CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 84 บังเอิญเห็นแสงชั่วร้าย

  1. Home
  2. เซียนหมากข้ามมิติ
  3. ตอนที่ 84 บังเอิญเห็นแสงชั่วร้าย
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ตอนที่ 84 บังเอิญเห็นแสงชั่วร้าย

ความจริงพิสูจน์ว่าเรื่องบางเรื่องนั้น ความมั่นใจของจี้หยวนยังสับสนทีเดียว แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายถึงการฝึกปราณ แต่เป็นสิ่งเลื่อนลอยมากกว่า

จี้หยวนมั่นใจเต็มร้อยว่าตัวเองไม่มีทางจับทิศทางผิด ออกจากเมืองและข้ามเนินเขาเล็กๆ แล้วก็ห้อตะบึงตามสันเขาไปทางใต้

แต่ตอนนี้จี้หยวนตระหนักถึงปัญหาที่ร้ายแรงอย่างหนึ่ง นั่นก็คือแผนที่ที่ตนเองรู้อาจไม่แม่นยำ

สุดท้ายแล้วความรู้สึกนึกคิดของชาติก่อนก็หยั่งลึกเกินไป ลืมไปว่าบางครั้งแผนที่ยุคโบราณก็เป็นนามธรรมมาก ระดับความประณีตย่อมไม่อาจเปรียบเทียบกับการถ่ายภาพเสมือนจริงและการจับตำแหน่งดาวเทียมแบบชาติก่อนได้

แผนที่ในมือจี้หยวนเป็นสิ่งที่เทพหลักเมืองและผู้พิพากษาอำเภอหนิงอันมอบให้ แต่เมื่อเป็นเช่นนั้นปัญหาก็มาเยือนแล้ว

น่าจะผ่านมาหลายร้อยปีแล้วหลังจากผู้พิพากษาฝ่ายบู๊ตายแล้วกลายเป็นผู้พิพากษาฝ่ายบู๊ ความจริงแล้วเมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็อาจจะไม่ได้ออกเดินทางไกลสักเท่าไหร่ แผนที่ที่สลักไว้ย่อมเป็นการผสมปนเปและคัดลอกสำเนาไว้ อีกทั้งในแผนที่พวกนี้อาจจะยังมีแผนที่เก่าเก็บที่ซ่อนอยู่ในศาลมืดเทพหลักเมืองส่วนหนึ่ง

จะคิดว่าแผนที่สลักมหัศจรรย์และแม่นยำมากเพราะคนสลักแผนที่เป็นวิญญาณฝึกปราณรับกำยานใฝ่มรรคเทพไม่ได้ ความจริงอาจต้องกังวลเรื่องความประณีตด้วย

หลังจากคิดไปมาอยู่รอบหนึ่ง จี้หยวนหยุดฝีเท้าและพึมพำกับตัวเอง

“แตกต่างกับที่จินตนาการไว้บ้าง…แล้ว…ถนนเล่า”

จี้หยวนงุนงงเล็กน้อย วิ่งๆ หยุดๆ อยู่หนึ่งวัน ยิ่งวิ่งยิ่งช้า ยิ่งวิ่งยิ่งสับสน สุดท้ายเขายอมรับว่าตัวเองหลงทางแล้ว

คำถามชีวิตอย่าง ‘เรารู้ว่าตัวเราเป็นใคร แต่เราอยู่ที่ไหนกัน’ ผุดขึ้นกลางใจของจี้หยวน

เดิมทีควรจะมองเห็นแม่น้ำสายหนึ่งตั้งนานแล้วถึงจะถูกต้อง แต่ตลอดทางที่วิ่งมายังไม่เห็นทางน้ำเลย จี้หยวนวิ่งต่อไปอย่างวางใจและใจกล้าเช่นกัน จนกระทั่งถึงตอนนี้

สิ่งที่สะท้อนสู่สายตาทั้งหมดตรงหน้าเป็นพื้นที่ป่าที่ไม่นับว่ารกชัฏ บนพื้นดินล้วนเป็นภูเขาและเนินเตี้ยๆ สลับกัน คาดว่าสูงไม่กี่สิบเมตร นับไม่ได้ว่าเป็นยอดเขาด้วยซ้ำ

แต่พื้นดินกลับมีทางเล็กๆ จำนวนหนึ่ง บ้างก็เหมือนเป็นทางเดินสัตว์ป่า และก็มีบ้างที่เป็นร่องรอยคนทิ้งไว้อย่างชัดเจน แม้จะมีหญ้ารกขึ้นอยู่ทั่ว ทว่าจี้หยวนเดินไปแล้วยังรู้สึกได้ถึงร่องรอยของล้อรถม้า

เมื่อพูดถึงความสบายในการสวมรองเท้า จี้หยวนรู้สึกว่าแต่ทั้งชาติก่อนและชาตินี้ต่างก็มีข้อดีเป็นของตัวเอง รองเท้าในตอนนี้เป็นฝีมือของร้านปักหรือสตรีชาวบ้านลงฝีเข็มเย็บทีละเข็ม พื้นรองเท้าค่อนข้างนุ่ม ผิวรองเท้ามีผ้าหลายชั้น สวมแล้วสบาย ไม่น่ารำคาญ แต่นี่อาจะเป็นเพราะชาติก่อนจี้หยวนไม่เข้าใจเรื่องรองเท้า และไม่เคยซื้อรองเท้าแบรนด์เนมก็เป็นได้

จี้หยวนไม่ได้กังวลอะไร ขอเพียงทิศทางโดยรวมถูกต้องก็พอแล้ว ตอนนี้จะดีหรือเลวอย่างไรเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดา มีความสามารถชนิดท้องหิวก็ใช้แค่มือข้างเดียวฟังเสียงแยกแยะทิศทางได้ ไม่จำเป็นต้องเครียดว่าจะหาน้ำหรืออาหารไม่ได้

ตอนนี้จี้หยวนไม่ได้วิ่งเร็วๆ อีก แต่เดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เป็นการพักผ่อน เลือกทิศทางหนึ่งแล้วมุ่งหน้าไป อาจจะเป็นทางเดินเล็กๆ ของสัตว์ป่า ขณะเดียวกันก็หยิบกาสุราออกมาจากกระเป๋าที่แบกอยู่บนหลัง เปิดฝาออกดื่มสองคำ ก่อนจะเก็บกลับกระเป๋าดังเดิม

ตอนที่ข้ามพื้นหญ้าแห้งผืนหนึ่งแล้ว จี้หยวนที่กำลังจะเดินลงเนินพลันหัวใจกระตุกวูบจึงหยุดฝีเท้าในทันที เขาชักเท้าที่ค้างอยู่กลางอากาศกลับมา นั่งยองลงและยื่นมือไปแหวกหญ้าแห้งเหล่านั้นอย่างระมัดระวัง เกิดเป็นเล่ห์กลในการจับสัตว์อย่างหนึ่ง

เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้และพยายามมองอย่างละเอียด ท่ามกลางความเลือนรางมองเห็นห่วงเหล็กติดเลื่อยแหลมๆ สองห่วง ตรงกลางห่วงขนาดเล็กเหมือนกับเป็นท่อนไม้ไผ่ที่ผ่านการแช่น้ำมันแล้วจำนวนมาก แต่ตอนนี้ท่อนไม้ไผ่หงิกงออย่างหนัก คล้ายกับลากสิ่งของที่หน้าตาเหมือนเอ็นสัตว์ ถึงจะค่อนข้างแตกต่างกับเทคโนโลยีสปริงเมื่อชาติก่อน แต่ก็น่าจะเป็นกับดักหมีอย่างหนึ่ง

“ไม่มีสปริงช่วย แล้วจะมีแรงมากขนาดนั้นหรือ”

จี้หยวนที่รู้สึกสงสัยอยู่บ้างตามหาท่อนไม้หนาเท่านิ้วโป้ง ยาวเท่าท่อนแขนจากข้างๆ แล้วแตะลงไปที่แผ่นเหล็กซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นตรงกลางกับดักหมี

แก๊ก…

เสียงงับดังกังวาน กิ่งไม้ในมือถูกหักโดยตรง

“ฟู่…”

จี้หยวนถอนใจ รู้ดีว่าหากเมื่อกี้เหยียบลงไปก็ไม่ถึงกับได้รับบาดเจ็บ แต่ก็อดขนพองสยองเกล้าไม่ได้

แต่มีกับดับหมีก็ต้องมีเหยื่อ บ่งบอกว่าใกล้ๆ นี้มีคนอยู่

เมื่อคิดได้ดังนั้น จี้หยวนทำให้กับดักหมีที่ไม่นับว่าซับซ้อนกลับคืนสู่สภาพเดิม ไม้หนีบที่มีหลักการของแผ่นไม้ไผ่และเอ็นสัตว์แบบนี้ คาดว่าน่าจะใช้งานได้แค่ไม่กี่ครั้ง ไม่นานแผ่นไม้ไผ่ก็จะถูกทำลายเพราะแรงดีด

หลังจากคลุมหญ้ารกเหมือนเดิม จี้หยวนลุกขึ้นเดินทางอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้ไม่เดินทางสัตว์แล้ว

กระทั่งข้ามเนินเขาสูงหลายสิบหมี่ลูกหนึ่งแล้ว จี้หยวนตาเป็นประกาย สายตาที่พอใช้งานได้แม้มองไปจะขมุกขมัว แต่กลับไม่ขาดความว่องไวต่อสิ่งมีชีวิต เขาเห็นว่าไกลออกไปมีควันลอยขึ้นสูง สีค่อนข้างดำ น่าจะมีใครกำลังก่อไฟอยู่

…

ด้านหนึ่งของเนินดินที่หันหลังให้ลมซึ่งห่างออกไปสามลี้ มีคนสวมเสื้อหนังสี่คนนั่งพักอยู่ข้างกองไฟ ติดเกราะแขนและขาไว้บนเสื้อผ้าหนังแน่หนา พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนพกคันศรและลูกธนู บางคนแบกมันไว้บนหลัง บางคนวางไว้ข้างๆ อาวุธประเภทดาบและหอกก็มีไม่น้อยเช่นกัน

กระต่ายป่าถูกถลกหนังแล้วตัวหนึ่ง และไก่ป่าถูกถอนขนแล้วตัวหนึ่งกำลังถูกคนปิ้งอยู่บนไฟ

“เฮ้อ ออกมาหลายวันแล้ว ล่าสัตว์ตัวใหญ่อะไรไม่ได้ยังพอว่า แต่ยังทำสร้อยประคำที่ท่านแม่มอบให้หายไปอีก น่าโมโหเสียจริง!”

“เอาน่า กลับไปซื้อที่แผงขายของในอาราม เสียเงินห้าอีแปะก็ได้สร้อยประคำมาแล้ว ไม่ต้องบ่นหลายรอบ!”

“เจ้าจะไปเข้าใจอะไร! นั่นเป็นของที่แม่ข้าขอมาจากอาราม ไม่ใช่ว่าซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป มันไม่เหมือนกัน!”

“ดูสิ ข้าไม่ได้พูดว่ามันเหมือนกัน แค่ซื้อไปหลอกแม่เจ้าเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเจ้าต้องถูกแม่ต่อว่าแน่”

“อืม…มีเหตุผล!”

สองคนข้างๆ ได้ยินแล้วหัวเราะขึ้นมา ทว่าก็ซึมเซาอยู่ในทีเพราะยังล่าสัตว์ไม่ได้เลย แม้จะเป็นไปได้ที่จะล่าสัตว์กลับไปได้เต็มพาหนะทุกครั้งก็ตาม

“ชู่…ไม่ต้องพูดแล้ว มีคนเดินมาจากทางนั้น!”

เสียงข้างกองไฟพลันเงียบลง นักล่าสัตว์หลายคนหากไม่ได้หยิบคันศรก็หยิบหอกแหลมขึ้นมา

ทว่าตอนนี้ฟ้ายังไม่มืด ถึงพวกเขาจะระวังภัยแต่ก็ไม่ได้ตึงเครียด

“พี่ชายทุกท่าน ข้าหลงทาง เห็นตรงนี้มีแสงไฟจึงมาถามทางพวกท่าน”

เสียงสดใสของจี้หยวนดังมาแต่ไกล เขาตั้งใจส่งเสียงดังเพื่อให้พวกเขาได้ยิน พอเดินเข้าไปใกล้แล้วก็ค่อยหยุดฝีเท้า

“เจ้าจะไปที่ไหน”

นักล่าสัตว์ที่คว้าหอกแหลมคนหนึ่งถามเสียงดัง พร้อมกันนั้นพวกเขาหลายคนก็สังเกตจี้หยวนไปด้วย

ผู้มาห่อผ้าและเสียบไว้บนหลัง เสื้อผ้าที่สวมใส่ไม่ค่อยเหมาะกับการเดินป่า แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะสุภาพเรียบร้อย แต่ก็ยังคงน่าสงสัยอย่างเห็นได้ชัด

“ขอถามว่าอำเภอชิงสุ่ยไปทางไหน ตามหลักแล้วข้าข้ามสันเขาจันทร์อัสดง มุ่งหน้าไปทางใต้ควรมองเห็นแม่น้ำสายหนึ่งแล้ว เมื่อเดินเลียบแม่น้ำไปอีกก็จะเจอกับอำเภอชิงสุ่ย เหตุใดตลอดทางมานี้ไม่มีแม่น้ำไหลผ่านเลย”

“แม่น้ำ?”

นักล่าสัตว์หลายคนมองหน้ากัน งุนงงกันถ้วนหน้า

จากนั้นคนหนึ่งที่ค่อนข้างหนุ่มกว่าใครเพื่อนก็พลันนึกอะไรออก

“เจ้าคงไม่ได้พูดถึงแม่น้ำชิงสุ่ยเก่ากระมัง”

จี้หยวนไม่รู้ว่าแม่น้ำสายนั้นชื่อว่าอะไร แต่เดาจากสถานการณ์นี้ก็คงใช่แล้ว

“น่าจะใช่”

“ข้าได้ยินผู้อาวุโสในหมู่บ้านพูดว่า แม่น้ำชิงสุ่ยแต่ก่อนไหลจากอำเภอชิงสุ่ยไปยังสันเขาข้างหน้า แต่เหมือนกับเพื่อให้สะดวกต่อการทำนาและทดน้ำเข้านา นายอำเภอเมื่อยี่สิบปีก่อนจึงระดมคนในหมู่บ้านเปลี่ยนทิศทางแม่น้ำ ไม่ได้ไหลผ่านภูเขานี้แล้ว”

จี้หยวนเข้าใจในทันที

“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง แล้วที่นี่อยู่ห่างจากอำเภอชิงสุ่ยมากหรือไม่”

“มุ่งหน้าไปทางเหนือประมาณยี่สิบสามสิบลี้จะมองเห็นทางหลวงแล้ว เดินหน้าต่อไปอีกครึ่งวันก็จะเจอผู้คนเอง”

ยี่สิบสามสิบลี้ ดูเหมือนไม่ไกลมาก

“ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยเหลือ!”

จี้หยวนประสานมือแล้วก็เดินไป เขาไม่คิดจะหาความสนุกหรือหน้าหนาขอกินเนื้อย่างที่นี่ อีกฝ่ายระแวดระวังเขาอย่างชัดเจน ระยะทางยี่สิบสามสิบลี้ก็แค่สาวเท้าวิ่งไปช่วงหนึ่งเท่านั้น

เห็นจี้หยวนจะไปแบบนี้ อีกทั้งแต่งกายอย่างคุณชายผู้สุภาพเรียบร้อย นักล่าสัตว์หลายคนก็ตกตะลึงไป

“เอ่อ ท่านผู้นี้จะไปแล้วหรือ ต้องเดินทางยี่สิบหรือสามสิบลี้บนภูเขา ฟ้าก็จะมืดแล้วด้วย!”

สุดท้ายก็ไม่ได้มีจิตใจชั่วช้า มีนักล่าสัตว์ส่งเสียงเรียกจี้หยวน เป็นคนที่ทำสร้อยประคำหายนั่นเอง

เสียงเรียกนี้ทำให้จี้หยวนต้องมองผู้เรียกอีกครั้ง และเขามองเห็นอะไรบางอย่าง

ตั้งแต่ฝึกวิชาจนเป็นรูปเป็นร่าง ดวงตาสองข้างของจี้หยวนเกิดการเปลี่ยนแปลงบ้างแล้ว มองเห็น ‘เพลิงปราณ’ บางอย่างของคนทั่วไป กลยุทธ์เจิดจรัสเรียกสิ่งนี้ว่าปราณแห่งความหวัง มีพรสวรรค์และวิชาความรู้ก็บรรลุผลสำเร็จได้ จี้หยวนน่าจะอยู่ในจำพวกมีพรสวรรค์

เพื่อให้แน่ใจยิ่งขึ้น จี้หยวนเบิ่งตาโตเล็กน้อย ความรู้สึกมัวซัวไม่ได้ลดน้อยลง แต่กลับมองเห็น ‘ลักษณะปราณ’ ที่หลั่งไหลมาจากพวกนักล่าสัตว์ชัดเจมาก

คนที่ส่งเสียงเรียกเมื่อกี้มีปราณสีดำแดงที่ไม่เตะตาวนเวียนอยู่เหนือศีรษะ เหมือนกับควันจากไฟชีวิตรอบกายที่ลอยผ่านไปเป็นครั้งคราว หากไม่ตั้งใจมองก็ไม่สังเกตเห็น

จี้หยวนหยุดฝีเท้า บอกคนผู้นั้นด้วยความระมัดระวัง

“ช่วยไม่ได้ หากไม่รีบไปก็ต้องค้างแรมบนป่าเขาที่รกร้างแห่งนี้ไม่ใช่หรือ หากมีสัตว์ป่าจะทำอย่างไร คันศรในมือพวกเจ้าหลายคนก็น่ากลัวเสียด้วย…”

จี้หยวนทำท่าทางเคร่งเครียดและหวาดกลัว กลับช่วยทำให้ความระแวงของพวกนักล่าสัตว์ลดน้อยลง

“ฮ่าๆๆ ท่านวางใจเถอะ พวกเข้าเป็นเพียงนักล่าสัตว์ ไม่ใช่อันธพาล ตกกลางคืนมีสัตว์ป่าก็ถือว่ากลายเป็นเหยื่อของพวกข้า หากท่านไม่รังเกียจก็นั่งลงเถอะ พรุ่งนี้เช้าพวกข้าจะกลับหมู่บ้านแล้ว อยู่ไม่ไกลจากอำเภอชิงสุ่ยด้วย”

จี้หยวนมองด้วยความดีใจ แต่ยังคงมีท่าทางไม่กล้าเข้าใกล้

“เหมาะสมใช่หรือไม่”

“ฮ่าๆๆๆ…ท่านเข้ามาเถอะ มีอะไรไม่เหมาะสมกัน ดูสิไก่ป่าและกระต่ายป่าใกล้ย่างสุกแล้ว ชิมฝีมือการล่าเหยื่อของพวกข้าหน่อยเป็นอย่างไร”

นักล่าสัตว์คนอื่นก็ส่งเสียงหัวเราะน่าฟังออกมาด้วย

พูดถึงขั้นนี้แล้ว ระหว่าง ‘สนทนากัน’ ก็ถือว่าปลดความระแวงลงได้ไม่น้อย จี้หยวนย่อมเข้าไปใกล้ด้วยความขอบคุณ

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 84 บังเอิญเห็นแสงชั่วร้าย"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์