เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 155 พบชิงซงอีกครั้ง
ตอนที่ 155 พบชิงซงอีกครั้ง
จี้หยวนซึ่งคุมหมอกจากไปไม่บินสูงทั้งไม่ลอยไกลเกินไป เพิ่งออกนอกตัวจังหวัดจิงจีสิบกว่าลี้ก็โรยตัวลงพื้นช้าๆ
ห่างจากพื้นสิบกว่าจั้ง หมอกลอยตามลมเหมือนกลุ่มควัน ยามโรยตัวลงพื้นนอกเมืองใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วยาม
นี่ถือเป็นการลองวิชาเหาะเหินครั้งแรกของจี้หยวน จึงจำต้องรอบคอบอยู่บ้าง ความสูงและความเร็วแค่นี้ถึงแม้เกิดเรื่องผิดคาดใหญ่หลวงก็ไม่เป็นไร อาศัยแค่วิชาตัวเบาย่อมโรยตัวลงพื้นได้อย่างปลอดภัย
แต่ทุกขั้นตอนกลับผ่อนคลายกว่าที่จี้หยวนคิดมาก อาจเป็นเพราะวิชาควบคุมเมฆหมอกของมังกรเฒ่าน่าอัศจรรย์ หรืออาจเพราะปัจจัยจากการมีหมากขาวของเจียวขาวเฒ่าในมือ
ต่อให้ลอยไม่สูง แต่ความรู้สึกจากการเหาะเหินนั้นยอดเยี่ยม หลังจากโรยตัวลงพื้นยังทำให้ความมั่นใจของจี้หยวนเพิ่มขึ้นมาก
‘แต่หากยึดตามความเห็นของบรรพจารย์โพธิจากไซอิ๋ว อย่างเราคงยังไม่นับว่าตะกายเมฆได้กระมัง’
จี้หยวนคิดอย่างล้อเลียนอยู่บ้าง เดินเร็วไปทางแม่น้ำเทียมฟ้าซึ่งห่างไปไม่ไกล
ถึงอย่างไรเดือนสามก็เป็นฤดูใบไม้ผลิ ต่อให้ตอนนี้เพิ่งเช้าตรู่หลังฟ้าสว่าง แต่ระหว่างท่าเรือริมแม่น้ำเทียมฟ้าและจังหวัดจิงจีกลับวุ่นวายผิดปกติ รถม้าสัญจรต่อเนื่องไม่ขาดสาย ไม่เงียบสงัดเหมือนฤดูหนาว
จี้หยวนคนผ่านทางโดดเดี่ยวถือห่อผ้าพกร่ม ดูเหมือนบัณฑิตสอบตกกลับบ้านเกิด ไม่มีใครมองเขานัก ระหว่างทางได้ยินคนกล่าวถึงจอหงวนผู้สอบผ่านอันดับหนึ่งสามคราปีนี้เป็นครั้งคราว
เมื่อมาถึงริมแม่น้ำ จี้หยวนไม่เดินเลียบไปทางท่าเรือใหญ่ฝั่งซ้าย แต่เดินชิดขวาเลียบแม่น้ำไปทางใต้ ตรงนั้นมีชายชราคนหนึ่งรออยู่แล้ว เป็นมังกรเฒ่าซึ่งคาดเดาการเดินทางของจี้หยวนก่อนล่วงหน้า
มังกรเฒ่าลูบเครามองสหายซึ่งเดินมาแต่ไกล เมื่อถึงระยะเหมาะสมค่อยประสานมือพร้อมจี้หยวน
“ท่านจี้!”
“ผู้อาวุโสอิง!”
หลังจากทั้งสองคนทักทายกันแล้วค่อยเดินเลียบริมแม่น้ำ
มังกรเฒ่ามองห่อผ้ากับร่มกระดาษเหลืองบนหลังจี้หยวน
“บางครั้งข้าผู้ชราก็อิจฉาท่านจี้นัก มีความอดทนและเพลิดเพลินกับโลกมนุษย์”
จี้หยวนมองมังกรเฒ่าเช่นกัน ทุกครั้งเมื่อเจอเขาล้วนแต่งกายแบบเดิม
“ผู้อาวุโสอิงก็ใช้ได้ ด้วยมรรควิถีของผู้อาวุโส เมื่อท่องบนโลกมนุษย์ ต่อให้มีวิญญาณเทพมองร่างมังกรของท่านออกแล้วอย่างไร ไม่มีทางว่าอะไรท่านกระมัง”
“หึๆ ไม่มีความอดทนเช่นนั้นหรอก บางเรื่องอาจน่าสนใจ แต่ผ่อนคลายสู้การงีบหลับไม่ได้”
มังกรเฒ่ากล่าวเหมือนล้อเล่น แต่จากมุมมองของจี้หยวนคือสุดท้ายมังกรเฒ่าไม่สนใจเรื่องบนโลกนัก ถ้าพูดถึงความอดทนเข้าจริง เจินหลงตัวนี้ไม่ถือว่าแย่นัก
หนึ่งคนหนึ่งมังกรเดินเลียบริมแม่น้ำอย่างเนิบช้าเช่นนี้ไปหลายลี้
ถึงตอนจากกันจริง มังกรเฒ่ากล่าวเตือนจี้หยวนว่าอย่าลืมบอกสถานที่ฝึกปราณ เอ่ยเรียบง่ายประโยคหนึ่งเป็นการบอกลา
มังกรแฝงตัวลงแม่น้ำ คนเหยียบเมฆจากไป
…
รัฐปิงตั้งอยู่กลางต้าเจินค่อนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ในบรรดาสิบสามรัฐแห่งต้าเจินถือเป็นรัฐซึ่งมีพื้นที่ค่อนข้างเล็ก ภายในรัฐรวมแล้วมีห้าจังหวัด
แต่รัฐปิงกลับเป็นแหล่งเพาะปลูกสำคัญของต้าเจิน สภาพอากาศเหมาะสมและทุ่งนาที่ราบกว้างใหญ่ ทำให้รัฐปิงกลายเป็นอู่ข้าวอู่น้ำแห่งต้าเจินอย่างสมชื่อคู่ควร ในประวัติศาสตร์มีบันทึกว่ายามอาณาจักรเกิดภัยพิบัติจะขนย้ายธัญญาหารจากรัฐปิงมาหลายครั้ง
จังหวัดฉางชวนคือเมืองหลวงของรัฐปิง นอกจากตัวจังหวัดแล้วยังประกอบด้วยสิบสองอำเภอใหญ่ อำเภอตงเยวี่ยก็คือหนึ่งในนั้น
ตลอดทางจี้หยวนคุ้นเคยกับการควบคุมเมฆหมอกและอ่านแผนที่ถามทาง มาถึงอำเภอตงเยวี่ยตอนปลายเดือนสี่อย่างไร้อันตราย หรือก็คือบ้านเกิดของนักพรตชิงซง
พูดตามตรงว่าตอนรู้ว่านักพรตชิงซงกับศิษย์เขาฉีเหวินอาศัยอยู่รัฐปิง จี้หยวนยังตกตะลึงนัก
รัฐปิงไม่ถือว่าอยู่ใกล้รัฐจี ตอนนั้นจี้หยวนคิดว่าสองนักพรตหนึ่งใหญ่หนึ่งเล็กอยู่ภายในเขตรัฐจีหรือจังหวัดเต๋อเซิ่ง คิดไม่ถึงว่าเดินทางมาไกลขนาดนี้
ด้วยการเดินของคนทั่วไป กอปรกับสองศิษย์อาจารย์การเงินขัดสนบ่อยครั้งคงไม่ค่อยจ้างรถม้า ทั้งสองคนไม่มีเป้าหมายแน่ชัด ตอนนั้นจากคำพูดของนักพรตน้อยฉีเหวิน ทั้งสองคนออกเดินทางมาสองปีกว่าแล้ว
รัฐปิงภูเขาน้อย อำเภอตงเยวี่ยก็เช่นกัน เขาเมฆาในอำเภอหาง่ายมาก จี้หยวนแค่สุ่มถามก็เจออารามเขาเมฆาของนักพรตชิงซง
ขนาดของเขาเมฆาค่อนข้างใกล้เคียงกับเขาคทานอกทางเข้าอำเภอจิ่วเต้าโข่วจังหวัดเต๋อเซิ่งแห่งรัฐจี สำหรับจังหวัดฉางชวนถือว่าไม่เล็กแล้ว
ตอนนี้จี้หยวนยืนอยู่นอกอารามเขาเมฆาบนยอดเขาหมอกอำพราง เดินอ้อมอารามเขาเมฆารอบหนึ่ง
ขนาดสำนักพรตแห่งนี้ดูเหมือนไม่ใหญ่ แต่สมบูรณ์ตามแบบของมัน นอกจากเรือนหลักที่บูชากลุ่มดาว ตั้งแต่เรือนข้างถึงห้องครัวสวนด้านหลังล้วนไม่เล็ก
สวนด้านหลังปลูกผักไว้บางส่วน ด้วยอยู่ตรงกลางยอดเขาจึงไม่มีบ่อน้ำ จำเป็นต้องลงเขาไปหาบน้ำจากลำธารเขาเมฆา
ทั้งสำนักพรตครอบครองพื้นที่มากกว่าหนึ่งหมู่ มีนักพรตชิงซงกับศิษย์ฉีเหวินอยู่กันแค่สองคน
ดูจากสภาพอารามเต๋า นักพรตชิงซงกับฉีเหวินน่าจะกลับมานานแล้ว
ตอนนี้ในสำนักพรตไม่มีใครสักคน เห็นชัดว่าทั้งสองคนคงออกไปแล้ว คาดว่าบนเขานี้คงไม่ค่อยมีโจร ตั้งแต่ภายในถึงภายนอกจึงไม่ลงกลอน
“เหอะๆๆ…นักพรตชิงซงคงไม่ได้ออกไปดูดวงคนอื่นอีกกระมัง”
จี้หยวนเปิดประตูอารามเต๋าเข้าไป ไม่ได้ไปดูว่าห้องของทั้งสองคนเป็นอย่างไร แต่เดินตรงไปยังเรือนหลักในอาราม
รูปเคารพในโถงไม่ใช่สามวิสุทธิ์แห่งลัทธิเต๋าตามภาพจำของจี้หยวนเมื่อชาติก่อน หากแต่เป็นวัฏจักรดารา ภายในโถงไม่มีรูปปั้นเทพ แต่แขวนภาพกลุ่มดาวบนผ้าดำผืนหนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะดวงดาวค่อนข้างพิเศษหรือไม่ สายตาพร่ามัวชัดๆ แต่จี้หยวนกลับแยกแยะได้โดยง่าย
สิ่งสะดุดตาที่สุดก็คือดาวเหนือทั้งเก้าซึ่งกระจ่างเจ็ดเร้นสองและหกดาวใต้ นอกจากนี้ยังมีดาวตะวันออกตะวันตกกึ่งกลางกับกลุ่มดาวอื่นมากมายปักอยู่บนนั้น
“อืม บูชาดาวไม่บูชาเทพ ลัทธิเต๋าของที่นี่น่าสนใจอยู่บ้าง”
ความจริงไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์นอกรีตและกลยุทธ์เจิดจรัส หรือตำราบางส่วนซึ่งจี้หยวนได้มาจากมังกรเฒ่าภายหลัง ย่อมกล่าวถึงองค์วิทยาราชของศาสนาพุทธบ้าง แต่เรื่องลัทธิเต๋ากลับไม่มาก
‘เหล่าผู้วิเศษ’ ซึ่งชาวบ้านธรรมดาเชิญ ส่วนใหญ่ก็คือภิกษุ หรือผู้สวม ‘ชุดนักพรต’ เสมือนจริง นักพรตกลับไม่มาก
จี้หยวนมองภาพกลุ่มดาวนั่นอีกหน่อยแล้วออกมา
นอกโถงมีกระถางธูปเช่นกัน กลิ่นกำยานไม่นับว่ามากนัก แต่ดูจากการซ่านสลายของกำยาน ภาพกลุ่มดาวในอารามคงไม่ได้ใช้และใช้ไม่ได้
“มิน่าชาวบ้านถึงไม่ชอบมาจุดธูปที่สำนักพรตนี้ แม้แต่รูปปั้นเทพยังไม่มี ขอพรอะไรเล่า…”
ลงเขาเมฆาไปทางใต้ยี่สิบสามสิบลี้ก็คืออำเภอตงเยวี่ย จี้หยวนไม่อยากรออยู่ในอารามเต๋าตลอด คิดไปดูว่านักพรตชิงซงอยู่ที่นั่นหรือไม่ ทั้งถือโอกาสซื้อของกินด้วย
เขาลอยมาถึงนอกอำเภอ เข้าเมืองตรงไปยังตรอกศาลเจ้าประจำอำเภอ จริงดังคาด ใต้ต้นไม้ใหญ่นอกศาลหลักเมืองมีโต๊ะเล็กอยู่ตัวหนึ่ง นักพรตชิงซงซึ่งสีหน้าอึมครึมกำลังนั่งอยู่ตรงนั้น ด้านข้างคือฉีเหวินซึ่งเติบใหญ่แล้ว
แม้ว่าจี้หยวนมองป้ายหน้าแผงเล็กนั่นไม่ชัด แต่คำทักทายผู้มากราบไหว้อย่างกระตือรือร้นเป็นครั้งคราวของนักพรตชิงซงลอยเข้าหูจี้หยวนโดยไม่ตกหล่นสักคำ
“โอ้ คุณชายท่านนี้มาขอคู่ครองใช่หรือไม่”
“อ๊ะ แม่นางท่านนี้มาขอคู่บุพเพสันนิวาสใช่หรือไม่”
“หากเป็นเซียมซีบุพเพสันนิวาสมาให้ข้าตรวจดูได้เลย ราคาถูกนัก!”
…
จี้หยวนลอบพยักหน้า ดูท่าว่าฉีเซวียนยังฟังคำพูดของตนบ้าง
ผลคือเพิ่งกล่าวชมในใจไม่นาน มีชายวัยกลางคนสวมชุดรัดสาบเสื้อตรงสีเทา ศีรษะประดับเกี้ยวมาถามหน้าแผงประโยคหนึ่ง
“ท่านนักพรต รับตรวจเซียมซีครอบครัวเซียมซีปลอดภัยหรือไม่”
นักพรตชิงซงเปลี่ยนเป็นคึกคักทันที ฉีเหวินที่อยู่ด้านข้างเพิ่งกล่าวคำว่า ‘ไม่…’ เสียงของฉีเซวียนก็กลบเสียงเขาแล้ว
“ตรวจสิ! ทำไมไม่ตรวจเล่า! ถ้าเซียมซีบอกไม่ละเอียดหรือไม่แม่น ข้ายังทำนายให้ท่านได้ ไม่รับเงินเพิ่มด้วย!”
“หืม? เช่นนั้นก็ดีๆ เชิญท่านนักพรตตรวจดวงชะตาให้ข้า”
“หึๆๆ นั่งๆๆ ความจริงเมื่อครู่ข้าดูโหงวเฮ้งของท่านแล้ว หากท่านไม่มาข้าคงทนไม่ทัก”
นักพรตชิงซงบอกผู้มากราบไหว้ให้นั่งลงอย่างสุภาพและกระตือรือร้นยิ่ง
ฉีเหวินซึ่งอยู่ตรงนั้นกับจี้หยวนซึ่งอยู่ห่างไกลถอนใจพร้อมกัน