เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 209 เสี่ยวเย่…ช่วยด้วย! SOS!!
บทที่ 209 เสี่ยวเย่…ช่วยด้วย! SOS!!
จินฝานหันศีรษะมา ตบลงบนไหล่ของซุนชือแล้วพูดยิ้มๆ
“เอาเลยไหม?
ซุนชือหันมา มองเขาไปในตาของจินฟานด้วยความซาบซึ้งใจ
จนกระทั่งตอนนี้…เขายังคงจำได้อย่างแจ่มชัด ช่วงเวลาทั้งหมดบนสังเวียนที่ถูกอัดจนตายทั้งเป็นโดยลูกน้องของไอ้เมาโก่วจู่เหริน
เมื่อคิดถึงเวลาช่วงนั้น ความโกรธที่กักเก็บในใจก็พุ่งขึ้นหน้าอย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้ทันที
แค้นนี้ต้องชำระ!
ต่อให้ตายอีกครั้ง…ก็จะต้องชำระ!
“จะลงมือเลยไหม?”
จู่ ๆ ก็มีเสียงหวานรื่นหูที่แฝงไปด้วยความดุดันดังขึ้นมา หลังจากทั้งคู่ได้ยินก็หันไปมอง… เป็นเทพธิดาไป๋จือเหยียนที่สวมหน้ากากอยู่
“นี่คือความแค้นของพวกเรา ดังนั้นเราจะไม่ลากทุกคนเข้ามา”
ซุนชือยังพูดไม่ทันจบ ไป๋จือเหยียนก็หมดความอดทนและกระโดดออกจากป่าหิน ตัดเส้นทางของเมาโก่วจู่เหรินและคนอื่นๆ
“จะลงมือแค่นี้ ยังต้องพูดอะไรไร้สาระอีก!”
ไป๋จือเหยียนมองไปมองเมาโก่วจู่เหรินที่ทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยแล้วกล่าว “อย่าเพิ่งไป…! ขอชำระแค้นก่อน”
เมื่อเห็นฉากนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ในเขตมหาวิทยาลัยต่างตกตะลึง…
นี่คือ…ไป๋จือเหยียน หนึ่งในเทพธิดาฝาแฝดของซิงเหมิงหรือเปล่า?!
นิสัย…ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!
ไม่ใช่ที่มีข่าวลือว่าเป็นคนน่ารักร่าเริง ซุกซนและกระตือรือร้นงั้นเหรอ?!
ที่แท้แล้ว….ดุร้ายขนาดนี้เชียว?!
ถัดมาทางด้านหลัง
ไป๋จือหรานผู้เป็นพี่สาวที่มีแววรอยยิ้มที่ดวงตาของเธอตลอดเวลา ครานี้รอยยิ้มนี้ดูแล้วคล้ายเหมือนมีแววความกระอักกระอ่วนแฝงอยู่เล็กน้อยที่ต้องเผชิญกับสิ่งที่เกิดขึ้น ด้วยนิสัยของน้องสาวเธอได้เผยออกมาภายใต้ความตื่นเต้นในครั้งนี้…!
“ผู้หญิงบ้ามาจากไหนกัน?”
เมาโก่วจู่เหรินกำลังจะพาพี่น้อง 100 คนจากพรรคถูเมาเมี่ยโก่วย้ายไปฐานลับ แต่แล้วจู่ ๆ พวกเขาก็ต้องตกใจที่ถูกผู้หญิงคนหนึ่งมาขวางทางเอาไว้ พวกเขาคิดว่าถูกซุ่มโจมตีโดยผู้เล่นธรรมดา…
และเมื่อเห็นชื่อสีแดง เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เพียงแต่ว่าชื่อหรานหรานเสี่ยวเซียนหวี่(เทพธิดาน้อยหรานหราน) ดูเหมือนจะเคยเห็นในตารางจัดอันดับมาก่อน…
“ออกมา !” ไป๋จือเหยียนโบกมือไปข้างหลัง
ไป๋จือหรานจึงได้แต่กล่าวอย่างกระอักกระอ่วนใจต่อทุกคน “ถือซะว่าเป็นการฝึกนะทุกคน…”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนต่างก็พยักหน้า ต่อหน้าเทพธิดาจะแสดงความอ่อนแอไม่ได้ เสียงตึกตึกดังขึ้นทุกคนก็รีบออกไปอย่างพร้อมเพรียง
ซุนชือรีบพุ่งตัวออกไปก่อนเป็นคนแรก…เขาทนไม่ได้มานานแล้ว!
เมาโก่วจู่เหรินเห็นกลุ่มคนพุ่งทะยานเข้ามา ก็ตกใจ รีบตั้งท่าระวัง แต่หลังจากที่เห็นว่าเป็นซุนชือ สีหน้าของเขาและเฉวียนเย่ชาชาชาที่อยู่ข้าง ๆ ก็เปลี่ยนไปทันที…
เจอเพื่อนเก่าตอนอยู่นอกถิ่น…ใครจะรู้ว่าเป็นศัตรู!
“เจ้าเวรกรรมอยู่ที่ไหน?!”
เมาโก่วจู่เหรินรีบกวาดตามองกลุ่มคนไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นตระหนก
เมื่อยืนยันว่าไม่มีเจ้าเวรกรรมอยู่ เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และดวงตาของเขาก็มืดมนลง…
เจ้าเวรกรรมไม่อยู่… งั้นฉันก็จะคิดบัญชีกับแกเดี๋ยวนี้แหละ!
“โธ่เอ๊ย…ที่แท้ก็เป็นพวกสวะ… เมื่อเจ้าเวรกรรมไม่อยู่ พวกแกจะเก่งได้สักเท่าไหร่กัน ?! …ยังไงฉันก็มีคนมากกว่าพวกแก!”
เมาโก่วจู่เหรินชี้ไปที่ซุนชือและพูดด้วยสายตาที่โหดเหี้ยม “ดูเหมือนว่าแกยังอยากจะลิ้มรสการถูกทรมานจนตายอีกครั้ง แต่อย่าโทษที่ฉันไม่เตือนแกนะ ที่นี่น่ะความเจ็บปวดอยู่ที่ 90% ..”
“พล่ามไร้สาระอะไร?!”
ซุนชือพุ่งเข้าไปทันที
ไป๋จือหรานยกดาบใหญ่ขึ้นทันที และตะโกนเสียงดัง “บุก…!”
สิ้นเสียงบัญชาของไป๋จือหราน คนอื่น ๆ ก็ขยับตัวทันทีเมื่อได้ยินเสียง
ไป๋จือหรานไม่ได้เคลื่อนไหว แต่ถอยกลับอย่างสงบโดยพลัน สังเกตภูมิประเทศรอบ รวมไปถึงทิศทางกลุ่มคู่ต่อสู้อย่างระมัดระวัง…
เมื่อเห็นอีกฝ่ายแยกย้ายกันไป ก็พูดกับทุกคนทันที “ตั้งค่ายกล!”
ทันทีที่ทุกคนได้ยินก็มีปฏิกิริยาตอบรับ และทั้งห้าก็ตั้งค่ายกลอย่างรวดเร็ว!
“ปีกซ้ายขวา…บุก!” ไป๋จือหรานออกคำสั่งทันที
เมื่อได้ยินคำบัญชาจากเทพธิดา พรรคถูโช่วจย้าเทียนทั้ง 14 กอง ก็เริ่มตั้งกระบวนทัพทันที เริ่มจากอ้อมปีกข้างมาปิดล้อมและโจมตีพรรคถู่เมาเมี่ยโก่วที่ถูกขวางไว้
ซุนชือและจินฟานมองหน้ากัน เทพธิดาโหดขนาดนี้เลยเหรอ?!
ทั้งสองคนไม่พูดมากอีก รีบบุกเข้าไปโจมตีทันที
คนอื่น ๆ ก็เริ่มรบพุ่ง
ถึงแม้ว่าจะมีจำนวนคนที่น้อยกว่าอีกฝ่าย แต่ภายใต้การสนับสนุนของค่ายกล ภายในระยะเวลาอันสั้น พรรคถู่เมาเมี่ยโก่วก็มีคนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก…
“อ๊ากก!!!”
ไป๋จือหรานได้ยินเสียงร้องครวญครางแววตาก็ปรากฏแววทนไม่ได้ ก่อนจะถอนหายใจแล้วออกคำสั่งต่อ
ภายใต้การควบคุมของเธอ การฆ่าเริ่มเร็วขึ้น…
“อ๊ากกกก!!!”
ภายใต้การโจมตีของจินฟาน บริเวณโดยรอบมีเสียงร้องน่าสังเวชดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง…
“แม่งนี่มันค่ายกลประสานอะไรวะ ร้ายกาจขนาดนี้เลยเหรอ?!”
เมาโก่วจู่เหรินตะโกนอย่างหมดความอดทน แล้วหันสายตาไปที่ไป๋จือหราน
เป็นพวกหล่อนที่ทำ…!
ถ้าไม่มีการควบคุมของยัยนั่น ป่านนี้พวกนั้นมันตายกันไปหมดแล้ว!
แววตาของเมาโก่วจู่เหรินมีประกายความชั่วร้ายพาดผ่านทันที
“จัดการยัยนั่นก่อน”
ทันทีที่หลบดาบของซุนชือ เมาโก่วจู่เหรินก็พุ่งกระโจนเข้าใส่ไป๋จือหราน
แต่ปรากฏว่ายังไม่ทันได้เข้าใกล้เป้าหมาย ก็ถูกดาบใหญ่ของไป๋จือหรานกันเอาไว้
ทุกดาบล้วนรวมเร็วและดุดัน เขาไม่สามารถโจมตีเข้าไปได้เลย จนถึงขนาดที่ได้แต่ถอยร่นออกไป เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีใครตายเลย ในขณะที่คนของฝั่งตัวเองเหลือเพียงแค่ 30-40 คน…
เมาโก่วจู่เหรินกัดฟันตะโกนขึ้นทันที “ถอย!”
เขาเพิ่งพูดจบ ไป๋จือเหยียนก็ออกคำสั่งต่อทันที ทุกคนก็ปิดล้อมทางหนีของพวกเมาโก่วจูเหริน
“ตายซะ!”
ไป๋จือหรานยกดาบฟันลงไป เมาโก่วจู่เหรินยกดาบตั้งรับ ก่อนจะพบว่าดาบเปลี่ยนทิศกะทันหัน…จากแนวตั้งเป็นแนวนอนในพริบตา!
“อ๊าก!!!”
เมาโก่วจู่เหรินร้องอย่างเจ็บปวด ร่างล้มตึง แม้จะกำจัดเขาได้แล้ว แต่การฆ่ายังคงดำเนินต่อไป…
ไป๋จือหรานจงใจเก็บเฉวียนเย่ชาชาชาไว้เป็นคนสุดท้าย เขาถูกทุกคนล้อมไว้ตรงกลาง
“ไอ้ลูกกระจ๊อก ได้เวลาคิดบัญชีกับแกแล้ว!!”
ซุนชือกล่าวเสียงเย็น ลากดาบมุ่งไปทางเฉวียนเย่ชาชาชาที่ยืนอยู่กลางวงคนเดียว
ดวงตาของเฉวียนเย่ชาชาชามีแววแห่งความบ้าคลั่งแวบผ่าน ต่อให้ตัวตาย…ฉันก็จะลากพวกแกไปด้วย!!
ว่าแล้วอีกฝ่ายก็ยกดาบพุ่งใส่ซุนชือทันที
เมื่อศัตรูพบหน้า…ความดุเดือดก็เพิ่มขึ้นทันที!!
ความโกรธแค้นของซุนชือระเบิดออก โยนดาบทิ้งทันที แล้วเริ่มกระบวนท่าหมัดมวยที่ซูเย่สอนเขา พุ่งเข้าไปโจมตีอย่างรุนแรง แต่อีกฝ่ายไม่สามารถตั้งรับหมัดของซุนชือได้… เพียงสามหมัดก็ล้มลงกับพื้น
“ที่แกให้ฉันน่ะ ฉันคืนให้!!” ซุนชือกล่าวอย่างโกรธแค้น
“ขอร้องฉันสิ…!”
พลั่ก!
รับไปหนึ่งหมัด… ซุนชือก็กัดฟันสู้ตายแล้วตะโกนขึ้น
เมื่อเสียงตะโกนหยุดลง…
พลั่ก!
อีกหมัดหนึ่ง
“ขอร้องละ…!”
“ขอร้อง…!!”
“ขอร้อง…!!!”
ทุกครั้งที่ร้องขอ หมัดของซุนชือก็ฟาดไปที่ใบหน้าของคู่ต่อสู้อย่างแรง และพลังมหาศาลก็กระแทกใบหน้าของฝ่ายตรงข้ามจนบิดเบี้ยว
“ฉันขอ….”
เฉวียนเย่ชาชาชาขอร้องอย่างพรั่นพรึง เขาขอร้อง เขาอยากขอร้องจริง ๆ
เจ็บเกินไปแล้ว…!
แต่ซุนชือไม่ให้โอกาสเขาเลย ตรงกันข้ามกลับต่อยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความเจ็บปวดที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงก็ปะทุออกมาอย่างต่อเนื่อง กระตุ้นเส้นประสาทของเขาอย่างล้ำลึก ทำให้เขายิ่งทุกข์ทรมาน
“ความเจ็บปวด 50% ฉันใช้ 90% คืนให้แก!”
ซุนชือตะโกนอย่างโกรธแค้น ปล่อยหมัดอย่างบ้าคลั่ง และต่อยอีกฝ่ายตายด้วยหมัดเดียว!
เมื่อมองไปที่ดวงตาที่น่ากลัวของอีกฝ่าย ศพก็ค่อย ๆ จางหายไป
ความโกรธของซุนชือและเงามืดที่เกาะในใจเขาวันนั้นได้หายไปหมดแล้ว
เมื่อยืนขึ้น ซุนชือพลันผสานมือคารวะไปรอบ ๆ และพูดอย่างจริงจัง
“ขอบคุณทุกคน”
“ต่อไปทุกคนก็คือพี่น้องกัน มีอะไรแค่เรียกมาก็พอ…”
ทุกคนยิ้มแล้วยกมือคารวะตอบ
“แน่นอน…แน่นอน!”
“ฉันไม่พอใจพวกมันมานานแล้ว น้อนแมวน้อนหมาออกจะน่ารักขนาดนี้…พรรคถู่เมาเมี่ยโก่วเหรอ(ฆ่าล้างหมาแมว) ไร้มนุษยธรรมจริงๆ!” ไป๋จือเหยียนกล่าวอย่างเย็นชา
ทุกคนหันศีรษะมามอง เมื่อครู่พวกเขาเห็นการต่อสู้ของไป๋จือเหยียนทั้งหมด… ร้ายกาจมากจริงๆ!
เทพธิดาไม่ใช่ผู้ที่คนธรรมดาจะสามารถสู้ได้อย่างแน่นอน!
“ทุกคนอย่าเพิ่งดีใจกันเร็วไป…”
ไป๋จือหรานยืนขึ้นพลางจ้องเขม็งไปที่น้องสาวของเธออย่างจนปัญญา ก่อนจะกล่าว “เมื่อกี้ฉันเห็นว่า ท่าทางของเมาโก่วจู่เหรินนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะเสียชีวิต นั่นคือท่าทางตอนส่งข้อความ ไม่แน่ว่าที่อยู่ของพวกเราอาจถูกเปิดเผยแล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของทุกคนก็ถึงชะงักค้าง
“แล้วจะทำยังไงกันดีล่ะ?!”
ทุกคนถามขึ้น
“พวกเราต้องเปลี่ยนสถานที่…” ไป๋จือหรานกล่าว
หลังจากได้ยินดังนั้น ทุกคนก็เตรียมอพยพอย่างรวดเร็ว
“พิกัดนี้มีทีมชื่อสีแดงแดง 70 คนอยู่ รีบกระจายข่าวลงเว็บบอร์ด!”
นี่เป็นข้อความส่วนตัวที่เมาโก่วจู่เหรินส่งถึงผู้เล่นชื่อ ‘เชียนซานเฟยเหนี่ยวเจว๋’ ก่อนที่เขาจะตาย
เขาคือผู้เล่นธรรมดา
พวกเขารู้จักกันในโลกจริง และแม้ตอนนี้เขาไม่สามารถเข้าสู่บอร์ดผู้เล่นได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเพื่อนของเขาจะเข้าไม่ได้!
“พวกแกรอที่จะถูกไล่ฆ่าได้เลย!!”
นี่เป็นความคิดสุดท้ายของเมาโก่วจู่เหรินเมื่อแจ้งข่าวนี้ออกไป
เชียนซานเฟยเหนี่ยวเจว๋รีบนำพิกัดไปโพสต์ลงบอร์ดทันที
ในเวลานี้ผู้เล่นจำนวนมากกำลังค้นหาและแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับผู้เล่นที่มีชื่อสีแดง ซึ่งทันทีที่พิกัดนี้ถูกส่งออกไป ผู้เล่นธรรมดาที่กำลังตามหาผู้เล่นชื่อสีแดงในบริเวณใกล้เคียงก็รุมล้อมเข้ามาทันที…
นอกป่าหิน
“ไม่ขนาดนั้นมั้ง…”
ทันทีที่พรรคถูโชวจย้าเทียนออกจากป่าหิน พวกเขาก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้คนที่มาจากทุกทิศทุกทาง
“บัดซบ ต้องเป็นเมาโก่วจู่เหรินแน่ๆ!”
ซุนชือตะโกนอย่างโกรธจัด จากนั้นหันไปมองทุกคนที่ตะลึงค้างและตะโกนไป “มีคนมากเกินไป ทุกคนรีบหนี!” กล่าวจบก็หันหลังวิ่งทันที
ทุกคนพากันตกตะลึง คิดว่าการต่อสู้ที่ดุเดือดเมื่อกี้ได้ปลุกสายเลือดนักรบของซุนชือขึ้นมาแล้ว คิดไม่ถึงว่าไอ้หมอนี่จะเผ่นแน่บ?
พวกเราก็วิ่งเถอะ!
ทุกคนก็ตบเท้าวิ่งกันฉิว
ทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็วิ่งแซงพวกเขาไป วิ่งเร็วกว่าทุก ๆ คน
ไป๋จือเหยียน…
……
ในอีกฟากหนึ่ง ซูเย่ที่มีชื่อสีแดงกำลังเดินเล่นในเขตระดับ 32 และ 33 ที่มีผู้คนจำนวนมาก เพราะเขาได้สำรวจแผนที่ระดับ 30 ถึง 40 ทั้งหมดแล้วจึงเดินไปตามทาง ก่อนจะเจอเข้ากับกลุ่มที่มีผู้เล่นสิบกว่าคน
“ชื่อสีแดง!”
เมื่อเห็นชื่อสีแดงของซูเย่ ทีมสิบคนนี้ก็หยุดลงทันทีก่อนจะกำดาบในมือแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
แต่เวลาถัดมา…เมื่อเห็นชื่อสีแดงนี้และสัตว์พาหนะที่อยู่ใต้สะโพก พวกเขาก็พากันตกตะลึง
‘เวรกรรม ทำไมถึงตั้งชื่อยากเย็นขนาดนี้ฮะ’!!
เลเวล 40 มีเพียงสองคนในเกมส์
สัตว์พาหนะมีเพียงสองตัวในเกมส์…
“จะเอาไหม ?” มีคนถามเสียงแผ่ว
“เอาอะไรเล่า หมอนี่มีใครไม่รู้จักบ้าง ก่อนหน้านี้มีคนร้อยคนไปหาเรื่องเขาก็ล้วนถูกเขาจัดการจนหมด ตอนนั้นเขาแค่เลเวล 31 ตอนนี้เขาเลเวล 40 แล้ว นายเอาไหวก็เอาเลยสิ!”
หัวหน้ารีบพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “อย่าไปมองเขา แกล้งทำเป็นไม่เห็นเขา อย่ายั่วเขาเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นถ้าตายล่ะก็จะออนไลน์ไม่ได้สี่วันติดต่อกัน โชคดีเลเวลของเราไม่น่าสนใจสำหรับเขา ไปเร็ว…ไปเร็ว!”
พูดจบ กลุ่มคนทั้งสิบก็รีบหันไปโดยไม่แม้แต่จะหันมามองซูเย่
ซูเย่ตกตะลึงและแปลกใจ
“มองไม่เห็นฉันเหรอ?”
“นี่ฉัน…ล่องหนอยู่เหรอ?”
ในขณะที่ซูเย่ยังสับสนอยู่ กลุ่มคนอีก 30 คนก็มาจากระยะไกลที่ห่างออกไป…
ทุกคนในทีมนี้ต่างจ้องมองไปที่ชื่อสีแดงบนศีรษะของซูเย่ แต่เมื่อพวกเขาเห็นชื่อที่ไม่ซ้ำใครแน่นอน ร่องรอยของความตื่นเต้นบนใบหน้าก็จางหายไป และถูกความสงบนิ่งราบเรียบเข้ามาแทนที่ ไปจนกระทั่งมีรอยความหม่นหมองจาง ๆ ราวกับว่าพวกเขาไม่เห็นซูเย่ กลุ่มคนเดินผ่านซูเย่ไปโดยไม่เหลือบมองสักนิด…
“เอ๊ะ?”
“ฉันชื่อสีแดง ชื่อเป็นสีแดงไง!”
ซูเย่ขี่เฉิงหวงโบกไม้โบกมือให้กลุ่มคนพลางถาม “นี่พวกนายไม่โจมตีฉันกันเหรอ?”
คนทั้งสามสิบคนทำราวกับเป็นคนหูหนวกเดินไปหลายร้อยเมตร ก่อนจะหันกายมาและยกนิ้วกลางให้ซูเย่อย่างพร้อมเพรียง
“ก็เห็นฉันนี่นา…” ซูเย่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ไร้สาระ ! ไม่ได้ตาบอดก็ต้องเห็นน่ะสิ…
คนทั้ง 30 คนไม่พูดอะไรแต่กลับมองบนใส่เขา แล้วหันกายเดินจากไป
ในตอนนี้ ข้อความแจ้งเตือนก็ได้เด้งมาข้างหน้าซูเย่ เมื่อเขาเปิดอ่านถึงได้รู้ว่าเป็นซุนชือส่งมา…
นอกจากนี้เขายังเห็นข้อความที่ซุนชือส่งมาก่อนหน้านี้เพื่อให้ไปรวมตัว แต่เขาไม่ได้รีบไป และยังคงคิดว่ามันก็คงเป็นข้อความที่เร่งให้เขาไปรวมตัวกับกลุ่มพวกเขา…
แต่ปรากฏว่า …เมื่อเปิดดูก็เจอเข้ากับข้อความขอความช่วยเหลือ…
เสี่ยวเย่ช่วยด้วย! เราถูกปิดล้อม! SOS!!!