เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 343 ถามสวรรค์แทนอาจารย์
ตอนที่ 343 ถามสวรรค์แทนอาจารย์
กึกๆๆๆๆๆ…
เสียงฟ้าร้องทำให้ชามลายดอกที่ใส่ขาหมูบนโต๊ะสั่นไหว ผ่านไปนานทีเดียวภายในเรือนที่สงบเงียบถึงมีเสียงดังขึ้น ทว่าตอนนี้กลับไม่มีใครกล้าพูดเรื่องปีศาจอีก
โบราณว่าไว้กลางวันไม่พูดเรื่องคน กลางคืนไม่พูดเรื่องผี ตอนนี้ในบ้านอดีตหัวหน้าหมู่บ้านก็มีข้อห้ามที่คล้ายกัน
เขาโคเทพยาวไกลกว่าสองร้อยลี้ ข้ามไปถึงชายขอบจังหวัดเต๋อเซิ่ง ข้ามไปถึงจังหวัดติ้งหยวน และเฉียดจังหวัดเทียนเยวี่ย เมื่อปริมาณเมฆฝนฟ้าคะนองในภูเขาลึกเพิ่มมากขึ้น สิ่งมีชีวิตพิเศษบางตัวมักจะมองไปยังทิศทางของเขาโคเทพ
อำเภอหนิงอัน อำเภอเป่าซุ่นของจังหวัดเต๋อเซิ่ง อำเภอเฉิงเจ๋อ อำเภอไฉ่หมิง และอำเภออื่นๆ ของจังหวัดติ้งหยวน อำเภอต้าคังของจังหวัดเทียนเยวี่ย อำเภอใหญ่ที่ค่อนข้างใกล้กับเขาโคเทพ ในศาลหลักเมืองของอำเภอปรากฏร่างทอง เทพหลักเมืองของแต่ละอำเภอล้วนอยู่ข้างนอกศาล มองไปยังเมฆฝนรุนแรงลึกเข้าไปในเขาโคเทพ
ในบรรดาอำเภอเหล่านั้น อำเภอหนิงอันอยู่ใกล้ใจกลางเมฆฝนที่สุด
ครืน…
ฟ้าดินสว่างจ้า สายฟ้าที่ทรงพลังผิดปกติสายหนึ่งผ่าลงมาจากกลางเมฆฝนอีกครั้ง ตกลงสู่กลางเขาโคเทพราวกับคมกระบี่
เหนือศาลหลักเมืองอำเภอหนิงอัน เทพหลักเมืองซ่งซื่อชางยืนหน้าเคร่งอยู่เหนือศาล มองเขาโคเทพด้วยสีหน้าจริงจังไม่พูดจา
“ใต้เท้าหลักเมือง สายฟ้านี้ไม่เหมือนผ่าจากพายุฝนธรรมดา ไม่แน่ว่าเป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ หรือกลางเขาโคเทพเกิดของล้ำค่าอะไร ถึงได้เกิดเรื่องแปลกพิสดารเช่นนี้! จะมีมารร้ายน่ากลัวใกล้ได้มรรคก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้!”
เจ้ากรมหยินหยางกล่าวกับเทพหลักเมืองชราด้วยความกังวลใจอยู่ข้างๆ
“ใช่ เมฆฝนฟ้าคะนองนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ เหมือนกับเป็นเมฆเคราะห์เช่นกัน แต่อำนาจสวรรค์เป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากในสถานการณ์แบบนี้!”
ตอนนี้ไกลออกไปปรากฏงูสายฟ้า มีเสียงฟ้าร้องทั้งดังและเบาสลับกัน ฟ้าร้องในบางครั้งเพิ่มความกดดันให้เทพผีอย่างพวกเขาเป็นเท่าทวี
เทพหลักเมืองชรามองไปทางใจกลางอำเภอตามสัญชาตญาณ เวลากลางคืนในเมืองทัศนวิสัยต่ำมากเนื่องจากมีเมฆและฝนตกหนัก แต่ในมุมหนึ่งของเมืองยังคงมีแสงสว่างวาบเล็กน้อย
ทางนั้นก็คือเรือนสันติ
“แต่ไม่ต้องกังวลจนเกินไป อำเภอหนิงอันมีคุณชายผู้นั้นอาศัยอยู่ เขาไปเขาโคเทพหลายครั้ง หากกลางเขามีสิ่งชั่วร้ายอะไรฝึกปราณได้ผล นั่นจะรอดตาทิพย์ของคนผู้นั้นไปได้อย่างไร”
ผู้พิพากษาที่อยู่อีกด้านหนึ่งลูบเครากล่าว
“ไม่แน่ว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับคนผู้นั้นก็เป็นได้!”
“หรือว่าจะเป็นจิ้งจอกแดงตัวนั้น ไม่ใช่กระมัง มรรควิถีของจิ้งจอกตัวนั้นยังอ่อนด้อยอยู่เลย”
“เราจะวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของสิ่งมีชีวิตดังกล่าวโดยพลการได้อย่างไร แม้ว่าบุคคลนั้นจะสงบเงียบ แต่ทุกคนก็ต้องระวังคำพูดด้วย!”
“อืม อย่าวิจารณ์ส่งเดช”
…
ขณะนี้ใต้เขาหินมังกรทางตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลอุดร จี้หยวนนอนตะแคงพักผ่อนอยู่ในเรือนพักแขก สองตาปิดลง เปลือกตาขยับไหวต่อเนื่อง เมื่อสำรวมความคิดและจิตใจ ภูผาธาราในกายก็ปรากฏสภาวะเป็นละอองหมอก
จี้หยวนเหมือนกับฝัน ทว่าไม่ได้ฝัน นี่เป็นสภาวะพิเศษที่ก่อนหน้านี้เคยเกิดขึ้นอยู่หลายครั้ง ทันใดนั้นกลางเขาโคเทพทางตะวันตกของรัฐจีเกิดความเข้าใจในจิตวิญญาณอย่างถ่องแท้
สายตาเขาเหมือนกับมองทะลุภูเขาและแม่น้ำ มองเห็นภาพที่นั่น ซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยฟ้าร้องฟ้าผ่าเมฆหมอกเป็นกลุ่มๆ
ที่น่าเปลกคือบริเวณอื่นๆ บนเขาโคเทพ รวมถึงอำเภอหรือหมู่บ้านโดยรอบ สถานที่ซึ่งถูกปกคลุมด้วยเมฆดำมีสายฟ้าและสายฝน มีเพียงจุดเดียวที่มีแค่สายฟ้าทว่าไม่มีสายฝน
มีสายฟ้าไหลเวียนอยู่กลางชั้นเมฆ บ้างอยู่ข้างบน บ้างอยู่ข้างล่าง บ้างอยู่ข้างใน บ้างก่อตัวขึ้นมาจากความว่างเปล่า ทั้งแปดทิศรวมศูนย์อยู่ในกลางเมฆฝน ส่งเสียงฟ้าน้องอย่างไม่เป็นจังหวะ
เปรี้ยง…ครืน…
แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นกลางฟ้าดิน ตามมาด้วยเสียงดัง สายฟ้าเส้นหนึ่งตกลงจากเมฆฝนกลางท้องฟ้า ขยุกขยิกพริบตาเดียวก็ถึงพื้นดินบางผืนของภูเขาแล้ว
“โฮก…”
ตอนที่สายฟ้าส่องสว่างภูเขาลึก มีสัตว์ตัวหนึ่งเงยหน้าคำรามใส่ท้องฟ้า เหมือนกับกลายเป็นแสงสว่างและพุ่งเข้าหาสายฟ้า
ครืน…
ฟ้าร้องและฟ้าผ่าจำนวนมากไหลลงมาตามภูเขาและป่าไม้โดยรอบ หินผาเหมือนกับมีงูสีเงินขยับไหวอยู่
‘กล้านัก ไม่หลบเคราะห์สายฟ้าด้วย!’
จี้หยวนมองภาพนั้นพร้อมเข้าใจอย่างถ่องแท้ อดไม่ได้ที่จะถอนใจชมเชย
การฝึกปราณเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎสวรรค์ ฟ้าร้องฟ้าผ่าก็เป็นสัญลักษณ์พลังแห่งสวรรค์ ทั้งพืชและสัตว์ล้วนกลัวสายฟ้าเป็นพิเศษ ภูตที่เกิดปัญญาแล้วจำนวนหนึ่งจะหาที่ซ่อนตัวตามสัญชาตญาณเมื่อเกิดฝนฟ้าคะนอง ราวกับมีความกลัวสลักลึกอยู่ในจิตวิญญาณ
เมื่อมีภูตโดยเฉพาะพวกมารกำลังจะเกิดปราณ ก็มักจะดึงดูดฝนฟ้าคะนองได้ง่ายยิ่งกว่า บางครั้งถึงครั้งเกิดฝนตกฟ้าผ่าผิดฤดูกาล ราวกับสวรรค์ไม่พอใจ
แต่หากถอยออกมาก้าวหนึ่ง สายฟ้าแบบนี้น่ากลัวจะเป็นแค่ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ปีศาจที่แท้จริงล้วนมีปัญญาที่ไม่ต่ำต้อย และไม่ใช่ว่าต้องไปรับเคราะห์ให้ฟ้าผ่าสักครั้งตอนที่สายฟ้ารุนแรงที่สุด โดยเลือกหลบเลี่ยงฝึกปราณให้มั่นคงก่อน รอฝึกปราณจนได้ที่ลมปราณสงบนิ่งไม่น้อย เคราะห์สายฟ้าก็จะอ่อนกำลังลงมาก
มันจะปลอดภัยกว่ามากหากหาสถานที่ที่เหมาะสมกว่าในการรับฟ้าผ่าในเวลานั้น
ทว่าเจ้าภูเขาลู่ไม่ใช่แบบนั้นอย่างชัดเจน จี้หยวนรู้จักเสือร้ายตัวนี้เป็นอย่างดี แทนที่จะพูดว่าไม่รู้จักบุกหรือถอย มิสู้พูดว่ามีความมั่นใจและทะนงตนดีกว่า
บนแท่นจันทราบนเขาโคเทพที่จี้หยวนกล่าวถึงมรรคให้เจ้าภูเขาลู่ฟังตอนนั้น เสือยักษ์ไร้ขนตัวหนึ่งนอนอยู่บนก้อนหินที่มีลักษณะคล้ายเบาะทรงกลมเกลี้ยงเกลามองขึ้นไปบนท้องฟ้า บนตัวมันมีรอยไหม้อยู่หลายรอยแล้ว แต่ดูเหมือนกับไม่ส่งผลกระทบอะไรกับมันสักนิดเดียว
ทว่าเคราะห์สายฟ้าที่แท้จริงเพิ่งผ่าลงมาสามครั้ง และแต่ครั้งมีแต่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมฆฝนบนท้องฟ้ายังคงขยายขนาดอย่างต่อเนื่อง
ครืน…ครืน…ครืน…
ระหว่างนั้นมีสายฟ้าทั่วไปผ่าลงมาอย่างต่อเรื่อง บางครั้งผ่าถูกตัวเสือกลับไม่หลบเลี่ยง แม้เจ็บตัวอยู่บ้าง แต่มันรู้ว่าเป็นการทดสอบที่ค่อนข้างสมจริง สายฟ้าธรรมดาก็แค่ทำให้รู้สึกคันเท่านั้น
“โฮก…”
เสียงคำรามของเสือดังสะท้อนทั่วป่า ลมบ้าคลั่งที่เดิมทีพัดแรงอยู่แล้วยิ่งกำเริบเสิบสาน ชั้นเมฆบนท้องฟ้ายิ่งกดอัดหนาหนักกว่าเดิม เมื่อเงยหน้าขึ้นตรงแท่นจันทรามีความรู้สึกว่าลมทุกทิศทางรวมอยู่ตรงนี้
ทันใดนั้นผิวหนังไหม้เกรียมบนตัวทั้งคันทั้งเจ็บอย่างชัดเจน แต่เจ้าภูเขาลู่ไม่สนใจเท่าไหร่นัก
หวิว…หวิว…
กลางท้องฟ้านั้น เมฆดำกระจายตัวกันและมีสายฟ้าวาดผ่าน แม้อยู่บนพื้นก็ได้ยินเสียงกระแสสายฟ้าอย่างชัดเจน
ลูกตาของเจ้าภูเขาลู่หดตัว เพราะมันพบว่าสายฟ้าปรากฏสีแดงเจือจาง ความรู้สึกที่ทำให้มันกลัวเป็นอย่างยิ่งจู่โจมมาจากศีรษะ
‘หนีๆๆ…’
ความคิดนี้เกิดขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม ทว่าบนใบหน้าเสือยักษ์กลับดุร้ายน่าครั่นคร้ามกว่าเดิม
“กรร…กรร…”
มุมปากสองข้างของเสือร้ายแยกออก เผยให้เห็นเขี้ยวขาวน่ากลัวและฟันแหลมคมรอบๆ มันแยกเขี้ยวข่มขู่สวรรค์ เล็บแหลมที่อุ้งเท้าทั้งสี่พากันยื่นออกมา ผิวหนังทั่วกายขยับคล้ายกับเป็นระลอกคลื่น กล้ามเนื้อหดตัวดุดัน
วินาทีต่อมากรงเล็บเสือร้ายเริ่มออกจากพื้นดิน ลมสายหนึ่งห่อตัวมันให้ลอยขึ้นสิบกว่าจั้ง เจ้าภูเขาลู่ที่ออกจากแท่นจันทราและเดิมทีไม่ควรบินได้ ใช้ท่วงท่าเหยียบอากาศลอยตัว จากนั้นคำรามรุนแรงใส่สายฟ้าสีเลือดที่กำลังจะผ่าลงมาจากท้องฟ้า
“โฮก…”
เปรี้ยง…ครืน…
สายฟ้าผ่าลงในแทบพร้อมกับที่เสือร้ายคำราม จู่โจมร่างเสือกลางลมทมิฬที่กำลังพันร่างมันอยู่โดยตรง
ครืน…
เสือร้ายถูกสายฟ้าสีเลือดผ่าลงมาจนกระแทกลงบนแท่นจันทรา สายฟ้าไร้จำกัดพันร่างไม่ว่า ยังปกคลุมทั้งแท่นจันทราอีกต่างหาก
จากนั้นสายฟ้าสีเลือดอีกสายหนึ่งผ่าลงมา ถูกเสือร้ายบนแท่นจันทราขนาดยักษ์ทันที
เปรี้ยง…ครืน…
“ซี้ด…”
เจ้าภูเขาลูกส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างยิ่งยวดออกมา
ตอนนี้สรรพสัตว์ทั้งเขาโคเทพต่างเงียบงัน หมู่วิหคอยู่แต่ในรัง สัตว์นับไม่ถ้วนหลบอยู่ในสถานที่ที่พอกั้นลมต้านฝนได้ มองสายฟ้าน่าเกรงขามแล้วมีแต่สั่นกลัว
หูอวิ๋นขดตัวอยู่ในถ้ำจิ้งจอกของตนองเช่นกัน ถ้ำของมันอยู่ที่ไหล่เขาของยอดเขาสูงแห่งหนึ่ง นอกจากส่วนอบอุ่นที่ใจกลาง ข้างหน้าและข้างหลังมีรูเล็กใหญ่สองรู ด้านหนึ่งหันไปทางอำเภอหนิงอัน ด้านหนึ่งหันไปทางป่าลึกของเขาโคเทพ
ตอนนี้หูอวิ๋นกำลังมองผ่านปากถ้ำไปยังป่าลึกของเขาโคเทพ มองสายฟ้าที่ผ่าลงมาด้วยความเป็นกังวล แต่ด้วยมุมมองของมันย่อมมองไม่เห็นสายฟ้าสีเลือดสายนั้น กลับดูเหมือนสีสันของสายฟ้าทั่วไปมากกว่า
“เจ้าภูเขาเอ๋ยเจ้าภูเขา ท่านอย่าก่อเรื่องเลย ท่านจี้ไม่อยู่ที่นี่ หากท่านก่อเรื่องแล้วใครก็ช่วยท่านไม่ได้นะ!”
“ซี้ด…”
เสียงร้องของเสือดังมาเลือนราง ทำเอาหูอวิ๋นตัวสั่น ขนสีแดงทั่วกายพองขึ้นจนหมด
…
เจ้าภูเขาลูกกึ่งหมอบกึ่งนอนอยู่บนแท่นจันทรา ใบหน้าครึ่งหนึ่งกลายเป็นสีดำ บนร่างกายยิ่งไม่เหลือขนตรงไหนน่ามอง เศษผิวหนังบางที่หลุดร่วงพร้อมกระแสไฟฟ้าบนตัว มันตัวสั่นเล็กน้อยเป็นครั้งคราว เลือดหลายกลุ่มซึมออกมาจากบาดแผลทั่วกาย อยู่ในสภาพจนตรอกโดยสมบูรณ์
“แค่ก…แค่ก…แค่กๆๆ…”
เจ้าภูเขาลู่อ้าปากกึ่งหนึ่งเพื่อคายฝุ่นออกมา ดังนั้นเขี้ยวโผล่ออกมาอยู่ตลอด มันใช้อุ้งเท้าหน้ายันร่างขึ้นและมองบนท้องฟ้าอีกครั้ง ผิวหนังไหม้บนศีรษะหลุดร่วงพร้อมกับรอยเลือด ภายในนั้นนอกจากเลือดเนื้อแล้วยังมีรอยที่ลึกยิ่งกว่านั้นชั้นหนึ่ง คิ้วเสือชัดเจนและยาวมาก จมูกเสือยิ่งยาวและโด่งยิ่ง…
“แม้ข้าถือโอกาสใช้เคราะสายฟ้าของเจ้า แม้วันนี้ข้าเจ้าภูเขาลู่จะต้องตายตก…ก็ไม่มีทาง ไม่มีทางทำให้อาจารย์ขายหน้า…”
เสือร้ายตัวสั่น ยากนักจะยืนได้อย่างมั่นคง คราบเลือดบนตัวต่างหลุดร่วง
เกือบจะสำเร็จมรรคแล้วแท้ๆ ขาดอีกก้าวเดียวแท้ๆ เจ้าภูเขาลู่ไม่พอใจอยู่บ้าง ทว่ามองสายฟ้าบนท้องฟ้าแล้วความรู้สึกที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงรุนแรงมาก เหมือนกับแม้หนีกลับเข้าถ้ำก็ไม่เป็นผล
“หากตอนเช้าได้รู้แจ้งถึงสัจธรรมแล้ว คืนนี้แม้ตายก็ตายตาหลับ แค่ก…”
เสือร้ายยืดตัวมองเมฆฝนฟ้าคะนองด้วยสายตาเย็นชา ปราณปีศาจที่หลงเหลืออยู่ทั่วกายเดือดพล่าน พลังของมันยิ่งเพิ่มขึ้นสูงยามรับเคราะห์ในอดีต ไม่ใช่เสียงเสือคำราม ไม่ใช่เสียงเสือร้องอย่างดุดัน แต่เป็นการตะโกนใส่ท้องฟ้าเสียงดังลั่น
“ในนามของอาจารย์ผู้มีบุญคุณ ขอถามสวรรค์ว่าผู้คุมอสนีเป็นผู้ใด”
“…ผู้คุมอสนีเป็นผู้ใด”
“…เป็นผู้ใด”
เสียงตะโกนของเจ้าภูเขาลู่ดังสะท้อนไปทั่วทั้งเขาโคเทพ ยิ่งสะท้อนระหว่างฟ้าดินด้วย