เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 319 เซียนแท้คัดตำรา
ตอนที่ 319 เซียนแท้คัดตำรา
ขอพูดจาไม่น่าฟังสักประโยค คนตระกูลเว่ยไม่ยินดีเท่าไหร่ กลับสงสัยว่าจี้หยวนหลอกพวกเขาหรือไม่อยู่บ้าง
หากหลอกกันจริง เว่ยเซวียนกับเว่ยหมิงไม่กล้ายืนยันว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเยี่ยนเฟยหรือไม่ ดังนั้นต่อให้สงสัยอยู่บ้าง พวกเขาก็ยังพูดอย่างประนีประนอม
“เอ่อ ท่านจี้ ท่านแน่ใจว่าตำราเขียนถึงชีวประวัตินามฝันท่องเมฆาหรือ ตระกูลเว่ยของข้าสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น ผู้อาวุโสต่างบอกว่าเป็นตำราลับวิชายุทธ์ร้ายกาจ ทั้งเป็นตำราสมบัติเลื่องชื่อของบรรพชนตระกูลเว่ย…”
จี้หยวนยิ้มเล็กน้อย มองเว่ยเซวียนพลางกล่าว
“ดูท่าว่าคนตระกูลท่านคงสื่อสารคลาดเคลื่อน ตำรานี้ไม่ใช่ตำราลับวิชายุทธ์ ผู้แต่งเองไม่ได้แซ่เว่ย แต่นามว่าจ้งผิงซิว คล้ายว่าเป็นผู้วิเศษต่างแดนคนหนึ่ง”
“หา? ไม่ได้แซ่เว่ย?”
ไม่ใช่แค่คนตระกูลเว่ยที่อยู่ด้านข้าง แม้แต่เยี่ยนเฟยกับหนิวป้าเทียนยังอึ้งงันครู่หนึ่ง
เว่ยเซวียนขมวดคิ้วมองจี้หยวน เกรงว่าต่อจากนี้คงพูดว่าตนบังเอิญรู้จักคนรุ่นหลังของจ้งผิงซิวกระมัง
“ทุกท่านอย่าร้อนรน แม้ว่าข้าคนแซ่จี้สนใจตำราสวรรค์ไร้อักษรเล่มนี้ของพวกท่าน แต่ยังไม่ถึงขั้นโกหกหลอกพวกท่าน หากตระกูลเว่ยอนุญาต ข้าคนแซ่จี้จะนั่งอ่านอยู่ในโถงแห่งนี้ครู่หนึ่ง”
ถึงอย่างไรก็เป็นแขกจากแดนไกล แม้ว่าในใจคนตระกูลเว่ยยังสงสัย แต่บนหน้ากลับไม่เผยความรู้สึก เว่ยเซวียนยิ้มกล่าวอย่างอาจหาญ
“ท่านอย่าพูดแบบนั้น หลายปีมานี้ไม่มีใครเห็นตัวอักษรบนตำรา วันนี้ทราบว่าท่านมองเห็น ตระกูลเว่ยของข้าถือว่าดีใจโดยไม่ทันตั้งตัว เชิญท่านใช้เวลาอ่านโดยละเอียด แต่ตระกูลเว่ยของข้ามีคำขอไร้เหตุผลอย่างหนึ่ง…”
เยี่ยนเฟยขมวดคิ้วมองคนตระกูลเว่ย โดยเฉพาะเว่ยเซวียนกับเว่ยหมิงพ่อลูกตระกูลเว่ย เห็นชัดว่าสองคนนี้ไม่ค่อยเชื่อท่านจี้ หนิวป้าเทียนแค่ยิ้มเย้ยหยันไม่ได้พูดอะไร แต่กลับสนใจฝันท่องเมฆามาก
ไม่รอเว่ยเซวียนเอ่ยคำที่เหลือ จี้หยวนเดาความคิดของเขาออกแล้ว แต่ถ้าเขาพูดออกมาคนตระกูลเว่ยอาจคลางแคลง เขาจึงอดทนรอ
“แค่หวังว่าหลังจากท่านอ่านจบ รบกวนบรรยายเนื้อหาตำราสวรรค์ให้พวกเราสักรอบ ทำให้พวกเรารู้ว่าตำราสวรรค์ประจำตระกูลเขียนว่าอย่างไร”
“อืม ไม่มีปัญหา แต่การบรรยายคงยากจะจำได้หมด ข้าเขียนให้พวกท่านเป็นอย่างไร”
“แน่นอนว่าย่อมดีที่สุด!”
ข้อเสนอนี้ของจี้หยวน คนตระกูลเว่ยย่อมน้อมรับ
“รีบไปหยิบพู่กันหมึกกระดาษจานฝนมาให้ท่าน…”
เว่ยเซวียนสั่งบ่าวเสร็จ เขาหันมากล่าวกับจี้หยวนอย่างนอบน้อม
“เชิญท่านนั่งอ่านช้าๆ หากวันนี้ท่านคัดลอกตำราสมบัติซึ่งบรรพชนตระกูลเว่ยเหลือไว้ได้ ตระกูลเว่ยของข้าย่อมซาบซึ้งอย่างยิ่ง!”
ปากเว่ยเซวียนกล่าวตามมารยาท แต่ความจริงนอบน้อมกี่ส่วนกลับมีเพียงเขาที่รู้ จี้หยวนบอกว่าผู้แต่งคือจ้งผิงซิวชัดๆ แต่เขายังบอกว่าเป็นสิ่งที่บรรพชนตระกูลเว่ยเหลือไว้ แค่ไม่ได้พูดว่าเป็นตำราของบรรพชนเท่านั้น
จี้หยวนไม่เอ่ยออกมาเช่นกัน พยักหน้าหยิบตำรานั่งลงตรงที่ของตนแล้วอ่านโดยละเอียด พวกเยี่ยนเฟยไม่มีอะไรจะกล่าวชั่วขณะ
ผ่านไปครู่หนึ่งบ่าวประจำตระกูลยกถาดมา บนนั้นเตรียมเครื่องเขียนพร้อมสรรพ กระดาษเซวียนจื่อยิ่งหนาเป็นปึก
จี้หยวนไม่แม้แต่จะเงยหน้า ยื่นมือเคาะบนโต๊ะน้ำชาดังตึกๆ ส่งสัญญาณบอกว่าวางเครื่องเขียนตรงนี้
เยี่ยนเฟยรับถาดจากบ่าวประจำตระกูลเว่ย ช่วยจัดวางเครื่องเขียนทับกระดาษเซวียนจื่อเรียบร้อย ทั้งฝนหมึกให้จี้หยวนด้วยตัวเอง ท่าทางนี้เหมือนปฏิบัติตัวต่อผู้อาวุโสคนสำคัญจริงๆ
จี้หยวนไม่แม้แต่จะเงยหน้า วางตำราบันทึกสวรรค์ในมือลงบนโต๊ะ อ่านพลางยื่นมือหยิบพู่กัน จุ่มหมึกบนจานฝนอย่างเป็นธรรมชาติยิ่ง จากนั้นค่อยเขียนอักษรบนกระดาษเซวียนจื่อซึ่งวางตัวทับเรียบร้อย
ตัวอักษรเล็กมาก แต่กลับเลิศล้ำยิ่ง ตัวอักษรเล็กแต่เหมือนขนาดใหญ่ เพียบพร้อมด้วยหลักการและจิตวิญญาณ เพียงแค่เขียนนำเรื่องสองสามตัวอักษร คนตระกูลเว่ยก็รู้ว่าจี้หยวนต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญการเขียนอักษรแน่
มีคำกล่าวว่าการอ่านอักษรเหมือนมองคน เขียนอักษรออกมาได้อัศจรรย์เช่นนี้ ทำให้ในใจคนตระกูลเว่ยยกฐานะของจี้หยวนขึ้นมาบ้างตามจิตใต้สำนึก
‘เหยียบสายลมเย็นฝ่าพยับเมฆ ก้าวผ่านพันภูผาหมื่นวารี มองเห็นกระแสธารนับร้อย ยอดเขาสูงตระหง่านรายรอบ แสงดาวข้างเคียงพร่างพราว เมื่อมองรอบทิศทิวทัศน์คล้ายคลึง…’
ยามจี้หยวนเขียนอักษรความสนใจของทุกคนเริ่มจดจ่อกับเนื้อหาตำราทีละน้อย นี่เป็นแค่ตัวอักษรอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ได้สอดแทรกนัยแท้จริงซึ่งแฝงอยู่ในตำราบันทึกสวรรค์ แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นความรู้สึกอิสระเสรีกลับก่อเกิดในใจทุกคน
‘แหงนมองธารดาราอัศจรรย์ สำรวจขุมนรกโลกาสวรรค์ นี่คือระดับควบจิตท่องเหินของผู้ฝึกเซียนอย่างพวกเรา…’
จี้หยวนเขียนต่อไป ผู้สังเกตการณ์เริ่มรู้ว่าตัวเอกของเนื้อหาน่าจะเป็นเซียนทีละน้อย
แน่นอนว่าเยี่ยนเฟยกับหนิวป้าเทียนไม่ผิดคาดสักนิด ถึงอย่างไรแต่เดิมตำราสวรรค์ไร้อักษรเล่มนี้ก็ไม่ใช่ตำราทั่วไป ทว่าคนตระกูลเว่ยกลับมองหน้ากันไปมา แต่ไม่นานก็จดจ่อกับกระดาษอีกครั้ง
จี้หยวนไม่สนใจความคิดของคนอื่นแม้แต่น้อย เดิมยังคิดว่าฝันท่องเมฆาเป็นแค่บันทึกการเดินทางของคนธรรมดา แม้ว่าเป็นตำราของผู้ฝึกเซียน แต่นอกจากความสมจริงแล้ว แก่นเรื่องไม่มีอะไรต่างกับชีวประวัติทั่วไป
แต่ตอนนี้เมื่อเปิดอ่าน จิตใจจี้หยวนเหมือนคล้อยตามบันทึกตำราสวรรค์ ท่องเหินอยู่กลางฟ้าดิน ความอิสระเสรีคล้ายเกิดจากการชักนำของตำรา มีพลังอัศจรรย์ทำให้จิตใจเขาลอยล่อง
เขารู้สึกว่าเขตแดนในกายวิวัฒน์เป็นทิวทัศน์งามตามฝันท่องเมฆาโดยไม่รู้ตัว เคลื่อนสายลมเย็นเหยียบเมฆขาว ล่องลอยดั่งฝันอยู่กลางฟ้าดิน
เวลานี้ร่างกายกับจิตรับรู้เหมือนแบ่งเป็นสองภาค ภาคหนึ่งอ่านตำราจรดพู่กัน ภาคหนึ่งถอดจิตท่องเขตแดนดั่งฝันมายาอย่างหลงลืมตัว
“นะ น้องเยี่ยน เจ้าลองมองโดยรอบสิ…”
หนิวป้าเทียนพลันสะกิดแขนเยี่ยนเฟย กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ ทำให้ฝ่ายหลังเคลื่อนสายตาจากกระดาษมองโดยรอบ ร่างกายเขาพลันแข็งทื่อ
คนตระกูลเว่ยได้ยินคำพูดของหนิวป้าเทียนเช่นกัน เมื่อเงยหน้ามองโดยรอบ ครู่ต่อมาทุกคนต่างอ้าปากค้างพูดไม่ออก
เห็นชัดว่ายังอยู่ในห้องรับแขกของโถงกลาง แต่ในความรางเลือนเหมือนมีหมอกพร่ามัวชั้นหนึ่ง
เมื่อมองผ่านหมอกก็เห็นว่าโดยรอบกลายเป็นฟ้าดินกว้างใหญ่แห่งหนึ่งแล้ว ที่นี่ไม่มีกำแพงหรือราวสลัก ด้านบนยิ่งไร้กระเบื้องปกคลุม มองเห็นทิวทัศน์ฟ้าดินอย่างชัดเจน
โครม ครืน…
ท่ามกลางความเลือนรางได้ยินเสียงฟ้าคำรามตรงขอบฟ้า แม้แต่เยี่ยนเฟยกับหนิวป้าเทียนยังยกมือค้อมตัวอย่างเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนตระกูลเว่ย
ซ่าๆๆ…
ชีพกระแสทะเลคราม กลางเกลียวคลื่นละอองน้ำสาดกระเซ็น
ทุกคนเหมือนล่องเรือลำน้อย ทัศนียภาพโดยรอบขับเคลื่อนรวดเร็ว เวลาโดยรอบปรวนแปรเกินคาดเดา มีหิมะตกหนักไร้ขอบเขต ใบไม้เขียวบุปผาแดง หมู่ดาวส่องประกาย ฟ้าแลบฟ้าคำราม
‘เฮ้อ ลุกมองโดยรอบยินดีเก้อ แค่พักผ่อนหลับฝันเท่านั้น!’
เมื่อจี้หยวนจรดพู่กันสุดท้าย ลักษณ์ประหลาดโดยรอบหายไปชั่วพริบตา เขาได้สติกลับมาพร้อมพวกเยี่ยนเฟย
“ตำราดี ตำราดี! แม้ว่าตำราเล่มนี้ไม่ใช่วิชาเซียนอัศจรรย์ แต่กลับไม่เสียชื่อตำราสมบัติ! ตำราบันทึกสวรรค์ซึ่งข้าคนแซ่จี้เคยอ่านมาทั้งชีวิต ตำราเล่มนี้ถือเป็นที่สุด!”
ความรู้สึกตอนนี้ของจี้หยวนทั้งตื่นเต้นและทอดถอนใจอย่างยิ่ง เขาลุกขึ้นยืนอย่างอดไม่ได้ เดินไปเดินมาสองสามก้าว สายตามองตำราฝันท่องเมฆาเล่มนี้เป็นพักๆ
จี้หยวนกล่าวชมอย่างอดไม่ได้ แน่นอนว่าทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน เยี่ยนเฟยกับหนิวป้าเทียนตกตะลึงกับคำวิจารณ์เช่นนี้ของจี้หยวน โดยเฉพาะฝ่ายหลัง
เจ้าวัวรู้ดีว่าท่านจี้เป็นบุคคลระดับใด นั่นเป็นถึงบุคคลซึ่งมังกรแท้ยอมร่ำสุราเคล้าบทสนทนา ผู้ฝึกเซียนสูงส่งซึ่งชี้แนะสรรพชีวิตทั่วหล้า
ตำราบันทึกสวรรค์ซึ่งได้รับคำวิจารณ์เช่นนี้จากจี้หยวนจะเยี่ยมยอดระดับใด
ตอนนี้จี้หยวนอารมณ์ดีมาก ความอิสระเสรีของฝันท่องเมฆาเล่มนี้ คล้ายท่องอิสระจริงๆ แต่ท่องอิสระที่จี้หยวนเอ่ยถึง ต้องใช้วิชาแห่งตนเผยหลักการภายใน แต่ตำราบันทึกสวรรค์เล่มนี้ทำให้จี้หยวนสัมผัสจิตวิญญาณและเจตจำนงของผู้แต่งอย่างแท้จริง ได้รับผลกระทบจากสภาวะจิตและการหยั่งรู้อย่างมาก
‘ผู้แต่งตำราเล่มนี้ อย่างน้อยต้องเป็นผู้สูงส่งเซียนแท้!’
ตอนนี้จี้หยวนมั่นใจมาก จ้งผิงซิวคนนี้ต้องเป็นผู้สูงส่งระดับเซียนแท้แน่ ไม่แน่ว่าอาจสูงส่งกว่านั้น มิฉะนั้นคงไม่มีทางเขียนตำราแกนจิตเช่นนี้ได้
เสียงอสนีแผ่วเบาดังขึ้น ไม่ได้มาจากนอกห้อง แต่มาจากในตัวจี้หยวน
โครม ครืน… โครม ครืน…
ยามทุกคนตกตะลึง จี้หยวนสะบัดมือนาบตัวเบาๆ ข่มเสียงอสนีบาตชั่วคราว เขาไม่สนใจเสียงอสนีครานี้มากนัก หากแต่หันกลับมามองคนตระกูลเว่ย
“ตำราฝันท่องเมฆาเล่มนี้ฝากไว้กับข้าคนแซ่จี้ได้หรือไม่ ข้าคนแซ่จี้ขอยืมอ่านช่วงหนึ่ง ตอนส่งคืนย่อมตอบแทนเต็มที่!”
“เรื่องนี้…”
คนตระกูลเว่ยลังเลอยู่บ้าง เห็นชัดว่าตำราตกทอดจากบรรพชนเล่มนี้อัศจรรย์อย่างยิ่ง เมื่อครู่ยามท่านจี้คนนี้อ่านตำรา ถึงกับมีลักษณ์ประหลาดลอยออกมาจากตำรา คิดว่าเป็นตำราเซียนเล่มหนึ่งแน่นอน ถ้าปล่อยให้คนอื่นยืมตำราเล่มนี้ ตระกูลเว่ยจะวางใจได้อย่างไร
แม้ว่าท่านจี้เห็นตัวอักษรในตำราได้ย่อมถือว่าไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน แต่คนเหนือธรรมดาก็สนใจตำราเล่มนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือ!
“ท่านจี้ นี่คือยอดสมบัติตกทอดของตระกูลเว่ย แม้ว่าที่ผ่านมาเคยเชิญสหายบนยุทธภพมาร่วมพิจารณาอย่างใจกว้าง แต่ไม่เคยให้ยืมออกไป คนนอกเองไม่เคยมีข้อเรียกร้องเช่นนี้ ท่านช่วยตระกูลเว่ยของข้าคัดลอกอักษรภายในตำราออกมา แน่นอนว่าทำให้พวกเราซาบซึ้งอย่างยิ่ง แต่ท่านอย่าทำให้พวกเราวางตัวลำบากเลย…”
แม้ว่าเมื่อครู่จี้หยวนดื่มด่ำกับตำรา แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่รู้ว่าภายนอกเกิดอะไรขึ้น เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วตระกูลเว่ยยังคงไม่เชื่อเขา แต่สุดท้ายตำรานี้ก็เป็นของพวกเขา เมื่อถูกปฏิเสธโดยไม่ลังเล ความยินดีเมื่อครู่เจือจางลงส่วนหนึ่ง
แม้ว่าสีหน้าจี้หยวนเคร่งขรึม แต่กลับไม่กล่าวอะไร แค่มองคนตระกูลเว่ยครู่หนึ่ง
“ก็ถูก ในเมื่อเป็นสิ่งตกทอดของตระกูลเว่ย เช่นนั้นข้าคนแซ่จี้ไม่รบกวนแล้ว”
ยามเสียงยังไม่สิ้นสุด ใต้ฝ่าเท้าจี้หยวนเกิดเมฆหมอก สายลมเย็นระลอกหนึ่งม้วนพัด เหยียบเมฆลอยไปชั่วพริบตา
เขาอยากยืมฝันท่องเมฆามาอ่านอีกหลายรอบจริงๆ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการถอดจิตครั้งแรก การอ่านเพิ่มเติมแน่นอนว่าเป็นเรื่องดี แต่เมื่อไม่มีโอกาสก็ช่างเถอะ
เวลานี้หนิวป้าเทียนกับเยี่ยนเฟยเพิ่งได้สติกลับมา รีบตามออกนอกประตูตะโกนไปบนฟ้า
“ท่านจี้… ท่านจะไปไหน”
“จิตตระหนักรู้ หาสถานที่ค้นปริศนา พวกเราร่วมทางกันแต่เพียงเท่านี้ มีวาสนาค่อยพบกันใหม่!”
เสียงของจี้หยวนดังมา เงาร่างเหยียบเมฆหายไปจากขอบฟ้า ในใจหนิวป้าเทียนอยากตามไป แต่ได้ยินคำพูดนี้ของจี้หยวนแล้วชะงักฝีเท้า ได้แค่มองคนตระกูลเว่ยอย่างเคียดแค้น
“ฮึ่ม…!”