เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 178 ลู่จวิ้นอยากวัดฝีมือกับซูเย่
บทที่ 178 ลู่จวิ้นอยากวัดฝีมือกับซูเย่
เพราะว่าเมื่อได้เห็นกระดาษคำตอบ
ทั้งบอร์ดข้อความก็ตกอยู่ในความเงียบ
“สุดยอดเลยว่ะ!”
ซูชือจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์อยู่เนิ่นนาน ก่อนจะพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ “ก่อนประกาศผลสอบมีแต่คนดูถูกนาย พอผลสอบออกมาเป็นแบบนี้ พวกมันพูดกันไม่ออกเลยล่ะสิ?”
“สงสัยพวกเขาคงยังไม่หายตกใจมั้ง”
ซูเย่พูดเสียงเรียบ
“ก็อาจจะใช่”
ซูชือไม่แปลกใจกับปฏิกิริยาตอบรับของซูเย่แม้แต่น้อย เขาได้แต่มองหน้าเพื่อนร่วมห้องและถอนหายใจออกมา
“เสี่ยวเย่ จินฟานกับฉันไม่ผ่านรอบ 1,000 คนสุดท้าย แต่นั่นถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับพวกเรา มีเด็กจากคณะอื่นเข้าสอบครั้งนี้ 60 คน และได้เข้าสู่รอบ 1,000 คนสุดท้ายแค่ห้าคนเท่านั้น แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ยังมีความเป็นไปได้ที่เด็กจากคณะอื่นจะสร้างความยิ่งใหญ่ให้พวกแพทย์แผนจีนมันได้ตะลึงอยู่นะเว้ย!”
“ตอนนี้นายเป็นตัวแทนหนึ่งเดียวจากคณะวิจัยสมุนไพรจีนของพวกเรา และฉันอยากให้นายจดจำสิ่งที่ฉันกำลังจะพูดเอาไว้ให้ดี!”
“นายจะพูดว่า?”
ซูเย่ถามด้วยความสงสัย
“ดังแล้วห้ามลืมพวกเราเด็ดขาดนะเพื่อน!”
ซูเย่พยักหน้า “ฉันจะไปลืมพวกนายได้ยังไง ก็บอกแล้วว่าฉันได้ขึ้นเป็นปรมาจารย์แห่งวงการแพทย์แผนจีนเมื่อไหร่ ฉันนี่แหละที่จะรับพวกนายเป็นลูกศิษย์เอง”
ซูชือพูดอะไรไม่ออก
หมอนี่มันยังไม่ลืมเรื่องนี้อีกเหรอ?
“มหาลัยออกประกาศใหม่มาแล้วว่ะ”
จินฟานซึ่งยังถือโทรศัพท์อยู่ในมือพลันโพล่งออกมา
ซูเย่จึงต้องนำโทรศัพท์มือถือของตนเองมาเปิดดูประกาศจากเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย
“แจ้งเตือนผู้เข้าสอบที่ผ่านเข้ารอบ 1,000 คนสุดท้าย วันพรุ่งนี้เวลา 7:30 น. ขอเชิญทุกคนมารวมตัวกันที่อาคารเรียนหลังเดิมอีกครั้ง เพื่อทำการแบ่งกลุ่มผู้เข้าสอบ และการสอบจะเริ่มขึ้นในเวลา 8:00 น. ตรง”
หลังจากนั้น โทรศัพท์มือถือของซูเย่ก็ได้รับข้อความใหม่
เป็นข้อความจากหลี่เคอหมิง
“ยินดีด้วยนะ วันพรุ่งนี้ก็พยายามเข้าละ”
“ขอบคุณครับอาจารย์หลี่”
…
เช้าวันต่อมา
เมื่อซูเย่มาที่อาคารเรียนหลังเดิม เขาก็พบว่าผู้เข้าสอบจำนวน 1,000 คนมารวมตัวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเรียบร้อยแล้ว
ทุกคนดูมีความมั่นใจมากทีเดียว
ซูเย่เห็นนักศึกษารุ่นพี่ซึ่งมาจากคณะอื่น ๆ อีกสี่คนพากันยกนิ้วโป้งให้เขาด้วยความชื่นชม
ซูเย่พยักหน้ายิ้มตอบกลับไปเป็นการขอบคุณ
ทันใดนั้น อาจารย์ผู้รับหน้าที่แยกกลุ่มนักศึกษาก็เรียกให้ทุกคนเดินมารวมกลุ่มกัน เพื่อเตรียมตัวจับฉลากหมายเลขของตนเอง
เหล่านักศึกษารีบมารวมตัวกันทันที
อาจารย์ท่านนั้นก้มดูนาฬิกาข้อมือ เมื่อพบว่าเป็นเวลา 7:30 น. แล้ว อาจารย์จึงได้ประกาศว่า
“พวกคุณทั้ง 1,000 คนจะต้องจับฉลากเพื่อแบ่งกลุ่มกัน โดยเราจะแยกผู้เข้าสอบเป็น 30 กลุ่ม หนึ่งกลุ่มจะประกอบไปด้วยสมาชิก 33 คน ทั้งหมดที่พวกคุณควรรู้ก็มีเพียงเท่านี้ เอาล่ะ เชิญเข้ามาจับหมายเลขได้”
นักศึกษาจำนวนมาก ‘กรู’ เข้าไปยืนต่อแถวอยู่หน้ากล่องกระดาษขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว
การจับฉลากดำเนินไปเร็วไว เพียงไม่นาน ทุกคนก็ได้หมายเลขประจำตัว รวมไปถึงห้องสอบที่ต้องเดินเข้าไปแข่งขัน
ซูเย่เดินเข้าไปจับฉลากเป็นคนสุดท้าย
เขาได้หมายเลข 1,000 อยู่กลุ่มที่ 31
ชายหนุ่มชะงักกึก กลุ่มสุดท้ายนี้มีสมาชิกเพียง 10 คนเท่านั้น
ขณะนี้ นักศึกษาจำนวนมากได้ยืนแยกกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว
ซูเย่เดินไปหานักศึกษากลุ่มสุดท้าย และเขาก็ตกใจไม่น้อยที่พบว่ามีหลีซินเอ้อร่วมกลุ่มอยู่ด้วย
และเมื่อหลีซินเอ้อเห็นซูเย่เดินเข้ามาหา สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที
ซูเย่เพิ่งจะส่งยิ้มโบกมือทักทายหญิงสาวเท่านั้น
หลีซินเอ้อก็ชูมือขึ้น จ้องมองไปยังอาจารย์ที่ยืนอยู่ห่างไกลและตะโกนว่า “อาจารย์คะ!”
ขวับ!
สายตาทุกคู่หันมาจ้องมองเป็นตาเดียว
“หนูขอย้ายกลุ่มได้ไหมคะ?”
ขอย้ายกลุ่ม?
นักศึกษาจำนวนมากแทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง
แม้แต่ซูเย่ก็ต้องหยุดชะงักค้างมือที่กำลังยกทักทายอยู่อย่างนั้น
“ทำไมล่ะ?”
อาจารย์ผู้แบ่งกลุ่มถามด้วยความสงสัย
หลีซินเอ้อหันกลับมาชี้ที่ซูเย่และบอกว่า “ถึงกลุ่มของเราจะมีสมาชิกแค่ไม่กี่คน แต่โควตาผ่านเข้ารอบมีแค่คนเดียวเท่านั้น …หนูว่าหนูเอาชนะเขาไม่ได้หรอกค่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลีซินเอ้อ
นักศึกษาทุกคนก็ส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
ซูเย่อยู่กลุ่มที่ 31 อย่างนั้นหรือ?
หลีซินเอ้อบอกว่าตัวเองเอาชนะเขาไม่ได้? มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
ก็ในเมื่อเธอเป็นถึงลูกสาวของหลี่เคอหมิง อีกอย่างหลีซินเอ้อก็เป็นนักศึกษาจากคณะแพทย์แผนจีนโดยตรง แต่กลับคิดว่าตัวเองจะต้องพ่ายแพ้ให้แก่ซูเย่เนี่ยนะ?
ทันใดนั้น พวกเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วสีหน้าของเด็กจากคณะแพทย์แผนจีนก็เปลี่ยนแปลงไป
จริงอยู่ที่หลีซินเอ้อเป็นลูกสาวของหลี่เคอหมิง แต่ซูเย่ก็เป็นลูกศิษย์ของหลี่เคอหมิงเหมือนกัน
เธอน่าจะรู้ดีว่าซูเย่มีความเก่งกาจในวิชาแพทย์แผนจีนขนาดไหน
หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ…
หลีซินเอ้ออาจจะเคยพ่ายแพ้ให้แก่ซูเย่มาแล้ว?
เมื่อคิดได้ดังนั้น กลุ่มนักศึกษาจากคณะแพทย์แผนจีนก็เบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
อาจารย์ผู้ดูแลการจับฉลากยิ้มฝืด ส่ายหน้าตอบว่า “ไม่ได้หรอก เว้นแต่ว่าจะมีคนสมัครใจยอมสลับตำแหน่งกับเธอเท่านั้น”
“ฮื่อ”
หลีซินเอ้อถอนหายใจด้วยความหมดหวัง ดูเหมือนโอกาสที่เธอจะได้พิสูจน์ตัวเองคงสลายหายวับไปเสียแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของซูเย่คนเดียวเท่านั้น หญิงสาวจึงหันกลับมามองหน้าเขาดวงตาเขียวปัดราวกับอยากจะจับกินเลือดกินเนื้อ
ไม่ใช่ว่าหลีซินเอ้อจะหลงตัวเองมากเกินไป แต่เธอมั่นใจว่าตนเองสามารถผ่านเข้าสู่รอบ 100 คนสุดท้ายได้แน่นอน หลังจากนั้น เธอก็จะเอาชนะลูกศิษย์คนอื่น ๆ ของพวกอาจารย์อาวุโสในมหาวิทยาลัยให้ได้ หลีซินเอ้อมีความมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่า เธอไม่สามารถมาอยู่ตรงจุดนี้เพราะเป็นแค่ลูกสาวหลี่เคอหมิงเท่านั้น แต่เธอก็เรียนรู้และพัฒนาฝีมือเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ เหมือนกัน!
หลีซินเอ้อเห็นมากับตาว่าตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาซูเย่สร้างปาฏิหาริย์มาแล้วกี่ครั้ง แล้วทำไมเธอถึงจะไม่รู้ว่าเขามีความสามารถเก่งกาจผิดมนุษย์มนาขนาดไหน ยิ่งเมื่อวานนี้เขาทำคะแนนสอบเต็มทุกข้อ หลีซินเอ้อก็ยิ่งไม่มั่นใจจริง ๆ ว่าเธอจะสามารถเอาชนะซูเย่ได้ตามที่หวัง
เมื่อเห็นสายตาอาฆาตแค้นของหลีซินเอ้อจ้องมองมา ซูเย่ก็เพียงแค่ยักไหล่ตอบกลับไป เป็นทำนองบอกว่าเรื่องนี้เขาไม่รู้เรื่องด้วยสักหน่อย
หลีซินเอ้อกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง
ทันใดนั้น
“เธอมาสลับตำแหน่งกับฉันก็ได้”
หญิงสาวผมสั้นหน้าตาสะสวยผู้หนึ่งเดินออกมาข้างหน้าด้วยความแน่วแน่
“ขวับ!”
สายตาของทุกคนหันไปจ้องมองเธอเป็นจุดเดียว
เมื่อเห็นหน้าสาวผมสั้นผู้นี้ถนัดตา ทุกคนก็ต้องอุทานออกมา
“เฮ้ย นี่มันรุ่นพี่ลู่จวิ้นนี่หว่า!”
“รุ่นพี่ลู่จวิ้น?”
“สอบรอบเมื่อวานนี้ รุ่นพี่ลู่จวิ้นก็ทำคะแนนมาเป็นอันดับสองเลยนะ แถมยังมีสถานะเป็นหมอฝึกหัดแล้วด้วย”
“แบบนี้ ก็หมายความว่า…รุ่นพี่กับซูเย่ จะต้องมีใครคนใดคนหนึ่งตกรอบใช่ไหม?”