เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 200 เซียนชี้แนะ
ตอนที่ 200 เซียนชี้แนะ
แต่คลื่นน้ำรุนแรงอยู่พักหนึ่งกลับจำต้องสงบลง ปล่อยให้คลื่นน้ำที่เหลือลอยไปสู่ใจกลางแม่น้ำและค่อยๆ จางหายไป
ตอนนี้หูอวิ๋นกลับไม่ได้หนีกลับไปในเมืองจริงๆ ด้านหนึ่งเพราะอยู่บนฝั่งก็พอจะทำให้หูอวิ๋นรู้สึกปลอดภัยบ้างแล้ว อีกด้านหนึ่งก็คือรู้สึกว่าแม่เต่าเฒ่าจะโมโห แต่คลื่นคลั่งเมื่อครู่ไม่ได้พุ่งเป้ามาที่ตนหรือปลาชิงฮื้อ
จิ้งจอกแดงในตอนนี้ใจฝ่อมาก เข้าใจไม่มากก็น้อยกว่าสิ่งที่ท่านจี้พูดบนแท่นจันทราที่เขาโคเทพต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน แต่มันจำอะไรไม่ได้เท่าไหร่นัก ทว่าหลังจากนั้นท่านจี้และเจ้าภูเขาลู่สนทนากันยังพอจะได้อยู่บ้าง
“ท่านอย่าโมโหไปเลย อย่างมากครั้งหน้าข้าจะดูว่าถามท่านจี้ได้ไหม จากนั้นค่อยมาบอกท่านเป็นอย่างไร!”
คำพูดนี้ของหูอวิ๋นยิ่งทำให้เต่าเฒ่าซึมเซายิ่งกว่าเดิม แต่อย่างน้อยก็ใจเย็นลงไม่น้อย มันส่ายหน้ามองจิ้งจอกแดง พูดด้วยน้ำเสียงหงอยๆ
“ไม่สืบทอดวิชากันง่ายๆ ทุกเรื่องเกิดขึ้นแล้วไม่อาจเกิดขึ้นอีก ต่อให้ท่านจี้พูดเอาไว้แล้ว เจ้าไปถามก็ไม่มีทางมีบทสรุป หากเจ้าฝึกปราณเข้าขั้นแล้ว วิชาหลังจากนี้มีจุดที่ไม่ชัดค่อยไปถาม นั่นถึงจะมีความเป็นไปได้อยู่บ้าง…”
เต่าเฒ่าก้มหน้าถอนหายใจกับผิวแม่น้ำ ตอนนี้มันใจเย็นลงแล้วเช่นกัน
“ความจริงเมื่อครู่นี้ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับข้า หากเจ้าบอกมรรคที่เล่าถึงบนแท่นจันทราให้ข้าฟังจริง นั่นเท่ากับขโมยวิชาอาจารย์ เป็นความผิดร้ายแรง เจ้า…”
เต่าเฒ่าพูดถึงตรงนี้ถึงค่อยเงยหน้าขึ้น คำพูดที่เหลือไม่ได้พูดออกมาทว่าติดอยู่ในคอหอย เพราะมันพลันพบว่าเบื้องหลังจิ้งจอกแดงยืนไว้ด้วยคนผู้หนึ่ง
ผู้มาเยือนรูปร่างสูงปล่อยผมยาวสยาย ไม่มีกวานไม่มีผ้ารัด เพียงใช้ปิ่นหยกดำปักไว้ลวกๆ ใบหน้าไร้หนวดเคราไม่ชัดเจนว่าอายุเท่าไหร่ ดวงตาสีขาวเทาคู่นั้นเบิกขึ้นเล็กน้อย มือหนึ่งไพล่หลัง ส่วนอีกมือหนึ่งวางอยู่ข้างลำตัว ชุดคลุมสีขาวทั้งตัวทอประกายเล็กๆ ใต้แสงจันทร์
ยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้น ลมสดชื่นพัดผ่าน ฝุ่นดินจากไปเอง
เมื่อรับรู้ถึงสายตาของเต่าเฒ่า หูอวิ๋นหันหลังไปอย่างระมัดระวังเช่นกัน มองเห็นจี้หยวนยืนอยู่ข้างหลังตน
“ท่านจี้! ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่…”
ในใจของจิ้งจอกแดงตอนนี้ทั้งอับอายทั้งโล่งใจอย่างชัดเจน ประโยคแรกตกใจทว่ายินดี ส่วนประโยคหลังแสดงความอ่อนแอออกมา
แต่จี้หยวนไม่ได้สนใจมัน เพียงมองเต่าเฒ่าที่อยู่เหนือผิวแม่น้ำ
เต่าเฒ่าตัวนี้ชะงักค้างอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ความตื่นเต้นจะเข้าจู่โจม รีบว่ายน้ำเข้าใกล้ฝั่ง เสียงคลื่นน้ำดังครืน จากนั้นก้าวขึ้นฝั่งทีละก้าว
จากนั้นเท้าหน้าของเต่ายักษ์ก็ออกแรงย่ำ ใช้เท้าหลังสองข้างและหางเต่าเป็นศูนย์กลางของร่างกาย ยืนด้วยสองเท้าเช่นนั้น ส่วนเท้าหน้าประสานเข้าหากันเพื่อคารวะ
“เต่าเฒ่าอูฉง คารวะท่านจี้!”
ตอนนี้เต่าเฒ่าเครียดเกร็งยิ่งกว่าหูอวิ๋นมาก ท่านที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือมาตั้งแต่ตอนที่เขาถามหูอวิ๋นถึงเรื่องที่พูดบนแท่นจันทรา เมื่อคิดได้ดังนั้นในใจเต่าเฒ่าก็ยิ่งสลด
จี้หยวนพยักหน้า คารวะเต่าเฒ่ากลับอย่างมีมารยาทเช่นกัน
“ข้าจี้หยวนอับอายนัก ท่านฟังเรื่องของข้าไปแล้ว จะได้ไม่ต้องอธิบายให้มากอีก”
จี้หยวนมองเต่าเฒ่า เนื่องจากระดองเต่างอไม่ได้ย่อมโค้งคำนับไม่ได้ มันจึงพยายามกดคอเต่าตนเองลงต่ำอย่างสุดความสามารถ
ภาพนี้มองแล้วน่าขันเป็นอย่างยิ่ง ทว่าตั้งแต่จี้หยวน หูอวิ๋น ไปจนถึงปลาชิงฮื้อที่อยู่ในแม่น้ำตอนนี้กลับหัวเราะไม่ออก หากย้อนกลับไปหนึ่งวันก่อนหน้านี้หูอวิ๋นอาจหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง แต่ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นเลย
เต่าเฒ่ารอจี้หยวนเลิกคารวะแล้วถึงวางเท้าเต่าลง ตอนเท้าตกลงบนพื้นมันขยับตัวน้อยมาก ด้วยกว่าหากเกิดเสียงดังจะทำให้ท่านจี้ไม่ชอบใจ จากนั้นยืนสงบนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่กล้าพูดจา เพียงรออีกฝ่ายเริ่มพูดก่อน
ปลาชิงฮื้อว่ายมาถึงฝั่งแล้ว พ่นฟองอากาศอยู่ในน้ำเรื่อยๆ หูอวิ๋นมองจี้หยวนและมองเต่าเฒ่าด้วยความกังวล ลังเลว่าควรเอ่ยปากทำลายบรรยากาศหรือไม่
“ท่านจี้ ท่านเห็นว่าเต่าเฒ่าฝึกปราณยากลำบากยิ่ง จะลอง…”
หากเปลี่ยนเป็นหูอวิ๋นในอดีตอาจถามออกไปตรงๆ ว่าพูดสิ่งที่พูดบนแท่นจันทราคืนนั้นได้หรือไม่ ทว่าตอนนี้กลับไม่กล้าอยู่บ้าง โดยเฉพาะมันเองลืม ‘ท่องเสรี’ บทนั้นไปแล้ว กลัวยิ่งนักจะถูกท่านจี้ตำหนิ
จี้หยวนเหล่มองจิ้งจอกแดง
“เจ้าอยากบอกว่าจะลองช่วยเขาหรือไม่กระมัง ใต้เท้าหูอวิ๋นเซียนจิ้งจอกเจ้าเก่งกาจปานนั้น ไยไม่ช่วยเต่าเฒ่าเสียเองเล่า”
หูอวิ๋นไม่กล้าพูดแล้ว ถึงก่อนหน้านี้ไม่รู้เรื่อง กระนั้นอยู่ต่อหน้าท่านจี้ก็ไม่เคยกล้าร้องขออะไรตามใจชอบ ครั้งนี้ใจแข็งเอ่ยปากในสถานการณ์เช่นนี้ ทำได้เพียงบอกว่าสงสารเต่าเฒ่าอยู่บ้างจริงๆ
จี้หยวนพูดจบแล้วถึงมองเต่าเฒ่าต่อ ภายใต้ตาทิพย์เบิกโพลง กระแสปราณของเต่าเฒ่าล้วนปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา ปราณวารีของมันเต็มเปี่ยมยิ่งกว่าปีนั้นเล็กน้อย โดยเฉพาะบนหลังเต่าสีดำมะเมี่ยมซึ่งความจริงแล้วซ่อนลวดลายแผนภูมิของมรรคทำนายชะตาเอาไว้
“เจ้าฝึกปราณไม่ง่ายก็จริง ทว่าด้วยความยากลำบากมานานหลายปี ความคิดอ่านกลับลึกซึ้งยิ่งขึ้น พึ่งพาตนเองจนเกิดปัญญา สิ้นเปลืองความคิดนับไม่ถ้วน เวลาผ่านไปอย่างไร้ค่าหลายร้อยปี ในที่สุดกลับไม่เหลืออะไรเลย พลังล้ำลึกทว่าการฝึกปราณกลับหยุดอยู่กับที่ไม่พัฒนาไปข้างหน้า เข่นฆ่าน้อยลงแล้วยังคงสร้างปราณสกปรก ทำให้หัวใจและจิตวิญญาณของเจ้ามัวหมอง น่าเศร้ายิ่งนัก!”
พูดถึงตรงนี้แล้ว จี้หยวนนึกถึงเรื่องที่เคยถามไป๋ฉีก่อนหน้านี้เช่นกัน จึงถามเต่าเฒ่าบ้าง
“เคล็ดวิชาฝึกปราณที่เทพแม่น้ำไป๋มอบให้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
เต่าเฒ่าฟังการพิจารณาของจี้หยวนในตอนแรกแล้วยังคงกระวนกระวายใจ ตอนนี้ได้ฟังคำถามแล้วยิ่งสะท้านใจเข้าไปใหญ่ ท่านจี้รู้เรื่องนี้ด้วยหรือนี่
แต่ในเมื่อถูกถามแล้ว ปากย่อมไม่กล้าพูดปด
“เรียนท่านจี้ เคล็ดวิชาที่ท่านเทพแม่น้ำมอบให้ ข้าเต่าเฒ่าตั้งใจฝึกปราณไม่กล้าบกพร่อง หกปีต่อมาบังเอิญเกิดความรู้สึกเส้นเอ็นและกระดูกร้อนเร่า ทว่านอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นแล้ว…”
ในฐานะที่เป็นเต่าเฒ่าผู้มีอายุยืนยาว ย่อมไม่ขาดความอดทนอยู่แล้ว แม้ผลลัพธ์ของวิชาฝึกปราณนั้นจะด้อยมาก แต่อย่างไรก็ยังมีหวัง กลัวก็แต่มีหวังอยู่แล้ว ทว่าอายุขัยที่เหลือจะไม่เพียงพอให้หวัง
จี้หยวนพิจารณาเต่ายักษ์อีกครั้ง สังเกตการเปลี่ยนแปลงกระแสปราณของอีกฝ่าย ระหว่างนั้นเต่าเฒ่าชำเลืองมองดวงตาคู่นั้นของจี้หยวนอย่างระมัดระวัง ภายใต้สีเทาไร้ระลอกคลื่นชัดเจนว่าไม่มีการสบตาอะไร แต่กลับมีความรู้สึกว่ามองทะลุทุกสิ่งทุกอย่างได้
จี้หยวนพินิจเต่าเฒ่าอย่างละเอียดอยู่หลายครั้ง เห็นหูอวิ๋น เต่าเฒ่า และปลาชิงฮื้อล้วนคล้ายกับเครียดเกร็งอยู่บ้าง ฉับพลันนั้นเขายิ้มขึ้น รอยยิ้มนี้ของเขาเหมือนกับมีสายลมระลอกหนึ่งพัดพาความกดดันส่วนใหญ่ไป
“เต่าเฒ่าอูฉง หลายปีมานี้นับว่าเจ้าเคยช่วยมนุษย์ไว้ไม่น้อย ราวกับคิดรอพวกเขาร่ำรวยแล้วจะช่วยเจ้าได้สักครั้ง เช่นนั้นเหตุใดตอนนี้ไม่ทำเช่นนั้นแล้วเล่า ปราณสกปรกบนกายเกรงว่าจะเกี่ยวพันกันอย่างสลัดไม่หลุดกระมัง”
เมื่อได้ยินดังนั้นแล้ว สีหน้าของเต่าเฒ่าซึมเซาลงบ้าง แต่กลับไม่ได้ปฏิเสธ
“ทำนายชะตาง่าย คาดเดาจิตใจคนยาก ข้าเป็นเพียงเต่าเฒ่าที่นำนายดวงชะตาได้ ไม่อาจกวนแม่น้ำพลิกทะเล ไม่อาจชี้หินเป็นทอง พลังมีขอบเขตปัญญามีสูงต่ำ ทว่าความปรารถนาในใจคนบางคนกลับไร้ขีดจำกัด ข้าเต่าเฒ่าดวงไม่เคยดี มักจะช่วยคนผิด ทุกครั้งมองดูคล้ายเป็นคนดี แต่นานวันเข้ากลับมีผลลัพธ์เลวพลังร้ายตามมา เฮ้อ…”
เต่าเฒ่าถอนหายใจก่อนพูดต่อ
“ตอนนี้ข้าไม่คิดทำเช่นนั้นแล้ว”
ดวงชะตาดีหรือไม่ดีสำหรับคนหรือปีศาจ เต่าเฒ่าสัมผัสบ่อยครั้งที่สุด โดยเฉพาะหลังจากพบหูอวิ๋น ความรู้สึกนี้ยิ่งล้ำลึกแล้ว ส่วนตัวมันเองกลับเป็นพวกที่ดวงไม่ดี
จี้หยวนครุ่นคิด หลังจากนั้นนานทีเดียวถึงยิ้ม
“ฮ่าๆ เอาอย่างนี้แล้วกัน ทุกครั้งที่ถึงวันหยุดเรียนของสำนักศึกษาเมตตา จะมีนักเรียนแซ่อิ๋นผู้หนึ่งมาอ่านตำราให้ปลาชิงฮื้อตัวนี้ฟัง หากเจ้าไม่รังเกียจที่นักเรียนผู้นั้นอายุน้อยและยังขาดประสบการณ์ ก็มาร่วมฟังด้วยเป็นอย่างไร”
ในดวงตาของเต่าเฒ่าปรากฏความยินดี ไม่มีทางมีความคิดปฏิเสธและรังเกียจใดๆ โดยสิ้นเชิง
มันรู้อยู่ลึกๆ ว่านี่เป็นโอกาสที่มีไม่มากอย่างแน่นอน โอกาสนั้นอาจน้อยกว่าที่ตนเองจินตนาการไว้เสียด้วยซ้ำ นี่ต้องเป็น ‘เซียนชี้แนะ’ ในตำนานแน่ๆ
‘ข้าจะก้าวหน้าแล้ว!’
ความคิดนี้ทำให้เต่าเฒ่ากลั้นความดีใจไว้ไม่อยู่แล้ว
เต่าเฒ่าคว้าโอกาสทุกโอกาสไว้อยู่หมัดไม่ยอมปล่อย แตกต่างกับจิ้งจอกที่โชคดีสุดขีด จึงหยัดกายคารวะอีกครั้งอย่างอดไม่ได้
“ขอบคุณท่านจี้ที่ชี้ทางสว่าง ขอบคุณท่านจี้ที่ชี้ทางสว่าง!”
“ไม่ใช่ว่าไม่มีค่าใช้จ่ายนะ”
คำพูดนี้ของจี้หยวนทำให้เต่าเฒ่าชะงักไปพริบตาหนึ่ง กระนั้นยังคงซาบซึ้งในบุญคุณล้นพ้น และรับรองว่าขอเพียงตนเองจ่ายได้หรือเป็นเรื่องที่ทำได้ล้วนสั่งได้ทั้งสิ้น
“ไม่ต้องให้เจ้าลงน้ำเดือดหรือลุยกองเพลิงหรอก หลายปีมานี้ในบรรดาคนที่เจ้าช่วยเหลือ เลือกเรื่องที่เจ้าซาบซึ้งและมีความทรงจำชัดเจนที่สุด หวนรำลึกสักครั้ง หากมีเวลาว่างก็เล่าให้ข้าฟังหน่อย”
จี้หยวนพูดพร้อมรอยยิ้ม พร้อมกันนั้นเดินไปยังริมแม่น้ำอย่างเชื่องช้า มองปลาชิงฮื้อที่อยู่ในน้ำใกล้ฝั่ง
ปลาชิงฮื้อตัวนี้เห็นจี้หยวนเดินมามองตนเองตรงริมน้ำ จึงรีบขยับครีบปลา ปากส่งเสียงบุ๋งๆ พ่นฟองอากาศออกมา ราวกับกำลังทักทายจี้หยวน แต่น่าเสียดายที่ต่อให้ครีบปลายาวกว่านี้ก็แตะกันไม่ได้ อยากคารวะย่อมเป็นไปไม่ได้เลย
“ชิงฮื้อเจ้าแม้ยังไม่ได้หลอมกระดูก แต่ปีนั้นข้าเห็นเจ้าแล้วรู้สึกถูกชะตา เห็นทีเจ้าน่าจะยังไม่มีชื่อเช่นกัน ไม่สู้หลังจากนี้เรียกเจ้าว่าหลัวปี้ชิงดีหรือไม่!”
จี้หยวนไม่รู้ว่าปลาชิงฮื้อตัวนี้เป็นเพศผู้หรือเพศเมีย รวมถึงเขาเองไม่เชี่ยวชาญเรื่องเพศของปลาเสียด้วย สัตว์บางชนิดแบ่งแยกปราณหยินหยางได้ เผ่าวารีส่วนใหญ่ปราณหยินเต็มเปี่ยม อาจมีความแตกต่างระหว่างเพศผู้และเพศเมียเช่นกัน แต่ตอนนี้ไม่มีปลาชิงฮื้อตัวอื่นให้จี้หยวนเทียบดูเลย
ชื่อหลัวปี้ชิงใช้ได้ทั้งหญิงและชาย หากต่อไปมีวันหนึ่งที่ปลาชิงฮื้อฝึกปราณจนแปลงกายเป็นคนได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ใช้ชื่อนี้ได้อยู่ดี
ซ่า…ซ่า…
ปลาชิงฮื้อว่ายวนอยู่ในน้ำใกล้ฝั่งด้วยความดีใจ ในปากพ่นฟองอากาศส่งเสียงบุ๋งๆ ไม่ยอมหยุด
ก่อนหน้านี้ฟังเต่าเฒ่าพูดแล้วมากมาย ปลาชิงฮื้อรู้แล้วเช่นกันว่าผู้สูงส่งเช่นจี้หยวนตั้งชื่อให้แบบนี้ ชะตาของมันต้องไม่ธรรมดาแล้ว
ตอนนี้เต่าเฒ่าตื่นเต้นขึ้นมาเช่นกัน ดวงตาเต่าขนาดใหญ่มองจี้หยวนอย่างวาดหวัง ต่อให้เป็นหูอวิ๋นก็อ่านสามคำอย่าง ‘ขอตั้งชื่อ’ ออกจากในแววตาอันวาวโรจน์
จี้หยวนหมดคำพูดอยู่บ้าง ดวงตาสีเทาราบเรียบพลันมองเต่าเฒ่า
“ทำไม เจ้าไม่มีชื่อหรือ”
เต่าเฒ่าชะงัก หลังจากนั้นซึมเซาลง
“ข้า…มีชื่อ…”
เต่าเฒ่าก่นด่าตนเองอยู่ในใจเป็นร้อยเป็นพันรอบ ไม่เป็นไรที่จะตั้งชื่อให้ตนเอง ไม่เป็นไรที่จะเรียนความรู้และความสง่างามจากมนุษย์ผู้มีปัญญา ไม่มีชื่อแล้วจะตายหรือ อย่างไรเสียหลายปีมานี้ใครต่อใครก็เรียนตนเองว่า ‘เต่าเฒ่า’ แล้วมีหรือไม่มีชื่อมันแตกต่างกันอย่างไร
‘เฮ้อ…อิจฉาเสียจริง ควรรู้จักพอแล้ว!’
จี้หยวนส่ายหน้าพลางมองไปทางผิวแม่น้ำ ในน้ำมีเงาสีขาวขนาดยักษ์ฉวัดเฉวียนอยู่ข้างใต้รางๆ กำลังประสานมือมาทางนี้ จากนั้นเดินไปทางท่าเรืออย่างเชื่องช้า
หูอวิ๋นลังเลอยู่ครู่หนึ่งถึงรีบตามไป ส่วนเต่าเฒ่าและปลาชิงฮื้อกลับรู้ว่าตนเองไม่ควรตามไปอีกแล้ว ดังนั้นจึงไม่ขยับเขยื้อน