เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 142 ทำไมฉันต้องไว้หน้านายด้วย
บทที่ 142 ทำไมฉันต้องไว้หน้านายด้วย
“แกกล้าเล่นงานฉันเหรอ?” ชายหนุ่มผู้ถูกถีบล้มไปลุกขึ้นยืนใบหน้าบิดเบี้ยว
เขาสแกนดูข้อมูลของซูเย่
พบว่าตนเองถูกถีบโดยผู้ที่เปิดจุดลมปราณได้เพียงจุดเดียวเท่านั้น!
นั่นยิ่งทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มบิดเบี้ยวมากกว่าเดิม
รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้น
“ถือว่าแกรนหาที่ตายเองนะเฟ้ย!” ชายหนุ่มร้องคำราม ก่อนจะพุ่งกระโจนเข้าใส่ซูเย่
กำปั้นที่เคยจัดการคู่ต่อสู้มานับไม่ถ้วน หมายจะกระแทกใส่หน้าอกของซูเย่
ซูเย่ถลันกายเข้าหาอย่างไม่หวาดกลัว
เขาใช้มือกระแทกใบหน้าคู่ต่อสู้
ส่งผลให้ชายหนุ่มผู้โอหังล้มคะมำลงไปอีกครั้ง
“ผลั่ก!”
เสียงศีรษะกระแทกพื้นดังสนั่น
สังเวียนต่อสู้มีพื้นทำจากหิน พื้นหินเกิดรอยแตกร้าวขึ้นมาแล้ว
“เชี่ย คงเจ็บน่าดูเลยนะนั่น!”
“แค่เห็นฉันก็เจ็บหัวตามไปด้วยแล้วเนี่ย!”
“แต่เขาก็ทำกับคนอื่นแบบนี้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
ชายหนุ่มใบหน้าดุร้ายทุบตีผู้คนบนเวทีประลองเป็นว่าเล่น นี่คงได้เวลาที่เวรกรรมจะตามสนองเขาบ้างแล้วใช่หรือไม่?
เมื่อกลุ่มคนดูพูดมาถึงตรงนี้ พวกเขาก็อดส่งเสียงหัวเราะเยาะไม่ได้ การถูกจับพลิกตัวจนศีรษะกระแทกพื้น คือสิ่งที่พวกเขาหวาดกลัวมาตลอด แต่เมื่อเห็นตัววายร้ายโดนกระทำเช่นนั้นบ้าง ทุกคนก็รู้สึกคึกคักแจ่มใสขึ้นมา
หลายคนตบมือและส่งเสียงเชียร์อย่างถูกอกถูกใจ
คนที่เคยรังแกคนอื่น ก็สมควรถูกรังแกบ้างเช่นกัน!
บนสังเวียน
ซูเย่ย่างสามขุมตรงเข้าไปหาคู่ต่อสู่
ก่อนจะกระชากคอเสื้อดึงฝ่ายตรงข้ามลุกขึ้นมา
“ไม่ต้องห่วง นายยังไม่ตายหรอก เพราะฉันยังไม่ได้เอาจริง”
เขาใช้มือขวาตบใบหน้าคู่ต่อสู้อย่างแรง
“เพี๊ยะ!”
หลังจากถูกตบหน้าอย่างเเรง
ชายหนุ่มใบหน้าดุร้ายผู้สลบเหมือด ก็พลันได้สติขึ้นมา
เขาสะบัดศีรษะอย่างแรง เพื่อเรียกสติไล่ความมึนงง
แต่ยังไม่ทันตั้งสติได้
“ผลั่ก!”
กำปั้นก็ถูกกระแทกเข้าใส่ปากของเขา
“ชอบรังแกคนอื่นนักใช่ไหม!”
ซูเย่คำรามเสียงดังกังวาน
“แกกล้าดี…”
อีกฝ่ายที่โกรธจัดะตะโกนด้วยความเดือดดาล
แต่พูดไม่ทันจบประโยค
“ผลั่ก!”
กำปั้นก็กระแทกเข้าใส่ปากอีกครั้ง
“ขอร้องอ้อนวอนฉันสิ!”
ซูเย่พูดเสียงเรียบ
“ขอร้องบ้านพ่อแกสิ…”
อีกฝ่ายคำรามสวนกลับมา
“ผลั่ก!”
กำปั้นกระแทกเข้าใส่ใบหน้าอีกครั้ง
“ขอร้องให้ฉันยกโทษให้!”
“ไม่มีทาง…”
“ผลั่ก!”
หลังจากนั้นไม่นาน ชายหนุ่มใบหน้าดุร้ายก็ถูกกำปั้นของซูเย่ซัดกระหน่ำเข้ามาอีกหลายหมัด สุดท้าย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือด
เหล่าคนดูที่อยู่โดยรอบถึงกับตกตะลึงพูดอะไรไม่ออก เห็นได้ชัดว่านี่คือการสั่งสอนบทเรียนสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการรังแกคนอื่น
เรียกได้ว่าเวรกรรมติดจรวดกลับมาตอบสนองเร็วเหลือเกิน!
“จะอ้อนวอนขอความเมตตาจากฉันได้หรือยัง?”
ซูเย่ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“หึหึ ฮ่าฮ่าฮ่า…”
ชายหนุ่มใบหน้าดุร้ายจ้องมองซูเย่ด้วยดวงตาแดงฉานจากหยดเลือด แต่ใบหน้าไม่ปรากฏความหวาดกลัวแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้าม เขากลับยิ้มออกมาด้วยความท้าทายเสียด้วยซ้ำ
“ผลั่ก!”
หลังจากนั้นจึงถูกอัดน่วม
กำปั้นของซูเย่เพิ่มน้ำหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ไม่ยอมขอความเมตตาจากฉันใช่ไหม!”
“ฟู่!”
หลังจากถูกซูเย่ต่อยหน้ารัว ๆ ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าดุร้ายก็ต้องกระอักเลือดออกมาจากปาก พร้อมกับฟันที่หลุดออกมาด้วยหลายซี่
“จะไม่ยอมขอร้องฉันใช่ไหม”
ซูเย่ถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
ขณะนี้
รอยยิ้มเหยียดหยามบนใบหน้าของฝ่ายตรงข้ามได้สลายหายไป แม้แต่กล้ามเนื้อริมฝีปากก็ไม่สามารถกระตุกได้แล้วด้วยซ้ำ
แต่เขายังไม่หยุดมือ
“ผลั่ก!”
“พรวด!”
ชายหนุ่มผู้ถูกสั่งสอนมีฟันหลุดออกมาอีกสองซี่
ไม่ใช่เพียงสีหน้าที่เปลี่ยนไปเท่านั้น แม้แต่แววตาที่บ้าคลั่งและอวดดีก็จางหายไป เพราะมันถูกแทนที่ด้วยแววตาแห่งความตื่นตระหนกแล้วนั่นเอง
“ขอร้องอ้อนวอนฉันสิ”
ซูเย่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ฉัน…”
“ผลั่ก!”
“อย่าทำอะไรฉันเลย ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย”
ในที่สุด ชายหนุ่มก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ต้องเอ่ยปากขอร้องอ้อนวอนออกมา
ชีวิตนี้ชายหนุ่มไม่เคยพบเห็นใครมีแววตาน่ากลัวขนาดนี้มาก่อน ชายหนุ่มแปลกหน้าผู้เปิดจุดลมปราณได้เพียงจุดเดียว มีความนิ่งเฉยเย็นชา เสมือนเครื่องจักรสังหารที่ปราศจากความรู้สึก…
นี่คือครั้งแรกในชีวิตที่ชายหนุ่มรู้สึกหวาดกลัว
“ได้โปรดเมตตาฉันด้วย ฉันผิดไปแล้ว!”
“ผลั่ก!”
ซูเย่ยกมือขวาต่อยใบหน้าคู่ต่อสู้หนักหน่วง
“ไม่เห็นได้ยินเลย”
ซูเย่ว่า
“ฉันผิดไปแล้ว ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย!”
ชายหนุ่มเริ่มขอร้องอ้อนวอนด้วยความหวาดกลัว
ขณะนี้เขารับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด
จนในตอนนี้เขาทนความเจ็บปวดไม่ไหวอีกแล้ว
“พูดให้มันดัง ๆ หน่อย”
ซูเย่ยืดตัวยืนตรง และกระทืบเท้าลงไปที่ขาของฝ่ายตรงข้าม
กร๊อบ!
ได้ยินเสียงกระดูกแตกหักดังชัดเจน
“อ๊ากกก!!!”
เสียงร้องโหยหวนดังกังวานทั่วสังเวียนประลองยุทธ์ ในขณะที่ชายหนุ่มใบหน้าดุร้ายขดตัวงอด้วยความเจ็บปวด
“ฉันบอกว่าไม่ได้ยิน”
ซูเย่พูดด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึก
“ฉันยอมแพ้แล้ว ได้โปรดเมตตาฉันด้วย ฉันผิดเอง ฉันจะไม่รังแกใครอีกแล้ว!”
“ฉันขอโทษ อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ…”
ผู้ที่เคยสร้างความเจ็บปวดให้แก่คนอื่น บัดนี้ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดเหล่านั้นบ้างแล้ว
ผู้ที่เคยบังคับให้คนอื่นต้องขอร้องอ้อนวอนตนเอง บัดนี้ก็ต้องมาขอร้องอ้อนวอนผู้อื่นบ้างแล้ว
ด้านล่างสังเวียนต่อสู้
กลุ่มคนดูมีสีหน้าสะใจเป็นอย่างยิ่ง
นี่แหละการแก้แค้นที่สมบูรณ์แบบที่สุด!
ทันใดนั้น
ชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่เดินเข้ามาพร้อมกับระเบิดเสียงคำรามว่า
“ในเมื่อคนเขาสำนึกผิดแล้ว ก็สมควรยกโทษให้สิวะ”
ชายหนุ่มกลุ่มใหญ่เดินมายืนอยู่ข้างสังเวียนประลอง ก่อนจ้องมองซูเย่ด้วยสีหน้าถมึงทึง แววตาบอกชัดถึงการตักเตือนและข่มขู่
ซูเย่หันกลับมามองหน้าผู้มาเยือน และถามว่า “ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคนรู้จักของนายบ้าง นายจะยกโทษให้หรือเปล่า?”
หัวหน้ากลุ่มชายหนุ่มพยักหน้า
“แต่เมื่อกี้เพื่อนฉันถูกรังแก ทำไมพวกนายไม่ออกมาห้าม?”
พูดจบ
ซูเย่ก็ยกเท้าขวาขึ้นและกระทืบลงไปเต็มแรง
เขากระทืบลงไปที่ขาอีกข้างหนึ่งของคู่ต่อสู้บนสังเวียน
“อ๊าก!!!”
เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทรมานดังขึ้นอีกครั้ง
ชายหนุ่มผู้ถูกเหยียบขาเจ็บปวดจนเกือบเป็นลมไปแล้ว
เขาใกล้หมดสติ แต่ยังไม่หมดสติ
“นายสั่งสอนเขามากพอแล้ว”
หัวหน้ากลุ่มชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างสังเวียนพลันมีสีหน้าโกรธแค้นชัดเจน แต่เขาก็พยายามข่มกลั้นโทสะ กดแสดงชื่อไอดีของตนเองขึ้นมาเหนือศีรษะและพูดว่า “ถือว่าเห็นแก่หน้าฉันหน่อยก็แล้วกัน”
ทุกคนจ้องมองชื่อไอดีของชายหนุ่มผู้นั้น : เหมาเก๋อจู่เหริน
“หา?”
“นี่มันคนที่อยู่อันดับหนึ่งไม่ใช่เหรอ!”
“ที่แท้ก็เป็นหมอนี่เอง คิดไม่ถึงเลยแฮะ ดูจากลักษณะท่าทางแล้ว คงไม่ใช่คนดีแน่ ๆ”
กลุ่มคนดูรอบสังเวียนเริ่มส่งเสียงซุบซิบนินทา
เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ในขณะนี้ เห็นได้ชัดว่ากลุ่มชายหนุ่มผู้มาใหม่ เป็นพวกเดียวกับคู่ต่อสู้ที่ถูกซูเย่สั่งสอน และพวกเขาคงไม่ใช่คนที่รับมือด้วยได้ง่าย ๆ
“ทำไมฉันต้องไว้หน้านายด้วย?”
ถึงจะเห็นแล้วว่าฝ่ายตรงข้ามมีชื่อไอดีว่าอะไร แต่ซูเย่กลับไม่ได้สนใจสักนิด ซ้ำเขายังหัวเราะเหยียดหยามออกมาอีกด้วย
“พวกเรา แสดงชื่อไอดีให้หมอนี่ดูหน่อย!”
เหมาเก๋อจู่เหรินคำรามพร้อมกับโบกสะบัดมือ
ทันใดนั้น กลุ่มคนผู้ติดตามซึ่งมีจำนวนเกือบ 300 คน ก็แสดงชื่อไอดีของตนเองออกมา
ท้ายชื่อของเหล่าผู้เล่นเหล่านี้ ปรากฏชื่อกลุ่มระบุเอาไว้ด้วยว่า : กลุ่มเก็บกวาดสุนัขข้างถนน
ชายหนุ่มผู้ที่อยู่ใต้เท้าของซูเย่รู้สึกได้ถึงความหวังที่กลับคืนมา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโล่งใจ ก่อนที่จะกดแสดงชื่อไอดีของตนเองให้ซูเย่ได้เห็นเช่นกัน
“ฉวนเย่ชะชะช่า”
ด้านหลังชื่อไอดีก็แสดงข้อมูลว่าเขาอยู่ในกลุ่มเก็บกวาดสุนัขข้างถนน
“ที่นายต้องเห็นแก่หน้าฉัน ก็เพราะว่าในอนาคตต่อจากนี้ ถ้านายกับเพื่อน ๆ อยากจะเล่นโหมดสังเวียนผู้กล้าอย่างสงบสุข ก็อย่ามีปัญหากับพวกฉันเด็ดขาด”
เหมาเก๋อจู่เหรินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“จริงหรอ?”
ซูเย่หันกลับไปมองหน้ากลุ่มชายหนุ่มที่ยืนล้อมรอบเวทีประลอง จากนั้นเขาจึงกระทืบเท้าลงไปอีกครั้ง
กร๊อบ!
เสียงกระดูกแตกหักดังชัดเจน
ชายหนุ่มบนสังเวียนที่ความเจ็บปวดกำลังคลี่คลายลงไปบ้าง ความทุกข์ทรมานทั้งหมดก็กลับคืนมาอีกครั้งเมื่อซูเย่เหยียบเท้าใส่ขาข้างที่บาดเจ็บของเขาต่อจากเดิม
“ทำไมฉันต้องไว้หน้านายด้วย?”
ซูเย่ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาไม่แพ้กัน
“แก!” เหมาเก๋อจู่เหรินคำรามด้วยความเดือดดาลก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนเวที
บรรดาคนดูที่อยู่โดยรอบเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
“เป็นเรื่องแล้วสิทีนี้”
“หมอนี่น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“เพิ่งเข้าเล่นสังเวียนเป็นวันแรก ดันมีเรื่องขัดใจกับขาใหญ่เข้าซะแล้ว ซวยแท้ ๆ”
“ฉันว่าตายศพไม่สวยแหง!”
กลุ่มคนดูพูดคุยเสียงแผ่วเบา ไม่มีใครกล้าพูดออกมาเสียงดัง เพราะกลัวว่าจะทำให้ ‘เหมาเก๋อจู่เหริน’ เกิดความไม่พอใจขึ้นมา
“สรุปว่า”
เหมาเก๋อจู่เหรินมองหน้าซูเย่ พูดเสียงเย็นเยียบ “นายไม่ยอมเห็นแก่หน้าฉันเอง เพราะฉะนั้น จะมาหาว่าฉันทำรุนแรงเกินไปไม่ได้นะโว้ย!”
พูดจบ
“กร๊อบ!”
“อ๊าก!!!”
เสียงกระดูกแตกหักดังขึ้นชัดเจน ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของชายหนุ่มใบหน้าดุร้าย
เหมาเก๋อจู่เหรินใบหน้ากระตุกด้วยความโกรธแค้น
เขารีบส่งคำเชิญท้าสู้ไปให้ซูเย่
“คุณได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมสังเวียน ยินดีตอบรับคำเชิญหรือไม่?”
หน้าต่างข้อความเด้งขึ้นมาเบื้องหน้าซูเย่
ไม่รอช้าเขากดโดยไม่ลังเล
“รับคำเชิญ”
ซูเย่ตัดสินใจได้ไม่ยาก
เหมาเก๋อจู่เหรินคิดไม่ถึงเลยว่าซูเย่จะตอบรับคำเชิญด้วยใบหน้าที่มั่นใจถึงขนาดนั้น แต่เมื่อเขาตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นของชายหนุ่มฝ่ายตรงข้าม กลับต้องชะงักเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ
“ที่แท้นายก็คือเจ้าเวรกรรมที่ได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งของเซิร์ฟเวอร์โหมดเกมปกตินี่เอง”
เหมาเก๋อจู่เหรินหลุดอุทานออกมา
บรรดาผู้เป็นลูกน้องรีบตรวจสอบข้อมูลของชายหนุ่มบนเวทีด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน
ปรากฏว่า
‘เวรกรรม ทำไมถึงตั้งชื่อยากเย็นขนาดนี้ฮะ’ กลับมีคะแนนเป็นอันดับสุดท้ายในโหมดสังเวียนผู้กล้า!
เขาเพิ่งเปิดจุดลมปราณได้เพียงจุดเดียวเท่านั้น
ฝีมือยังห่างชั้นกันมากเกินไป
บรรดาคนดูอดรู้สึกเป็นห่วงซูเย่ขึ้นมาไม่ได้
ซูเย่กลับจ้องมองเหมาเก๋อจู่เหรินด้วยแววตาไม่ยี่หระ “ดูเหมือนนายจะลืมไปเรื่องนึงนะว่า ฉันขึ้นมาอยู่บนเวทีนี้โดยไม่ได้ส่งคำเชิญ เพราะฉะนั้น นั่นหมายความว่าลูกน้องของนายโดนฉันอัดไปฟรี ๆ แล้วล่ะ”
ได้ยินดังนี้เอง ใบหน้าของเหมาเก๋อจู่เหรินก็แข็งค้างไปทันที
นี่คือเรื่องที่เขาไม่รู้จริง ๆ ถ้าเขารู้ ก็คงไม่เสียเวลาส่งคำเชิญให้อีกฝ่ายหรอก
“แต่ในเมื่อนายอุตส่าห์ส่งคำเชิญมาทั้งที ฉันก็ขอรับเอาไว้แล้วกัน”
ระหว่างที่พูด เท้าของเขาก็เหยียบลงไปบนลำคอของชายหนุ่มที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นสังเวียน
“ลูกพี่ครับ ช่วยผมด้วย!”
ฉวนเย่ชะชะช่าร้องตะโกนด้วยความหวาดกลัว เขารู้สึกได้ถึงน้ำหนักเท้าที่กดทับลงมาบริเวณลำคอ
ทำให้หายใจแทบไม่ออกแล้ว
ความรู้สึกกลัวตายปรากฏขึ้นมาในจิตใจ
“นอกจากกล้ารับคำท้าของฉันแล้ว แกยังกล้าทำร้ายลูกน้องต่อหน้าฉันอีกด้วย วันนี้ฉันคงปล่อยแกไปไม่ได้อีกแล้ว!” เหมาเก๋อจู่เหรินแผดเสียงคำรามและพุ่งโจมตีซูเย่
เขามีความเร็วน่าหวาดกลัว เพียงพริบตาเดียวก็มาประชิดตัวซูเย่แล้ว
แต่ในจังหวะที่กำปั้นของเขากำลังจะกระแทกเข้าใส่ใบหน้าของซูเย่
ซูเย่ก็ลงมือ
ด้วยความรวดเร็วที่มากกว่า
เขากระแทกฝ่ามือขวาออกไปข้างหน้า
ปะทะเข้าใส่ใบหน้าของเหมาเก๋อจู่เหริน
“ผลั่ก!”
เหมาเก๋อจู่เหรินผู้อยู่อันดับหนึ่งของเซิร์ฟเวอร์โหมดสังเวียนผู้กล้า ยังไม่ทันได้สัมผัสตัวของซูเย่ เขาก็ถูกชายหนุ่มกระแทกหน้าหงายลอยกระเด็นกลับออกมา
“เหมาเก๋อจู่เหริน?”
ซูเย่ปรายตามองฝ่ายตรงข้ามด้วยความเหยียดหยาม ก่อนพูดเน้นย้ำทีละคำว่า “มีดีเพียงแค่นี้เองเหรอ?”
พูดจบ
ซูเย่ก็กระทืบเท้าลงไปอย่างแรงอีกครั้ง
“กร๊อบ!”
ได้ยินเสียงกระดูกแตกหัก
เพราะชายหนุ่มกระทืบเท้าลงไปที่ลำคอของฉวนเย่ชะชะช่าสุดแรงขา