เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 161 นักพรตผู้สูงส่ง
ตอนที่ 161 นักพรตผู้สูงส่ง
รอฉีเหวินหาบน้ำขึ้นมาจากเชิงเขา เมื่อเห็นนักพรตชิงซงตื่นแล้วฉีเหวินพลันยินดี พูดตามตรงว่าเขาหลับไปเกือบห้าวัน ถ้าไม่ตื่นอีกต่อให้ท่านจี้ห้ามก็จะแบกอาจารย์ลงเขาไปหาหมอ
คำพูดนี้นักพรตชิงซงฟังแล้วตื่นตระหนกไม่หยุด จี้หยวนฟังแล้วขบขัน โชคดีว่าฉีเหวินยังเชื่อตน คาดว่าขีดจำกัดอยู่ที่ ‘สามวันห้าวัน’ ซึ่งเขาคนแซ่จี้บอกวันนั้น
แต่สิ่งที่ทำให้สองศิษย์อาจารย์มึนงงคือนักพรตชิงซงหลับไปหลายวัน นอกจากกระหายน้ำแล้วท้องกลับไม่หิวนัก เที่ยงวันนั้นความอยากอาหารถือว่าดีมากจริงๆ
…
ช่วงบ่ายหลังจากผ่านไปสิบกว่าวัน นักพรตชิงซงฝึกวิชาเสริมสร้างร่างกายในอารามเต๋า จี้หยวนดึงเบาะรองนั่งตรงเรือนหลักอารามเต๋ามา นั่งขัดสมาธิอ่านทฤษฎีควบคุมตรงประตูเรือน
ฉีเหวินพกเหรียญทองแดงหลักสิบอีแปะแบกตะกร้าไผ่ลงเขา เขาจะไปซื้อเนื้อบางส่วนจากหมู่บ้านใกล้เชิงเขากลับมา เพราะเสบียงภายในอารามเต๋าถูกใช้จนหมดแล้ว
สิ่งสำคัญคือเนื้อรมควันเนื้อปรุงรสซึ่งง่ายต่อการเก็บรักษาบนเขา แน่นอนว่าต้องซื้อเนื้อสดใหม่มาด้วยเล็กน้อย สำหรับผักในอารามไม่ขาดแคลน ข้าวธัญญาหารยังมีไม่น้อย
แม้ว่าจี้หยวนกำลังอ่านตำรา แต่ยังคอยสังเกตนักพรตชิงซง หลังจากดูฉีเซวียนฝึกวิชาเสริมสร้างร่างกายสองสามรอบ จี้หยวนมองกระถางธูปด้านนอกพลางยิ้มถามเขาหนึ่งประโยค
“นักพรตชิงซง อารามเขาเมฆาของพวกท่านไม่ค่อยมีควันธูปเทียน ข้ามาที่นี่หลายวันแล้ว นอกจากเห็นฉีเหวินตื่นเช้ามาจุดธูปสามดอก ไม่เคยเห็นผู้มากราบไหว้จากข้างนอกสักคน”
นักพรตชิงซงรำท่าปิดท้ายเสร็จแล้วกล่าวตอบจี้หยวน
“ท่านจี้ล้อเล่นแล้ว อารามเต๋าของพวกเราไม่บูชารูปปั้นเทพ ชาวบ้านตรงเชิงเขาจะมาขออะไรเล่า บางครั้งมีเศรษฐีมาขอชื่อบุตรหลาน มาที่นี่เพื่อเซ่นไหว้ฟ้าดิน ถือว่าต่อควันธูปเทียนของอารามเต๋าให้รุ่งเรืองแล้ว”
ฉีเซวียนพูดจบแล้วกล่าวเสริมประโยคหนึ่ง
“ไม่อย่างนั้นทำไมข้าต้องลงเขาไปดูดวงเล่า ไม่ใช่ว่าเพื่อหาเงินค่าทำนายมาบำรุงอารามเต๋าหรือ”
“อ้อ…ท่านนักพรตมีเจตนาดีนัก!”
จี้หยวนร้องอ้ออย่างมีนัยลึกล้ำ ทำให้นักพรตชิงซงอักอ่วนอยู่บ้าง
“บางครั้งด้วยอยากรู้อยากเห็น บางครั้ง…”
จี้หยวนไม่สาวความเรื่องนี้ แต่สอบถามฉีเซวียนอย่างจริงจังต่อ
“ท่านนักพรต ภายในอารามของพวกท่านไม่มีรูปปั้นเทพ พูดตามหลักการไม่จำเป็นต้องจุดธูปบูชาตลอดเวลากระมัง จุดธูปให้ใครหรือ ธูปหอมนี้ต้องใช้เงินเช่นกัน”
“ให้ใครหรือ…แน่นอนว่าจุดให้วัฏจักรดาราและฟ้าดิน”
นักพรตชิงซงใคร่ครวญเล็กน้อย ตั้งแต่เด็กเขาตามอาจารย์ออกเดินทางเหมือนฉีเหวินตลอด อารามเทพวัดวาอะไรล้วนต้องจุดธูป อารามเต๋าบางแห่งที่เจอถึงขั้นบูชารูปปั้นเทพ ถ้าต้องพูดว่าอารามเขาเมฆาซึ่งไร้รูปปั้นเทพจุดธูปให้ใคร ย่อมต้องบอกว่าฟ้าดิน
“แต่ฟ้าดินนี้ไม่รับควันธูปของพวกท่าน”
จี้หยวนเงยหน้ามอง เทียบกับตาเนื้อของคนธรรมดาอย่างฉีเซวียน เขามองเห็น ‘ควันธูป’ ที่แท้จริง
“หา? ฟ้าดินไม่รับหรือ”
นักพรตชิงซงอึ้งงันครู่หนึ่ง คิดจะพูดอะไรแต่กลับไม่รู้ว่าควรเริ่มตรงไหน ถึงอย่างไรผู้นั่งอยู่หน้าโถงก็คือท่านจี้ เขาแค่ประหลาดใจชั่วขณะ
“ไม่รับก็ช่างเถอะ ฟ้าดินไม่รับพวกเราก็ไม่อาจไม่เคารพ!”
“นักพรตพูดมีเหตุผล!”
จี้หยวนกุมตำราประสานมือไปทางนักพรตชิงซง ฉีเซวียนหัวเราะพลางรีบคารวะตอบเช่นกัน
…
ฉีเหวินแบกตะกร้าไผ่ลงเขา ตัดเขาเมฆาเลียบทางเขาซึ่งสองศิษย์อาจารย์เดินผ่านบ่อยครั้ง ข้ามลำธารเดินผ่านสันเขา ด้วยฝีเท้าว่องไวไม่เกินครึ่งชั่วยามก็ออกจากเขาเมฆา
หมู่บ้านซึ่งอยู่ใกล้เชิงเขาที่สุดชื่อหมู่บ้านอวิ๋นโข่ว เป็นหมู่บ้านที่นักพรตอารามเขาเมฆาไปประจำ บางครั้งในหมู่บ้านมีงานแต่งงานศพหรือต้องการดูดวงขอความช่วยเหลือจากนักพรต ย่อมเชิญนักพรตแห่งอารามเขาเมฆา ทั้งสองฝ่ายถือว่าคุ้นเคยกัน
“นักพรตน้อยฉีเหวินลงเขามาแล้ว วันนี้นักพรตชิงซงไม่มาหรือ”
“ใช่ อาจารย์อยู่บนเขา ข้ามาซื้ออาหารในหมู่บ้าน”
“อ้อ…วันหน้าเมื่อภรรยาข้าคลอดบุตร ขอเชิญนักพรตชิงซงช่วยดูดวงให้หน่อย”
“ได้ๆ!”
ฉีเหวินทักทายคนผู้นี้พลางเดินเข้าหมู่บ้านที่ผู้คนอยู่อาศัยแน่นขนัด คนแก่ซึ่งคุ้นเคยกันบางส่วนกล่าวทักทายฉีเหวิน หนุ่มสาวบางคนเคยเล่นกับฉีเหวินตอนเด็กยิ่งทักทายกันอย่างกระตือรือร้น
เขาไปบ้านหัวหน้าหมู่บ้านกับบ้านชาวบ้านซึ่งรู้จักมักคุ้นกันตามปกติ เงินหลักสิบอีแปะซื้อของได้ไม่น้อย
ภายในบ้านชาวนาเฒ่าหลังหนึ่งยิ่งมีหญิงสาวแรกแย้มในหมู่บ้านมอบไข่ไก่สองสามใบให้ฉีเหวิน ทำเอาฉีเหวินหน้าแดงด้วยความเขินอาย
“ฮ่าๆๆๆ…นักพรตน้อยฉีเหวิน ได้ยินว่านักพรตอย่างพวกเจ้าแต่งงานได้หรือ”
ชาวนาเฒ่าที่กำลังช่วยฉีเหวินเชือดไก่ตัวหนึ่งหัวเราะถามนักพรตน้อยคนนี้
ตอนนี้ฉีเหวินเติบใหญ่แล้ว หน้าตาถือว่าสง่างามจริงๆ ขณะฝึกวิชาเสริมสร้างร่างกายเขาตามอาจารย์ตนท่องเหนือล่องใต้นานปีไม่ว่ายังโดนต่อยเป็นพักๆ ร่างกายแข็งแรงมาก ถือว่าได้รับความนิยมจากหญิงสาวชาวบ้านนัก
“นะ น่าจะใช่…”
“หึๆๆ นักพรตน้อยถ้าเจ้ากลับสู่ทางโลกมาแต่งงานได้ ด้วยกำลังและรูปร่างหน้าตาเจ้า ในหมู่บ้านมีหญิงสาวที่ดีอยู่!”
ยังมีหญิงสาวสองสามคนแย้มยิ้มแอบมองฉีเหวินอยู่นอกรั้วบ้านชาวนาเฒ่า ทำให้ฉีเหวินรู้สึกร้อนรุ่มอยู่บ้าง
“เรียบร้อยแล้ว!”
ผ่านกระบวนการถอนขนควักเครื่องในเสร็จ ชาวนาเฒ่าห่อไก่ตัวนี้ลงตะกร้าไผ่ของฉีเหวินซึ่งอยู่บนพื้น
“ขอบคุณลุงเสิ่น นี่คือเหรียญทองแดง!”
ฉีเหวินส่งเงินไปสิบอีแปะ ในหมู่บ้านนี้ซื้อเนื้อไก่ได้ถูกกว่าในอำเภอมาก ทั้งหลายแห่งทั่วต้าเจินพวกเป็ดไก่ถือว่าเป็นแค่สัตว์เล็ก วัวแพะหมูถือเป็นสัตว์ใหญ่ แน่นอนว่านอกจากวัวเทียมแก่ตายหรือเกิดอุบัติเหตุ เนื้อวัวคือสิ่งที่ไม่อาจร้องขอ
ชายชรารับเหรียญทองแดงมาแล้วคิดพูดกับฉีเหวินสองสามประโยค ด้านนอกพลันมีเสียงดังขึ้น
“โน่นๆๆ…นั่นอย่างไรเล่า นักพรตฉีเหวินแห่งอารามเขาเมฆา”
“โอ้ๆ ขอบคุณมากๆ!”
“เกรงใจไปแล้วๆ!”
เสียงด้านนอกดึงดูดความสนใจของฉีเหวิน เขาเห็นชายสองคนพาผู้ซึ่งเห็นชัดว่าเป็นบ่าวสี่คนเดินเข้ามาในรั้วบ้านของชาวนาเฒ่าอย่างรีบเร่ง
ชายคนหนึ่งในนั้นฉีเหวินรู้จัก เป็นผู้มาหาอาจารย์เพื่อตรวจดวงแล้วกรุ่นโกรธไม่น้อยเมื่อวันนั้น
‘เดี๋ยวก่อน มาต่อยถึงที่เลยหรือ’
ฉีเหวินขนพองสยองเกล้า มองซ้ายมองขวา ที่นี่คือหมู่บ้านอวิ๋นโข่ว ถ้าตนถูกต่อยสหายชาวบ้านคงมาช่วยกระมัง
โชคดีว่าผู้มาเยือนบอกจุดประสงค์การมาทันที
“นักพรตน้อย ข้าน้อยหวงซิ่งเยี่ย นี่คือสหายลี่เหมี่ยน หลายวันนี้ไม่เห็นพวกท่านตั้งแผงในอำเภอ ข้าจึงมาถามตำแหน่งอารามเขาเมฆาโดยเฉพาะ พบเจอเจ้าถือว่าดียิ่งแล้ว อาจารย์เจ้าอยู่บนเขาหรือไม่ วันนั้นโชคดีว่าอาจารย์เจ้ากล่าวเตือนจึงทำให้ข้ารอดพ้นมาได้ ข้าถามพ่อค้าแผงลอยบางคนหน้าศาลหลักเมือง พวกเขาบอกว่าพวกท่านเป็นนักพรตบนเขาเมฆา แต่กลับไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนของภูเขา ข้าจึงมาหมู่บ้านตรงเชิงเขานี้เพื่อเสี่ยงโชค…”
ผู้มาเยือนกล่าวรวดเดียวจบ ฉีเหวินฟังแล้วเป่าปากโล่งอกเล็กน้อย ไม่ได้มาหาเรื่องก็ดี
“แน่นอนว่าอาจารย์อยู่ในอารามเขาเมฆา เอ่อ ผู้ศรัทธาท่านนี้ ต้องการให้ข้าเรียกอาจารย์ลงเขามาเจอท่านหรือไม่”
“ไม่ต้องๆ พวกเราไปอารามท่านเพื่อเยี่ยมเยียนก็พอ รบกวนท่านนักพรตลงเขามาได้อย่างไรเล่า! ข้าน้อยนำของกำนัลเล็กน้อยมาด้วย จะนำขึ้นเขาไปพร้อมกันทีเดียว!”
คราวนี้ฉีเหวินเพิ่งพบว่าอีกฝ่ายหาบคานคู่มาด้วย ภายในมีสิ่งของไม่น้อย เมื่อครู่ตนมัวแต่ประหม่าจึงไม่เห็น
“เช่นนั้น…ผู้ศรัทธาทุกท่านโปรดตามข้าขึ้นเขาไปพร้อมกันเถอะ!”
ฉีเหวินจำต้องบอกลาชาวบ้าน จากนั้นค่อยพาพวกเขาขึ้นเขาไปพร้อมกัน วันพาเศรษฐีท้องถิ่นนำของขึ้นเขาไปอารามเขาเมฆาเช่นนี้มีไม่มากนัก
ระหว่างทางชายวัยกลางคนบอกเหตุผลการมาครั้งนี้กับฉีเหวินโดยคร่าว
เดิมเถ้าแก่หวงคนนี้นับเป็นเศรษฐีในอำเภอตงเยวี่ย ช่วงนี้เจออุปสรรคอย่างหนึ่งจนเกือบสิ้นชีพ แต่เคราะห์ดีว่าวันนั้นมาหานักพรตชิงซงหน้าศาลหลักเมืองอำเภอตงเยวี่ยเพื่อตรวจดวงชะตา
แม้ว่าครั้งนั้นกรุ่นโกรธไม่น้อย แต่อย่างน้อยนักพรตชิงซงก็ทำให้ชายคนนี้สนใจเรื่องรอบตัวตนถึงขั้นระแวดระวังสำเร็จ โดยเฉพาะตอนนั้นนักพรตเคยชี้แนะเรื่อง ‘ทิศทางในใจ’ เชื่อมโยงกับคำเซียมซีอย่างน้อยก็พิสูจน์ความแม่นยำของทิศทางการคาดเดาในใจชายคนนี้ได้
กอปรกับกล่าวเตือนด้วยคำพูดพอเป็นพิธีว่าให้เขาทำความดีสลายเคราะห์ เมื่อถึงตัวเมืองชายคนนี้จึงถือโอกาสทำเรื่องดีครั้งหนึ่ง ภายในเมืองศาลเจ้าที่ซึ่งกำลังซ่อมบำรุงขาดปัจจัยเขาจึงเติมเต็มในคราเดียว ทั้งยังซื้อกระถางธูปส่งไปเอง
ต้องรู้ว่ากระถางธูปทำจากทองแดงจำนวนมาก ทองแดงก็คือเงิน ล้ำค่าไม่น้อย เงินสองก้อนทำให้ศาลเจ้าที่ก้าวหน้ายกระดับขึ้นอีกช่วงใหญ่
ระหว่างนั้นไม่ว่าเรื่องใดชายคนนี้ล้วนระมัดระวังกว่าแต่ก่อน ต่อให้เป็นเช่นนั้นยามภัยมาเยือนก็เกือบตั้งรับไม่ทัน
คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเด็ดขาดเช่นนี้ กล้าคิดแผนวางเพลิงฆ่ายกครัวยามเขาค้างอยู่บ้านสหาย
พูดแล้วก็แปลก คืนนั้นยามค้างอยู่เรือนสหาย หวงซิ่งเยี่ยกับสหายที่มีวิชายุทธ์พักอยู่ห้องเดียวกัน บ่าวประจำตระกูลเฝ้าอยู่ข้างนอก กลางดึกกาน้ำชาบนโต๊ะในห้องพลันตกลงพื้น ทำให้หวงซิ่งเยี่ยกับสหายตกใจตื่นพร้อมกัน
ตอนนั้นข้างนอกมีกลิ่นควันแล้ว เมื่อทั้งสองคนพุ่งออกไปก็พบว่าไฟไหม้ ข้ารับใช้ตระกูลหวงคนหนึ่งหมดสติอยู่นอกห้องอีกคนไม่เห็นร่องรอย
ตอนนั้นทั้งสองคนทยอยปลุกครอบครัวสหาย แบกข้ารับใช้ตระกูลหวงออกไปพร้อมกัน จากนั้นค่อยหาคนมาดับไฟ แม้ว่าสุดท้ายดับไฟไม่ได้ แต่อย่างน้อยคนก็ไม่เป็นไร
ต่อจากนั้นหวงซิ่งเยี่ยกับสหายไปแจ้งทางการพร้อมกัน ด้วยในใจพอรู้ทิศทางกอปรกับใช้ทรัพย์สินทางบ้านช่วยสมทบ ที่ว่าการอำเภอลงแรงไขคดีเต็มกำลัง ทำให้อำเภอตงเยวี่ยถึงเมืองเม่าเฉียนอึกทึกไปพักหนึ่ง
หลังจากเกิดไฟไหม้ครั้งนั้น ตอนแรกหวงซิ่งเยี่ยไม่รู้ตัว ต่อมายิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ากาน้ำชานั้นตกแตกเป็นสัญญาณช่วยชีวิต ยิ่งคิดทบทวนยิ่งน่าเหลือเชื่อ บ้านสหายตนไม่ยากจน พื้นภายในห้องและโต๊ะเก้าอี้ล้วนราบเรียบมั่นคง กาน้ำชาคงไม่ถึงขั้นกลิ้งตกโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย เขาจึงคิดว่ามีเทพผีคอยช่วย
ตอบแทนการบริจาคให้ศาลเจ้าที่ครั้งนั้นพอดี
วันนี้หวงซิ่งเยี่ยมาขอบคุณใช่ว่าเรื่องราวคลี่คลายแล้ว กลับยังมีเรื่องตึงมือน่าประหลาด ด้วยเหตุนี้จึงนึกว่าควรมาหานักพรตที่ทำนายชะตาวันนั้น
ก่อนมาหวงซิ่งเยี่ยเคยถามเรื่องนักพรตดูดวงที่อำเภอตงเยวี่ย สุดท้ายพบว่าถึงแม้บางครั้งนักพรตคนนี้ไม่เป็นที่ต้อนรับของผู้คนถึงขั้นโดนต่อยเพราะเรื่องดูดวง แต่ถือว่าแม่นยำจริง แม้แต่คนที่เคยต่อยเขาสุดท้ายยังจำต้องยอมรับเรื่องนี้
เรื่องแปลกคือนักพรตคนนี้โดนต่อยหลายครั้ง แต่ยังตั้งแผงอย่างชอบใจไม่เหนื่อยหน่าย นี่ทำให้คนฉลาดอย่างหวงซิ่งเยี่ยเห็นว่าผิดปกติอยู่บ้าง นักพรตกลางป่าเขาผู้มีความสามารถ พฤติกรรมประหลาดเช่นนี้ นี่คือผู้สูงส่งเร้นกายไม่ใช่หรือ!