เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 341 เทศกาลเก็บเกี่ยวของพรานบนเขาโคเทพ
ตอนที่ 341 เทศกาลเก็บเกี่ยวของพรานบนเขาโคเทพ
จี้หยวนไม่ได้รีบร้อนกลับไป เพียงมองดูบนผิวน้ำของเกาะหินมังกร เกาะนี้ไม่นับว่าเล็กเกินไป มีพืชพันธุ์อุดมสมบูรณ์ แต่มีรอยไหม้จากฟ้าผ่าอยู่หลายแห่ง แน่นอนว่าตอนนี้บนเกาะมีแดดจัดแล้ว
มองอยู่นานก็มองไม่ออกว่าเหตุใดเกาะนี้มีชื่อว่าเกาะหินมังกร อาจะเป็นเพียงชื่อที่ตั้งขึ้นเฉยๆ จี้หยวนจึงดีดนิ้วติดต่อกันหลายครั้งไปยังด้านหนึ่งของชายหาด
บนต้นมะพร้าวทางนั้นมีลูกมะพร้าวสีเขียวร่วงลงมา อีกทั้งกลิ้งหลุนๆ มาถึงเท้าของจี้หยวน น้ำทะเลทางทะเลอุดรเย็นกว่าทะเลบูรพาอยู่บ้างอย่างชัดเจน คิดไม่ถึงเลยว่าบนเกาะจะมีมะพร้าวด้วย คุณภาพไม่เลวทีเดียว เขาไม่เคยเห็นที่ต้าเจินหรือที่อาณาจักรจู่เยวี่ยเลย
ผิวน้ำทะเลข้างหลังเกิดละอองน้ำกลุ่มหนึ่งอีกครั้ง ธิดามังกรถูกรองด้วยกระแสน้ำโผล่ออกมา
“ท่านอาจี้ ที่แท้ท่านเก็บมะพร้าวอยู่บนเกาะนี่เอง เรื่องนี้ให้ข้ารับใช้มาทำก็ได้”
จี้หยวนไม่พูดความจริง เพียงเก็บมะพร้าวประมาณยี่สิบลูกแล้วถึงหามพวกมันลงน้ำอีกครั้ง แถมยังถามเรื่องอื่นอีกต่างหาก
“มาเดินเล่นเท่านั้น เห็นว่ามีมะพร้าวเลยอยากเก็บขึ้นมา เป็นอย่างไร มารดาเจ้ายอมกลับแม่น้ำเทียมฟ้าแล้วหรือยัง”
นี่เป็นเป้าหมายที่ก่อนหน้านี้ธิดามังกรอยากทำให้สำเร็จ จี้หยวนเชื่อว่าเมื่อครู่นี้ธิดามังกรต้องพูดถึงแล้วแน่นอน
ธิดามังกรส่ายหน้า
“ให้ตายอย่างไรท่านแม่ก็ไม่ยอมไปแม่น้ำเทียมฟ้า”
พูดถึงตรงนี้แล้วธิดามังกรกลับยิ้มออกมา
“แต่ข้าโน้มน้าวให้นางไปทะเลบูรพาได้แล้ว ถึงตอนนั้นข้าเรียกท่านพี่มาเพื่อหาสถานที่เหมาะสมสำหรับบ้านชั่วคราวให้ท่านแม่ ทำเช่นนี้แล้วน่าจะสะดวกขึ้นมาหน่อย”
“เช่นนั้นก็ดี อย่างไรเสียที่นี่ก็ไกลเกินไปหน่อย”
ถึงจี้หยวนพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็คิดเช่นกันว่าเจ้าแม่ไม่ใช่สตรีอ่อนหวาน เพียงแค่รอยฟ้าผ่าบนเกาะหินมังกรแห่งนี้ก็ดูออกแล้ว
เมื่อถึงจวนบาดาลเกาะหินมังกรแล้ว จี้หยวนไม่คิดนำมะพร้าวยี่สิบลูกนั้นออกมา เก็บเข้าแขนเสื้อโดยตรง ธิดามังกรย่อมไม่มีทางพูดความจริง เพียงพูดว่าท่านอาจี้ไปเดินเล่นเท่านั้น
งานเลี้ยงฉลองของเกาะหินมังกรสนุกสนานมาก มีเรื่องหนึ่งที่จี้หยวนไม่ค่อยชิน ก็คืออาหารทั้งหมดเป็นของดิบ จำพวกปลาสดกุ้งสด หั่นเป็นชิ้นสวยลงจานก่อนยกมาให้
ชาติก่อนจี้หยวนไม่ค่อยชอบกินของพรรค์นี้ ชาตินี้ก็ไม่เคยกินมาก่อนเลย เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากลองชิมตามมารยาทแล้ว เขาพบว่ารสชาติของมันไม่เลวเลย
…
ฝั่งเขาโคเทพที่รัฐจีแห่งต้าเจิน ถึงเวลาที่หมู่บ้านซึ่งตั้งอยู่ริมเขาเริ่มเคลื่อนไหว
ชายหนุ่มร่างใหญ่สวมชุดฤดูใบไม้ผลิหนา กินข้าวเช้าร้อนๆ เรียบร้อยแล้วก็หยิบคันศร ลูกธนู รวมถึงหอกก่อนจะออกจากบ้านไป
เขามองควันไฟที่หน้าและท้ายหมู่บ้าน ปักหอกยาวลงบนดิน สองมือป้องข้างปากตะโกนเสียงดัง
“กลุ่มขึ้นเขาวันนี้ เตรียมตัวออกเดินทาง…”
เสียงดังสะท้อนในหมู่บ้านครู่หนึ่งแล้ว ชายหนุ่มถึงค่อยตะโกนอีกครั้งหนึ่ง
ไม่นานนักคนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านก็ออกมาจากบ้านของตนเอง ทั้งหมดหากไม่ถือคันธนูก็มีกระบองยาวหรือสามง่าม พกเชือกไปด้วยก็ไม่น้อยเลย
บุรุษทั้งหมดสิบกว่าคนทยอยออกไป มีทั้งสูงและเตี้ย มีทั้งแข็งแรงและผอมบาง
คนเหล่านี้เดินถึงกำแพงหมู่บ้านแล้ว คนในบ้านล้วนออกมาส่ง ทุกคนบอกลากันและกัน
“วางใจเถอะ ช่วงนี้โชคดีไม่หยอก อีกทั้งอากาศเย็นปานนี้ พวกข้าไม่ได้เข้าป่าลึก เพียงวางกับดักไว้รอบนอกเท่านั้น”
“สามีรีบกลับมาหน่อยนะ ข้าจะทำอาหารเย็นไว้รอ!”
“ลูก อากาศเย็นทางภูเขาเดินยาก ได้อะไรกลับมาหรือไม่ไม่สำคัญ เนื้อเหล่านั้นจากตอนก่อนเข้าฤดูหนาวปีที่แล้วยังกินไม่หมดเลย!”
“เฮ้อ รู้แล้วๆ!”
“กลับไปกันเถอะ ข้างนอกหนาวนัก!”
คนหลุ่มหนึ่งเดินไปหลายก้าวแล้วหันกลับไปตะโกนเสียงหนึ่ง เมื่อเริ่มขึ้นเขาแล้ว ความเร็วของพวกเขากลับเพิ่มมากขึ้น
ชายหนุ่มผู้นำกลุ่มถูมือ หยิบหอกยาวข้างหลังมาใช้ต่างไม้เท้า
“ไป ไปดูกับดักก่อน!”
ทุกคนต่างก็เติบใหญ่ในภูเขาไม่ต่างกับลิงค่าง แม้ตอนนี้อากาศหนาวสวมเสื้อผ้าหนา แต่สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อพรานกลุ่มนี้ไม่มากเท่าไหร่ ฝีเท้ายังคงหนักแน่น หากมีจอมยุทธ์มาเยือนที่นี่ แต่วิชายุทธ์ไม่ถึงขั้นก็อาจเทียบกับพรานเหล่านี้ไม่ได้
เดินขึ้นเขาได้อีกหนึ่งชั่วยามกว่าก็ถึงกับดักแรกที่วางเอาไว้แล้ว ผู้นำกลุ่มเดินไปประมาณสิบก้าว เมื่อมองผ่านช่องว่างระหว่างต้นไม้ เขาเห็นว่าลายพรางเหนือกับดักพังทลายลงมา มุมปากเกิดเป็นรอยยิ้มอย่างอดไม่ได้
“แปดส่วนต้องมีบางอย่างเข้าไปแล้ว!”
ไม่นานนักพวกเขาก็ล้อมกับดักนั้นเอาไว้
“โอ้โห หมูป่า!”
“ไม่เลวๆ เนื้อเยอะ ข้าชอบ!”
“จิ๊ๆ หนังของมันขายไม่ได้เงินเท่าไหร่…”
“มีเนื้อกินก็ไม่เลวแล้ว”
หมูป่าตัวนี้ในหลุมเห็นคนแล้ววิ่งพล่านไปมา กลุ่มนายพรานเบิกบานใจนัก
“อย่าเพิ่งสนใจมัน ไปดูกับดักอื่น!”
เมื่อผู้นำกลุ่มโบกมือ ทุกคนก็ออกเดินทางอีกครั้ง ตรวจสอบกับดักทุกกับดัก พวกเขาวางกับดักไว้ทั้งหมดสิบกับดักในสถานที่ที่แตกต่างกัน บางกับดักเป็นหลุม บางกับดักเป็นตาข่าย เก้ากับดักแรกมีห้ากับดักที่ได้ผล แค่เท่านี้ก็ถือว่าได้เรื่องมากแล้ว
“โฮก…”
เสียงคำรามแต่ไกลทำให้ทั้งกลุ่มสงบเงียบในทันใด แต่ไม่มีใครแตกตื่น ทุกคนล้วนหมอบตัวลงโดยพลัน
ชายผู้นำกลุ่มกดมือทั้งข้างซ้ายและขวาลง คนข้างหลักหยิบคันศรออกมาขึ้นลูกธนู คนที่ถนัดใช้หอกก็เตรียมตัวแล้ว อีกทั้งมีคนหยิบสิ่งของที่คล้ายกับเชือกออกมาจากข้างหลัง เมื่อกางออกกลับเป็นตาข่ายขนาดใหญ่
“กับดักสุดท้ายคืออะไร ตาข่ายหรือว่าหลุมดิน”
“หลุมดิน”
ชายผู้นำกลุ่มพยักหน้า เพียงโบกมือและแตะพื้นนายพรานทุกคนก็เข้าใจ คลานไปข้างหน้าโดยไม่ส่งเสียงเลยสักนิด
ทุกคนเป็นนายพรานที่มีประสบการณ์ ทิศทางลมจากภูเขาในตอนนี้ส่งผลดีกับพวกเขา ขอเพียงเสียงไม่ดังมากก็มีโอกาสมาก
ฟังจากเสียงเหมือนเป็นสัตว์ใหญ่ แม้อันตรายมากหน่อย แต่พวกเขาไม่ได้รู้สึกกลัวมากเท่าไหร่นัก ขนหรือหนังของสัตว์ใหญ่ก็มีค่ามากด้วย
เมื่ออยู่ห่างจากหลุมดินหลายสิบก้าว มองผ่านต้นไม้ใหญ่ไปทางนั้น พบว่าเสียงดังมาจากทางนั้นจริงๆ และมีเสียงกัดเนื้อและเคี้ยวกระดูกด้วยเช่นกัน
ชายผู้นำกลุ่มตัดสินใจสั่งคนแปดเก้าคน นอกจากคนเกือบครึ่งที่ง้างคันธนูอยู่ที่เดิมรอเป็นกำลังเสริม จากนั้นโบกมืออย่างแรง
ทันใดนั้นคนที่ได้รับคำสั่งทั้งหมดพุ่งไปยังกับดัก ปากยิ่งตะโกนร้องขู่ให้สัตว์ใหญ่หวาดกลัว
“อ๊าก!”
“มาสิวะ!”
“บุก!”
…
“โฮก แฮ่…”
เสียงคำรามเพราะกระวนกระวายดังมาจากในกับดัก เหมือนกับลังเลครู่หนึ่งแล้ว เงาลายพร้อยสายหนึ่งก็กระโจนออกมาจากกับดัก ทว่าเจอเข้ากับตาข่ายขนาดใหญ่ที่คลุมลงมา
“โฮก…”
“ฮ่าๆๆๆ…เสือดาวตัวใหญ่!”
“หนังของมันขายได้เงินดีทีเดียว ฮ่าๆๆ…”
“ไม่เลวๆ หนังเสือดาวถือเป็นของดีหายาก เข้าเมืองไปซื้อผ้าลายดอกให้ภรรยาได้แล้ว!”
เทียบกับเสือดาวที่ว้าวุ่นทำอะไรไม่ถูก เหล่านายพรานฮึกเหิมเป็นอย่างยิ่ง
“ตั้งแต่ฤดูหนาวปีก่อน สัตว์ป่ารอบนอกภูเขาเพิ่มขึ้นมา แต่ก็จับง่ายเป็นพิเศษเหมือนกัน”
“นี่ นั่นไม่ใช่เรื่องดีหรอกหรือ!”
ผู้นำกลุ่มมองไปทางป่าลึกของเขาโคเทพ
“เป็นเรื่องดีจริงๆ แต่ข้ารู้สึกเสมอว่าสัตว์บางตัวที่อยู่ในป่าลึกของเขาโคเทพหนีออกมากันหมดแล้ว”
“เอ๋? หรือว่าข้างในนั้นไม่มีอะไรกินแล้ว”
ชายผู้นำกลุ่มส่ายหน้า
“นั่นก็ไม่แน่ เขาโคเทพใหญ่ปานนี้ อาจเป็นเฉพาะตรงพื้นที่นี้ของพวกเรา แต่อย่างไรเสียก็นับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเราแล้ว”
พูดจบแล้วชายหนุ่มไปจัดการเสือดาวด้วยคน ตาข่ายที่กักเสือดาวไว้ถูกม้วนเป็นก้อน หลังจากจับแขนขาของเสือดาวผ่านตาข่ายแล้วมัดให้แน่น เสือดาวก็จะถูกรัดคอตายด้วยเชือก นอกเสียจากมีคนจ่ายเงินให้ ไม่เช่นนั้นสัตว์ร้ายพรรค์นี้จะไม่ออกจากป่าโดยที่ยังมีชีวิตอยู่
เหยื่อในกับดักถูกเสือดาวกัดตายและกัดผ่านผิวหนังแล้ว ทว่านายพรานก็ไม่ปล่อยไว้ให้เปล่าประโยชน์ เสือดาวเพียงกินเครื่องใน เนื้อส่วนใหญ่ยังคงอยู่ ย่อมต้องนำไปด้วยเช่นกัน
ตอนนี้ท้องฟ้าพลันมืดลงแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งเที่ยงวัน ไม่ใช่เวลาฟ้ามืดโดยสิ้นเชิง เพียงเมฆฝนก่อตัวแล้ว
ครืน…
เสียงฟ้าร้องและสีท้องฟ้าเปลี่ยนแปลงทำให้เหล่านายพรานตกใจ
“แย่แล้ว ฟ้าเปลี่ยนสี รีบพาเหยื่อกลับไปเถอะ”
“ไปๆๆ เอาของไปด้วยให้หมด ทำให้กับดักอยู่ในสภาพเดิม”
คนกลุ่มหนึ่งนับว่าเรี่ยวแรงเต็มเปี่ยม เร่งเดินทางด้วยฝีเท้าว่องไว้ ทว่าสิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือเหตุการณ์นี้ในพื้นที่มากมายริมเขาโคเทพที่กว้างใหญ่ล้วนเป็นการแสดง
ท้องฟ้าเหนือเขาโคเทพปกคลุมด้วยเมฆดำอีกครั้ง สายฟ้าแลบเต้นเร่าท่ามกลางชั้นเมฆราวกับเมฆตะกั่ว
ครืน…
เปรี้ยง…ครืน
สายฟ้าส่องสว่างไปยังส่วนลึกของเขาโคเทพ
เสือไร้ขนตัวใหญ่เท่าต้นอูถงยื่นครึ่งตัวออกจากถ้ำ ใบหน้าที่ลวดลายซับซ้อนยิ่งขึ้นถูกสายฟ้าซัดสาดจนสว่างจ้า แต่มันกลับไม่ได้กลัวสายฟ้า ถึงขนาดจ้องเขม็งมองเมฆฝนบนท้องฟ้าด้วยซ้ำไป
“อาจารย์เคยถามโดยไม่ได้ตั้งใจพร้อมรอยยิ้ม ว่าผู้รับผิดชอบสายฟ้าเป็นใคร ไม่ใช่สวรรค์หรอกหรือ”
เจ้าภูเขาลู่ค่อยๆ ก้าวออกจากถ้ำ ฝีเท้าเหมือนกับไม่เร็ว ทว่าร่นระยะทางได้ไม่น้อย ไม่นานก็มาถึงยังหน้าผาแล้ว มันเงยหน้ามองเมฆดำกดอันบนท้องฟ้านั่น
ครืน…
“โฮก…”
เสียงเสือคำรามดังยิ่งกว่าฟ้าร้อง ตามด้วยเสียงขู่อย่างบ้าคลั่งดังไปทั่วทั้งสี่ทิศ
ทว่าสัตว์บนภูเขาทางนี้หนีจนหนีไปที่ไหนไม่ได้แล้ว ล้วนย้ายไปอยู่พื้นที่รอบนอกทั้งหมด
“เจ้าภูเขา ท่านจะแปลงกายหรือไม่”
เสียงแผ่วเบาดังจากข้างหน้าผา เจ้าภูเขาลู่มองไป ศีรษะของจิ้งจอกแดงยื่นออกมาแล้ว
“ฮ่าๆ เมฆบนนั้นกล้าผ่าสายฟ้ามาที่ข้าเสียเมื่อไหร่ ข้าว่าเจ้าห่างข้าไปไกลหน่อยดีกว่า หรือไปหลบที่ถ้ำของข้าชั่วคราวก็ได้ หลายปีมานี้แม้เจ้าเติบใหญ่ไม่น้อย แต่ด้วยมรรควิถีของเจ้าหากถูกสายฟ้าระดับนี้ผ่าเข้า ไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บหนักแน่”
บาดเจ็บหนัก? หูอวิ๋นเงยหน้ามองท้องฟ้า รู้สึกว่าเจ้าผู้เขาลู่ประเมินตนสูงเกินไปแล้ว
“เช่นนั้นข้าจะไปก่อน ท่านระวังตัวด้วย!”
พูดทิ้งท้ายจบแล้วหูอวิ๋นพลันซอยเท้าวิ่ง ไม่ได้มุ่งหน้าไปยังถ้ำที่เต็มไปด้วยความรู้สึกกดดันนั้นของเจ้าภูเขาลู่ ทว่าวิ่งออกไปจากเขาโคเทพ