เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 38 ศึกษาวิชาในตํานานเพิ่มเติม
“…อะไรนะ” เยี่ยนจื่อเสายิ่งไม่เข้าใจ
อินหลิวเฟิงไม่เข้าใจเช่นกัน ไม่เข้าใจมากด้วย! แม้ว่าเขาจะเป็นคนนอก แต่เขากลับไม่รู้สึกว่าเป็นคนนอกเลย
แต่เยี่ยนอวี๋กลับไม่รู้ว่าพวกเขาไม่เข้าใจ จึงได้อธิบายเพิ่มเติมว่า “ข้าเห็นว่าตอนนี้สิ่งอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ของท่านคือแก่นวิญญาณจิ้งจอกขาว ดังนั้นข้าจึงกำหนดเป็นจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางให้ท่าน จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางเป็นบรรพบุรุษของจิ้งจอกนับหมื่น” แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วจะไม่สามารถอัญเชิญบรรพบุรุษของจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางได้ แต่นี่เป็นลูกน้องของนาง ฉะนั้น…
“…หืม?” เยี่ยนจื่อเสาสับสนมากขึ้น
ที่จริงแล้วความรู้ในเรื่องผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ที่เยี่ยนจื่อเสาได้เรียนรู้มาทั้งหมด แม้ว่าผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์จะสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งอัญเชิญได้ตามการเติบโตของตนเอง แต่เขาไม่เคยได้ยินว่าจะสามารถเพิ่มระดับให้ ‘เติบโต’ ขึ้นได้ภายในครั้งเดียว
นอกจากนี้สิ่งที่ทําให้เยี่ยนจื่อเสาและอินหลิวเฟิงไม่สามารถเข้าใจได้มากที่สุดคือ จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางโบราณกาลในตำนานเช่นนี้ มิใช่สิ่งที่ผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์สามารถอัญเชิญแก่นวิญญาณอสูรในตำนานมาได้
จากที่พวกเขาทราบ ไม่ใช่สิ! จากที่เหล่าผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ทุกคนทราบ ผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถอัญเชิญแก่นวิญญาณอสูรในตำนานได้ มีเพียงจี้จิ่วแห่งสำนักศึกษาผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
“ข้าพูดอะไรผิดหรือ” เยี่ยนอวี๋เริ่มตระหนักถึง ‘ความผิดพลาด’ ของตัวเอง “หรือว่าไม่สามารถอัญเชิญจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางออกมาได้?”
“…ไม่ใช่อย่างนั้น” ในที่สุดเยี่ยนจื่อเสาก็รู้สึกตัว “มิใช่ว่าทำไม่ได้ แต่นั่นเป็นแก่นวิญญาณอสูรในตํานานแห่งราชวงศ์ต้าซย่า มีเพียงซย่าโฮ่วจี้จิ่วเท่านั้นที่สามารถอัญเชิญแก่นวิญญาณอสูรระดับนี้ได้”
“อ้อ” เยี่ยนอวี๋ถอนหายใจโล่งอก นางจําได้ว่าระบบผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ที่เม่ยเอ๋อร์จัดหาให้ รวมถึงระดับการฝึกฝน ไม่แตกต่างจากที่นางได้กําหนดไว้แต่แรก แก่นสารยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่ซับซ้อนและน่าเบื่อมากกว่านัก
“ดังนั้นเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ สิ่งที่เจ้าเพิ่งพูดไป…” เยี่ยนจื่อเสาอยากจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่อยากเอ่ยว่าน้องสาวไม่ดี จึงพูดเพียงว่า “พี่รองค่อนข้างตกใจ”
“เอ่อ อืม…” อินหลิวเฟิงยิ้มเขินๆ แต่ยังคงไว้ซึ่งความสง่างาม “ใช่แล้ว ข้าน้อยก็ตกใจเช่นกัน ออกจะบ้าระห่ำเกินไปนัก” และออกจะโง่เขลาไปเสียหน่อยด้วย
อย่างไรก็ตาม เยี่ยนอวี๋กลับกล่าวว่า “ข้าเองก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าสิ่งอัญเชิญแก่นวิญญาณของท่านจะเป็นจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง ข้าเพียงแค่พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้ท่านมีคุณสมบัติเหมาะสม จะอัญเชิญได้สำเร็จหรือไม่ ต้องดูสติปัญญาในการอัญเชิญแก่นวิญญาณของพี่รองท่านแล้ว ซึ่งรวมถึงตัวจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางเองด้วย ว่าจะยินยอมตอบรับเชิญจากท่านหรือไม่”
“…อ๋า?” เยี่ยนจื่อเสาตกตะลึงอีกครั้ง
“ดังนั้นในอีกสี่สิบวันข้างหน้า พี่รองจะต้องอ่านตำราที่ข้าเตรียมไว้ให้ทั้งหมด” ทันทีที่เยี่ยนอวี๋พูดจบ เม่ยเอ๋อร์ที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อใดได้หอบตำรากองโตมากองไว้ด้านหน้าเยี่ยนจื่อเสา
เล่มที่อยู่ด้านบนมีชื่อว่า ‘ผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ขั้นพื้นฐาน’ ผู้เขียนคือตำหนักไท่ชาง
“!” อินหลิวเฟิงเกือบจะโดนคำว่า ‘ตำหนักไท่ชาง’ ‘ทิ่ม’ ตาบอด เขาเผลอหลุดปากพูดออกมาว่า “แม่เจ้า! ตำราดั้งเดิมฉบับของตำหนักไท่ชาง ‘ผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ขั้นพื้นฐาน’ อย่างนั้นรึ!”
ตำราฉบับนี้ไม่ได้หายไปจากประวัติศาสตร์นานมาแล้วหรอกหรือ!
ตำราฉบับนี้ถูกระบุไว้โดยราชวงศ์ว่าเป็นตำราโบราณที่หายสาบสูญไปแล้วมิใช่หรือ!
……
อินหลิวเฟิงรู้สึกพิศวง และสงสัยว่าตำราเล่มนี้ถูกเก็บมาจากแผงขายของ ต้องเป็นตำราที่เอาไว้หลอกแม่นางน้อย! จากนั้นเขาก็มั่นใจในข้อสงสัยนี้ทันที
ใช่แน่ๆ เพราะตำรา ‘ผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ขั้นพื้นฐาน’ ที่เทพปรมาจารย์ผู้สร้างเขียนนี้ได้ถูกเผาทำลายไปจากสงครามครั้งหนึ่ง
มันเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างจงหยวนกับจิ่วหลี! นอกจากนี้ยังเป็นความพ่ายแพ้ของจิ่วหลี และเป็นการต่อสู้ที่ราชวงศ์ซย่าโฮ่ววางตําแหน่งของผู้ครอบครองบัลลังก์ด้วย
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นประวัติศาสตร์ ไม่สําคัญนัก
สิ่งสําคัญคือ ตำรา ‘ผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ขั้นพื้นฐาน’ ตรงหน้านี้เป็นเพียงของปลอม
และเยี่ยนจื่อเสาผู้มีความคิดเช่นเดียวกับอินหลิวเฟิง เขากลับไม่ได้แสดงความผิดปกติใดๆ เขาพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าเช่นนั้นเอามาให้พี่รองอ่านดู” น้องสาวให้อ่านก็อ่าน น้องสาวหวังดีแท้ๆ จึงไม่อยากทำให้ผิดหวัง
“เจ้าค่ะ หากท่านไม่เข้าใจตรงไหน ก็มาถามข้าได้” เยี่ยนอวี๋จริงจัง
“แน่นอน!” เยี่ยนจื่อเสาก็ตั้งใจเช่นกัน เขาไม่คิดจะทำลายความหวังดีของน้องสาวอยู่แล้ว
อินหลิวเฟิง “…”
เอาเถิด เขาไม่เข้าใจครอบครัวนี้จริงๆ
“ถ้าเช่นนั้นจะให้ข้าทําอะไรล่ะ” อินหลิวเฟิงจำต้องถาม
“นอนลง” เยี่ยนอวี๋กล่าว
“…อ้อ” แม้ว่าอินหลิวเฟิงจะเคยมีประสบการณ์มาแล้วครั้งหนึ่งจากเมื่อวานนี้ แต่เขาก็ยังรู้สึกแปลกๆ ทั้งยังมีความหวังเล็กๆ อยู่ แต่ก็รู้ว่าความหวังนั้นคงมิอาจเป็นจริงได้
กลับกลายเป็นว่าเยี่ยนจื่อเสาได้เตรียมการทุกอย่างไว้เสร็จสรรพ “ถ้าเช่นนั้นเชิญซวงเสวียนจวินมาทางนี้ด้วย ไปนอนเตียงข้าน้อยดีหรือไม่”
“…ก็ได้” อินหลิวเฟิงไม่มีทางเลือก ถึงอย่างไรเขาก็ไม่อยากนอนพื้น
เมื่ออินหลิวเฟิงนอนราบ เยี่ยนอวี๋ก็หยิบ ‘เข็มเงินยักษ์’ ขนาดมาตรฐานออกมา อินหลิวเฟิงใจหายวาบ “จะเอาสิ่งนี้แทงข้าหรือ”
“ไม่ใช่ หยิบผิดน่ะ” เยี่ยนจื่ออวี๋จึงเปลี่ยนเป็นชุดเข็มเงินปกติ
อินหลิวเฟิง “…”
ไม่รู้ว่าการที่เขารีบมาฝังเข็มที่นี่นั้นเพื่ออะไรกันแน่ ใช่แล้ว เพื่อเคล็ดพิสดารของหัตถ์แห่งเทพกสิกรรม เมื่อคิดได้เช่นนี้ก็รู้สึกคุ้มค่าอยู่บ้าง
ในเวลาเดียวกันกับที่เยี่ยนอวี๋กําลังลงมือฝังเข็มอินหลิวเฟิงนั้น กู้หยวนเหิงก็มาที่สำนักอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่ได้มาพบเยี่ยนอวี๋ และไม่ได้มาสู่ขออีก ดังนั้นคนที่เขาจะมาพบคือผู้อาวุโสรอง
“กู้จ่างสื่อต้องการให้สำนักเราปล่อยเยี่ยนฉี่ซานอย่างนั้นรึ” ผู้อาวุโสรองไม่เข้าใจ เดิมทีเขานึกว่ากู้หยวนเหิงจะมาเป็นแขกคุยธุระกับเขา นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมาเพราะศิษย์นอกสำนักที่ไม่มีคนรู้จัก
“ใช่ขอรับ” กู้หยวนเหิงพยักหน้า เมื่อเขาถูกขอร้องจากเยี่ยนซูซู แม้ว่าจะไม่อยากทำ แต่อีกฝ่ายเน้นย้ำว่าเมื่อใดที่ได้รับอิสรภาพ จะทำให้เขาได้พบกับเยี่ยนจื่ออวี๋โดยลำพังแน่นอน
กู้หยวนเหิงหมดหนทาง ทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับเยี่ยนซูซู ต่อให้เขาไม่คิดว่าเยี่ยนซูซูผู้ที่ไม่แม้แต่จะช่วยให้ตัวเองเป็นอิสระได้จะสามารถช่วยอะไรเขาได้ แต่ถ้าเกิดช่วยเขาได้ขึ้นมาล่ะ?
อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสรองกล่าวด้วยสีหน้าพิกล “ข้าสามารถขอร้องให้ท่านเจ้าสำนักปล่อยคนเพื่อไว้หน้ากันได้ แต่ว่าเราจะส่งคนผู้นี้ไปยังเรือนจ่างสื่อของเจ้าทันที เพราะนางถูกขับไล่ออกจากสำนักแล้ว”
“…ข้าจะส่งคนมารับ” กู้หยวนเหิงจำใจตอบ
“เช่นนั้นก็ได้” ผู้อาวุโสรองอดไม่ได้ที่จะดูถูกกู้หยวนเหิงในใจ ว่ากันว่าคนที่ไม่เจ้าสำราญนับว่าเสียทีที่เกิดเป็นหนุ่ม แต่เจ้าเด็กนี่ออกจะเจ้าสำราญไปหน่อยนะ!
มิน่า เยี่ยนชิงถึงได้โกรธมากเช่นนั้น เห็นหน้าเมื่อใดก็ทุบตีเมื่อนั้น อะไรกันล่ะนี่…ก่อนหน้านี้เพิ่งจะมาสู่ขอนังหนูเยี่ยน ต่อมาไม่นานก็มารับตัวสตรีที่ไม่รู้ที่มาที่ไป
กู้หยวนเหิงผู้ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสรองคิดไปถึงไหน เขาเพียงแค่รู้สึกโล่งใจ จากนั้นจึงผุดกายลุกขึ้นและกล่าวคำลา แต่ขณะที่เขากำลังเดินออกไปนั้น จิตใต้สำนึกได้สั่งให้เขาเดินอ้อมไปทางหอเจ้าสำนัก หวังว่าจะบังเอิญพบกับคนเขาที่อยากพบ
อย่างไรก็ตาม กู้หยวนเหิงไม่ได้พบกับคนที่เขาอยากพบ แต่เขากลับบังเอิญพบคนหนึ่งในบรรดาของคนที่เขาไม่อยากพบนัก ซ้ำร้ายอีกฝ่ายยังทักทายเขาอีกด้วย “กู้จ่างสื่อ”