เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 206 Fantasy dream มีอยู่จริง ๆ
บทที่ 206 Fantasy dream มีอยู่จริง ๆ
“สวบ!”
ขณะที่หวังห่าวโจมตี ซูเย่ขยับหลบไปด้านข้างด้วยการก้าวฝ่าเท้าที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง…แล้วต่อด้วยการสะบัดมือขวา หลบและโจมตี ฝ่ามือของเขากวาดไปใต้มือขวาของหวังห่าวที่โจมตีมาและกระแทกเข้าอย่างแรงที่ใต้รักแร้ของหวังห่าว
“กึ่ก!”
เสียงกระทบดังลั่น หวังห่าวที่อยู่ในท่ามุ่งไปข้างหน้า โดนฝ่ามือของซูเย่กระเด็นลอยออกไปและล้มลงบนพื้นอย่างแรง…
เหตุการณ์นี้ ทำให้พวกเซียวจวิ้นพากันตะลึงงัน…
กระบวนท่าที่ออกโดยหัวหน้าทีมที่อยู่ระดับสาม เปิดหนึ่งเส้นลมปราณ กลับถูกซูเย่ซัดฝ่ามือกระเด็นออกไป?!
แต่พวกเขาก็ไม่หยุดในทันที เพราะนี้คือจิตวิญญาณแห่งนักสู้! เซียวจวิ้น จูอวี้และอีกสองคน สื่อสารกันผ่านสายตา ล้อมซูเย่จากทั้งสี่ทิศ
ต่างคนต่างเตรียมออกกระบวนท่า แต่ละกระบวนท่ารุนแรงดุดัน ไม่ยั้งมือไว้ไมตรีสักนิด
“หืม?”
“ทุกคนใช้หมัดจีนโบราณกันงั้นเหรอ?”
ซูเย่มองทั้งสี่คนอย่างประหลาดใจ…
เขาคิดไม่ถึงว่าคนกลุ่มนี้จะใช้ทักษะมวยจีนโบราณกันได้ทุกคน…
แม้ว่าทักษะมวยจีนโบราณจะไม่ได้ดีเท่าไหร่ในสายตาของซูเย่ แต่ในยุคสมัยปัจจุบันนี้ การได้เรียนรู้ทักษะมวยจีนโบราณนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก
ดูเหมือนว่าทางการคงทุ่มไปไม่น้อยในการบ่มเพาะสั่งสอนพวกเขา…
“วานรเก็บท้อ!”
เซียวจวิ้นตะโกนเสียงดัง ร่างกายที่พุ่งมาได้ครึ่งทางก็นอนราบไปกับพื้น หลังแนบสนิทลงไป ขาทั้งสองข้างก็ยันพื้นไว้อย่างรวดเร็ว ภายในชั่วพริบตาก็พุ่งไปที่ด้านหลังของซูเย่ มือทั้งสองจับไปที่ขาของเขา
ซูเย่ “……”
มวยสิงอี้ ก็รู้จักงั้นเหรอ?
เขาก้าวถีบไปด้านหลังหนึ่งก้าว โดนข้อมือของฝ่ายตรงข้ามทันที ทำให้อีกฝ่ายล่าถอยไป…
ในขณะเดียวกัน ซูเย่ย่างก้าวเหยียบไปข้างหน้า เผชิญหน้ากับจูอวี้ที่โจมตีมาถึงด้านหน้าอย่างว่องไว แล้วจับล็อคไว้ทันที ซึ่งยังไม่ทันได้ออกกระบวนท่า แขนของจูอวี้ก็ถูกซูเย่จับเอาไว้อย่างแน่นหนา
และทันใดนั้น เท้าขวาของเขาก็ขยับไปข้างหน้าเล็กน้อย จับจูอวี้ทุ่มลงไปที่พื้นทันที
อีกสองคนที่โจมตีในขณะนี้ ทั้งคู่มีทักษะและรูปร่างที่พิเศษ ดูเหมือนจะเป็นซ่านโฉ่ว พุ่งไปข้างหน้า ขณะเขย่งเท้าขึ้นสูงก็ซัดหมัดและกวาดขาใส่ซูเย่…
คนหนึ่งทักษะมวยรวดเร็ว…คนหนึ่งฝีเท้าว่องไว
แต่ทว่า ข้อด้อยของทั้งสองก็ชัดเจนมาก คนหนึ่งแรงไม่พอ คนหนึ่งไวไม่พอ
เด็กหนุ่มมองจุดอ่อนของทั้งสองคนนี้ออก
ซูเย่พุ่งเข้าไปที่ด้านข้างคนหนึ่งทันที เมื่ออีกฝ่ายเตะขาสูง มีขาข้างเดียวที่ยันกับพื้นอยู่ เขาก็ลงมือก่อนด้วยความรวดเร็ว กวาดขาไปเตะคนนั้นล้มกับพื้นทันที ก่อนจะหันกายกลับมา
คู่ต่อสู้เหลือเพียงคนเดียว
“ฟืบฟืบฟืบ……”
หมัดราวกับวายุ คู่ต่อสู้กระหน่ำหมัดอย่างบ้าคลั่งและแสดงทักษะการชกมวยแบบผสมผสาน ซึ่งบล็อกได้เกือบทุกทิศทาง ราวกับนักมวยมืออาชีพ
“เป็นทักษะการต่อสู้ที่เกิดจากมวยสมัยใหม่งั้นหรือ?”
ซูเย่ประหลาดใจและหลบอย่างรวดเร็ว
แต่ทว่า…หลังจากมองดูไปได้สักพัก ก็ยกยิ้มที่มุมปาก มวยชุดนี้ไม่เพียงแค่รวดเร็วเท่านั้น แต่ยังรุนแรงมากอีกด้วย ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือ ทำให้อยู่ในท่าตั้งรับมากเกินไป ในตอนที่ปล่อยแต่ละหมัดออกไป ส่วนอื่นๆ ของร่างกายมักจะเคลื่อนไหวป้องกันตัวด้วยความเคยชิน…
แบบนี้จะไม่เพียงแค่จะทำให้การโจมตีเบาลง แต่ยังทำให้เกิดอุปสรรคเล็กน้อย ในการประสานงานของร่างกาย แม้ว่าผู้โจมตีด้วยมวยชุดนี้จะไม่รู้สึกไม่สบาย แต่ความเสียหายต่อร่างกายและการใช้พลังงานจะเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ…
ซูเย่ไม่รีบโต้กลับ แต่ถอยออกไปด้วยใบหน้าผ่อนคลาย ทำให้คู่ต่อสู้คิดว่าเขาสามารถชกโดนในหมัดต่อไป
เพียงเท่านี้…
หลังจากถอยไปห้าก้าว ความเร็วของฝ่ายตรงข้ามลดลง เมื่อกำลังจะหยุดลง
“ตอนนี้แหละ!”
ซูเย่กระโจนพุ่งเข้ามา ในวินาทีที่อีกฝ่ายกำลังเพลี่ยงพล้ำ หมัดตรงหนึ่งหมัดก็พุ่งไปกระแทกกับอกของอีกฝ่ายทันที
พลั่ก!
เพราะว่าควบคุมแรงเอาไว้ แรงของหมัดนี้จึงเพียงทำให้อีกฝ่ายล้มลงบนพื้น
พอดี
ภายในระยะเวลาหนึ่งนาที ทั้งห้าคนก็แพ้หมดท่า และยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่เริ่มจนจบ การต่อสู้ก็ไหลลื่นราวสายนน้ำซึ่งพวกเขาก็ตกตะลึงกันเป็นอย่างมาก
แม้จะรู้มาว่าซูเย่เคยเอาชนะคนหมู่มากมาก่อน แต่ว่าทั้งห้าคนก็ยังตกใจกับสิ่งที่เด็กหนุ่มแสดงออกมา…
พวกเขาไม่กล้าพูดว่าตัวเองแข็งแกร่ง แต่ว่าพวกเขาก็เป็นถึงระดับแนวหน้าในรุ่นเดียวกัน…ทำไมถึงได้แพ้เด็กหนุ่มตรงหน้ายับขนาดนี้? จะยังไงก็ต้องทนได้นานกว่านี้สิ?!
“เพราะอะไรกัน?!” หวังห่าวลุกขึ้นพลางเอ่ยถามอย่างตกใจ
“ผมเห็นข้อด้อยเยอะมากในทักษะการต่อสู้ของพวกคุณ…”
ซูเย่พยายามพูดอย่างอ้อมค้อม แต่ทั้งห้าคนต่างตกใจกันอย่างพร้อมเพรียง…
ข้อด้อยงั้นเหรอ?
“นายรู้ข้อด้อยของทักษะการต่อสู้ของพวกเราได้ยังไง?”
หวังห่าวจ้องไปที่ซูเย่แล้วเอ่ยถามอีกครั้ง
“ตาดีน่ะครับ ก็เลยเห็น” ซูเย่กล่าว
หวังห่าวเหลือบตามองหนึ่งที ตาดีก็มองเห็นแล้วงั้นเหรอ? หรือว่าเจ้าหมอนี่จะเป็นอัจฉริยะการฝึกยุทธ์ตามตำนาน? มีความรู้สึกรวดเร็วต่อทักษะการต่อสู้?
“ทักษะการต่อสู้ของพวกคุณที่ใช้เมื่อกี้ เรียนมาจากที่ไหนเหรอครับ?” ซูเย่ถามอย่างสงสัย
“มันเป็นทักษะการต่อสู้ที่สืบทอดต่อ ๆ กันมาในทีมสืบสวน” หวังห่าวเอ่ยตอบ “รอพวกนายขึ้นระดับสามก็จะได้เรียน ทีมสืบสวนของพวกเราระดับสองก็ได้เรียนแล้ว”
“ฉันจะแนะนำให้นายรู้จัก”
หวังห่าวชี้ไปที่ผู้หญิงที่อยู่ในกลุ่ม พลางกล่าว “จูอวี้ มาจากสำนักยุทธ์โบราณ ”
ซูเย่พยักหน้าไปทางจูอวี้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ และตอนที่ได้รู้ว่าจูอวี้มีวิชาลับจำแนกกลิ่น เขาก็เดาได้แล้วว่าจะต้องเป็นศิษย์สำนักยุทธ์สักสำนักเป็นแน่
“ส่วนนี่…เซียวจวิ้น”
หวังห่าวชี้ไปทางคนที่สองที่มีรูปร่างธรรมดา เซียวจวิ้นที่ไว้ผมสั้น มองดูแล้วเป็นชายหนุ่มสดใส พลางกล่าว “อัจฉริยะผู้ฝึกยุทธ์ปัจจุบัน ผู้มีทักษะแฮกเกอร์และการฝึกยุทธ์ บ่มเพาะโดยทางการ ”
“แล้วก็หลี่เซี่ยงหนาน” ตอนที่พูดหวังห่าวก็ชี้ไปที่คนที่สาม ซูเย่พยักหน้า คนที่มีฝีเท้ารวดเร็วคนนั้น
หลังจากนั้น หวังห่าวก็ชี้ไปที่คนสุดท้าย “และนี่เหมาเฉียง บ่มเพาะโดยทางการเหมือนกัน”
ซูเย่พยักหน้า ทั้งสี่คนบ่มเพาะโดยทางการ อีกคนสำนักยุทธ์โบราณ
“ข้อด้อยของทักษะการต่อสู้ของพวกเราคืออะไร?”
จูอวี้ถามขึ้น พวกหวังห่าวอีกห้าคนก็มองไปทางซูเย่เช่นกัน สายตาเต็มไปด้วยความสนเท่ห์…พวกเขาคิดว่าทักษะของพวกเขาเทียบกับคนรุ่นเดียวกันถือว่าแกร่งมากแล้ว
ซูเย่ยิ้มพลางกล่าว “ข้อด้อยของคุณคือไม่เหมาะสม วิธีที่คุณฝึกยุทธ์แข็งกระด้างเกินไป มือเท้าของสตรีไม่เหมาะสมที่จะใช้ ง่ายที่ฝ่ายตรงข้ามจะจับจุดได้”
“ฝ่ามือทะลุเมฆาของหวังห่าว จุดด้อยคือตอนโจมตีพลังรุนแรงเกินไป ในขณะที่คุณโจมตีนั้นจึงละเลยการป้องกันตนเอง”
“ส่วนของเซียวจวิ้นผมขอไม่พูดแล้วกันนะครับ”
เมื่อพูดจบ สีหน้าเซียวจวิ้นพลันกระอักกระอ่วน จะให้ทำไงได้ ใครใช้ให้เขาเป็นอัจฉริยะทักษะการโจมตีล่ะ บนสนามรบเป็นเขาถือเป็นเป้าหมายแรกของศัตรู และเพื่อที่จะป้องกันตัวเอง เขาจึงศึกษากระบวนท่าที่โหดเหี้ยมดุดัน และกระบวนท่าเหล่านี้ก็มีประสิทธิภาพในการป้องกันเป็นอย่างดี
“หลี่เซี่ยงหนาน ช้าเกินไป ทักษะของคุณเน้นความแรง จะต้องมีรูปร่างที่ดีกว่านี้ ”
“เหมาเฉียงมีพลังการโจมตีที่รุนแรง และรวดเร็วมาก แต่สูญเสียพลังงานมากเกินไป และขอบเขตการโจมตีอยู่แค่รัศมีหนึ่งเมตรเท่านั้น หากไม่สามารถประชิดตัวคู่ต่อสู้ได้ ก็ไม่สามารถใช้หมัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ซูเย่กล่าวชี้ข้อด้อยทักษะการโจมตีของทั้งห้าคนออกมาอย่างชัดเจน โดยที่ขณะพูดถึงแต่ละคน ก็ทำมือประกอบไปด้วย เหมือนกับที่พวกเขาทำก่อนหน้านี้ไม่มีผิด…ถึงขนาดที่ว่าดูแล้วน่าจะชำนาญกว่าเสียอีก…
ทั้งห้าคนต่างตกตะลึง
นายก็รู้จักกระบวนท่าพวกนี้งั้นเหรอ?!
แค่ดูเมื่อกี้แล้วทำตามงั้นเหรอ? หรือว่ารู้จักอยู่แล้ว?
“นายเป็นใครกันแน่?”
หวังห่าวหรี่ตามองไปยังซูเย่ ดูเหมือนว่าเจ้าหมอนี่ไม่เพียงแค่เป็น x เท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายสิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังมากกว่าที่เขาคาดเดาได้
พวกเขาทั้งสี่มองซูเย่ด้วยความตกใจ และจดจำสิ่งที่ซูเย่แสดงและชี้แนะให้เห็นก่อนหน้านี้ เมื่อกลับไปจะต้องศึกษาให้ละเอียดสักหน่อย…
“ผมก็คือผมไง…” สิ่งที่ซูเย่ทำก็คือการกล่าวยิ้ม ๆ
หวังห่าวมองไปทางซูเย่ ในใจเขาแน่ใจแล้วเรื่องหนึ่ง จะต้องตรวจสอบหมอนี่ให้ดี!
ซูเย่ยิ้มบาง ๆ ในเมื่อฐานะถูกเปิดโปงแล้ว เขาก็ไม่กลัวที่จะถูกตรวจสอบ…
“จริงสิ…”
ซูเย่นึกขึ้นมาได้อีกหนึ่งเรื่อง แล้วเอ่ยถาม “เมื่อกี้ที่บอกข้อด้อยทักษะการโจมตีของพวกคุณ มีรางวัลไหมครับ?”
เมื่อเด็กหนุ่มพูดจบ พวกหวังห่าวถึงกับนิ่งสนิท
“…..”
เจ้านี่กลายเป็นพวกโลภมากไปแล้วงั้นเหรอ?
“ไม่มี…” หวางห่าวชะงักครู่หนึ่งแล้วตอบ
“ก็ได้…แต่ตอนนี้สามารถตอบผมได้หรือยัง ว่า Fantasy Dream มีอยู่จริงใช่ไหม?” ซูเย่ถามพลางมองไปทางหวังห่าวอย่างตั้งใจ
หวังห่าวมองซูเย่ ตอนนี้เขามีความสามารถพอที่จะรู้คำตอบแล้ว
“มีอยู่จริง” หวังห่าวกล่าวอย่างหนักแน่น…
ดวงตาของซูเย่ถึงกับเป็นประกาย มีอยู่จริงด้วย!
เขาเดาถูก Fantasy Dream มีอยู่จริง!
“ที่ไหนครับ?!”
ซูเย่ถามทันที
“ตอนนี้พวกเรายังไม่สามารถบอกนายได้…”
หวังห่าวส่ายศีรษะแล้วอธิบาย “รอให้พวกนายเลื่อนถึงระดับสามฉันจะบอกพวกนายทีเดียว และเมื่อถึงระดับที่พอใช้ได้แล้วฉันจะพาพวกนายเข้าไปเอง”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หวังห่าวก็ถอนหายใจอีกหนึ่งเฮือก จ้องมองไปที่ซูเย่ แล้วกล่าวอย่างจริงจัง “ถึงแม้ว่าตอนนี้นายจะแข็งแกร่งมากแล้ว และดูแล้วน่าจะมีพรสวรรค์พอตัว แต่นายต้องละเว้นความเย่อหยิ่งและลำพองใจ ต้องตระหนักรู้ว่าโลกนี้มันกว้างใหญ่ไพศาล มีคนเก่งมากมายในโลกแห่งการฝึกยุทธ์ บางคนถูกคัดเลือกมาเพื่อฝึกฝนตั้งแต่ยังเด็กและแข็งแกร่งมาก…อีกทั้งในตอนนี้ระดับก็สูงเช่นกัน ไม่เหมือนกันกับพวกนาย ลูกรักแห่งสวรรค์ที่แท้จริงเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในเกม พวกนายเป็นส่วนที่เล็ดลอดออกไปตอนเด็ก แล้วเมื่อเติบโตก็รับการคัดเลือกผ่านเกมนี้อีกครั้งเท่านั้นเอง”
สายตาของหวังห่าวที่มองไปยังซูเย่มีประกายแปลก ๆ แวบผ่าน นายเองก็ดูเหมือนจะเป็นส่วนที่เล็ดลอดไปตอนที่ยังเด็ก ตอนนี้นายดูแข็งแกร่งเกินไปหน่อย…
“พวกคุณคือลูกรักสวรรค์ที่ถูกเลือกมาใช่ไหม?”
ซูเย่มองดูพวกเขาอย่างสงสัย
หวังห่าว “…..”
จูอวี้ “…..”
เซียวจวิ้น “…..”
หลี่เซี่ยงหนาน “…..”
เหมาเฉียง “…..”
พูดดี ๆ เป็นไหม พูดดี ๆ ไม่ได้ก็ไม่ต้องพูด อยู่เฉย ๆ ก็พอ…!
“ไม่ใช่…”
หวังห่าวสูดหายใจลึกก่อนจะกล่าวต่อ “พวกเราเพิ่งเริ่มบ่มเพาะทีหลัง เวลาฝึกยังน้อยอยู่”
“อ้อ…มิน่าละ”
ซูเย่พยักหน้าอย่างกระจ่างแจ้ง หวังห่าวกำหมัดแน่น ทำไมกันนะ…ทำไมเขาถึงรู้สึกไม่คอยอยากจะคุยกับเจ้าหมอนี่เลย?!
“ขยันฝึกเถอะ รอพวกนายเลื่อนถึงระดับสาม ถึงจะได้ไปเห็นของจริง” หวังห่าวกล่าว
ซูเย่พยักหน้ารับ แอบถอนหายใจเบา ๆ เขาคิดไม่ถึงว่า บนโลกใบนี้ก็ยังมีสิ่งที่เขาไม่รู้ ดูเหมือนว่าการนิทราไปกว่าร้อยปี จะพลาดอะไรหลาย ๆ อย่างไป
หลังจากนั้นเขาก็ออกจากสถานีตำรวจ
ซูเย่ก็ไปยังหลังเขา มายังที่ ๆ เขาฝึกปราณก่อนหน้า สิ่งนี้ดูดซับหยกพลังปราณทั้งหมดสิบเอ็ดชิ้นที่เขาเพิ่งได้รับทันที และเก็บสะสมกระแสปราณเอาไว้ในร่างกาย
“ปราณเหล่านี้สามารถทะลวงได้แปดจุดลมปราณและยังพอมีเหลืออยู่บ้าง”
“ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปหยกสองก้อนสามารถเปิดจุดลมปราณได้ 1 จุด แต่ตัวเขาต้องใช้ 5 ก้อน”
ซูเย่ส่ายหัวอย่างหมดปัญญา พลางคำนวณในใจ…
“ด้วยพลังการต่อสู้ปัจจุบันของฉัน น่าจะเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ระดับสามที่เปิดห้าเส้นลมปราณได้ หากพยายามแบบแลกชีวิต น่าจะพอประมือกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับสามที่เปิดหกเส้นลมปราณได้”
หลังจากฝึกฝนที่เขาเขียวขจีธาราใสกระจ่างแห่งนี้เป็นเวลาหนึ่งวันเต็ม ซูเย่กลับมาที่มหาวิทยาลัยอย่างสดชื่น และระดับขั้นของเขาก็มั่นคงขึ้นแล้ว
ขาดอีกเพียงหนึ่งจุด ก็จะทะลวงระดับสอง เก้าจุดลมปราณได้
น่าจะอีกไม่นาน…
สามทุ่มห้าสิบห้านาที เขาเพิ่งเดินเข้ามาหอพัก
“เสี่ยวเย่ นายกลับมาสักที!”
“พวกเรารอนายทั้งวันเลย…”
เมื่อเห็นซูเย่เข้ามา ซุนชือและจินฟานก็ทักทายเขาด้วยความดีใจทันที…