เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 422 ปฐมราชินีสุดโหดสังหารหมู่เทพ!
องครักษ์ของเจ้าเมืองแห่งเมืองไป๋เฟิงมีเทพชั้นผู้น้อยยี่สิบกว่าองค์ ตบะของพวกเขาไม่ต่างจากเทพไร้ประโยชน์สององค์เมื่อครั้นยังไม่พิการ บุคลิกและพฤติกรรมก็เหมือนกับเทพไร้ประโยชน์สององค์เมื่อครั้นยังไม่พิการ เย่อหยิ่งราวกับคนไม่เต็มบาทเช่นกัน
ดังนั้นองครักษ์เจ้าเมืองแห่งเมืองไป๋เฟิงยี่สิบกว่าองค์จึงถือหอกเล็งไปยังกลุ่มเยี่ยนอวี๋แล้ว “พวกเจ้านี่เองเจ้าโจรกบฏ ฝ่าประตูสวรรค์! ยังไม่รีบคุกเข่าลงอีก!”
“ไม่ใช่…” เทพไร้ประโยชน์สององค์จำคนของพวกตนได้ ครั้นอยากจะเตือนให้สหายของเขาเพลาๆ ลงหน่อย มิเช่นนั้นอาจสิ้นชีพได้ แต่แล้วพวกเขายังไม่ทันได้ปริปาก
กร๊อบ!
กร๊อบ แกร๊บ!…
เสียงหอกวิเศษในมือของเหล่าองครักษ์เจ้าเมืองแตกหักอย่างต่อเนื่อง ภาพที่เกิดขึ้นพร้อมกันคือ… หอกของเหล่าองครักษ์แตกเป็นเสี่ยงๆ แล้ว
“ย่ามันเถอะ! กล้าดีอย่างไรเอาหอกมาชี้ปู่จิ่วของเจ้า!” จิ่วอิงจ้องเหล่าองครักษ์ด้วยความดุร้ายยิ่งกว่า
“ให้มันรู้เรื่องหน่อย คุกเข่าลงมาเลียพื้นให้ปู่จิ่วของเจ้าเดี๋ยวนี้! หากเลียได้ดี ปู่จิ่วของเจ้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า!”
บ้าเอ๊ย!
เทพไร้ประโยชน์สององค์ตะลึงงัน พวกเขาไม่เคยเห็นจิ่วอิงย่อมคิดไม่ถึงว่าท่านนี้จะบ้าอำนาจเช่นนี้ ที่สำคัญคือความสามารถของเขายังแข็งแกร่งมากด้วย! ต้องรู้ว่าหอกสิ่งที่องครักษ์ของจวนเจ้าเมืองถือนั้นเป็นอาวุธวิเศษ! อาวุธวิเศษเชียวนะ! แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าปู่จิ่วท่านนี้กลับกลายเป็นเพียงเศษเหล็ก…
“ว้าววว” เยี่ยนเสี่ยวเป่าหายแค้นชั่วคราว “อิงอิงเก่ง!”
จิ่วอิงหงุดหงิด “บอกแล้วว่าอย่าเรียกอิงอิง เจ้าต้องเรียกข้าว่าปู่ทวดจิ่ว!”
“อิงอิง!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าดึงดันเรียกเหมือนเดิม
จิ่วอิง “…”
เขารู้ว่าไม่ควรถือสากับทารกน้อย โดยเฉพาะทารกน้อยตระกูลหรง
ทว่าองครักษ์เมืองไป๋เฟิงที่เพิ่งได้สติจากอาการตกตะลึงที่อาวุธถูกทำลายพลันหน้าเปลี่ยนสีและตวาดใส่ว่า “บัดซบ! พวกเจ้าบังอาจขัดขืนงั้นหรือ!?”
นี่เป็นตัวปัญหาที่พวกเขาไม่เคยพานพบมาก่อนตั้งแต่ปฏิบัติภารกิจมา ทำเอาองครักษ์ยี่สิบกว่าองค์ตะลึงงัน แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขามิอาจรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามได้เช่นเดียวกับเทพไร้ประโยชน์สององค์เมื่อก่อนหน้านี้
ประเด็นคือพวกเขาคิดว่ามีเมืองไป๋เฟิงคอยหนุนหลังจึงไม่มีสิ่งใดต้องเกรงกลัว! ดังนั้นพวกเขาจึงกล่าวต่อไปว่า “พวกข้าจะให้ทางเลือกแก่พวกเจ้า คุกเข่ายอมแพ้เสีย! มิเช่นนั้นอย่าหาว่าพวกข้าทำเกินเลย ให้พวกเจ้าไม่ตายดี!”
เพราะประโยคนี้…
“ก็ได้!” จิ่วอิงทนไม่ไหวแล้ว เขาเผยศีรษะทั้งเก้าออกมา พุ่งเข้าไปสังหารองครักษ์กว่ายี่สิบองค์ทันที “ไว้หน้าแล้วไม่รับไว้! ถึงแม้ปู่จิ่วจะไม่ชอบกินเทพ แต่ก็ฝืนกินได้”
จิ่วอิงเพิ่งพูดจบก็กัดองครักษ์คนหนึ่งเข้าเต็มคำ ฝ่ายหลังเจ็บจนร้องตะโกน! เม่ยเอ๋อร์ชักดาบเล่มใหญ่ออกมาเขกศีรษะของจิ่วอิงด้วยสันดาบ “คุณหนูใหญ่บอกให้เจ้ากินหรือ”
“โอ๊ย!” จิ่วอิงที่ถูกเขกจนหงุดหงิดแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อย ศีรษะที่เหลือทั้งแปดกัดเทพอีกศีรษะละองค์ ไม่ยอมปล่อยเช่นกัน เหมือนว่าจะเคี้ยวพวกเขาแล้วด้วย
ความว่องไวของเม่ยเอ๋อร์กลับน่าตะลึงนัก นางเขกศีรษะที่เหลืออีกแปดในทันที “บอกให้เจ้าปล่อย! หากไม่ปล่อยอีกข้าจะไม่เกรงใจแล้วนะ!”
“โอ๊ย!” จิ่วอิงที่ให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อย แต่ยังไม่ได้เคี้ยวโมโหมาก ทว่ามันปริปากเอ่ยไม่ได้เพราะตอนนี้ปากของมันไม่ว่าง กำลังกัดเทพอยู่
“บ้าเอ๊ย!” เทพไร้ประโยชน์สององค์เห็นถึงตรงนี้ นอกจากสบถแล้วก็พูดอะไรไม่ออกอีก ส่วนองครักษ์อีกสิบกว่านายที่ไม่ถูกกัดก็เพิ่งรู้จักกลัว
“ถอย!”
“ถอยเร็วเข้า!”
“กลับไปรายงานท่านเจ้าเมือง!…”
องครักษ์เมืองไป๋เฟิงที่เหลือเพียงสิบกว่านายกำลังจะถอนตัวด้วยความตื่นตระหนก ครั้นตอนที่พวกเขากำลังจะหันกลับไปนั้นต่างก็ล้มคุกเข่าลงบนพื้นโดยที่มิอาจควบคุมร่างกายได้เลย
เพราะว่าเยี่ยนอวี๋แผ่ซ่านแรงกดดันศักดิ์สิทธิ์ออกมาแล้ว และพลังของนางแม้เทพชั้นสูงอยู่ที่นี่ก็ต้องคุกเข่าลง! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเทพชั้นผู้น้อยสิบกว่าองค์เหล่านี้เลย
ดังนั้นเทพชั้นผู้น้อยเหล่านี้จึงหนีไปไม่ได้ อีกทั้งเยี่ยนอวี๋ไม่รอให้พวกเขาตั้งสติได้ก็สั่งว่า “เอ้อร์เหมา มัดพวกเขาไว้”
“…ได้เลยขอรับ!” เอ้อร์เหมาที่ชะงักงันไปครู่หนึ่งก็รีบหาที่ว่างให้ตนเองเขาไปยืนและจับพวกเขามัดไว้ ใครจะไปคิดว่าเขาพกเชือกติดตัวมาด้วย...
องครักษ์ที่ถูกมัดเพิ่งตั้งสติได้ “บัดซบ! พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าเมืองของพวกข้าคือใคร!”
“ใครจะไปสนใจว่าเจ้าเมืองพวกเจ้าคือใคร!” เอ้อร์เหมามัดพวกเขาอย่างไม่รีบร้อนแม้แต่น้อย องครักษ์เหล่านี้ก็ไม่อาจขัดขืนได้แม้แต่คนเดียว ถึงแม้พวกเขาอยากจะขัดขืนใจจะขาด แต่เสียดายที่พวกเขามิอาจทำได้
เทพไร้ประโยชน์สององค์ที่เพิ่งมีโอกาสพูดก็เพิ่งจะได้ทักทายองครักษ์เหล่านั้น “องครักษ์เฉียน ข้าแนะนำให้เจ้าอยู่เฉยๆ เถอะ อย่าขัดขืนเลย”
“เรื่องอะ…” หัวหน้าองครักษ์ที่กำลังจะแย้งเพิ่งเห็นเทพไร้ประโยชน์สององค์นั้นชัดๆ “หลินอวี่ จางเจ๋อเหอ!?”
“พวกข้าเอง” เทพไร้ประโยชน์สององค์ที่ถูกเรียกชื่อกำลังจะเกลี้ยงกล่อมในฐานะที่เป็นคนคุ้นเคยกันดี ทว่าองครักษ์เฉียนกลับอุทานเสียงหลง “พวกเขาทำลายแก่นเทพพวกเจ้าสองคนทิ้งหรือ! กล้าดีอย่างไรดี!”
“ไม่ใช่…” เทพไร้ประโยชน์สององค์อยากสงบสติอารมณ์ขององครักษ์เฉียนให้พูดคุยกันดีๆ ก่อน
แต่เยี่ยนอวี๋ไม่ให้โอกาสพวกเขาแล้ว “เม่ยเอ๋อร์ ลากตัวพวกเขาตามข้าไป”
“เจ้าค่ะ! คุณหนูใหญ่” เม่ยเอ๋อร์รับคำสั่งทันที
ทว่าเมื่อจิ่วอิงได้ยินคำว่า ‘ลาก’ มันก็ฮึกเหิมขึ้นมาทันที “ข้าเอง! ข้าเอง!”
เม่ยเอ๋อร์เหลือบมองจิ่วอิงอย่างสงสัย ฝ่ายหลังกลับปล่อยเทพชั้นผู้น้อยออกแล้ว และยังเรียกเอ้อร์เหมามาอย่างรวดเร็วเพื่อให้เขาผูกเหล่าเทพไว้ที่หางของมัน!?
“เจ้าจะลากจริงๆ หรือ” เม่ยเอ๋อร์มองเทพยี่สิบกว่าองค์ที่ถูกมัดไว้ที่หางของจิ่วอิง จู่ๆ ก็รู้สึกสงสารพวกเขาขึ้นมา
เทพยี่สิบกว่าองค์ที่ถูกมัดแน่นพบว่าพวกเขาไม่สามารถคลายปมเชือกที่มัดพวกตนไว้ได้เพราะพลังอำมหิตของจิ่วอิงแผ่ซ่านออกมาเสริม ‘ความแข็งแกร่ง’ ให้เชือกเหล่านั้น พวกเขาจึงไม่อาจทำลายการกักขังด้วยพลังอันเหี้ยมโหดของจิ่วอิงได้!
นี่มัน…
หัวหน้าองครักษ์ที่รู้จักกลัวแล้วก็รีบตะโกนอย่างเปิดเผยว่า “พวกเจ้ารู้หรือไม่ เจ้าเมืองเยี่ยนของพวกข้าเป็นถึงบุตรชายของท่านเทพอี้เหยาง! ท่านเทพอี้เหยางคือน้องสาวสายตรงของซื่อฝานเทียนอ๋องบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า! หากพวกเจ้าปล่อยพวกข้าตอนนี้ เจ้าเมืองพวกข้าอาจจะเก็บศพพวกเจ้าไว้! มิเช่นนั้นพวกเจ้าจะต้องเสียใจกับการกระทำเช่นนี้! ได้ยินหรือไม่!”
ทันทีที่คำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา…
“เทียนอ๋อง?”
เยี่ยนอวี๋ขึ้นเสียงเล็กน้อย