เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 89 ผู้มากับเมฆหมอก
ตอนที่ 89 ผู้มากับเมฆหมอก
ตอนที่ได้ยินเสียงรถม้าผ่านมา รวมถึงเสียงสนทนาจากทางนั้น จี้หยวนตื่นเต็มตาจากสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นแล้ว
เหตุผลก็คือเขารู้สึกว่าการฝึกปราณนี้ได้ที่และควรจะจบลงแล้ว ถึงอยู่ในสภาวะฝึกปราณแล้วจะไม่กินแรงมาก แต่ร่างกายก็หิวอยู่บ้างจนยากจะทนได้ และอีกเหตุผลหนึ่งคือเป็นเพราะจี้หยวนได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
เป็นข้ารับใช้เว่ยถงผู้นั้น ตอนนั้นมีคุณชายเมาสุราตกน้ำจากบนเรือขนาดใหญ่ ข้ารับใช้ที่โมโหต่อว่าคนบังคับเรือก็คือเขานี่แหละ
จี้หยวนมีโอกาสพบคุณชายผู้นั้นแค่ครั้งเดียว ตัวเขาเองย่อมไม่มีความคิดว่าจำเป็นต้องพบอีกฝ่าย แต่จี้หยวนรู้สึกว่ายังต้องพบคุณชายจากตระกูลร่ำรวยผู้นี้สักหน่อย
ไม่ใช่เพื่อตัวเอง เพียงนึกถึงปลาชิงฮื้อตัวหนึ่ง ปลาชิงฮื้อตัวนั้นช่วยคุณชายผู้นี้เอาไว้ ก่อนหน้านี้อาจจะไม่เคยช่วยใครมาก่อน ภูตที่มีเมตตาเช่นนี้อย่างไรก็ควรได้รับการตอบแทนบ้าง และคุณชายผู้นี้ก็ความสามารถตอบแทนน้ำใจนั้นได้อย่างแน่นอน
ดังนั้นถือโอกาสตอนที่รถม้ายังไม่มาถึง จี้หยวนลุกขึ้นยืน สะบัดหยดน้ำบนร่างกาย แล้วกระโดดลงจากต้นไม้อย่างแผ่วเบา
แม้จะเป็นตอนกลางวัน แต่ตรงนี้เป็นจุดที่หมอกลงหนามากที่สุด มองเห็นได้ไม่ถึงสองจั้ง จี้หยวนคิดดูแล้วว่าคงจะไม่เหมาะสมหากไปขวางทาง จึงอาศัยการเดินช้าๆ ที่ข้างทางเอา
ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ รถม้าสามคันที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่มากตามจี้หยวนทันแล้ว ดูแล้วเหมือนกำลังจะแซงคนเดินถนนเพียงลำพังคนหนึ่ง
พลขับรถม้าและเว่ยถง ข้ารับใช้ที่ยื่นหน้าออกมองข้างนอกตลอดสังเกตเห็นคนเดินถนนตัวคนเดียว สวมเสื้อผ้าสีอ่อนโดยทันที แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
กลับเป็นพลขับรถม้าที่มีประสบการณ์มากกว่า มองออกว่าเสื้อผ้าของคนเดินถนนเปียกปอนอยู่รางๆ
จี้หยวนได้ยินเสียงหายใจของทุกคนในรถม้าแล้ว ตอนที่รถม้าคันแรกกำลังจะแซงเขาไป เขาคล้ายกับหันไปมองทางรถม้าโดยไม่ได้ตั้งใจครั้งหนึ่ง
เสียงกังวานใสดังขึ้น
“คุณชายบนรถม้าท่านนี้ จำเรื่องตกแม่น้ำวสันต์ได้หรือไม่”
เสียงของจี้หยวนฟังแล้วไม่ดังมาก แต่กลับกระทบโสตประสาตของทุกคน พวกพลขับอึดอัดใจไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ส่วนคนเหล่านั้นบนรถกลับตกอกตกใจกันหมดแล้ว
ข้ารับใช้นามว่าเว่ยถงมองไปทางจี้หยวนและเอ่ยปาก
“เจ้าก็คือแขกบนเรือประดับหอหรือ”
ข้ารับใช้คิดว่าจี้หยวนจำตัวเองได้ จึงรู้ว่าบนรถม้าจะต้องเป็นคุณชายของตนแน่ แต่กลับไม่คาดคิดว่าจี้หยวนไม่ได้มองเขาเลย
เพียงแต่มุมมองของปัญหานี้ทำให้จี้หยวนชะงักไปเล็กน้อย ทว่าคล้ายกับคิดดูให้ดีแล้วไม่มีอะไรผิดแปลก จึงแค่ส่ายหน้าปฏิเสธไป
“ฮ่าๆ…ข้าย่อมไม่ใช่แขกบนเรือประดับหออะไร แต่เจอกันโดยบังเอิญเท่านั้นเอง…”
ตอนนี้คุณชายบนรถวางหนังสือลงแล้ว แต่กลับไม่ได้ลุกขึ้นยื่นหน้าออกมามองคนข้างนอก เขาเป็นคนที่เป็นวรยุทธ์คนหนึ่ง การดื่มสุราเมาหนักจนตกน้ำแล้วยังต้องให้คนอื่นช่วยถือเป็นเรื่องขายหน้าอยู่บ้าง แม้เขาจะว่ายน้ำไม่เป็นก็ตาม
คุณชายไม่ส่งเสียง ข้ารับใช้กลับไม่รบกวน และไม่เชื่อคำพูดของจี้หยวนเช่นกัน
“ทำไม เจ้าเห็นคุณชายของพวกข้าตกน้ำแล้วชอบใจมากหรือ ตอนนั้นเจ้าต้องแอบหัวเราะอยู่ตรงมุมใดของเรือประดับหอแน่ เจ้าดูยากจนแท้ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าขึ้นเรือไปได้อย่างไร!”
ความจริงแล้วถึงการแต่งกายของจี้หยวนจะไม่ได้หรูหรา แต่กลับไม่นับว่ายากจนเช่นกัน ข้ารับใช้จงใจพูดจาถากถางอย่างแน่นอน
ถูกข้ารับใช้ชักจูงความคิดแบบนี้เดิมทีไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่คนบนรถในตอนนี้รู้สึกอึดอัดใจแล้วเช่นกัน
“เอาล่ะเว่ยถง ไม่ต้องพูดแล้ว ให้พลขับเร่งความเร็วหน่อย”
คุณชายในรถแค่นหัวเราะเสียงหนึ่ง ท่าทางเยือกเย็นอย่างสุดขีดบ่งบอกความไม่พอใจของตนเองแล้ว
พลขับเองเร่งฝีเท้าขึ้นแล้ว จูงม้าเดินไปข้างหน้า
เสียงทางนั้นยังไม่ขาดช่วง คุณหนูและสาวใช้ในรถม้าคันกลางกำลังคุยเล่น
“ชุนฟาง เมื่อครู่เจ้าได้ใช่เสียงคนผู้นั้นใช่หรือไม่”
“อืม ข้าก็ได้ยินเหมือนกันเจ้าค่ะ เหมือนกับคนเดินถนนมีธุระบางอย่าง แต่เว่ยถงผู้นั้นกลับมีปากเสียงกับเขาเฉยเลย”
“คนผู้นั้นเป็นใคร”
“ไม่รู้เจ้าค่ะ เหมือนจะบอกว่าวันนั้นก็อยู่บนเรือประดับหอและมองเห็นคุณชายตกน้ำ…”
คนที่นั่งอยู่ในรถม้าคันที่สามเป็นหญิงชราและข้ารับใช้อีกสองคน พวกเขาเปิดม่านรถม้ามองมาข้างหน้าเช่นกัน เพียงแต่เป็นเพราะหมอกลงหนายากจะมองเห็นชัดเจน ทว่าสีหน้าดูไม่พอใจไม่ต่างกัน
เห็นรถม้าเร่งความเร็วแล้ว จี้หยวนมุ่นคิ้วขึ้นมา คิดไว้แล้วว่าพูดเรื่องนี้แล้วจะถูกเกลียด แต่ไม่ยอมฟังคำอธิบาย หนำซ้ำต่อว่าจบแล้วก็จากไป นั่นออกจะเกินจริงเกินไปหน่อย
เขาเบิกตากว้างขึ้นเพื่อมองข้ารับใช้คนนั้น หลังจากสายตากวาดสมองรถม้าสามคันแล้ว จี้หยวนเอ่ยปากเสียงใสอีกครั้ง
“หยุดรถสักครู่เถอะ!”
ครั้งนี้เขาเพิ่มเสียงขึ้นหลายส่วน หางเสียงสั่นเครืออยู่บ้าง มันเป็นการผสมผสานระหว่างทักษะวิชายุทธ์และพลัง เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ส่งเสียงดังมาก แต่ทำให้คนได้ยินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกคันหู
ทว่าสิ่งที่เหนือความคาดหมายของจี้หยวนอยู่บ้างคือยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนองจากอีกฝ่าย ม้าแก่สี่ตัวลากรถม้าสามคันกลับค่อยๆ หยุดฝีเท้า ทำเอาพลขับหลายคนที่ลากพวกมันโซเซ ดึงอย่างไรก็ไม่ยอมขยับ ราวกับให้ตายอย่างไรสัตว์สี่ตัวนี้ก็ไม่อยากเดินแล้ว
รถพลันหยุดเคลื่อนไหว คนไม่น้อยในรถม้าสามคันล้วนโคลงเคลงไปข้างหน้า เว่ยถงที่ยื่นหน้าออกมายิ่งส่งเสียงว่า ‘ไอ้หยา’ เพราะเกือบจะกลิ้งตกจากรถม้า
คุณชายบนรถก็ตกใจอยู่บางเหมือนกัน หยิบกระบี่ที่อยู่ข้างตัวรถขึ้นมาทันที จากนั้นกระโดดลงจากรถอย่างแข็งขัน
เมื่อเห็นคุณหนูและสาวใช้บนรถข้างหลังอยากลงมาเหมือนกัน จึงรีบส่งเสียงห้ามไว้
“พวกเจ้ารออยู่บนรถ ชุนฟาง ดูแลคุณหนูให้ดี!”
ทันทีที่พูดจบ คุณชายที่ยังคงสวมเสื้อสีขาวมองพลขับที่กำลังจูงม้า แล้วจึงมองจี้หยวนที่ยืนอยู่ข้างๆ รถม้าไม่ไกลโดยไม่วางตา รู้สึกว่าคนผู้นี้คุ้นหน้าคุ้นตา
“ท่านเป็นใครกัน ต้องการพบข้าแซ่เว่ยมีธุระอะไร”
เสียงเมื่อครู่นี้แปลกมาก ที่รถคันนี้หยุดยิ่งผิดปกติ และไม่รู้ว่าเป็นเพราะระยะห่างหรือไม่ อีกฝ่ายให้ความรู้สึกว่าเป็นหนึ่งเดียวกับหมอกอย่างชัดเจน
ดูจากม้าพวกนี้ที่ไม่ยอมเดิน ไม่ว่าคนอื่นหรือคุณชายเสื้อขาวเอง ตอนนี้รู้สึกหวาดผวาเช่นเดียวกับการเจอภูตผีปีศาจกันถ้วนหน้า
จนกระทั่งตอนนี้ จี้หยวนถึงค่อยหยุดฝีเท้าเชื่องช้าของตัวเอง แล้วกลับหลังหันไปมองคุณชายผู้นั้น ยังคงสวมเสื้อผ้าสีขาวทั้งตัว ลักษณะของเข้าในตอนนี้เหมือนกับที่เห็นในเช้าตรู่ตอนนั้นทีเดียว
“อืม คุณชายท่านนี้เป็นจอมยุทธ์ที่มีฝีมือไม่ธรรมดาเชียว!”
เมื่อพูดประโยคนี้จบ จี้หยวนประสานมือขอโทษพลขับก่อน
“ขอรบกวนสักครู่ ข้าพูจบแล้วก็จะไป”
หลังจากสิ้นเสียง จี้หยวนมองไปรอบๆ น้ำเสียงเปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน
“คุณชายท่านนี้ตอนนั้นเมาสุราตกเรือ ไม่ทราบว่าจำภาพใต้น้ำได้หรือไม่”
“ใต้น้ำ?”
เห็นคุณชายผู้นั้นขมวดคิ้ว บวกกับตอนนี้เป็นเวลากลางคืน เขาควรจะไม่มีความประทับใจอะไร จี้หยวนก็ไม่ได้วุ่นวายอยู่กับคำถามนี้ น้ำเสียงจริงจังที่แสดงความผ่อนคลายและซ่อนความรู้สึกดังขึ้นอีกครั้ง
“เหนือแม่น้ำวสันต์ในคืนนั้น บนเรือประดับหอมีแต่ความสนุกสนาน ร่ำสุราหาความสุข ตอนคุณชายเมามายตกลงสู่แม่น้ำ เดิมควรจะตายตกอยู่ในแม่น้ำวสันต์แล้ว ทว่าปลาชิงฮื้อตัวหนึ่งประคองเจ้าขึ้นสู่ผิวแม่น้ำ อีกทั้งรอคนบังคับเรือหลายคนมาช่วยเจ้าอีก ไม่ทราบว่าคุณชายจำอะไรได้บ้างหรือไม่”
ตอนนี้เพราะจี้หยวนไม่ได้ฝึกปราณแล้ว หมอกจางลงไปมาก ทว่าเพราะการปรากฏตัวของเขาและคำพูดที่ทำให้คนฟังตื่นตกใจ คนที่อยู่ในเหตุการณ์จึงไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของหมอกเลย
ปลาชิงฮื้อช่วยคน?
คุณชายผู้นั้นมีสีหน้าประหลาดใจ เพราะในความฝันของเขาคืนนั้นปรากฏสีขาวเขียววาดผ่านตรงหน้าอยู่ตลอด จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นก็ยังสับสนไม่แน่ใจ หรือว่าจะเป็นปลาชิงฮื้อตัวหนึ่งจริงๆ
จากนั้นคุณชายเสื้อขาวก็พลันนึกอะไรขึ้นได้ มองจี้หยวนพลางกล่าว
“เจ้าคือคนที่กินโจ๊กอยู่บนเรือลำเล็กหรือ”
“ฮ่าๆ อาจจะใช่ อาจจะไม่ใช่ คุณชายเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ หากมีใจอยากตอบแทนบุญคุณ เวลานี้ในทุกๆ ปีส่งคนหรือไปเทสุราข้าวหนึ่งไหที่ส่วนนั้นของแม่น้ำวสันต์ด้วยตัวเอง สลักรูปปั้นปลาชิงฮื้อและวางไว้ที่บ้านด้วย หากมีเวลาว่างก็อธิษฐานสักครั้ง นับว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณช่วยชีวิตแล้ว”
แม้จะบอกว่าเรื่องบางเรื่องบังคับขอกันไม่ได้ แต่จี้หยวนก็ไม่อยากให้ความอุตสาหะของตัวเองสูญเปล่าไปง่ายๆ ‘ปรากฏตัวให้เห็น’ เล็กน้อยสักครั้งไม่เป็นไรหรอก
คร้านจะรออีกฝ่ายมีปฏิกิริยาอะไร จี้หยวนมองข้ารับใช้คนนั้นครั้งหนึ่ง แล้วค่อยประสานมือให้คุณชายเล็กน้อยแม้จะรู้สึกไม่แยแสแค่ไหนก็ตาม
“พบคนมองเสื้อผ้าก่อน พบข้ารับใช้เหมือนได้พบเจ้านาย ไปทำสิ่งดีๆ ให้ตนเองเถอะ!”
เมื่อพูดจบแล้ว จี้หยวนกลับหลังหันเดินหน้าไป ไอน้ำบนเสื้อที่เปียกชุ่มระเหยไประหว่างเดิน ราวกับว่ารอบกายมีหมอกมหัศจรรย์วนเวียนอยู่ หมอกโดยรอบก็กระจายหายไปอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน
เพียงเวลาแค่ไม่กี่ลมหายใจ ตอนที่หมอกยังจางลงไม่หมด จี้หยวนเดินเข้าสู่หมอกและหายไปไม่เห็นเงา ทว่าผ่านไปไม่เท่าไหร่หมอกก็จางลงโดยสิ้นเชิง ตรงหน้าและตรงที่ไกลออกไปไร้แววของ ‘ผู้สวมเสื้อสีเทา’ เมื่อครู่แล้ว
“หมอกจางแล้วหรือ คนผู้นั้นเล่า เหตุใดไม่เห็นแล้ว”
“พวกเจ้าเห็นหรือไม่ นั่นไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ!”
“ข้าก็ไม่รู้สึกว่าเหมือนสิ่งชั่วร้าย…พวกเราพบเทพเซียนจริงๆ หรือนี่!?”
พลขับหลายคนทั้งตกใจทั้งตื่นเต้น ส่งเสียงดังไม่ยอมหยุด ยิ่งพูดก็ยิ่งแน่ใจว่าที่เห็นคือเซียน โดยเฉพาะหมอกที่ทำให้รู้สึกสบายตัวหายจากไปตามคนผู้นั้น นั่นยิ่งอธิบายคำถามนี้ชัดเจน
บนรถม้าคันข้างหลัง สาวใช้ คุณหนู ไปจนถึงหญิงชราและข้ารับใช้ล้วนลงจากรถแล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้จะยังรออยู่บนรถได้อย่างไร
เห็นโลกสดใสที่หมอกจางหายไปในทันที ได้ยินพวกพลขับยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น ทุกคนก็มีความรู้สึกมหัศจรรย์ใจอย่างยิ่งยวด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตัวคุณชายเสื้อขาวเลย
“ท่านพี่ ท่านพี่!!”
“หืม?”
คุณชายมองไปทางน้องหญิงของตนเองราวกับตื่นจากฝัน
“ไอ้หยา! เหตุใดพี่ชายไม่ตามไปเล่า ท่านเป็นวิชายุทธ์ไม่ใช่หรือ!”
คุณชายเสื้อขาวหันไปมองข้างหน้า แล้วเงยหน้ามองเมฆดำกลางท้องฟ้า…น้องหญิงพูดง่ายเสียเหลือเกิน ตาม? จะตามไปอย่างไร
ว่ากันว่าเซียนเหยียบเมฆขี่หมอกได้ เมื่อหมอกจางไปแล้ว เกรงว่าอีกฝ่ายคงเหยียบเมฆหมอกบินไปแล้วกระมัง…