึ้นไป ทุกคนยอมแพ้
เม่ยเอ๋อร์ “…”
นางเข้าร่วมสำนักชางอู๋เพื่อได้ออกมาต่อสู้ แต่ตอนนี้กลับบอกนางว่าไม่มีใครยอมสู้ด้วย?!
“แค่ก” เยี่ยนจื่อเสาอดพูดไม่ได้ว่า “ด้วยพลังของเม่ยเอ๋อร์ ข้าคิดว่าตราบใดที่ไม่ใช่คนโง่ ก็ไม่มีใครรับคำท้าหรอก ยอมแพ้ดีกว่า”
“ก็ดีเหมือนกันนี่ สำนักเราได้มาเจ็ดคะแนนแล้ว” เยี่ยนจื่อเยี่ยคิดว่าก็ไม่เลวเท่าไรนัก
เยี่ยนจื่อเสาครุ่นคิดครู่หนึ่งก็เห็นด้วย แต่ก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย “แล้วจะทำอย่างไรหากต่อจากนี้ไม่มีสำนักใดท้าสำนักเราเลย”
“ข้าจำได้ว่าหากไม่มีผู้ใดกล้าท้า สำนักเราก็จะได้อันดับหนึ่งไปโดยปริยาย ถือว่าเป็นข้อยกเว้นไป ครั้งที่แล้วสำนักคุนอู๋ก็เป็นเช่นนี้” จ่านเผิงกล่าว
“มีกฎข้อนี้ด้วยหรือ” เยี่ยนจื่อเสาไม่เคยรู้
“มี” เยี่ยนจื่อเยี่ยพยักหน้า “แต่เนื่องจากไม่ค่อยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ติ้งซีอ๋องจึงไม่ได้ชี้แจงเป็นการเฉพาะ แต่หากหลังจากนี้ไม่มีสำนักใดท้าสำนักเรา ติ้งซีอ๋องจะย้ำเตือนเอง”
“แล้วคนที่พี่เม่ยเอ๋อร์ท้าเป็นนักอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์หรือว่าวรยุทธ์เจ้าคะ” ชุ่ยชุ่ยถาม “หากเป็นวรยุทธ์ทั้งสองคงเสียเปรียบแย่เลย พี่เม่ยเอ๋อร์หลอมยาไม่เป็นด้วย”
“จริงด้วย” เยี่ยนจื่อเยี่ยคิดขึ้นได้ จึงรีบถามว่า “เม่ยเอ๋อร์ เจ้าไม่ได้บอกว่าเจ้าขอท้านักหลอมโอสถ!”
เม่ยเอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็ถามว่า “แก้ได้หรือไม่”
ติ้งซีอ๋องกระแอมขึ้นเล็กน้อย กล่าวว่า “แก้มิได้แล้ว แต่ในเมื่อลัทธิเซิ่งเหลียนส่งศิษย์นักหลอมโอสถออกมา ฉะนั้นรอบแรกเจ้าจะได้หนึ่งคะแนน”
ชือปี้เหลียนอยากจะกระอักเลือด ทำไมนางถึงส่งนักหลอมโอสถออกไปนะ นี่มันให้คะแนนสำนักชางอู๋ไปเสียเปล่าชัดๆ!
สำนักชิงเหลียนรีบเอ่ยอย่างรู้งานว่า “สำนักข้าตั้งใจจะส่งผู้ฝึกสัตว์อสูรออกไป เท่ากับว่าครั้งนี้สำนักชางอู๋ได้หนึ่งคะแนนเช่นกัน” ไม่มีใครกล้าเล่นตุกติกเพราะเจ้าสำนักของพวกเขาถูกเล่นงานไปแล้ว
เม่ยเอ๋อร์พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ตะโกนต่อไปว่า “รอบต่อไป เม่ยเอ๋อร์ศิษย์แห่งสำนักชางอู๋ขอท้านักอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักเหยาไถเซียน”
กู้ปิ่งคุนเจ้าสำนักแห่งสำนักเหยาไถเซียนทำท่าจะประกาศยอมแพ้ แต่กู้หยวนหมิงก็ชิงพูดขึ้นว่า “กู้หยวนหมิง ศิษย์สำนักเหยาไถเซียนขอรับคำท้า”
“ดี!” เม่ยเอ๋อร์พอใจ ได้ต่อสู้เสียที!
กู้หยวนหมิงเองก็สมแล้วที่เป็นสี่สุภาพบุรุษแห่งต้าซย่าผู้เลื่องชื่อ เสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นไม่หยุด “ชุนซิ่นจวิน! ข้ายอม! ข้ายอมเขาทุกอย่างเลย!”
“โห! ไม่คิดเลยว่าชุนซิ่นจวินที่ภายนอกดูอ่อนโยนกลับกล้าหาญเช่นนี้ แม้แต่ลัทธิเซิ่งเหลียน สำนักชิงเหลียนยังไม่กล้ารับคำท้า แต่เข้ากลับกล้าเผชิญหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว!”
“ข้าชอบชายอ่อนนอกแข็งในและหน้าตางามสง่าเช่นนี้ที่สุดเลย ช่างน่าหลงไหลจริงๆ! โอ้ย! ชุนซิ่นจวินสู้ๆ! ชุนซิ่นจวิน! กรี๊ดดด…”
“เชิญ” กู้หยวนหมิงเคยชินกับเสียงกรี๊ดกร๊าดเช่นนี้แล้วจึงไม่ทำให้เขาสะดุดแต่อย่างใด เขาคำนับเม่ยเอ๋อร์ตามธรรมเนียมการประลองฝีมือ รังสีความสง่าแผ่ซ่าน โดดเด่นดึงดูดสายตาทุกคู่อย่างยิ่ง
ต้าซือมิ่งจึงโน้มตัวไปข้างหูเยี่ยนอวี๋ที่กำลังมองบนเวทีเช่นกัน “เขาดูดีหรือ”
“หืม?” เยี่ยนอวี๋งุนงงเล็กน้อย ก่อนจะตอบอย่างประหลาดใจว่า “ก็ไม่เลวนะ ทำไมหรือ”
“ถามดู” เมื่อหรงต้าซือมิ่งเบี่ยงเบนความสนใจของภรรยามาได้แล้วเขาก็พูดต่อว่า “เจ้าคิดว่าสำนักนิรนามเป็นอย่างไร”
เยี่ยนอวี๋ถูกดึงความสนใจไปสิ้นเชิง นางไม่รู้ ‘แผนการ’ ของต้าซือมิ่งจึงตอบอย่างจริงจังว่า “ในหมู่พวกเขามีศิษย์สองสามนายที่เก็บซ่อนฝีมือไว้ได้ดีมาก”
“แล้วเจ้าคิดว่าหากเม่ยเอ๋อร์ท้าพวกเขา พวกเขาจะรับคำท้าหรือไม่” ต้าซือมิ่งที่บีบมือภรรยาไว้แน่นอันที่จริงเขาก็ถามส่งเดชไปเช่นนั้น เพราะเขาไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว
“คงไม่รับหรอก” เยี่ยนอวี๋คิดว่าสำนักนิรนามน่าจะอยากได้อันดับต้นๆ คงไม่เปิดเผยตัวง่ายๆ
ต้าซือมิ่งหยุดไปครู่หนึ่ง “พนันกันดีหรือไม่ ข้าขอเดิมพันว่าพวกเขาจะรับคำท้า”
“เดิมพันด้วยอะไร” เยี่ยนอวี๋ถามไม่ได้คิดมาก
“หากข้าแพ้ ให้เจ้าจูบ”
เยี่ยนอวี๋ “…”
“อ้ะเนะ!” เด็กน้อยอยากร่วมวงด้วย “ข้า… จูบ… ด้วย!”
หรงต้าซือมิ่งลูบเด็กน้อยอย่างพึงพอใจ “ให้เจ้าจูบทั้งข้าและลูกเลย”
เยี่ยนอวี๋ “…”
ครั้นนางกำลังจะบอกให้พวกเขาเลิกเล่นเสียที เสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นรอบทิศ! เพราะว่ากู้หยวนหมิงบนเวทีหลบดาบแรกของเม่ยเอ๋อร์ได้สำเร็จและกำลังลอยลงมาบนเวทีราวกับว่าวกระดาษ ช่างเป็นภาพที่งดงามจริงๆ
“กรี๊ด! ชุนซิ่นจวิน!” สตรีนักฝึกฌานไม่น้อยส่งเสียงร้องไม่หยุด!
เม่ยเอ๋อร์หรี่ตาลง “ไม่เลว มา!”
ฟิ้ว!
เม่ยเอ๋อร์ตวัดดาบลงไปกลางกระหม่อมของกู้หยวนหมิง ฝ่ายหลังรีบตะโกน “อัญเชิญซีหวังหมู่!”
เมื่อสิ้นเสียง… เสียงอื้ออึงดังไปทั่ว! แม้แต่กู้ปิ่งคุนก็ร้องอุทานอย่างตะลึง!
แต่ขณะที่เวทีต่อสู้ระเบิดนั้นเอง เทพธิดาที่มีท่วงท่าสง่างามราวกับหญิงสาวก็สถิตลงมาพร้อมกับวังเหยาไถเซียน เสียงบรรเลงสวรรค์ดังเสนาะหูทั่วท้องฟ้า ทำเอาทุกคนอ้ำอึ้ง เพราะว่าไม่มีใครรู้เลยว่ากู้หยวนหมิงเป็นนักอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ระดับตำนานแล้ว จนถึงบัดนี้ ทุกคนเพิ่งรู้ว่าชุนซิ่นจวินผู้เลอโฉมที่แทบจะถูกหลงลืมไปจากโลกนักฝึกฌานแล้วก็มีพรสวรรค์ล้ำเลิศเช่นกัน
“เยี่ยม!”
เม่ยเอ๋อร์ตื่นเต้นดีใจ นางระเบิดพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิมออกมาปะทะกับซีหวังหมู่ที่สถิตลงมา เสียงผีสางอสูรดังระงมไปทั่ว ทำเอาทุกคนตะลึง!
เยี่ยนอวี๋กลับพยักหน้าอย่างไม่รู้สึกแปลกใจ “หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว กู้หยวนหมิงก็ประสบความสำเร็จแล้วสินะ”
“ซีหวังหมู่องค์นี้คือทายาทของซีหมังหมู่องค์ก่อนหน้าหรือ” ต้าซือมิ่งถาม
“ถือว่าใช่” เยี่ยนอวี๋พยักหน้า
“ว้าว…” เด็กน้อยร้องอุทานและปรบมือไม่หยุด
เยี่ยนอวี๋หยิกเด็กน้อยอย่างขบขัน “เจ้านี่นะ”
“อุ้ม…” เด็กน้อยขอให้ท่านแม่อุ้มเขา
แต่ต้าซือมิ่งไม่ได้ยื่นให้นาง เขาเพียงแค่หยิบของกินให้ภรรยาป้อนเด็กน้อย “เมื่อเช้าเสี่ยวเป่ากินไม่ไปเยอะ เจ้าป้อนเขากินอีกหน่อยเถอะ”
“อ้ะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ารีบอ้าปากรอทันที ในความเป็นจริงแล้วเมื่อเช้าท่านพ่อของเขาไม่อยากให้เขาทานเยอะเกินไป แน่นอนว่าก็ไม่ปล่อยให้เขาหิวโซ ทว่าในเมื่อมีของให้กิน เขาก็อยากกินอยู่แล้ว!
เยี่ยนอวี๋ไม่ได้สงสัยอะไร นางเริ่มป้อนข้าวให้เด็กน้อย
เยี่ยนชิงดูถึงตรงนี้ก็รู้สึกระคายตา ในฐานะที่เป็นคนผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน เขาก็รู้ว่าว่าที่ลูกเขยคนนี้ช่างเป็นคนใจแคบจริงๆ! แค่ลูกสาวดูคนอื่นแข่งขันยังต้องหึงด้วย
ทว่าแม้กู้หยวนหมิงบนเวทีจะอัญเชิญซีหวังหมู่มาแล้ว ท้ายที่สุดก็ไม่ใช่ตู่ต่อสู้ของเม่ยเอ๋อร์อยู่ดี เขาแพ้ให้กับเม่ยเอ๋อร์ แต่ถึงกระนั้นเสียงปรบมือก็ดังกึกก้อง “เมื่อก่อนพลังของชุนซิ่นจวินคงถูกกู้เหนียงเหนียงควบคุมไว้ อันที่จริงความสามารถของเขาก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน”
“นั่นน่ะสิ เจ้าสำนักกู้มีลูกชายดีจริงๆ เขาหนักแน่นกว่ากู้เหนียงเหนียงมากเลย”
“เฮ้อ แต่เขายังมีลูกชายคนเล็กไม่เอาการอีกคนน่ะสิ”
…
เสียงชมเชยและวิจารณ์ของผู้คนไม่สามารถทำให้กู้หยวนหมิงสะทกสะท้านแม้แต่น้อย หลังจากเขาสงบอารมณ์ลงแล้วก็กลับไปนั่งตำแหน่งของตนอย่างสงบ
กู้ปิ่งคุนมองบุตรชายคนโตด้วยแววตาซับซ้อน แม้จะเชื่อเสมอมาว่าลูกคนนี้มีพรสวรรค์เก่งกาจ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะช่วยเหลือสำนักไว้ในยามที่สำนักตกที่นั่งลำบาก!
เมื่อเป็นเช่นนี้ สำนักเหยาไถเซียนถือได้ว่าเป็นสำนักหนึ่งเดียวที่ไม่ตกอันดับจากสามอันดับแรก เพราะว่ากู้หยวนหมิงศิษย์ผู้ยอดเยี่ยมคนนี้ได้รับคำท้าแล้ว
“ท่านเจ้าสำนัก ตำแหน่งเจ้าสำนักน้อยคงต้องตกเป็นของกู้หยวนหมิงแล้ว” เหล่าผู้อาวุโสสำนักเหยาไถเซียนกล่าว
ในขณะเดียวกัน เม่ยเอ๋อร์ก็กำลังท้าสำนักนิรนาม ฝ่ายหลังยอมแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย จากนั้นเม่ยเอ๋อร์ก็ท้าสำนักพุทธะ แต่ก็ถูกปฏิเสธคำท้าด้วยการยอมแพ้อยู่ดี
เม่ยเอ๋อร์จึงลงจากลานประลองทั้งที่ยังรู้สึกไม่หายอยาก นางเก็บแต้มให้สำนักชางอู๋ได้เจ็ดคะแนน
“พี่เม่ยเอ๋อร์เก่งจังเลยเจ้าค่ะ!” ชุ่ยชุ่ยปรบมือชื่นชม
เหล่าผู้น้อยใหญ่สำนักชางอู๋ก็แสดงความยินดีกับนาง ทั้งสำนักเต็มไปด้วยความชื่นมื่น
ติ้งซีอ๋องก็ประกาศผลการประลองของเม่ยเอ๋อร์ นางเก็บเจ็ดคะแนนได้ในคราเดียว จากนั้นก็พูดต่อไปว่า “ต่อจากนี้ ขอเชิญเจ้าสำนักแห่งสำนักนิรนามส่งศิษย์ออกมาท้าประลอง”
สำนักนิรนามที่ดูเหมือนมิได้เก่งอาจอะไร อาศัยอันดับในรอบแรกและอันดับที่เก้าในรอบรอง จนได้เข้ารอบสุดท้าย และยังได้สิทธิ์ท้าประลองเป็นสำนักที่สอง หากจะบอกว่าไม่ได้วางแผนไว้แต่แรก ทุกคนคงไม่เชื่อ
ทว่าเจ้าสำนักแห่งสำนักนิรนามที่ลุกขึ้นคำนับขอบคุณติ้งซีอ๋องเสร็จแล้ว คำพูดของเขากลับทำให้ทุกคนต้องตกใจ “โหวเผยเฉิง เจ้าสำนักน้อยแห่งสำนักข้าและเป็นบุตรรักของข้าขอประลองฝีมือกับคุณชายใหญ่เยี่ยนแห่งสำนักชางอู๋ มิทราบว่าข้าจะโชคดีพอที่จะได้รับโอกาสนั้นหรือไม่”