เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 11 ไม่เคยหยาบคาย แต่ทนไม่ไหว
ตอนที่ 11 ไม่เคยหยาบคาย แต่ทนไม่ไหว
หลังจากไม่ได้ยินเสียงใด อีกทั้งผ่านไปอีกครู่ใหญ่แล้ว จี้หยวนพลันพิงรูปปั้นเทพภูเขาอย่างหมดแรงทันที เหงื่อไหลออกมาเหมือนไม่เสียดาย
พลังกายที่ผลาญไปเมื่อครู่เหมือนการวิ่งเทรล[1]ห้ากิโลเมตรสองสามครั้งติดต่อกันตอนอยู่มหาวิทยาลัย ตอนนี้จี้หยวนไม่มีแรงแม้แต่จะขยับนิ้ว แค่หอบหายใจพิงรูปปั้นเทพภูเขาเหมือนหมาตายตัวหนึ่ง
สถานการณ์นี้พวกจางซื่อหลินเห็นแล้วทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง เดิมพวกเขากำลังดีใจว่าตนยังมีชีวิตอยู่ คราวนี้กลับลนลานแล้ว
“ท่านปรมาจารย์ ท่านปรมาจารย์ไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
“น้ำ…”
“น้ำๆๆ! รีบเอาน้ำมาให้ปรมาจารย์หน่อย!”
จางซื่อหลินกับพวกพ่อค้าเร่ทั้งหมดมือเท้าพันกันมั่ว ใครหยิบผ้าขนแกะ หยิบกระบอกไม้ไผ่ได้ก็เอามา ทั้งมีคนใช้เสื้อคอยพัดจี้หยวนอยู่ด้านข้าง
“น้ำมาแล้วๆ ท่านปรมาจารย์เชิญดื่ม!”
เดิมจางซื่อหลินคิดจะส่งมอบกระบอกไม้ไผ่ให้จี้หยวน แต่พบว่าอีกฝ่ายแค่หอบหายใจไม่ยกมือมารับ เขาจึงเอียงกระบอกไม้ไผ่แตะปากจี้หยวนอย่างระวัง
“อึก… อึก… อึก…”
ภายใต้การกระหน่ำซด จี้หยวนดื่มจนพอแล้ว แต่จางซื่อหลินยังไม่ผ่อนมือด้วยเพราะตื่นเต้น ตอนนี้ปากจี้หยวนมีกระบอกไม้ไผ่ขวางอยู่ ซ้ำมือเท้ายังไม่มีแรง
‘พอ เบิกตามองหน่อย!’
จี้หยวนต้องปิดปากกลั้นหายใจ รอเมื่อเห็นน้ำไหลออกมาแล้ว จางซื่อหลินจึงรู้ว่าปรมาจารย์ไม่อยากดื่ม รีบถอนกระบอกไม้ไผ่ออก
“เฮือก… ฮู่ว…”
จี้หยวนถอนใจยาว ค่อยยังชั่วหน่อย
จางซื่อหลินกับพ่อค้าเร่คนอื่นเห็นแล้วพากันเป่าปากโล่งอกตามไปด้วย จากนั้นพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จางซื่อหลินคุกเข่าลงตรงหน้าจี้หยวนทันที
พ่อค้าเร่คนอื่นเห็นแล้วพากันเลียนแบบ
“ขอบคุณปรมาจารย์ที่ช่วยชีวิตๆ ขอโขกหัวคำนับท่านๆ!”
“ขอบคุณปรมาจารย์ที่ช่วยพวกเรา!”
“ขอบคุณปรมาจารย์…”
พ่อค้าเร่แปดคนที่เหลือโขกหัวกับพื้นจนเกิดเสียง ไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำ
การโขกหัวนี้ทำให้จี้หยวนทำตัวไม่ถูกนัก อายุเท่านี้มีคนคำนับแล้วอึดอัดใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าถูกคนมากขนาดนี้โขกหัวให้เลย
“รีบลุกขึ้นเถอะ อย่าโขกหัวเลย พวกเจ้าไม่ตำหนิข้าว่าไม่ช่วยพวกหวังตงก็ไม่เลวแล้ว…”
นี่คือความในใจของจี้หยวน ชาติก่อนเจอเรื่องช่วยมากกลับแค้นมาเยอะ เทียบกับการให้พวกพ่อค้าเร่คิดตัวแปรอะไรในใจแล้ว มิสู้ตนเป็นฝ่ายเผยออกมาก่อนดีกว่า
เมื่อเอ่ยปากออกมาพวกพ่อค้าเร่ล้วนอึ้งงันดังคาด ต่างฝ่ายต่างมองกัน บรรยากาศอักอ่วนอยู่บ้าง
พวกเขาไม่กล้ายอมรับเรื่องนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่คิดเช่นนั้น ความจริงแม้แต่จางซื่อหลินก็คิดว่าถ้าท่านปรมาจารย์ลงมือเร็วหน่อย พวกหวังตงกับจินซุ่นฝูก็คงไม่ตาย
ความเงียบของพ่อค้าเร่พวกนี้พิสูจน์การคาดเดาของจี้หยวน เขาไม่ใช่มารเฒ่าหวง[2]ที่ชอบทำอะไรตามใจ ทำเรื่องดีแล้วไม่ต้องให้คนอื่นคิดดีกับตนตลอด แต่ก็ไม่อยากทำให้คนอื่นเข้าใจผิดเช่นกัน
จี้หยวนคิดมากเกินไปหน่อย ถ้าภายในกลุ่มคนพวกนี้มีผู้หวนคิดแล้วยิ่งแค้นเล่า ถ้าครอบครัวของผู้ตายพวกนั้นเคียดแค้นเล่า ไม่แน่ว่าอาจกลัวเสือร้ายแล้วกล่าวโทษตนแทน
“เมื่อครู่ใช่ว่าข้าไม่คิดช่วยสี่คนนั้น ความจริงแล้วข้ากำลังแบ่งร่าง พวกเจ้าก็ได้ยินที่ภูตเสือร้ายนั่นบอก เรื่องอย่างการเกิดใหม่จากความตายนั้นง่ายดายที่ไหน ตอนนั้นยามผีชางมาข้ากำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ ทั่วร่างไม่อาจขยับเขยื้อน!”
ถึงอย่างไรก็หลอกไปครั้งหนึ่ง หลอกสองครั้งจะมีปัญหาอะไร จี้หยวนโกหกแล้วยังคิดพูดให้หนักหน่อย
“เพื่อช่วยพวกเจ้า ข้าใช้มรรควิถีของตนทลายออกมาโดยไม่สนใจ น่าเสียดายว่าสี่คนนั้นจากไปแล้ว สถานการณ์เช่นนี้ปกป้องพวกเจ้าไว้ได้ถือว่าโชคดี”
บวกกับท่าทางจี้หยวนตอนนี้ คำพูดนี้น่าเชื่อถือมาก ทำให้พวกจางซื่อหลินรู้สึกละอาย
“เฮ้อ คราวหน้าหัดเฉลียวใจหน่อย หุบเขาป่าลึกเจอบัณฑิตหล่อฮูหยินงามยามดึกล้วนไม่ใช่เรื่องปกติ”
แม้ว่าคำชี้แนะด้วยใจนี้ของจี้หยวนกล่าวกับพ่อค้าเร่ แต่ความจริงแล้วกล่าวเตือนตัวเอง
“ขอบคุณปรมาจารย์ที่สั่งสอนๆ!”
“ขอบคุณปรมาจารย์!”
“ท่านปรมาจารย์หิวหรือไม่ พวกเรายังมีของกินอยู่บ้าง”
“อย่าเรียกว่าปรมาจารย์เลย เรียกว่าท่านเถอะ…”
จี้หยวนคิดว่าคำว่าปรมาจารย์เหมือนถูกคนยกเป็นร่างทรงอย่างไรอย่างนั้น มิสู้ใช้คำเหมือนภูตเสือร้ายเจ้าภูเขาลู่จะเหมาะกว่า
ส่วนของกินแม้ว่าเขาจะรู้ว่าตอนนี้ท้องว่าง แต่ไม่มีความอยากอาหารเลยจริงๆ
คืนนั้นต่อให้รู้ว่าอันตรายไปไกลแล้ว แต่ยังไม่มีใครกล้านอนหลับ นอกจากจี้หยวนผู้เหนื่อยจนทนไม่ไหว เขาสาบานกับตัวเองว่าแค่เหนื่อยจนอยากนอนพักสักครู่ ผลลัพธ์คือไม่กี่วินาทีก็หลับ
…
วันที่สองเมื่อฟ้าสว่าง พวกพ่อค้าเร่ซึ่งหวาดกลัวข้ามคืนนั่งไม่ติดแล้ว พากันลุกขึ้นเตรียมตัวออกจากที่นี่
พวกจางซื่อหลินนำสัมภาระของอีกสี่คนออกมาจนหมด วางลงไปในตะกร้าของตน ตะกร้าเปล่าซ้อนไว้ด้านล่างตะกร้าของตน
“เฮ้อ… เสี่ยวตงไปแล้ว บอกอาหวังอย่างไรดี…”
“ใช่แล้ว บ้านพี่จินยังมีลูกอีกสองคน… คราวนี้… เฮ้อ…”
“หลิวฉวนกับหลี่กุ้ยล้วนยังไม่แต่งเมีย อายุยังน้อย…”
“ภายหน้าพวกเราคอยช่วยสงเคราะห์หน่อยเถอะ!”
“ใช่ ได้แต่ทำเช่นนี้แล้ว…”
พวกพ่อค้าเร่ถอนหายใจ ฟ้าสว่างทำให้ความหวั่นหวาดคลายลงไม่น้อย บรรยากาศเศร้าหมองอยู่บ้าง
จางซื่อหลินเดินไปหลังรูปปั้นเทพภูเขา ผู้สูงส่งคนนั้นยังหลับสนิท บนตัวคลุมด้วยเสื้อผ้าและชุดฟาง ล้วนเป็นสิ่งที่พวกจางซื่อหลินห่มให้จี้หยวนหลังนอนหลับ
สมเป็นยอดฝีมือ เมื่อคืนทุกคนไม่กล้าหลับ แม้แต่ปัสสาวะยังกลั้นไว้ มีแค่ยอดฝีมือใจกล้าที่หลับสนิท
“ปรมาจารย์ ปรมา… ทะ ท่านจี้ พวกเราจะไปแล้ว ท่านคิดเห็นอย่างไร ท่าน?”
จี้หยวนอ่อนเพลียมาก ได้ยินว่ามีคนเรียกเขารางๆ
“ท่าน พวกเราจะไปแล้ว ท่านมีสิ่งใดกำชับหรือไม่ ท่าน…”
“เฮ้อ… อย่ากวนข้า… น่ารำคาญจริง…”
จี้หยวนที่กำลังหลับฝันมือหนึ่งเกาจุดคันบนหน้า มือหนึ่งโบกสะบัดเหมือนไล่แมลงวัน
“ซื่อหลิน อย่ารบกวนการนอนของท่านเลย!”
“ใช่แล้วหัวหน้าจาง ท่านอยู่ที่นี่มาหนึ่งเดือนแล้ว! ตอนนี้ฉวยโอกาสฟ้าสว่างพวกเรารีบลงเขาเถอะ!”
“พี่ซื่อหลิน ท่านไล่คนแล้ว พวกเรารีบไปเถอะ!”
เดิมจางซื่อหลินยังคิดบอกลาต่อหน้า ทางที่ดียังคิดขอยันต์ป้องกันตัวด้วย ตอนนี้ไม่กล้ารบกวนแล้ว
เขาลังเลครู่หนึ่ง หยิบขนมเปี๊ยะหมั่นโถวหนึ่งห่อและกระบอกไม้ไผ่บรรจุน้ำเต็มออกมาจากตะกร้าไผ่ วางข้างรูปปั้นเทพภูเขาอย่างระวัง
“พวกเราโขกศีรษะให้ท่านค่อยไปเถอะ!”
“ถูกต้อง”
“มีเหตุผล!”
“ได้!”
พวกพ่อค้าเร่พร้อมจางซื่อหลิน ยืนล้อมรูปปั้นเทพด้านหนึ่ง คุกเข่าโขกหัวให้จี้หยวนผู้หลับสนิทสองครั้ง
ตึงๆๆๆ
“หนวกหูโว้ย…”
จี้หยวนพลิกตัวด่าประโยคหนึ่ง
“โธ่เอ๊ย ท่านโกรธแล้ว! หนีเร็วๆ!”
“ไปๆๆ!”
“เฮ้ย รอข้าด้วย”
“ชู่ว เบาเสียงหน่อย!”
…
พวกพ่อค้าเร่รีบแบกตะกร้าไผ่ขึ้นหลัง ออกจากอารามเทพภูเขาซึ่งทำให้พวกเขาใจสั่นขวัญผวาหลังนี้ ทั้งลอบตัดสินใจว่าภายหน้าจะไม่เดินผ่านทางเขาโคเทพนี้แล้ว
…
ยามตะวันโด่ง จี้หยวนที่อยู่ภายในอารามบิดขี้เกียจตื่นขึ้นมา
“หาว… หลับ… สบายจริง!”
โดยรอบดูเงียบเกินไปอยู่บ้าง จี้หยวนขยี้ตามองรอบหนึ่ง แม้สายตาเลือนรางยิ่ง แต่เห็นว่าฟ้าสว่างแล้ว ทั้งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เดี๋ยวก่อน! คนล่ะ คนไปไหนหมดแล้ว!
เวรเอ๊ย…! จางซื่อหลินบัดซบ พวกเจ้าแม่งทิ้งข้าได้ลงคอ!
[1]การวิ่งเทรล หมายถึง การวิ่งแบบผจญภัยตามบริเวณหรือพื้นที่ธรรมชาติ
[2] มารเฒ่าหวง หมายถึงอึ้งเอี๊ยะซือ (มารบูรพา) ตัวละครในเรื่องมังกรหยก ทำอะไรตามใจตัวเอง อารมณ์แปรปรวน บ้างมีเหตุผลบ้างไร้เหตุผล