เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 39 ท่านอวี๋ผู้รอบรู้
บุคคลผู้ยืนไพล่หลังรออยู่ที่ด้านนอกหอเจ้าสำนักอย่างสง่างาม ดูเหมือนจะเป็นองครักษ์บางคนของอินหลิวเฟิง ได้กล่าวทักทาย ‘กู้จ่างสื่อ’ ด้วยเสียงดังฟังชัด
กู้หยวนเหิงใจหายวาบ ตาขวากระตุกตามสัญชาตญาณ จากนั้นก่อนที่เขาจะรู้สึกตัว ก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของเยี่ยนชิง เขาออกมาพร้อมกับไม้กวาดในมือ!
บรรดาลูกน้องของกู้หยวนเหิงสั่นเป็นเจ้าเข้า “นายน้อยวิ่งเร็ว!”
“…” กู้หยวนเหิงไม่พูดอะไร เขารีบวิ่งหนีไปจริงๆ!
ทิ้งกลุ่มองครักษ์ของหอเจ้าสำนักที่ยืนอึ้งไว้เบื้องหลัง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้ว่า แท้จริงแล้วกู้จ่างสื่อ ‘วิ่งหนี’ รวดเร็วปานฉะนี้
“เจ้าสุนัข วิ่งเร็วดีนี่!” เยี่ยนชิงก่นด่าอย่างไม่พอใจ “ไม่เสียทีที่เป็นสุนัขสี่ขา” แต่เมื่อนึกดูอีกที…
“สุนัขตัวนี้มาถึงประตูสำนัก เหตุใดจึงไม่มีใครรายงานเรื่องนี้กับข้าล่ะ” เยี่ยนชิงเกรี้ยวกราด! หรือว่าเมื่อวานเขายังพูดไม่ชัดเจนพอ!
“ท่านเจ้าสำนักเยี่ยน ถึงอย่างไรกู้จ่างสื่อก็เป็นคนของราชสำนัก ทั้งยังเป็นคุณชายน้อยของภรรยาเอกตระกูลกู้แห่งสำนักเหยาไถเซียน ผู้คนมากมายในสำนักต่างก็กริ่งเกรงอยู่บ้าง แต่ข้าน้อยไม่เหมือนกัน ข้าน้อยเป็นคนของตระกูลอินแห่งเมืองโยวตู จะแอบส่งสาส์นมาบอกท่านแน่นอนขอรับ!” องครักษ์คนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างลำพองใจ
เยี่ยนชิงเหลือบมองชายหนุ่มท่าทางแช่มชื่นแวบหนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าด้วยความพอใจ “ครั้งนี้ต้องขอบใจน้องชายแล้ว มิเช่นนั้น เจ้าสุนัขนั่นต้องมาแอบดูเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของข้าเป็นแน่ หน้าไม่อายนัก”
“ใช่ขอรับ!” องครักษ์อีกคนเห็นด้วยกับคำพูดนี้ ถึงอย่างไรก็เป็นที่ทราบกันภายในอยู่แล้วว่าคุณหนูใหญ่เยี่ยนจะได้เป็นฮูหยินน้อย! จะยอมให้เจ้าสุนัขผู้นี้จ้องเขมือบได้หรือ
แต่องครักษ์ผู้ลำพองใจผู้นั้น ไม่นานก็ถูกเยี่ยนชิง ‘พูดขัด’ ขึ้น “แม้ว่าตระกูลอินแห่งเมืองโยวตูของพวกเจ้าจะดีก็ตาม แต่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของข้าจะไม่แต่งออกไปไกลเช่นนั้นแน่นอน”
“…ก็ไม่ถือว่าไกลมากนะขอรับ” องครักษ์สูญเสียความมั่นใจ
เยี่ยนชิงเอื้อมมือไปตบไหล่ของชายหนุ่ม พลางกล่าวอย่างลึกซึ้งว่า “ชื่อเสียงเรียงนามของนายน้อยเจ้าก็ไม่สู้ดีนัก ข้าจะวางใจได้อย่างไร”
“…นายน้อยไม่ได้ เขาไม่ได้ เขา…” องครักษ์เกือบจะแพร่งพรายออกไปแล้ว ไม่รู้ว่าควรพูดเช่นไรดี
เมื่อนั้น เยี่ยนชิงได้เดินกลับไปพร้อมกับไม้กวาด อย่าคิดว่าเขาไม่รู้เจตนาของเจ้าหมอนั่นแห่งเมืองโยวตู ใครก็อย่าหวังจะมาสู่ขอเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์! นอกจาก…ใช่แล้ว นอกจากเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์จะอยากแต่งงานเอง
ขณะที่เยี่ยนชิงคิดอย่างขมขื่น ก็ได้เดินมุ่งหน้าไปยังเรือนบุตรชายคนรอง เขาที่จัดการธุระภายในสำนักเรียบร้อยแล้ว ย่อมต้องการไปดูว่าบุตรสาวสุดที่รักเป็นเช่นไรบ้าง
“หืม?” ทันทีที่เยี่ยนชิงก้าวเข้าไปด้านในเรือนของเยี่ยนจื่อเสา ก็สังเกตเห็นทันทีว่าลมปราณภายในเรือนนั้นไม่ปกติ และลมปราณเหล่านี้ คล้ายจะถูกตัดออกจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง หากไม่ใช่เพราะเขาเดินเข้ามาด้านในก็แทบจะไม่รู้สึกถึงลมปราณนี้เลย?
“นายท่าน” เม่ยเอ๋อร์กล่าวคารวะหน้านิ่งๆ
เยี่ยนชิงพยักหน้าเล็กน้อย เมื่ออนุมานได้ว่าความแตกต่างระหว่างภายในและภายนอกเรือนนั้นเป็นเพราะ ‘สาวใช้’ ผู้นี้ จึงไม่ได้ถามอะไรมาก
จนกระทั่งเขาเข้าไปในห้องของลูกชาย จึงรู้ว่าลมปราณภายในเรือนนี้มีต้นกําเนิดมาจากอินหลิวเฟิงผู้ซึ่งถูกกระตุ้นค่ายควบคุมให้ปรากฏ และอินหลิวเฟิงที่ยังคงมีสติอยู่ตลอดเวลา เขาตกใจจนแทบไร้ความรู้สึก แม้ว่าครั้งแรกเขาพอจะคาดเดาได้ว่าเยี่ยนจื่ออวี๋อาจสามารถกระตุ้นเปิดค่ายควบคุมของเขาได้ก็จริง แต่เขาไม่คิดว่านางจะทําได้อย่างง่ายดายเช่นนี้!
ในขณะนี้ หญิงงามผู้เย็นชาและเฉยเมยกำลังใช้เข็มเงินสลักค่ายควบคุมที่ปรากฏบนร่างกายของเขาลงบนแผ่นสี่เหลี่ยม ด้วยท่าทีเงียบขรึม
อินหลิวเฟิงผู้นิ่งเงียบ ทว่าในใจกลับรู้สึกซับซ้อน เขาคิดว่าตัวเองประเมินคุณหนูใหญ่เยี่ยนต่ำไป ภายใต้ใบหน้าอันงดงามพร่างพรายของนาง มีวิญญาณอันลึกลับรุนแรงอย่างยากที่จะหยั่งถึงซ่อนอยู่
ดังนั้นตำรา ‘ผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ขั้นพื้นฐาน’ ที่นางเอาออกมาก่อนหน้านี้ คงจะเป็นฉบับดั้งเดิมที่ตำหนักไท่ชางประพันธ์ขึ้นสินะ?
มารดามันเถอะ…
ใบหน้าของอินหลิวเฟิงแข็งทื่อ คนทั้งคนตกอยู่ในสภาพสับสนงงงวย
…
ขณะเดียวกัน
เยี่ยนซูซูที่เพิ่งรู้ว่าจะได้รับอิสรภาพนั้น นางอดรนทนรอให้กู้หยวนเหิงส่งคนมารับแทบไม่ไหว ดังนั้นนางจึงรีบออกไปจากสำนัก เร่งเดินทางไปยังเรือนพักม้าของราชสำนัก
เมื่อนางเห็นเยี่ยนชิงถังอีกครั้ง นางก็รู้ได้ทันที! นางชนะแล้ว! นางรีบปรับอารมณ์ให้สงบก่อนจะกล่าวคารวะ “ซูซูคารวะเยี่ยนซิ่วหนี่ว์เจ้าค่ะ”
“ตามสบายเถิด” เยี่ยนชิงถังพอใจกับท่าทีของเยี่ยนซูซู แต่นางไม่รู้เลยว่า เหตุที่เยี่ยนชิงได้รับหลักฐานและพยานอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเยี่ยนซูซูผู้อยู่ตรงหน้านาง
เยี่ยนซูซูจำความทรงจำในชาติที่แล้วได้ นางรู้แต่แรกแล้วว่าผู้ที่ปีนขึ้นเตียงได้สำเร็จ แท้จริงแล้วก็คือเยี่ยนชิงถัง ดังนั้นนางจึงลงมือตรวจสอบเรื่องนี้ไว้แต่แรกแล้ว และหาหลักฐานได้ก่อนเยี่ยนชิง
ดังนั้นเยี่ยนซูซูจึงรู้ดีว่าเวลานี้เยี่ยนชิงถังจนมุมแล้ว! นางไม่ถือสาที่จะลดตัวให้ด้อยกว่า “เยี่ยนซิ่วหนี่ว์ตัดสินใจได้แล้วว่าจะช่วยบ่าวหรือเจ้าคะ”
“เจ้าแน่ใจหรือว่าวิธีของเจ้าจะได้ผล” เยี่ยนชิงถังลังเลเล็กน้อย
เยี่ยนซูซูตีสีหน้าเหมือนไปตายเอาดาบหน้า “แน่นอนเจ้าค่ะ! แม้ว่าสายเลือดของบ่าวจะเป็นตระกูลเยี่ยนสายรอง ทว่าได้วางแผนนอกสำนักมาหลายปี และได้ควบคุมเครือข่ายภายในสำนักไว้นานแล้ว… เยี่ยนจื่ออวี๋ นังแพศยาฆ่าท่านพ่อของข้า! พวกเราตระกูลสายรอง ต่อให้ตายก็จะลากนางทั้งครอบครัวลงหลุมไปด้วย! นางมีสิทธิ์อะไรถึงได้อยู่อย่างสบายไม่ทุกข์ร้อนเช่นนี้”
คำพูดสุดท้าย เยี่ยนซูซูพูดความในใจทั้งหมด เยี่ยนชิงถังหัวใจเต้นแรง เพราะมีความรู้สึกคล้อยตามไปด้วย แต่นางยังคงพูดอย่างลังเลว่า “แต่ท่านพ่อของข้า…”
“ผู้อาวุโสใหญ่ตอนนี้มีชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น หากการเสียสละของเขาจะสามารถทําให้ท่านเจ้าสำนักเยี่ยนเข้าคุกได้! สามารถทำให้ท่านเจ้าสำนักเยี่ยน รวมทั้งเยี่ยนจื่ออวี๋พินาศย่อยยับได้ เช่นนั้น เขาต้องปลื้มปิติยินดีอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!” เยี่ยนซูซูพูดในสิ่งที่เยี่ยนชิงถังคิดในใจ
“เอ่อ…” เยี่ยนชิงถังกำหมัดหลวมๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นแน่วแน่ว่า “เจ้าพูดถูก ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่และได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิได้อย่างราบรื่น ข้าก็จะสามารถช่วยพี่ใหญ่ของข้าขึ้นสู่ตําแหน่งเจ้าสำนักได้!”
“แน่นอนเจ้าค่ะ! เมื่อถึงวาระนั้นท่านจะได้เป็นผู้สูงศักดิ์ของราชวงศ์” เยี่ยนซูซูคารวะก้มลงกับพื้นอย่างเลื่อมใสศรัทธา ซึ่งการกระทำเช่นนั้นเป็นที่ปลื้มปิติของเยี่ยนชิงถัง
ด้วยเหตุนี้เยี่ยนชิงถังจึงส่งป้ายคำสั่งสีดำเหลือบม่วงให้กับนาง “นี่เป็นป้ายคําสั่งลับของท่านพ่อข้า เจ้าเอามันไป ถงเหล่าจะให้ความร่วมมือกับเจ้า”
เยี่ยนซูซูระงับอาการดีใจ และกล่าวด้วยสีหน้าซาบซึ้งสุดใจ “ขอบพระทัยเยี่ยนซิ่วหนี่ว์มากเจ้าค่ะ บ่าวจะพยายามอย่างดีที่สุด เพื่อให้ครอบครัวของเยี่ยนจื่ออวี๋พินาศย่อยยับเป็นผุยผง!”