เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 154 โลดแล่นด้วยเฉิงหวงเทพเจ้า
บทที่ 154 โลดแล่นด้วยเฉิงหวงเทพเจ้า
หยกปราณธรรมชาติหนึ่งชิ้นสามารถอัปเลเวลได้สองระดับเชียวหรือ?
ไม่ว่าใครเห็นข้อความเหล่านี้ต่างก็ต้องน้ำลายไหลทั้งนั้น
นี่หมายความว่าถ้าพวกเขาสามารถทำภารกิจได้สำเร็จและสามารถรวบรวมหยกปราณธรรมชาติได้สักสองสามชิ้น พวกเขาก็จะกลายเป็นผู้เล่นอันดับหนึ่งของเซิร์ฟเวอร์เลยน่ะสิ?
แต่สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่การทำภารกิจเท่านั้น เพราะผู้เล่นต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนสำหรับการรับหยกปราณธรรมชาติด้วยเช่นกัน
ทว่า เมื่อมีโอกาสมาถึงตรงหน้าแล้ว คนเราจะไม่ไขว่คว้าเอาไว้ได้อย่างไร!
วินาทีนั้น กลุ่มผู้เล่นที่เปิดดูภารกิจพิเศษต่างก็ส่งเสียงฮือฮาออกมาด้วยความตื่นเต้น
“พวกเรามาทำภารกิจพิเศษกันเถอะ! จะได้มีโอกาสอัปเลเวลสักที!”
เหล่าผู้เล่นจำนวนมากตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว
หลังจากนั้น
พวกเขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังเขตพื้นที่ซึ่งลูกศรนำทางได้ชี้ทางเอาไว้
ภารกิจพิเศษอย่างนั้นหรือ?
ซูเย่เปิดแผนที่ดูด้วยความฉงนสงสัย และพบว่าเขตพื้นที่สำหรับการรับภารกิจอยู่ไม่ไกลจากตรงที่เขายืนอยู่ตอนนี้สักเท่าไหร่ บริเวณนั้นเป็นภูเขาอสูร มีสัตว์ประหลาดอยู่ก็จริง แต่ไม่ใช่พวกที่มีระดับสูงเท่าไหร่นัก
“บนแผนที่เหมือนจะมีโบราณสถานอยู่ด้วยเลยแฮะ?”
ซูเย่คิดด้วยความตื่นเต้น
เขามีความสนใจต่อทุกสิ่งทุกอย่างในโลกของเกม Fantasy Dream ที่แท้จริง ไม่ว่าเป็นสิ่งใดมันก็ควรค่าต่อการสืบสวนทั้งนั้น บางทีซูเย่อาจได้ค้นพบความลับที่รัฐบาลซุกซ่อนไว้ในเบื้องหลังเกมออนไลน์เกมนี้ก็ได้
เมื่อเดินตามลูกศรนำทางไปเรื่อย ๆ ซูเย่ก็มาถึงบริเวณตีนเขาซึ่งมีชื่อว่า ‘ภูเขาไป๋ซานฝั่งตะวันออก’
ยอดเขาเต็มไปด้วยก้อนเมฆหนาแน่น
บริเวณตีนเขาไม่มีสัตว์ประหลาด
ผู้เล่นจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็พยายามปีนขึ้นไปสู่ยอดเขาด้วยความตื่นเต้น
ชายหนุ่มมุ่งหน้าขึ้นสู่ยอดเขาด้วยความรวดเร็ว
เมื่อขึ้นมาถึงยอดเขาแล้ว
เขาก็พบว่าเบื้องหน้าเขามีอาคารหลังเก่าที่มีลักษณะทรุดโทรมเป็นอย่างมาก
ประตูทองเหลืองสูงใหญ่ทรงสามเหลี่ยมเหมือนพีระมิดคือทางเข้าอาคารเก่าแก่หลังนี้ และสภาพความสึกหรอของบานประตู ก็บอกชัดเจนว่ามันตั้งอยู่ที่นี่มานานมากแล้ว
กลุ่มผู้เล่นที่ไปถึงก่อนหน้าพยายามจะเดินเข้าไปเปิดประตู
แต่บานประตูไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
เพราะพวกเขายังไม่สามารถเข้าถึงประตูได้ด้วยซ้ำ ร่างกายก็ถูกดีดสะท้อนกลับออกมา เหมือนมีกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นอยู่ตรงกลาง
นั่นเอง ทุกคนจึงเข้าใจแล้วว่าภารกิจการสำรวจครั้งนี้ หมายถึงการสำรวจโลกที่อยู่หลังบานประตูทองเหลืองนั่นเอง ตราบใดที่สามารถเปิดประตูทองเหลืองเข้าไปด้านในได้ ก็จะถือว่าพวกเขาทำภารกิจสำเร็จ!
ของรางวัลรออยู่ตรงหน้าแล้ว!
“ให้ตายสิ!”
กลุ่มผู้เล่นจำนวนมากได้แต่สบถคำหยาบอยู่ในใจระหว่างหาทางเข้าใกล้ประตูทองเหลืองให้ได้
หลายคนเดินไปยืนตะโกนหน้าประตูว่า
“ประตูวิเศษจงเปิดออกเดี๋ยวนี้!”
“เปิดออกมาเดี๋ยวนี้นะ ไอ้ประตูบ้า!”
“สวัสดีครับ มีใครอยู่ข้างในหรือเปล่า ช่วยเปิดประตูให้เราหน่อย!”
“มีของมาส่งคร้าบ คุณเจ้าของบ้านช่วยเปิดประตูหน่อยคร้าบ!”
ซูเย่พูดอะไรไม่ออก
ความพยายามของผู้เล่นเหล่านี้เกินความคาดคิดของเขาจริง ๆ
แต่ไม่ว่าทุกคนจะพยายามอย่างไร ก็ไม่สามารถเข้าใกล้ประตูได้อยู่ดี
“เกมในโลกเสมือนแบบนี้คงสร้างค่ายอาคมถาวรไม่ได้แน่ อีกอย่าง นี่คือภารกิจ หมายความว่าหน้าประตูต้องมีม่านพลังบางอย่างที่ป้องกันไม่ให้คนเล่นเดินเข้าไปใกล้สินะ?”
ซูเย่คิดอยู่ในใจ
เขาก้าวเท้าออกไปข้างหน้าพร้อมกับแผ่พลังลมปราณออกไป
“วูบ…”
แล้วม่านพลังที่เป็นคลื่นน้ำสีทองคำบาง ๆ ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทุกคน
“อะไรกันเนี่ย?”
ผู้เล่นจำนวนมากรีบผงะถอยหลังและเงยหน้ามองด้วยความตกใจ
ม่านพลังสีทองคำกำลังพลิ้วไหวเป็นระลอกคลื่นเหมือนผิวน้ำ และบนม่านพลังนี้ก็มีสัญลักษณ์บางอย่างปรากฏขึ้นมา
“แบบนี้เองสินะ?”
ซูเย่ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นสัญลักษณ์บนม่านพลัง
“นี่มันผังเซียนเทียนปากั้วไม่ใช่หรือไง?”
ซูเย่รู้ดีว่าในโลกยุคโบราณมีคนจำนวนมากใช้ผังเซียนเทียนปากั้วเป็นเครื่องมือกำหนดรหัสลับ
ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็แตะมือลงบนสัญลักษณ์บางจุดที่อยู่บนม่านพลังนั้น
“คลิก!”
ฉับพลันนั้น ม่านพลังทองคำก็เคลื่อนไหวเหมือนระบบกลไกเริ่มทำงาน
“แค่นี้เองรึ?”
รอยยิ้มยังคงปรากฏอยู่ที่มุมปากของซูเย่ ดูเหมือนรหัสผ่านจะไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่เขาคิด
เพียงลองดูครั้งแรก เขาก็สามารถเปิดม่านพลังได้แล้ว
หลังจากนั้น ซูเย่ก็เดินทะลุเข้าไปในม่านพลังและหายวับไปต่อหน้าต่อตาทุกคน
เมื่อเห็นดังนั้น กลุ่มผู้เล่นก็พากันปากอ้าตาค้างไปตาม ๆ กัน
เข้าไปได้แล้วหรือ?
ถ้างั้น…พวกเขาจะรอช้าอยู่ทำไม!
ทุกคนรีบวิ่งตามเข้าไปด้วยความตื่นเต้น
แต่ก็ถูกพลังสะท้อนกลับออกมาเช่นเดิม
พวกเขาได้แต่จ้องมองไปที่ม่านพลังนั้นอีกครั้ง
ม่านพลังยังคงครอบคลุมอยู่เบื้องหน้าประตูทองเหลืองไม่เปลี่ยนแปลง
“นี่มันอะไรกันเนี่ย? ทำไมหมอนั่นถึงเข้าไปได้? แล้วทำไมเราถึงเข้าไปไม่ได้ล่ะ?”
“เมื่อกี้หมอนั่นมันพูดว่าอะไรนะ? มีใครสังเกตบ้างไหมว่าเขาทำอะไรก่อนเข้าไปหรือเปล่า?”
เสียงบ่นด้วยความไม่พอใจดังขึ้นอื้ออึง
จังหวะนั้น
ผู้เล่นคนหนึ่งพูดออกมาว่า “ดูเหมือนเขาจะแตะมือลงไปที่ม่านพลังพลังนะ”
ว่าไงนะ?
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็หยุดชะงัก
แต่พอลองลุกขึ้นยืนนำมือไปสัมผัสบนม่านพลังบ้าง พวกเขาก็ยังเข้าไปไม่ได้อยู่ดี
…
ณ สำนักงานใหญ่ของผู้ผลิตเกม Fantasy Dream
“มีผู้เล่นเข้าสู่เขตสนธยาของภูเขาไป๋ซานฝั่งตะวันออกได้แล้วครับ!”
“ว่าไงนะ?!”
“เป็นไปได้ยังไง? ขนาดทีมสำรวจของรัฐบาลใช้เวลาตั้งหลายปีก็ยังเปิดม่านพลังเข้าไปไม่ได้ แต่กลับมีผู้เล่นเกมผ่านเข้าไปได้จริง ๆ เหรอ?”
“พวกเราไม่รู้เลยครับว่าเขาสามารถเปิดม่านพลังเข้าไปได้ยังไง ถ้าอยากทราบคำตอบ คงต้องส่งเจ้าหน้าที่ภาคสนามเข้าไปสืบสวนในเกมดูแล้วละครับ!”
…
สำนักงานชั้นสองของหน่วยสืบสวนพิเศษ
“ตี๊ดตะติ๊ด…”
หวังเหาซึ่งยังคงพยายามตามหาตัวตนที่แท้จริงของท่านเทพ X ได้รับโทรศัพท์สายปริศนา
“สวัสดีครับ?”
เมื่อเห็นชื่อผู้ที่โทรมา นายตำรวจหนุ่มก็กดรับสายโดยไม่ลังเล พร้อมกันนั้นเขาก็รีบลุกขึ้นยืนตัวตรง ปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังแข็งขัน
“ตามข้อมูลล่าสุดที่พวกเราได้มา ปรากฏว่าผู้เล่น ‘X’ สามารถเปิดม่านพลังเข้าสู่เขตสนธยาของภูเขาไป๋ซานฝั่งตะวันออกได้แล้ว!”
น้ำเสียงที่เคร่งขรึมดังมาจากอีกฝั่งหนึ่งของโทรศัพท์
“หืม?”
หวังเหาสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีด้วยความตกตะลึง เขารู้ดีว่าเขตสนธยานั้น ไม่เคยมีใครเข้าไปได้สำเร็จมาก่อน
“หมอนี่เป็นใครกันแน่?”
น้ำเสียงที่เคร่งขรึมดังมาจากอีกฝั่งหนึ่งของโทรศัพท์อีกครั้ง
“ตอนนี้ยังไม่ทราบข้อมูลเลยครับ”
หวังเหารีบขอโทษขอโพยและรายงานไปว่า “ถึงพวกเราจะบีบวงข้อมูลได้มากกว่าเดิมแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถระบุตัวตนของเขาได้ชัดเจนอยู่ดี”
“จากข้อมูลที่คุณรายงานมาครั้งที่แล้ว ผู้เล่น X คนนี้น่าจะเป็นคนที่ขโมยหมวก VR ของเราไป ในเมื่อคุณรับผิดชอบคดีนี้มาตลอด ผมก็จะส่งเรื่องนี้ให้คุณจัดการต่อเลยแล้วกัน ไม่ว่าจะเป็นในตัวเกมหรือในโลกความจริง คุณต้องไปติดต่อเขาให้ได้ สอบถามข้อมูลมาซะว่าเขาเปิดม่านพลังได้ยังไง เพราะขนาดวิดีโอที่พวกเรามีอยู่ตอนนี้ ก็ยังหาคำตอบไม่ได้เลยว่าเขาใช้วิธีไหนกันแน่”
บุคคลที่อยู่ปลายสายออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
“รับทราบครับผม!”
หวังเหาตอบรับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
จากนั้น อีกฝ่ายจึงได้วางสายไป
หวังเหารีบนำหมวก VR ของตนเองออกมาสวมใส่และเข้าสู่โลกแห่งเกมโดยไม่ลังเล!
…
ณ เขตสนธยา
เมื่อเดินทะลุม่านทองคำเข้ามาแล้ว ซูเย่ก็ไม่ได้พบเจอประตูทองเหลืองอย่างที่คิด แต่เขากลับพบว่าตนเองโผล่มาอยู่ในดินแดนปริศนาแห่งหนึ่ง
ดินแดนแห่งนี้มีหมอกขาวลอยอยู่ในอากาศ สภาพภูมิประเทศสวยงามราวกับแดนสวรรค์ มวลอากาศสดชื่นแจ่มใส
“นี่คือที่ไหนกันนะ?”
ซูเย่กวาดสายตามองรอบตัวอย่างระมัดระวัง และพบว่ารอบตัวเขามีแต่ต้นไม้สูงใหญ่ ทว่า กลับไม่มีดอกไม้หรือพุ่มไม้เลยสักจุดเดียว
ชายหนุ่มอดรู้สึกว่างเปล่าขึ้นมาไม่ได้
เร็วไวเท่าความคิด
“เปิดผนึกดวงตาที่สาม!”