เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 8 ที่มาปริศนา
กู้หยวนเหิง “…”
เหตุใดจึงรู้สึกว่าน้องจื่ออวี๋ไม่เหมือนเดิม
“หืม…” เหล่าประชาน้อยใหญ่ของหอเจ้าสำนักรู้เพียงว่าคุณหนูใหญ่เยี่ยนยังคงเป็นคุณหนูใหญ่เยี่ยนคนเดิม นางยังคงมั่นใจและโอหังเช่นเดิม
“ยังไม่ไปอีกรึ” เยี่ยนอวี๋เหลือบมองจางสุยชุนและคนอื่นๆ ที่ยังไม่ไปไหน นางพูดขึ้นอย่างรำคาญ จากนั้นก็อุ้มสิ่งมีชีวิตตัวน้อยเข้าไปในห้อง เขาหงุดหงิดและแกล้งหลับไป เพราะไม่ชอบเล่นกับคนนอก
เหล่าคนจากหอราชทัณฑ์ต่างสับสนมึนงง “ท่านสุยชุน ทำอย่างไรดีขอรับ” พวกเขาต้องสังหารสาวใช้ชุดดำคนนั้นแล้วพาคุณหนูใหญ่เยี่ยนไปมิใช่หรือ
จางสุยชุนโมโหจนหน้าบูดบึ้ง แต่เรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว ถึงแม้เขายังคงยืนหยัดที่จะฆ่าสาวใช้ชุดดำคนนั้น แต่ก็รู้สึกแปลกประหลาดอยู่ดี จึงทำได้เพียงตะคอกอย่างโมโหว่า “กลับ!”
ขบวนคนจากหอราชทัณฑ์มาอย่างเกรียงไกร แต่กลับอย่างลูกแกะหลงทาง เพียงเวลาหนึ่งถ้วยชาก็ทำเอาผู้คนน้อยใหญ่ของหอเจ้าสำนักงงงันเช่นกัน
กู้หยวนเหิงยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าแสดงความซับซ้อน เขาค้นพบว่าตั้งแต่ต้นจนจบเยี่ยนจื่ออวี๋ตั้งใจมองเขาเพียงตอนแรกสุดเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่มองเขาอีกเลย นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน…
ในขณะที่กู้หยวนเหิงใจลอย จางสุยชุนก็กลับไปรายงานเหล่าผู้อาวุโสแล้วว่าเยี่ยนจื่ออวี๋บอกว่าให้ผู้อาวุโสทั้งหลายไปหานาง
ผู้อาวุโสรองคิดว่ามีลับลมคมใน เขาโกรธจนหน้าดำหน้าแดง ลุกพรวดแล้วพูดว่า “ในเมื่อนังหนูนั่นไม่รู้เรื่องรู้ราว เช่นนั้นข้าจะไปหาเอง!”
หอผู้อาวุโสห่างจากหอเจ้าสำนักไม่ไกลนัก คนลาดตระเวนของหอเจ้าสำนักจึงเห็นความเคลื่อนไหวที่อยู่ไม่ไกลได้ทันที เขาจึงเข้าไปรายงานในเรือนด้วยเจตนาดี “คุณหนูใหญ่ แย่แล้ว! บรรดาผู้อาวุโสมาแล้วขอรับ!”
ชุ่ยชุ่ยตกใจสะดุ้งโหยง ชาที่เพิ่งชงเสร็จหลุดมือ แต่เม่ยเอ๋อร์รับไว้ทันและยกให้กับเยี่ยนอวี๋
เยี่ยนอวี๋ท่าทีสงบ “เชิญพวกเขาเข้ามา”
“คุณหนูใหญ่!” ชุ่ยชุ่ยจะร้องไห้อยู่แล้ว “ท่านเจ้าสำนักไม่อยู่ พวกเขาต้องรังแกท่านแน่ๆ จะทำอย่างไรดี ทำอย่างไรดีเจ้าคะ!”
“ไม่ต้องกลัว” เยี่ยนอวี๋ลูบหลังมือของสาวใช้เบาๆ พลางลอบถอนหายใจแล้วคิด เป็นสาวใช้ขี้ขลาดจริงๆ เก็บอารมณ์ไม่ได้เลย ดูท่าคงตกใจจากเหตุการณ์นองเลือดเมื่อครึ่งปีก่อนจนขวัญกระเจิงไปเสียหมด ช่างน่าสงสารนัก
“คุณหนูใหญ่…” ชุ่ยชุ่ยลนลาน หากไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ล้อมสังหารก่อนหน้านี้ นางคงไม่กลัวถึงเพียงนี้ เพราะนางในอดีตไม่คิดว่าในสำนักจะมีคนกล้าสังหารคุณหนูใหญ่ได้!
แต่ชุ่ยชุ่ยร้อนรนไปก็เท่านั้น ผู้อาวุโสรองเข้ามาในเรือนแล้ว ลมปราณอันทรงพลังปกคลุมทั้งหอเจ้าสำนักไว้ในทันที
“นังหนูอวี๋ เจ้ายุ่งอะไรอยู่หรือ เหตุใดจึงไม่มีแม้แต่เวลามาหอผู้อาวุโสเลย” ประมุขแห่งหอสัตว์บรรพกาลรีบชิงเอ่ยถาม เพื่อส่งคำใบ้ให้กับเยี่ยนอวี๋
“เจ้า!” เยี่ยนอู้โกรธเกรี้ยว ตาเฒ่านี่!
ชุ่ยชุ่ยคิดได้ จึงรีบลากคุณหนูใหญ่ออกจากห้อง แล้วคุกเข่าร้องไห้พูดว่า “ท่านผู้อาวุโส ไม่ใช่คุณหนูใหญ่ของเราไม่ไปเจ้าค่ะ แต่เป็นเพราะตั้งแต่ที่คุณชายน้อยกำเนิด ก็มีบางอย่างผิดปกติไป จนเพิ่งจะเปล่งเสียงได้วันนี้ คุณหนูใหญ่กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ จึงไปไม่ได้เจ้าค่ะ ผู้อาวุโสได้โปรดให้อภัยด้วย”
“เช่นนี้นี่เอง!” ประมุขแห่งหอสัตว์บรรพกาลรีบพูดต่อ “ผู้อาวุโสรอง ท่านดูสิ ข้าบอกแล้วเป็นเพราะนังหนูอวี๋มีธุระจึงมามิได้”
เยี่ยนอู้โมโหจนสีหน้าเหยเก ผู้อาวุโสเก้ามีไหวพริบว่องไวนัก “หากเป็นเช่นนั้น เหตุใดจึงไม่ให้คนแจ้งกลับ กล้าดีอย่างไรเรียกข้ามา”
“ไม่…” ชุ่ยชุ่ยกำลังจะอธิบาย
เยี่ยนอวี๋กลับพูดขึ้นว่า “ทุกท่านมีธุระกับข้าแล้วมาพบข้าเองไม่ถูกตรงไหนหรือ”
ผู้อาวุโสเก้ากลืนน้ำลายอึกหนึ่ง เขาไม่เคยพบเจอผู้ดีสูงส่งแต่ต่ำช้า มีตาหามีแววไม่เช่นนี้ จะตายอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก! ช่างน่าโมโหจริงๆ!
ประมุขแห่งหอสัตว์บรรพกาลก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก “นังหนูอวี๋ เจ้า…”
“เสี่ยวจ่าน หุบปากซะ” ผู้อาวุโสรองสูดหายใจเข้าลึก จ้องไปที่เยี่ยนจื่ออวี๋ แล้วพูดเสียงขรึมว่า “ยาพยัคฆ์นั่น พ่อเจ้าให้เจ้าหรือ”
“ไม่ใช่” เยี่ยนอวี๋ตอบ
“โกหก!” เยี่ยนอู้ตวาด “หากไม่ใช่พ่อเจ้าให้เจ้า เด็กอย่างเจ้าจะได้ยาพยัคฆ์จากที่ใดกัน นี่มันต้องเป็นสมบัติของสำนักแน่นอน”
เยี่ยนอวี๋มองเยี่ยนอู้ด้วยสีหน้าดูแคลน “หากจะค้นหาตั้งแต่ก่อตั้งราชวงศ์ต้าซย่ามา ก็มิสามารถหายาพยัคฆ์ชั้นนี้เม็ดที่สองได้ แล้วสำนักชางอู๋จะได้มากจากที่ใดกัน”
“เจ้า…” เยี่ยนอู้ไม่เคยพบเจอคนหน้าด้านไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน “เจ้าจอมโกหกหยิ่งผยอง! หรือเจ้าจะบอกว่า ยาพยัคฆ์ที่สำนักหมอหลวงราชวงศ์แห่งต้าซย่าปรุงขึ้นมานั้นสู้ฝีมือเจ้าไม่ได้”
“แน่นอน” เยี่ยนอวี๋พยักหน้า
“เจ้า…” เยี่ยนอู้ไม่เคยพบเจอสวะไร้สมองเช่นนี้มาก่อน!
ฮ่าๆๆ! ผู้อาวุโสเก้าตั้งสติได้ “พี่รอง ยังต้องพูดอะไรอีกหรือ จับนังหนูคนนี้ลงนรกซะ และไล่เยี่ยนชิงออกจากตำแหน่งเจ้าสำนักเสียก็! เล่นเหลวไหลอะไรกันอยู่”
ผู้อาวุโสรองหายใจแรงจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง แสดงให้เห็นว่าเขาโมโหไม่เบา แต่แล้วหางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นรถม้างามวิจิตรคันหนึ่งจอดอยู่ในเรือน
“!” ดวงตาของผู้อาวุโสรองเบิกกว้าง “นั่นมัน…” ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เขาก็หันไปมองเยี่ยนอวี๋ และรีบเสนอขึ้นด้วยสีหน้าที่มิอาจคาดเดาได้ “ในเมื่อเจ้าเป็นคนปรุงยาตัวนี้ เช่นนั้นลองปรุงต่อหน้าทุกคนสิ จะได้ไร้คำครหา”