เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 313 สถานที่ดีๆ
ตอนที่ 313 สถานที่ดีๆ
หลังจากเข้าเขตจงหู นับว่าคนผ่านทางเริ่มเยอะขึ้นมา สิ่งสำคัญที่สุดคือจี้หยวนเห็นหมู่บ้านมากมายแล้ว
หลังจากสามพี่น้องเคออวิ้นตงกับโจวซิ่งคิดว่าไม่มีภูตผีปีศาจแล้ว เห็นชัดว่าผ่อนคลายมาก กอปรกับปราณวิญญาณแทรกซึมโดยไม่รู้ตัว ทำให้จิตใจทั้งสี่คนฟื้นคืนกลับมา ระหว่างทางจึงส่งเสียงหัวเราะชื่นมื่นไม่หยุด โดยเฉพาะเจ้าวัวที่ชอบคุยกับสองพี่น้องตระกูลเคอเป็นพิเศษ ทั้งเปี่ยมอารมณ์ขันยิ่ง
แต่น่าเสียดายว่าถึงแม้เจ้าวัวหยอกล้อสองพี่น้องตระกูลเคอเป็นระยะ แต่หน้าตาซื่อบื้อของเขากลับถ่วงแข้งถ่วงขา เทียบกับเยี่ยนเฟยซึ่งเฉยชาหรือครุ่นคิดตลอดแล้ว ทำให้สองพี่น้องตระกูลเคอสนใจกว่า
หลังจากเจ้าวัวทอดสะพานครั้งที่แปดล้มเหลว เขาทอดถอนใจว่ารักแท้ถูกปฏิเสธอยู่ตรงมุมคนเดียวอย่างอดไม่ได้ ทำให้จี้หยวนรู้สึกประหลาดใจ
แม้ว่าเจ้าวัวตัวนี้หน้าตาทึ่มซื่อ แต่ปกติทำตากะลิ้มกะเหลี่ยไม่หยุด กอปรกับก่อนหน้านี้ยังไปถามเรื่องหอนางโลมกับโจวซิ่งและเคออวิ้นตงอีก พี่ชายกับสหายเขามีหรือจะไม่กำชับสองพี่น้องว่าให้ระวังเจ้าวัว
วันที่สิบสองหลังออกจากเมืองผีไร้ขอบเขต เมืองลู่ผิงปรากฏในสายตาพวกเขา
ตั้งแต่ออกจากด่านต้าเจิน จี้หยวนเห็นเมืองใหญ่เจริญรุ่งเรืองอย่างแท้จริงน้อยนัก เมืองลู่ผิงถือเป็นเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง ไม่ว่าอยู่ต้าเจินหรืออาณาจักรจู่เยวี่ยล้วนเป็นเช่นนี้
คล้ายเป็นเพราะที่นี่สงบปลอดภัยหน่อย คนสัญจรไปมาต่อเนื่องไม่ขาดสาย หลังจากเข้าเมืองท้องฟ้าก็สลัวแล้ว
แน่นอนว่าพี่น้องตระกูลเคอกับโจวซิ่งเชิญพวกจี้หยวนกับเยี่ยนเฟยไปเป็นแขกที่บ้านเต็มกำลัง แต่จี้หยวนกลับปฏิเสธด้วยท่าทางนิ่งสงบ เข้าเมืองแล้วแยกจากพวกเขาสี่คน จากนั้นค่อยเลือกหาโรงเตี๊ยมเหมาะสมแห่งหนึ่งเป็นที่พักเอง
โรงเตี๊ยมฟ้ากระจ่างตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมือง ถือว่าเป็นโรงเตี๊ยมมาตรฐานแห่งหนึ่งของเมืองลู่ผิง หลังจากบอกลาสามพี่น้องตระกูลเคอกับโจวซิ่ง พวกจี้หยวนก็พักอยู่ที่นี่
จี้หยวนเพิ่งจัดห้องเสร็จก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังก๊อกๆๆ เมื่อเปิดประตูจึงเห็นเยี่ยนเฟยยืนอยู่ข้างนอก
“ท่านจี้ วันนี้ท้องฟ้ามืดแล้ว มิสู้พวกเราไปพบตระกูลเว่ยพรุ่งนี้ดีกว่า อีกเดี๋ยวข้าคนแซ่เยี่ยนจะไปแจ้งร้านตระกูลเว่ยซึ่งเปิดกิจการอยู่ในเมืองก่อน บอกข่าวพวกเขาว่าพรุ่งนี้จะไปเยี่ยมถึงหน้าประตู แบบนี้คงคล้อยตามหลักมารยาทหน่อย”
แน่นอนว่าจี้หยวนไม่มีความเห็นอะไร
“ได้ เจ้าไปเถอะ หากมีธุระค่อยมาบอกข้าแล้วกัน”
ก่อนหน้านี้กินอาหารเย็นมาแล้ว จี้หยวนจึงเตรียมพักผ่อนอยู่ในห้อง ส่วนเยี่ยนเฟยพยักหน้ารับแล้วถือกระบี่จากไป
ร้านสาขาตระกูลเว่ยภายในเมืองเป็นร้านขายของชำแห่งหนึ่งของตระกูลเว่ย ผู้ฝึกยุทธ์ซึ่งพอรู้เรื่องบนยุทธภพบ้างย่อมสืบข่าวได้ไม่ยาก แน่นอนว่าเยี่ยนเฟยรู้ดีเช่นกัน
เวลาปิดร้านสาขาช้ากว่าร้านอื่นไม่น้อย ตอนนี้แม้ว่าฟ้ามืดสลัวแล้ว แต่ยังเปิดกิจการ หน้าประตูจุดโคมสว่างดวงหนึ่ง บนนั้นเขียนอักษรเว่ยตัวใหญ่
ตอนนี้คนสัญจรบนถนนน้อยลงมาก เมื่อเยี่ยนเฟยเดินมาถึงทางเข้าร้าน เขาเห็นชายวัยกลางคนคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะคิดเงินของร้าน ขดตัวพิงกำแพง ไม่รู้ว่าหลับหรือซึมเซา
แต่เมื่อเยี่ยนเฟยเดินมาใกล้แล้วก้าวเข้าร้าน คนผู้นั้นกลับตื่นขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนถือกระบี่และฝีเท้ามั่นคง เขาจึงไม่กล่าวเหมือนทักทายลูกค้าทั่วไป
“จอมยุทธ์ท่านนี้มาซื้อของจิปาถะหรือมาด้วยมีธุระกับตระกูลเว่ยของข้า”
เยี่ยนเฟยถือกระบี่ประสานมือ
“ข้าน้อยเยี่ยนเฟย พรุ่งนี้จะพาอาจารย์ไปเยี่ยมตระกูลเว่ยแห่งเมืองลู่ผิง ขอชมตำราสวรรค์ไร้อักษร”
“เยี่ยนเฟย?”
ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วครุ่นคิดครู่หนึ่ง สำรวจการแต่งกายเยี่ยนเฟยทั้งมองกระบี่เล่มนั้นของเขา ในใจพลันกระตุก หยัดร่างลุกขึ้นมาจากที่นั่ง
“คงไม่ใช่จอมยุทธ์เยี่ยนเฟยมือกระบี่บินกระมัง”
“เป็นข้าคนแซ่เยี่ยนเอง แต่ไม่กล้ารับคำว่าจอมยุทธ์ หลงจู๊อย่ากล่าวคำนั้นเลย”
คำว่าไม่กล้ารับของเยี่ยนเฟยเป็นคำกล่าวจากใจ
ไม่สนว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ หลงจู๊ร้านค้าไม่กล้าละเลย รีบประสานมือคารวะตอบ
“ข้าน้อยทราบแล้ว ย่อมแจ้งข่าวนี้กับจวนตระกูลเว่ย หากจอมยุทธ์เยี่ยนยังไม่มีที่พัก ข้าน้อยพาจอมยุทธ์เยี่ยนไปพักผ่อนที่คฤหาสน์นอกเมืองได้!”
หลงจู๊เดินอ้อมโต๊ะมาซักถามอย่างจริงจัง
“ไม่ทราบว่าอาจารย์ของจอมยุทธ์เยี่ยนคือใคร เป็นจอมยุทธ์เลื่องชื่อคนไหนในยุทธภพหรือ”
เล่าลือว่าฐานะและความเป็นมาของเยี่ยนเฟยลึกลับมาก หลงจู๊อยากรู้ว่าเป็นมือกระบี่คนไหนอย่างอดไม่ได้
“ไม่ใช่จอมยุทธ์ แต่เป็นผู้อาวุโสซึ่งข้าคนแซ่เยี่ยนเลื่อมใส ฝากหลงจู๊บอกข่าวก็พอ ข้าคนแซ่เยี่ยนไม่รบกวนแล้ว!”
“ได้ จอมยุทธ์เยี่ยนเดินทางปลอดภัย!”
หลังจากทั้งสองคนบอกลากัน คนหนึ่งสาวเท้าก้าวใหญ่จากไป อีกคนใคร่ครวญแล้วรีบบอกลูกจ้างตรงสวนด้านหลัง ให้เขาขี่ม้าเร็วออกจากเมืองไปแจ้งตระกูลเว่ยทันที
เดิมเยี่ยนเฟยรีบเดินกลับโรงเตี๊ยม แต่เมื่อเดินผ่านทางแยกแห่งหนึ่ง ด้านหน้าพลันมีเงาดำเร่งไล่เขามาด้วยความเร็ว เมื่อเห็นว่าใกล้ประชิดตัว เขาใช้วิชาตัวเบากระโดดถอยหลัง แต่รู้สึกว่าเบื้องหน้าพลันฝ้าฟาง จากนั้นด้านหลังพุ่งชนร่างคน
ชิ้ง…
เยี่ยนเฟยชักกระบี่เหวี่ยงไปด้านหลังชั่วพริบตา
ตึง…
ปลายกระบี่ถูกขวางทันที เยี่ยนเฟยไม่ถอยหลังหรือออกแรง แต่หมุนตัวเบี่ยงไปด้านข้างตามแรงกระบี่เหมือนลากเท้า กระบี่ยาวเหวี่ยงหมุนทำมุม เขาโคจรปราณดั้งเดิมซัดมือซ้ายใส่ด้ามกระบี่เต็มแรง
ฟุ่บ…
การตอบสนองเพียงครู่ทำให้กระบี่ยาวจ้วงแทงทลายอากาศ เงาดำตรงหน้าหงายหลัง เงาร่างเบี่ยงตัวถอยไปด้านข้าง แต่กระบี่ยาวของเยี่ยนเฟยแค่แทงไปครึ่งหนึ่งแล้วเปลี่ยนกระบวนท่า คมกระบี่ฟันเฉียดไปทางที่เงาดำถอยหลัง
เคร้ง…
เสียงกังวานดังขึ้นอีกครั้ง ปลายกระบี่ถึงกับถูกอีกฝ่ายคว้าไว้ เสียงร้อนรนหนึ่งดังขึ้น
“เฮ้ยๆๆๆ… น้องเยี่ยนเจ้ามองให้ชัดก่อน ข้าคนแซ่หนิวเอง!”
ตอนนี้เยี่ยนเฟยเพิ่งเห็นชัดเจนว่าเงาดำคือใคร ที่แท้คือหนิวป้าเทียนซึ่งเปลี่ยนเป็นชุดหรูหราจริงๆ ไม่ได้สวมเสื้อกล้ามทับชุดคลุมสั้นตามปกติ ทำให้เยี่ยนเฟยจำเขาไม่ได้ในทันที
“พี่หนิว? เสื้อผ้าชุดนี้ท่านนำมาจากไหน ทำไมทำตัวลับๆ ล่อๆ”
คราวนี้เจ้าวัวค่อยตบหน้าอกพลางปล่อยมือ
“ไม่แปลกว่าชื่อบนยุทธภพของน้องเยี่ยนคือมือกระบี่บิน วิชากระบี่นี้รวดเร็วดังคาด ทำเอาข้าคนแซ่หนิวตกใจเลย เสื้อผ้าชุดนี้ข้าเก็บรักษามานานแล้ว ถ้าถูกเจ้าฟันขาดข้าคงหาชุดที่สองไม่ได้!”
‘แค่กลัวว่าจะฟันเสื้อผ้าขาดหรือ…’
สีหน้าเยี่ยนเฟยหม่นแสงเล็กน้อย สายตามองกระบี่ยาวตรงดิ่ง เมื่อครู่ปลายกระบี่ถูกเจ้าวัวคว้าไว้ เขาแทงไม่เข้าและดึงกลับไม่ได้
“พี่หนิว ท่านออกมาทำอะไร แค่มาหาข้าหรือมีเรื่องสำคัญอื่น ท่านจี้เล่า”
เจ้าวัวยิ้มระรื่นเดินเข้ามาใกล้เยี่ยนเฟย วางมือพาดบนบ่าเขาอย่างเป็นธรรมชาตินัก
“น้องเยี่ยน ท่านจี้อยู่โรงเตี๊ยมฝึกปราณ พวกเราอย่าไปรบกวนเลย ข้าคนแซ่หนิวออกมาเตรียมพาเจ้าไปสถานที่ดีๆ ไปๆๆ พวกเราไปกันตอนนี้เลย!”
“สถานที่อะไร”
“เฮ้อ พูดพล่ามมากมายเช่นนี้ เจ้าไปก็รู้แล้ว จริงสิ น้องเยี่ยน เจ้ามีเงินติดตัวเท่าไหร่”
เยี่ยนเฟยฟังแล้วแปลกใจอยู่บ้าง ยื่นมือชั่งน้ำหนักถุงเงินตรงหน้าอกเล็กน้อย
“อาณาจักรจู่เยวี่ยวุ่นวายหลายแห่ง ร้านแลกเงินปิดกิจการ ตั๋วเงินใช้ได้แค่เฉพาะเมือง ตั๋วเงินบนตัวข้าส่วนใหญ่ไม่ใช่ของเมืองลู่ผิง เงินมีแค่ถุงเดียว ประมาณสามสิบตำลึง”
“หึๆๆๆ สามสิบตำลึงถือว่าพอแล้ว แน่นอนว่าเพียงพอ ที่นี่ตำลึงเงินมีค่านัก!”
เจ้าวัวยิ้มระรื่นพาดบ่าเยี่ยนเฟย ทั้งพาเดินไปอีกทางอย่างสนิทสนม
ถึงแม้เยี่ยนเฟยไม่รู้ว่าเจ้าวัวพาเขาไปไหน แต่หลายวันมานี้เขาค่อนข้างเชื่อใจหนิวป้าเทียนแล้ว สุดท้ายก็เป็นปีศาจวัว ไม่แน่ว่าอาจมีสถานที่ต้องไปอย่างเร่งด่วน เขาจึงไม่พูดอะไรมาก
คนหนึ่งวิชายุทธ์ไม่ธรรมดา คนหนึ่งเป็นปีศาจวัว แน่นอนว่าฝีเท้าไม่เชื่องช้า ผ่านไปราวหนึ่งเค่อกว่าก็มาถึงสถานที่คึกคักยามค่ำคืนแห่งหนึ่งกลางเมือง
“มาๆๆ ลูกค้ารีบเข้ามาเล่นสนุกกัน…”
“ตายแล้ว ลูกค้าท่านนี้ดูร่ำรวยนัก…”
“โธ่เอ๋ย ลูกค้ารีบเข้ามาสิเจ้าคะ ข้างนอกหนาวนะ…”
หญิงงามหยาดเยิ้มมากมายเรียกแขกอยู่ริมถนน ยังมีบางคนยื่นมือดึงแขกเข้าไป ‘คนผ่านทาง’ ที่แบ่งรับแบ่งสู้พวกนั้นอิดออดเล็กน้อยก่อนเดินเข้าหอสองฟากฝั่ง
เมื่อเห็นเยี่ยนเฟยกับหนิวป้าเทียน ยิ่งทำให้หญิงสาวมากมายดวงตาวาววาบ แม้เยี่ยนเฟยอายุมุ่งหน้าเข้าสู่เลขสี่แล้ว แต่ปีนั้นก็เป็นหนุ่มรูปงามมีชื่อเสียง ตอนนี้ยิ่งเปี่ยมประสบการณ์ส่วนหนึ่ง สำหรับหญิงสาวพวกนี้ถือว่าล่อใจอย่างยิ่ง
“ว้าย ลูกค้าพกกระบี่ท่านนั้นหล่อเหลานัก…”
“โธ่เอ๋ย ลูกค้าอย่ากลัวสิเจ้าคะ…”
“ลูกค้ารีบมาเร็ว ด้านในมีสุรามีอาหารมีพวกเราอยู่เป็นเพื่อน!”
เมื่อเห็นหญิงสาวสวมชุดบางเบาหลายคนกรูเข้ามาดึงรั้ง เยี่ยนเฟยรู้สึกกดดันมากทันที มองเจ้าวัวซึ่งยิ้มระรื่น
“พะ พี่หนิว สถานที่ดีซึ่งท่านกล่าวถึง…”
“ไม่ผิด ที่นี่แหละ! ไปๆๆ น้องเยี่ยนอย่าล่าช้าเสียเวลา เจ้าดูสิว่าหญิงสาวพวกนี้กระตือรือร้นแค่ไหน!”
เจ้าวัวเห็นเยี่ยนเฟยใกล้ถูกหญิงสาวพวกนี้กิน เขายิ้มอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น แต่พลันพบว่าหญิงสาวพวกนี้ไปดึงรั้งเยี่ยนเฟยกันหมด กลับกลายเป็นว่าไม่มีใครสนใจเขา ทำให้รู้สึกอ้างว้างขึ้นมาทันที
หลังจากนั้นครึ่งเค่อ เยี่ยนเฟยคว้ากระบี่กระหืดกระหอบมาปรับลมหายใจริมกำแพงตรงตรอกเล็กแห่งหนึ่ง เขาวิ่งหนีออกมา รู้สึกเหนื่อยยิ่งกว่าสู้กับปีศาจ ถุงเงินติดตัวอยู่กับหนิวป้าเทียน ไม่อย่างนั้นเจ้าวัวคงไม่ปล่อยเขามา
เมื่อกลับถึงโรงเตี๊ยมแล้วผ่านไปหนึ่งเค่อกว่า เยี่ยนเฟยที่กลับสู่สภาพปกติเดินผ่านห้องจี้หยวน ในใจอยากแจ้งผลเรื่องการพบตระกูลเว่ย แต่กลัวว่าท่านจี้ฝึกปราณอยู่ เขาจึงเดินวนเตรียมจากไป
แอ๊ด…
ประตูพลันเปิดออก จี้หยวนได้ยินเสียงฝีเท้าของเยี่ยนเฟยจากด้านในนานแล้ว
“จอมยุทธ์เยี่ยนมีธุระหรือ”
เยี่ยนเฟยรีบประสานมือ
“ไม่มีธุระสำคัญอะไร แค่อยากบอกท่านว่าข้าแจ้งตระกูลเว่ยแล้ว”
“อืม รบกวนแล้ว”
แต่ขณะกล่าวจี้หยวนได้กลิ่นเครื่องประทินโฉมมากมายจากตัวเยี่ยนเฟย ทั้งยังหลากกลิ่นปนเปแตกต่างกันออกไป ทว่าดูท่าทางเยี่ยนเฟยไม่เหมือนคนเพิ่งผ่านเรื่องอย่างว่า เขาจึงยิ้มกล่าวหยอกล้ออย่างหาได้ยาก
“เจ้าวัวเถื่อนนั่นลากไปหอนางโลมหรือ”
เยี่ยนเฟยทำหน้าร้อนรนทันที
“ท่านจี้ ข้าไม่ได้…”
จี้หยวนยกมือหยุดการอธิบายของเยี่ยนเฟย เขาแค่ยิ้มเล็กน้อย
“ข้าคนแซ่จี้ย่อมรู้ว่าเจ้าไม่ได้เข้าไปด้วยความเต็มใจ จอมยุทธ์เยี่ยนพักผ่อนเร็วหน่อยเถอะ”
แม้ว่าท่านจี้กล่าวเช่นนี้ แต่เยี่ยนเฟยยังรู้สึกอักอ่วนยิ่ง เมื่อกลับเข้าห้องแล้วยังยากจะรับ หากไม่ใช่ว่าสู้เจ้าวัวไม่ได้คงคิดซัดเขาสักตั้งจริงๆ