เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 411 สังหารเทพเหมือนสังหารสุนัข! ร่างแยกเข้าสิง!
สิ่งที่ปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียงเทพเสียงนี้คือแสงเงาพร่าเลือนเสมือนภาพมายา ทำให้ผู้คนไม่สามารถเห็นหน้าตาของผู้มาเยือนได้ชัดเจน แต่ก็รู้ได้ว่าฝ่ายตรงข้ามคือท่านเทพมือถือผงพุทธคุณองค์หนึ่ง รอบกายแผ่ซ่านรัศมีจิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์
“สหายน้อย ข้าได้รับบัญชาจากเทียนตี้มาจับกุมฮ่องเต้แดนมนุษย์ที่แตะต้องพลังขุนเขาและท้องทะเลโดยพลการ สหายน้อยโปรดส่งคนมาให้ข้า เพื่อให้ข้านำตัวขึ้นสวรรค์” เทพผู้เฒ่ากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทำให้ผู้คนรู้สึกดีด้วยอย่างง่ายดาย อย่างน้อยสำหรับอินสวินอี้แล้ว ผู้เฒ่าองค์นี้ก็รู้จักมารยาทดีกว่าเทพน้อยสององค์นั่นมาก ทว่าจริงๆ แล้วจะเป็นอย่างไรยังพูดได้ยาก เพราะเรื่องบังเอิญเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่เคยปรากฏตัว แต่ดันมาปรากฏตัวตอนที่ต้าซือมิ่งจัดการฮ่องเต้ชั่วคนนี้ได้ หากบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ อินสวินอี้ไม่เชื่อแน่นอน
เยี่ยนอวี๋ย่อมยิ่งไม่เชื่อ อีกทั้งนางยังมั่นใจว่าเขาไม่ใช่ทูตสวรรค์ที่เทียนตี้ส่งมา เพราะว่าบนตัวของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายของเทพเสื่อมทรามองค์นั้น
รูปลักษณ์ท่านเทพเช่นนี้ก็เป็นเพียงภาพลวงตาที่มาจากเสียงเบื้องหลังนั้น หลังจากที่ภาพม้วนขุนเขาและท้องทะเลถูกแตะต้อง เขาก็คิดวิธีนี้ขึ้นได้อย่างชาญฉลาด อีกทั้งเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเช่นก่อนหน้านี้ เขาก็กล่าวอย่างถ่อมตนว่า “หากสหายน้อยไม่คัดค้าน ข้าขอนำตัวเขาไป”
“ข้าคัดค้าน” เยี่ยนอวี๋ไม่มีทางปล่อยให้เขานำตัวฮ่องเต้หยวนคังไปแน่นอน อีกทั้งนางยังไม่คิดจะปล่อยร่างเทพของเสียงๆ นี้ไปด้วย นางจึงแอบสื่อสารกับอิงหลงโบราณอย่างลับๆ และผนึกสวรรค์และพื้นดินบริเวณนี้ไว้แล้ว
ต้าซือมิ่งย่อมฟังภรรยา เขายังคงกักตัวฮ่องเต้หยวนคังที่อยู่บนพื้นไว้แน่น และฮ่องเต้หยวนคังที่ในบัดนี้ไร้ซึ่งฌานตบะก็ไม่สามารถขยับตัวได้แล้ว
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ ฮ่องเต้หยวนคังยังคงตวาดว่า “หรงอี้! เจ้าไม่ได้ยินสิ่งที่ท่านเทพพูดหรือไง เทียนตี้ต้องการเจอเรา เจ้ายังไม่ปล่อยอีก! เจ้าจะทรยศแม้แต่เทียนตี้รึ?!”
“ฮ่องเต้โลกมนุษย์ผู้นี้ถึงจะพูดจาหยาบคาย แต่ก็มีเหตุผล ไม่ว่าอย่างไร เทียนตี้รับรู้เรื่องของคนๆ นี้แล้ว จะลงโทษอย่างไรย่อมขึ้นอยู่กับเทียนตี้เป็นผู้ตัดสิน หวังว่าสหายน้อยและ…สาวน้อยท่านนี้อย่าได้ยุ่งเกี่ยว ข้าเองก็เห็นแก่พวกเจ้า”
“ได้ยินหรือไม่! ยังไม่รีบปล่อยเราอีก!” ฮ่องเต้หยวนคังที่ได้ยินดังนั้นก็ยิ่งฮึกเหิมตวาดเสียงใส่ไม่หยุด ลำบากเขาผู้ไม่มีพลังแล้วยังตะคอกเสียงดังเช่นนี้ได้ ทำเอาเจ้าตัวน้อยรำคาญจนขมวดคิ้วน้อยๆ ของตน “น่ารำคาญ!”
“จิ๊บๆ!” ลูกไก่ที่ยืนอยู่บนไหล่ของเจ้าตัวน้อยก็บอกว่าไม่ชอบ มันเกือบจะบินลงไปจิกฮ่องเต้หยวนคังที่เสียงดังโวยวายแล้ว
ผู้เฒ่าองค์นั้นกลับพูดว่า “สหายน้อยฝึกวิชามารถึงขั้นนี้ ข้างกายยังมีอสูรน้อยแดนมืด ที่เทียนตี้ไม่ได้ถามไถ่เรื่องนี้ก็ถือว่าใจกว้างมากพอแล้ว สหายน้อยอย่าดึงดันทำตามใจเลย มีแต่จะกลายเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวง”
อินสวินอี้ที่ฟังถึงตรงนี้ก็อดพูดไม่ได้ว่า “ชิ! เทียนตี้รู้ทุกเรื่อง เช่นนั้นเมื่อครั้งฮ่องเต้หยวนคังทำลายต้าซย่า เข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตบริสุทธิ์นับพัน ท่านอยู่แห่งหนใด ก่อนหน้านี้ท่านไม่ปรากฏตัว แต่กลับมาในเวลานี้ และยังปรากฏตัวในยามที่กษัตริย์โหดเหี้ยมถูกจับ พวกข้าอดสงสัยไม่ได้ว่าท่านรับบัญชามาจับเขากลับไปสวรรค์หรือช่วยเหลือเขาก่อปัญหากันแน่”
“บังอาจ!” ผู้เฒ่ายังไม่ทันพูดอะไร ฮ่องเต้หยวนคังก็ตวาดใส่ “อินสวินอี้! เจ้าโจรกบฏ! ข้ากลับคืนราชสำนักเมื่อไร จะแล่เนื้อเถือหนังเจ้า!”
“เสียดายที่เจ้าไม่มีโอกาสนั้นแล้ว” อินหลิวเฟิงตอกกลับ “วันนี้แม้เทพสวรรค์สูงส่งเพียงใดเสด็จมา ก็ไม่มีผู้ใดช่วยเจ้าได้ มิอาจยกโทษให้ได้! ตายหมื่นครั้งก็ไม่พอ!”
“เช่นนี้หมายความว่าสหายน้อยไม่ยินยอมส่งฮ่องเต้แดนมนุษย์ให้ข้านำตัวไปใช่หรือไม่” เสียงนั้นมิได้โมโหยังคงพูดอย่างถ่อมตน ราวกับไม่ได้คิดจะแย่งฮ่องเต้หยวนคังไปให้ได้ ทว่าไม่ว่าเขามีแผนการอะไร ต้าซือมิ่งที่ดวงตากลับคืนเป็นสีดำ กลิ่นอายรอบกายอันเหี้ยมโหดพลันกลับคืนสู่ความสงบและมั่นคงอีกครั้ง เขาปล่อยพลังใส่ฮ่องเต้หยวนคังทันที “ตายเสีย”
พูดได้ว่าตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ต้าซือมิ่งก็ไม่ได้สนใจท่านเทพผู้นี้เลย ท่านเทพก็รู้ตัวเช่นกัน แต่เขาก็ไม่คิดว่าต้าซือมิ่งจะลงมือฆ่าคนตามอำเภอใจเช่นนี้!
ครานี้เอง…
ท่านเทพที่ไม่ทันได้ทำอะไรก็กลายเป็นแสงมีขาวในทันใดก่อนจะหายวับเข้าไปในร่างกายของฮ่องเต้หยวนคังและสลัดพลังสังหารของต้าซือมิ่งออกไปในทันที
พรูด!
ทว่า ‘ฮ่องเต้หยวนคัง’ ที่ยังคงได้รับแรงโจมตีก็อาเจียนออกมาเป็นเลือดมากมาย แต่กลิ่นอายของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จากความเผด็จการแต่เดิมกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่แผ่ซ่านกลิ่นอายที่มิอาจคาดเดาได้ออกมา! ราวกับเพียงชั่วจังหวะเมื่อครู่นี้ ฮ่องเต้หยวนคังได้ดูดซับเลือดจากบ่อน้ำสีเลือดเข้าไปอีกแล้ว เขาฟื้นตัวสู่ ‘จุดสูงสุด’ อีกครา กระทั่งสูงยิ่งกว่าเดิม! ทำให้อินสวินอี้ เยี่ยนชิงและคนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์หวาดผวา!
เยี่ยนอวี๋จึงเข้าใจแล้ว “ที่แท้เขาคือร่างแยกของเจ้า มิน่าเล่าเจ้าถึงยืมตัวเขาทำเรื่องมากมายเช่นนี้” มีเพียงร่างแยกเท่านั้นที่สามารถ ‘สิงร่าง’ ได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ ซึ่งก็อธิบายได้ว่าเหตุใดเทพเสื่อมทรามองค์นี้จึงบงการเรื่องราวมากมายเช่นนี้ในแดนมนุษย์จากสวรรค์อย่างลับๆ ได้ เพราะว่าเขาเปลี่ยนร่างแยกของตนเองให้กลายเป็นฮ่องเต้ราชวงศ์หนึ่งในแดนมนุษย์นั่นเอง
กษัตริย์ในแต่ละราชวงศ์มีดวงชะตาของตนเอง หากควบคุมได้ดีย่อมสามารถทำทุกอย่างได้ตามปรารถนาในแดนมนุษย์ ส่วนแดนสวรรค์ปกติแล้วจะไม่แทรกแซงเรื่องราวในแดนมนุษย์ นี่คือกฎ
“ใช่แล้ว!” ‘ฮ่องเต้หยวนคัง’ ที่ถูกเยี่ยนอวี๋ทายถูกก็มิได้ปฏิเสธ เขายังมองเยี่ยนอวี๋ตรงๆ และถามกลับว่า “เช่นนั้นโปรดให้ข้าถามว่าท่านคือปฐมราชินีกลับชาติมาเกิดหรือ”
ถึงแม้ตั้งแต่ที่ปรากฏตัวจนถึงตอนนี้ เขาจะไม่ได้แสดงตัวว่าคอยสังเกตเยี่ยนอวี๋เป็นพิเศษ แต่อันที่จริงคนที่เขาสนใจมากที่สุดคือเยี่ยนอวี๋ เพราะว่าเขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า สตรีในโลกมนุษย์ท่านนี้แผ่ซ่านกลิ่นอายที่แทบจะเรียกได้ว่าเหมือนกับปฐมราชินีออกมา!
หากไม่ใช่เพราะความสามารถน้อยกว่ามากและเหมือนกับว่าจะแต่งงานและมีบุตรแล้ว เขาคงมั่นใจว่านางคือปฐมราชินีหยวนชูจริงๆ ทว่าเท่าที่ดูในตอนนี้ น่าจะไม่ใช่…
เช่นนั้นก็ยิ่งน่าเสียดาย!
‘ฮ่องเต้หยวนคัง’ ที่คิดเช่นนี้ก็ได้คำตอบจากเยี่ยนอวี๋ว่า “เจ้าไม่คู่ควรที่จะรู้”
‘ฮ่องเต้หยวนคัง’ ที่มีคำตอบในใจอยู่แล้วก็มิได้บันดาลโทสะ เขาเพียงพูดว่า “มาทำข้อแลกเปลี่ยนกันเถอะ ในเมื่อเจ้าสองคนมีความสามารถไม่ธรรมดา คิดว่าคงจะรับรู้ได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าร่างกายของบุตรชายพวกเจ้ามีปัญหา”
ทันทีที่คำกล่าวนี้ออกมา… เยี่ยนอวี๋ก็นัยน์ตาเคร่งขรึมทันที!
‘ฮ่องเต้หยวนคัง’ กลับพูดต่อไปว่า “ในครานั้นข้าให้ปีศาจระกาเก้าเศียรวางยาสกัดพลังไว้ในตัวเจ้า แม้ท้ายที่สุดจะผนึกพรสวรรค์ของเจ้าไว้ไม่ได้ แต่ลูกชายของเจ้ากลับต้องแบกรับมันแทน เขาจะเป็นผู้รับผลกระทบจากพลังสกัดกั้นนั้นแทนเจ้า”
“ไม่จริง!”
“ไม่มีทาง!”
พ่อลูกตระกูลเยี่ยนทั้งสามแทบจะโพล่งพูดพร้อมกัน พวกเขาจ้อง ‘ฮ่องเต้หยวนคัง’ ที่ไม่ใช่ฮ่องเต้หยวนคังอีกต่อไปแล้วด้วยความโมโห!
แต่แล้ว…
“เกรงว่าสิ่งที่เขาพูดจะจริง”