เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 361 ไม่สับเจ้าลูกเต่าบัดซบให้แหลกไม่เรียกว่าหยวนชู!
- Home
- เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน
- ตอนที่ 361 ไม่สับเจ้าลูกเต่าบัดซบให้แหลกไม่เรียกว่าหยวนชู!
เกิดอะไรขึ้น อินสวินอี้อยากรู้ แต่อีอิ่นไม่อาจให้คำตอบได้ ยิ่งเมื่อเขาเห็นว่าต้าซือมิ่งตัวน้อยคนนี้พยายามทำลายรัศมีสีม่วงเจิดจ้านั้น เขาก็ยิ่งให้คำตอบมิได้
อาวุโสมือกระบี่อดเดาไม่ได้ว่า ร่างพลังจิตของต้าซือมิ่งกลายเป็นปีศาจไปแล้วหรือ
เขานิ่งเหมือนเดิมแล้ว! อินสวินอี้รู้สึกประหลาดใจ นี่มันร่างพลังจิตมหัศจรรย์อะไรกัน ใช่หรือไม่ว่าเพราะเถาวัลย์สีเลือดที่อยู่ใกล้เคียงทำให้กลายเป็นเช่นนี้?
อาจจะใช่ แต่เหมือนกับว่าต้าซือมิ่งคาดการณ์ได้แต่แรกอยู่แล้ว แสงสีม่วงที่ล้อมรอบร่างพลังจิตของตัวเขาเองช่างลุ่มลึกเหลือเกิน ลู่หมิงมั่นใจว่า ขณะที่ ‘ต้าซือมิ่งตัวน้อย’ องค์นี้พยายามจะฝ่าออกมานั้น รัศมีสีม่วงที่ล้อมรอบตัว ‘เขา’ ก็เปล่งประกายลายอักษรวิเศษและศักดิ์สิทธิ์ขึ้น
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้คนในเหตุการณ์เข้าใจว่าถึงแม้ว่าจะมีร่างพลังจิตของต้าซือมิ่งดูแลอยู่ในสำนักศึกษา แต่ก็จะทนได้อีกไม่นานแล้ว ถึงอย่างไรร่างพลังจิตองค์นี้ของต้าซือมิ่งก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
ดังนั้นอีอิ่นจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า เวลาไม่คอยท่า เมื่อข้ากลายร่าง อาวุโสมือกระบี่และทุกท่านโปรดช่วยดูแลความปลอดภัยของสำนักศึกษาด้วย
แต่ว่าอาจารย์จี้จิ่ว ท่าน… ทุกคนในเหตุการณ์มิอาจฝืนทน
แต่อีอิ่นตัดสินใจแล้ว เมื่อเขาพูดจบก็นั่งขัดสมาธิบนเบาะและเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการแปลงร่างแล้ว คนในเหตุการณ์ไม่มีใครห้ามเขาได้เลย อีกทั้งอันที่จริงทุกคนก็รู้ดีว่าถึงเวลาที่ต้องทำเช่นนี้แล้ว ดีกว่าปล่อยให้ตนเองถูกฮ่องเต้หยวนคังกลืนกินและกลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังเขา
เจ้าปีศาจ! ผู้อาวุโสสำนักนี่ยผานคิดไม่ถึงเลยว่าการดำรงอยู่ของผู้ปกครองต้าซย่าของพวกเขาคนนี้จะเป็นปีศาจดูดเลือดไม่คายกระดูกน่าสะพรึงตนหนึ่ง ต้าซย่าเช่นนี้จะมีความหวังได้อีกอย่างไร ผู้อาวุโสสำนักเนี่ยผานถึงกับเป็นห่วงว่าเมืองเนี่ยผานที่อยู่นอกภูเขาไท่เย่ว์ที่ห่างไกลออกไปก็คงถูกหมายตาไว้แล้ว
เขาไม่สมควรเป็นฮ่องเต้! จวินอั้นเทียนพูดสิ่งที่อยากพูดมานานแล้ว เขายังพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า หลังจากเรื่องนี้ สำนักจวินจื่อของข้าขอเสนอให้ท่านอ๋องอินขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป
ช้าก่อน… อินสวินอี้อยากจะพูดว่ายังไม่ถึงเวลาพูดเรื่องนี้ ถึงแม้เขาเองก็มีความทะเยอทะยานมานานแล้ว เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่อยากตาย แต่ฮ่องเต้หยวนคังกลับทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดเขา
แต่แล้วผู้อาวุโสสำนักเนี่ยผานก็สำทับว่า สำนักเนี่ยผานของข้าก็เช่นกัน! ข้าคิดว่าเจ้าสำนักของเราหากมีชีวิตอยู่ก็คงคิดเช่นเดียวกัน
เอาชีวิตให้รอดก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด อินสวินอี้พูดได้เพียงเท่านี้
คนในเหตุการณ์ล้วนเข้าใจดี สิ่งที่อินสวินอี้พูดเป็นความจริงที่สำคัญที่สุดในตอนนี้
ถึงแม้อีจี้จิ่วจะมีความสามารถเก่งกาจ สามารถกลายร่างเป็นวิญญาณสำนักศึกษาได้ และพาสำนักศึกษา ‘หนีไป’ แต่ฮ่องเต้หยวนคังจะยอมปล่อยให้เนื้อชิ้นใหญ่หนีไปเช่นนี้หรือ แน่นอนว่าไม่มีทาง
จวินอั้นเทียนที่เงียบไปครู่หนึ่งก็หันไปพูดกับซ่งเฉินฟางและคนอื่นๆ ว่า ผู้อาวุโสทุกท่าน มีอะไรที่ต้องการให้ช่วยเหลือ โปรดอย่าได้เกรงใจ
ตอนนี้ทุกท่านรักษาตัวก่อนเถิด เมื่ออาจารย์จี้จิ่วเริ่มปฏิบัติการ คงต้องเผชิญศึกร้ายแรง ซ่งเฉินฟางคำนวณเวลา หวังว่าจะต้านทานกันไหว!
ก็ดี จวินอั้นเทียนและคนอื่นๆ จึงเริ่มปรับลมปราณอยู่ที่เดิม
ส่วนอีอิ่นที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา รอบกายของเขาก็มีแสงแห่งวิญญาณจางๆ ค่อยๆ ไหลออกมาและผสานตัวกับปราณของสำนักศึกษา
ลู่หมิงและคนอื่นๆ รู้แล้วว่าเริ่มขึ้นแล้ว พวกเขามิสามารถห้ามไว้ได้และห้ามไว้ไม่ได้ ได้แต่ปกป้องจี้จิ่วเงียบๆ
…
ในขณะเดียวกัน ณ ลัทธิเซิ่งเหลียน
เยี่ยนอวี๋ดึงเด็กน้อยที่มุดเข้าไปในเสื้อผ้าของท่านพ่อของเขาเพราะตกใจจอกเพลิงปทุม ครั้นกำลังจะ ‘ตำหนิ’ เด็กน้อยก็รีบกอดคอของนางไว้และมองจอกใบนั้นอย่างหวาดระแวง จากนั้นก็ส่งเสียง ‘อ้ะๆ’ ไม่หยุด พูด! พูด!
เยี่ยนอวี๋เอ็นดูท่าทีทั้งกลัวทั้งประหลาดใจของเด็กน้อย จนนางลืมไปแล้วว่าต้องสั่งสอนเขา พูดขึ้นว่า ใช่จ๊ะ มันพูดได้ เพราะว่ามันเป็นอาวุธวิเศษแล้ว
กลัว เป่ากลัว เยี่ยนเสี่ยวเป่าบอกว่า เมื่อครู่นี้เขาตกใจจริงๆ!
ทว่าเด็กน้อยในบัดนี้ไม่กลัวแล้ว เขามองจอกเพลิงปทุมบนพื้นตาปริบๆ แต่ยังคงกังวล กัด กัดเป่า?
เพราะว่าจอกเพลิงปทุมก็มีสีแดงเช่นกัน ทำให้เด็กน้อยคิดถึงความทรงจำอันเลวร้ายที่ถูกความเผ็ดเล่นงาน เขาจึงกลัวว่าดอกไม้สีแดงๆ นี่จะกัดเขาเหมือนกัน!
ไม่กัดจ๊ะ เยี่ยนอวี๋อธิบายเสร็จนางก็หยิบจอกเพลิงปทุมขึ้นมาข้างหน้าเด็กน้อย
เด็กน้อยหันไปทันที พ่อ!
กลัวหรือ ต้าซือมิ่งรับเด็กน้อยเข้ามาพลางเลิกคิ้วถาม เจ้ากลัวมันหรือ
เด็กน้อยไม่กลัวแล้ว เพียงแค่มองจอกใบนั้นอย่างประหลาดใจ ฝ่ายหลังกลับถูกเยี่ยนอวี๋ถามว่า สิ่งที่เจ้าพูดเมื่อครู่นี้หมายความว่าอย่างไร
ถึงแม้เยี่ยนอวี๋พอจะเดาความหมายของจอกเพลิงปทุมออกว่ามันหมายความตามสิ่งที่มันพูด แต่ถึงแม้นางจะรู้ความในมากมายก็ไม่เคยคิดว่าฮ่องเต้หยวนคังที่เป็นถึงผู้ปกครองต้าซย่าจะทำเรื่องเช่นนี้ได้ ถึงอย่างไรการทำลายเช่นนี้ก็ไม่เหมือนกับการทำลายโยวตูและเมืองร้างจิ่วหลี ในสายตาของฮ่องเต้หยวนคังสองเมืองนี้คือ ‘ดินแดนแห่งกบฏ’ เมื่อได้มามิได้ก็ทำลายให้สิ้นเสีย
แต่กว่าร้อยสำนักในใต้หล้า สำนักส่วนใหญ่มากกว่าเก้าส่วนล้วนจงรักภักดีต่อต้าซย่าแน่นอน อีกทั้งตอนนี้พวกเขาก็ล้วนอยู่ในเมืองหลวง เมืองหลวงเองก็เป็นรากฐานของซย่าโหว เป็นไปไม่ได้ที่ฮ่องเต้หยวนคังจะทำลายรากเหง้าของตนเอง
แต่แล้วจอกเพลิงปทุมก็จำเป็นต้องพูดว่า บางทีฮ่องเต้หยวนคังอาจจะไม่ใช่ตัวเขาอีกต่อไปแล้ว เขาอยากจะทะยานขึ้นไปสู่จุดสูงสุด เลื่อนขั้นเป็นเทพ ‘เลียนแบบ’ หวงตี้ สำหรับเขาแล้วความสามารของเขาก็เหมือนกับกษัตริย์ภาคกลางที่ไม่เคยมีมาก่อน เพียงแต่อยู่ผิดที่ผิดเวลา บัดนี้เขาคงเสียสติไปแล้ว
หากเป็นคนเสียสติก็คงทำได้ทุกอย่างจริงๆ…
เยี่ยนอวี๋มีแผนการในใจดี ดังนั้นก่อนที่จอกใบนี้จะพูดจบ นางก็สื่อจิตสัมผัสไปทางทิศเหนือนานแล้ว ผลคือ… นางไม่สามารถสัมผัสถึงเมืองหลวงได้?!
นี่มัน…
!
เยี่ยนอวี๋หรี่ตาลงเล็กน้อยและลุกขึ้น นางคิดไม่ถึงเลยว่าฮ่องเต้หยวนคังกษัตริย์แห่งต้าซย่าที่มีสายเลือดทายาทของหวงตี้จะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน เผด็จการทารุณได้ถึงเพียงนี้!
หรงอี้ที่สัมผัสได้ว่า ‘อาจจะเป็นความจริง’ ก็เรียกคืนพลังจิตสัมผัส เขาจำเป็นต้องพูดว่า สถานการณ์อาจจะเลวร้ายกว่านี้ เขาต้องการผสานรวมและกลั่นเลือดของสำนักร้อยกว่าสำนัก เป็นไปไม่ได้ที่จะทำอย่างเงียบเชียบ เช่นนั้นเหล่านักฝึกฌานในเมืองหลวงที่ ‘รู้ความจริง’ และสำนักศึกษาก็จะต้องประสบหายนะ
ดังนั้นทั้งเมืองหลวงหายสาบสูญไปแล้ว!? เยี่ยนอวี๋แววตาเคร่งขรึม นางมองไปทางทิศเหนืออีกครั้ง และเห็นได้ชัดว่าครั้งนี้นางจะใช้พลังจิตไท่ชูแล้ว
ทว่าหรงอี้กลับพูดขึ้นว่า มิต้องดูแล้ว ข้าสงสัยว่าเขาแปลงสภาพทั้งเมืองตี้ชิวให้กลายเป็นชั้นระหว่างมิติไปแล้วเพื่อสะดวกต่อการลงมือ เราถูกเขาล่อเสือออกจากถ้ำเสียแล้ว
ท่านอ๋องอิน จี้จิ่ว พวกเขา… เยี่ยนอวี๋เม้มปาก เราไปกันเดี๋ยวนี้เลย! ถึงแม้จะไม่ทันแล้ว แต่ก็ต้องรีบกลับไปให้เร็วที่สุด! ไม่แน่ว่าอาจจะทันก็ได้?!
ทว่า…
ไม่ใช่สิ!
ด้วยความสามารถของฮ่องเต้หยวนคัง แม้พลังของเขาจะพุ่งทะยาน ก็มิอาจแปลงสภาพเป็นชั้นระหว่างมิติได้ น้ำเสียงของเยี่ยนอวี๋ค่อยๆ เคร่งขรึมลง นอกจากว่าแดนมืดวิญญาณอสูรจะเปลี่ยนแปลงเอง มีเพียงผู้ที่ควบคุมกฎแห่งมิติจึงจะทำได้ ฮ่องเต้หยวนคังมิใช่เทพ เขาทำไม่ได้
ดังนั้นมีเพียงความเป็นไปได้ว่า…
บนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า มีผู้คุมกฎแห่งมิติแทรกแซงเรื่องนี้ เยี่ยนอวี๋สรุปได้ดังนั้นดวงตาของนางก็ฉายแววอาฆาต! นางเดือดดาลอย่างเห็นได้ชัด!
สวรรค์เก้าชั้นฟ้าถือเป็นดินแดนที่นาง ‘กำราบ’ ไว้ได้ เหล่าทวยเทพแห่งสวรรค์เก้าชั้นฟ้า แม้จะไม่ได้ถูกปกครองและขึ้นตรงกับนางเพียงผู้เดียว แต่พลังวิเศษของพวกเขาก็ล้วนมาจากตำหนักไท่ชาง
ในอีกแง่หนึ่งเหล่าทวยเทพบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าล้วนเป็นลูกน้องของนาง! ทว่าลูกน้องของนางกลับมีผู้ลอบช่วยเหลือฮ่องเต้บนโลกมนุษย์กระทำเรื่องโหดร้ายทารุณเช่นนี้ เยี่ยนอวี๋จะไม่เดือดดาลได้อย่างไร! ต้องตาย! ตายจนสิ้นท่านั้น! นางใช้ความพยายามมากมายเช่นนั้นเพื่อผนึกแดนมืดวิญญาณอสูรไว้ แต่กลุ่มผู้ทรยศบัดซบนั่นกลับทำลายรากฐานของนาง
แม? เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่รับรู้ได้ว่าท่านแม่กำลังโมโห เขาก็ยื่นมืออวบอ้วนของตนไปทางท่านแม่ และมองท่านแม่ของเขาด้วยความน่ารักน่าชัง ไม่ ไม่โกรธ กอด…
ไฟที่ลุกโชนในตาของนางมอดลงเล็กน้อย ขณะที่อุ้มเด็กน้อยมาก็พูดว่า กลับไปตอนนี้เลย ข้าอยากจะรู้เหลือเกินว่าใครเป็นคนลงมือ! ไม่สับเจ้าลูกเต่าบัดซบให้แหลก อย่าเรียกนางว่าหยวนชู!
อย่าโมโหเลย หรงอี้เองก็ปลอบให้นางสงบอารมณ์ลง เขานั่งขัดสมาธิลงมา ข้าทิ้งร่างพลังจิตไว้ในสำนักศึกษา เรามิต้องแยกกันหา น่าจะไปถึงที่นั่นได้เลย
เยี่ยนอวี๋โล่งใจเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง!
ณ เมืองหลวง…
สวบ!
เถาวัลย์สีเลือดนับไม่ถ้วนได้แทงทะลุเข้ามาในสำนักศึกษาสถานที่อันบริสุทธิ์แห่งสุดท้ายนี้แล้ว
ป้องกัน!
ผู้คนในสำนักศึกษาเริ่มการปกป้องสุดยากเย็นแสนเข็ญ
ส่วนอีอิ่น…
…
เขาที่กลายเป็นวิญญาณไปโดยสมบูรณ์แล้วก็หลอมรวมเข้าไปในสำนักศึกษาแทบจะในจังหวะเดียวกัน!
วิ้ง!
โลกใบน้อยๆ ของสำนักศึกษาพลันสั่นไหวอย่างรุนแรง! สั่นจนฮ่องเต้ที่อยู่ในราชสำนักที่ไกลออกไปรีบหายวับมายังตำแหน่งของสำนักศึกษา
ในขณะเดียวกัน…
ลอย!
เสียงอันแผ่วเบาของอีอิ่นดังก้องสำนักศึกษา
วิ้ง!
ดินแดนไร้ตัวตนที่สำนักศึกษาอยู่ ‘ถูกถอนจากพื้นดินและลอยตัวขึ้น’ เถาวัลย์สีเลือดนับไม่ถ้วนต่างถูก ‘บีบ’ ออก สำนักศึกษาทั้งสำนักค่อยๆ กลายเป็นภาพเสมือน เห็นได้ชัดว่ากำลังจะหลุดพ้นจากพันธนาการแล้ว!
แต่แล้ว…
ฝันไปเถอะ!
ฮ่องเต้หยวนคังที่จู่ๆ ก็ขยายตัวใหญ่ขึ้นก็เหยียบดินแดนไร้ตัวตนไว้ทันที
ตู้ม!