เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 62 ตำรารวมบันทึกสวรรค์
ตอนที่ 62 ตำรารวมบันทึกสวรรค์
ได้ยินคำขอของจี้หยวน เทพหลักเมืองกับเจ้ากรมบริวารมองหน้ากันเลิ่กลั่ก สับสนอยู่บ้างจริงๆ
“ทะ… ท่านจี้ ท่านต้องการของพวกนี้ไปใช้ทำประโยชน์อะไร”
“แน่นอนว่าใช้ศึกษาเรียนรู้! ข้าคนแซ่จี้เป็นผู้แสวงเซียนมุ่งมรรค แต่กลับไร้ที่พึ่งพิง หวังว่าใต้เท้าหลักเมืองจะช่วยเหลือ จี้หยวนย่อมจดจำบุญคุณนี้!”
ครั้งนี้ต่างจากอำเภอหนิงอันคราวก่อน ครั้งนั้นต่อให้จับพลัดจับผลู แต่จี้หยวนช่วยเหลือไว้มากจริงๆ
ครั้งนี้แค่ภูตงูมรรควิถีตื้นเขินตัวหนึ่ง ถึงขั้นสองฝ่ายเริ่มเข้าใจผิดกันเล็กน้อย แต่ผู้เป็นเทพหลักเมืองได้ไม่มีใครไม่ใช่ผู้มากสามารถมีคุณธรรมยามมีชีวิต ทั้งเกี่ยวข้องกับบุญกำยาน ภายใต้สถานการณ์ซึ่งอธิบายอย่างจริงใจแล้วน้ำใจแค่นี้น่าจะมี
นับว่าจี้หยวนทำสิ่งที่พอทำได้แล้ว จริงใจจนไม่รู้ว่าจะจริงใจอย่างไร ว่ากันตามจริงก็แค่ช่วยเรื่องเล็กๆ สำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับอีกฝ่าย ถ้าไม่ได้เขาก็ไม่ฝืนบังคับ
เทพหลักเมืองอำเภอซุ่ยหย่วนกับเหล่าบริวารมึนงงอยู่บ้าง แน่นอนว่าข้อเรียกร้องนี้ไม่ถือว่ามากเกินไป แค่ศึกษาตำราไม่สำคัญบางส่วนเท่านั้น แต่พวกเขาวางตำแหน่งของจี้หยวนไม่ต่ำต้อย ดังนั้นย่อมไม่เข้าใจข้อเรียกร้องนี้อยู่บ้างเป็นธรรมดา
‘หรือคนผู้นี้ขาดเคล็ดวิชาพวกนี้อยู่จริงๆ’
แม้ว่าความคิดนี้ไร้สาระอยู่บ้าง แต่ข้อเรียกร้องของจี้หยวนเติมเต็มได้จริงๆ
เทพหลักเมืองอำเภอซุ่ยหย่วนมองจี้หยวนโดยละเอียด จี้หยวนเองไม่หลบสายตา ดวงตาสีเทาซึ่งเดิมไร้แววคู่นั้นนิ่งสงบราวบ่อน้ำโบราณ
“ได้ เรื่องที่ท่านจี้ร้องขอพวกเราย่อมทำเต็มกำลัง อำเภอนี้ไม่มีตำรามรรคเซียนล้ำเลิศอะไร มีแค่ตำรารวมเก่าแก่ คัมภีร์นอกรีตและกลยุทธ์เจิดจรัสอย่างละเล่ม มอบให้ท่านแล้วกัน!”
คัมภีร์นอกรีต? กลยุทธ์เจิดจรัส?
เห็นชัดว่าเป็นชื่อที่ทำให้ความตื่นเต้นของจี้หยวนเพิ่มขึ้นทีละน้อย แม้ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่วิชาควบคุมเพลิงกับวิชาเลี่ยงวารีที่ตนมีอยู่แล้ว
เทพปฐพีหนอเทพปฐพี รับประโยชน์มาย่อมเหนื่อยตอบแทน โดยเฉพาะเทพหลักเมืองที่พึ่งกำยานมากมักก้าวออกจากอาณาเขตตนน้อยนัก ต่อให้ฝึกปราณถึงระดับหนึ่ง ยามออกจากอาณาเขตพลังของตนย่อมลดลงไม่น้อย หากระดับต่ำพลังจะลดลงอย่างมาก
อำเภอเล็กห่างไกลอย่างหนิงอันซุ่ยหย่วน มีผลเก็บเกี่ยวเช่นนี้จี้หยวนยินดีมากแล้ว
เมื่อจี้หยวนคิดว่าต้องตามเทพหลักเมืองอำเภอซุ่ยหย่วนเดินทางกลับอำเภอซุ่ยหย่วน เทพหลักเมืองกลับหยิบตำราหนาปึกสองเล่มออกมาจากแขนเสื้อ ทำเอาจี้หยวนอึ้งงันครู่หนึ่ง พกติดตัวมาด้วยหรือ
“คัมภีร์นอกรีตและกลยุทธ์เจิดจรัสข้าพกติดตัวมาพอดี เปิดอ่านคลายความเหนื่อยล้าเป็นครั้งคราว แม้ว่าไม่เลื่องชื่อแต่ปัจจุบันกลับพบเห็นได้น้อย วันนี้ขอมอบให้ท่านจี้แล้วกัน!”
เทพหลักเมืองส่งมอบตำรา จี้หยวนรีบดึงสติกลับมารับด้วยสองมือ สัมผัสยามตำราถึงมือเย็นเล็กน้อย จี้หยวนพบว่าตนถึงกับเห็นชื่อตำรา ‘คัมภีร์นอกรีต’ และ ‘กลยุทธ์เจิดจรัส’ บนหน้าปกสีน้ำเงินอย่างชัดเจน ในใจพลันรู้สึกว่าตำรานี้น่าจะไม่ใช่ของธรรมดา
“ขอบคุณใต้เท้าหลักเมืองที่มอบตำรา!”
ถ้าถามจี้หยวนว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร
หวนนึกถึงสมัยมัธยมศึกษาตอนปลายเมื่อชาติก่อน นิยายออนไลน์เพิ่งเป็นที่นิยม มีรูปเล่มเถื่อนขนาดกระดาษ A4 อย่างหนามากมาย แต่ละเล่มล้วนอ่านยาก ตอนนี้จี้หยวนรู้สึกเหมือนได้รับนิยายเล่มหนาเล่มใหม่ยามเบื่อหน่าย ตื่นเต้นและชอบใจยิ่ง!
เขากล่าวขอบคุณพลางเริ่มพลิกอ่านคัมภีร์นอกรีตอย่างอดไม่ได้ เพิ่งเปิดอ่านแต่กลับพบว่ากระดาษเหลืองเก่าภายในล้วนว่างเปล่า ไม่มีอักษรสักตัว
ตำราที่เคยสัมผัสก่อนหน้านี้ต่อให้ดูเหมือนเลือนราง แต่อย่างน้อยยังมีตัวอักษร ตอนนี้มันเรื่องอะไรกัน หรือเป็นตำราสวรรค์ไร้อักษร?
เมื่อตั้งใจมองโดยละเอียด บนตำราเกิดการเปลี่ยนแปลง ตัวอักษรเริ่มชัดเจน ทำให้จี้หยวนอ่านเนื้อหาบนนั้นได้แจ่มแจ้ง บังเอิญเห็นอักษรตัวเล็กแถวหนึ่ง: บ่อบึงเป็นของภูตปีศาจ ผู้ยากคาดเดาคือมังกรเจียว ชั่วร้ายท่วมทับร้อยลี้ เที่ยงธรรมควบคุมเมฆฝน…
รอยยิ้มจี้หยวนเผยความยินดีอย่างอดไม่ได้ จากนั้นพลันตระหนักได้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาอ่านหนังสือ เขารีบกุมตำราขอบคุณเทพหลักเมืองอำเภอซุ่ยหย่วนอีกครั้ง
“ขอบคุณใต้เท้าหลักเมืองที่มอบตำรา เป็นสิ่งที่ข้าน้อยต้องการอย่างเร่งด่วนพอดี ขอบคุณอีกครั้ง!”
“อืม ท่านชอบก็ดี ขอให้การเดินทางของท่านรื่นรมย์สมใจ ค่อยพบกันใหม่ ขอลา!”
เมื่อกล่าวประโยคนี้จบ เทพหลักเมืองอำเภอซุ่ยหย่วนคารวะ จี้หยวนเพิ่งคารวะตอบ เทพหลักเมืองก็ใช้ร่างเทพปฐพีโคจรพลังพาบริวารศาลมืดเคลื่อนย้ายไปชั่วพริบตา
คราวนี้จี้หยวนมึนงงเข้าจริงๆ แล้ว แม้ว่ามีการปิดบัง แต่เขายังสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยทางอารมณ์ของเทพหลักเมือง สิ่งสำคัญคือการจากไปนี้กะทันหันอยู่บ้าง เขาเป็นอะไรกันแน่ เกิดเรื่องอะไรขึ้น เมื่อครู่ยังกลมเกลียวกันไม่ใช่หรือ แม้แต่ชื่อของใต้เท้าหลักเมืองอำเภอซุ่ยหย่วนคนนี้เขายังไม่รู้เลย
สายลมเย็นโชยอ่อน พัดผ่านแขนเสื้อจอนผมจี้หยวน เขาเกาหัวอย่างคาดไม่ถึงอยู่บ้าง
‘เอ่อ… หรือเทพหลักเมืองชอบตำราสองเล่มนี้จริงๆ’
ในเมื่อคิดไม่ตกจี้หยวนก็ไม่คิดอีก ถ้าให้เขากลับไปคืนตำราพูดตามตรงว่าเสียดาย อย่างมากหลังจากนี้แค่ตอบแทนด้วยวิธีอื่นก็พอแล้ว
จี้หยวนคิดเช่นนี้พลางเปิดหน้าแรกหลังปกคัมภีร์นอกรีต
หน้าแรกมีตัวอักษรปรากฏ: คัมภีร์นอกรีตคือบันทึกสวรรค์กลายเป็นตำรา ผู้มีมรรคอัศจรรย์อ่านได้ในปราดเดียว บุคคลลึกลับย่อมอ่านออก ผู้มีปัญญาวาสนาเห็นอักษร ปุถุชนธรรมดาไม่มีวาสนาได้ยล
มุมปากจี้หยวนกระตุกเล็กน้อย เข้าใจผิด เข้าใจผิดจริงๆ… เราคงเป็นผู้มีปัญญาวาสนานั่นแน่อีกอย่างสายตาเรายังมีปัญหาด้วย!
คราวนี้แก้ตัวอย่างไรก็ไม่พ้น คาดว่าเทพหลักเมืองอำเภอซุ่ยหย่วนคงคิดว่าเมื่อครู่ตนแกล้งหยอกเล่น เดินจากไปอย่างมีอารมณ์นัก
‘ครั้งหน้าค่อยอธิบายแล้วกัน ตอนนี้… ที่นี่ไม่ควรอยู่นาน!’
ตนไม่ได้ทำอะไรผิดชัดๆ แต่ด้วยร้อนตัวอย่างบอกไม่ถูก จี้หยวนโคจรปราณวิญญาณก่อลมใต้ฝ่าเท้า กลายเป็นเงาเขียวพุ่งตัวออกจากอาณาเขตอำเภอซุ่ยหย่วนไปยังที่ห่างไกลอีกครั้ง
เมื่อจี้หยวนจากไปเหมือนเผ่นหนี ด้านหลังเนินดินซึ่งห่างออกไป กายพรตของเทพหลักเมืองอำเภอซุ่ยหย่วนปรากฏตัวอีกครั้ง ขมวดคิ้วคล้ายขบคิด
“จี้หยวนคนผู้นี้เป็นอริยเทพแห่งใดกันแน่ ไม่รู้จักตำราบันทึกสวรรค์จริงหรือ”
…
คนพบเรื่องน่ายินดีจิตใจเบิกบาน ต่อให้ก่อนหน้านี้ก่อเรื่องเข้าใจผิดตอนอยู่อำเภอซุ่ยหย่วนเล็กน้อย แต่หลังออกจากอาณาเขตซุ่ยหย่วน จี้หยวนผู้ผ่อนคลายลงบ้างเหลือเพียงความรู้สึกปิติยินดี
ไม่ใช้วิธีก้าวเดินพลางหยุดพักอีก แต่ห้อตะบึงหลายสิบลี้รวดเดียว กระทั่งอ่อนเพลียจี้หยวนจึงชะลอลง เขาถึงขั้นเจตนาวิ่งผ่านสถานที่ลับตาคน จิตใต้สำนึกในใจอยากหาสถานที่เงียบสงบอ่านตำราดีๆ
ทางตอนใต้ของรัฐจีส่วนใหญ่มีภูมิประเทศแบบเนินเขา เนินดินทางลาดแนวเขาลูกย่อมพบเห็นได้ทั่วไป
ห่างออกไปมีเนินผาแห่งหนึ่งเช่นกัน สูงสี่ห้าจั้งยาวสิบกว่าจั้ง เนินสองด้านทำให้ตรงกลางสูงโปร่งที่สุด ด้านที่จี้หยวนหันหน้าเข้าหาคือผนังหินลาดเอียงออกข้างนอกเล็กน้อย
บางทีอาจเป็นความอัศจรรย์ของธรรมชาติ ผนังหินเว้าเข้าด้านในตามธรรมชาติ มีถ้ำใหญ่ทรงถั่วแปบ ลึกแค่สองสามฉื่อเท่านั้น แต่กลับยาวมากกว่าห้าจั้ง ความสูงต่ำกว่าส่วนสูงคนธรรมดาเล็กน้อย
“ฮ่าๆๆ… เป็นที่ที่ดี!”
จี้หยวนหัวเราะเสียงดัง เร่งความเร็วอีกครั้ง พุ่งไปข้างหน้าอย่างอดรนทนไม่ไหว
เมื่ออยู่ภายใต้ผนังหินแล้วเงยหน้ามอง เนื่องจากการทำมุมเอียง ที่นี่น่าจะกันฝนได้ไม่เลว
เดินมาถึงด้านหน้าผนังถ้ำคดเคี้ยวอิงทางเหนือ เขาออกแรงสะบัดแขนเสื้อ แรงลมแกร่งกล้ากวาดเศษฝุ่นเศษหินบนพื้นหินออกไปหมดทันที
วางร่มกันฝนพิงด้านข้าง รองห่อผ้าด้านล่างแทนหมอน จี้หยวนนอนลงบนพื้นอย่างผ่อนคลายสบายๆ หยิบคัมภีร์นอกรีตที่ซ่อนไว้ในอกออกมา
การอ่านครั้งนี้เพลินจนติดพัน เนื้อหาในตำรามีส่วนซ้อนทับกับม้วนไม้ไผ่ซึ่งได้รับมายามพูดคุยกับเทพหลักเมืองซ่งก่อนหน้านี้ แต่ส่วนใหญ่ล้วนแปลกใหม่ ต่อให้เข้าใจแล้ว ในตำราก็ยังกล่าวโดยละเอียดหรือดึงเรื่องน่าสนใจบางส่วนออกมา
จี้หยวนดูออกนานแล้ว นี่ไม่ใช่วิชาลับมรรคเซียน แต่สนุก สนุกพอสมควร สนุกจนวางไม่ลงทำนองนั้น!
ท้องฟ้าจากสว่างเป็นมืดจากดำเป็นขาว ผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืนโดยไม่รู้ตัว จี้หยวนกลับกระฉับกระเฉง ยามแสงแรกของวันมหม่ปรากฏ โคจรวิวัฒน์ฟ้าดินดูดซับปราณวิญญาณ แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ไม่ได้เคลื่อนสายตาจากคัมภีร์นอกรีต
อักษรแต่ละหน้าล้วนไม่ใหญ่ เนื้อหาภายในมากมายยิ่ง บางจุดแม้แต่จี้หยวนยังต้องกลั่นกรองละเอียดจึงเข้าใจว่าผู้แต่งอยากถ่ายทอดอะไรกันแน่ ดูเหมือนอีกฝ่ายเขียนตามอารมณ์ หลายจุดมองต่างมุมอ่านซ้ำแล้วมีรสชาติแตกต่างกัน
ด้วยประสบการณ์จากชาติก่อน จินตนาการของจี้หยวนมีมากมาย บางเรื่องต่อให้มีช่วงตอนแค่สั้นๆ แต่การบรรยายเปี่ยมสัมผัส แม้เนื้อหาน้อยกว่าด้านบนแต่เมื่อจดจ่อกลับเผยภาพประกอบอย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้จี้หยวนยินดีเสียเวลาเนิ่นนาน สร้างภาพในสมองเป็นเรื่องราวสมบูรณ์
จี้หยวนอ่านจนลืมกินลืมนอน ความจริงหิวก็แค่คว้าพุทราสองสามผลจากห่อผ้ามาคลายหิวแก้กระหาย ถ้าง่วงอย่างมากแค่พักสายตาครู่หนึ่ง นับว่ากระปรี้กระเปร่าไม่เลว มีแค่ร่างกายต้องรับกรรม หลายวันมานี้เปื้อนฝุ่นละอองไม่น้อย สกปรกมอมแมมนัก
โครมครืน…
ตรงขอบฟ้ามีเสียงอสนีดังขึ้น ขัดความคิดแทรกซึมเข้าตำราของจี้หยวน รู้สึกตัวทอดมองห่างออกไป พยับเมฆบดบังดวงอาทิตย์แล้ว
บังเอิญเห็นมังกรเจียวบันดาลฝนเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ พลั้งปากกล่าวออกมาตามความรู้สึก
“ช่วงเก็บเกี่ยวฝนตกทันเวลา!”