CatNovel
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 58 ผัดกะหล่ำแสนอร่อย

  1. Home
  2. เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]
  3. บทที่ 58 ผัดกะหล่ำแสนอร่อย
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

บทที่ 58 ผัดกะหล่ำแสนอร่อย

เมื่อถอดหมวก VR ออก

ซูเย่ก็รู้สึกสดชื่นจนต้องตรวจสอบพลังจิตของตนเอง

“พลังของเราเพิ่มขึ้นจริง ๆ ด้วย!”

การคาดเดาของเขาถูกต้อง การเล่นเกม Fantasy Dream ช่วยทำให้พลังจิตของผู้เล่นเพิ่มมากขึ้นจริง ๆ

ชายหนุ่มนึกถึงภาพเหตุการณ์จำลองการเปิดจุดลมปราณที่เขาเห็นก่อนออกมาจากเกม

ซูเย่ถึงกับตกตะลึงในสิ่งที่ค้นพบ

เกม Fantasy Dream สามารถทำให้พลังจิตของผู้เล่นจากเลเวล 0 ถึงเลเวล 20 มีความแข็งแกร่งขึ้นมาได้ แม้ว่าผู้เล่นเหล่านั้นจะไม่เคยฝึกการโคจรพลังลมปราณเลยก็ตาม!

“เกมนี้มัน…”

ซูเย่ได้แต่อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ

ความยอดเยี่ยมไม่ได้หยุดอยู่แต่เพียงเท่านั้น แต่มันยังทำให้ผู้ที่ฝึกพลังปราณสามารถเปิดจุดลมปราณได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

“ไม่มั้ง ไม่น่าง่ายขนาดนั้น”

พลันซูเย่ปฏิเสธความคิดในหัวของตนเองทันที อย่างน้อยการฝึกตนก็ไม่ควรเป็นเรื่องง่ายดายเช่นนี้

หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ผู้ผลิตเกมก็คงนำเรื่องนี้มาเป็นจุดขายไปแล้ว เพราะไม่มีเหตุผลที่ต้องเก็บงำเป็นความลับ

นั่นเท่ากับว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเล่นเกมนี้แล้วจะพบเจอสิ่งที่ซูเย่ได้พบเจอ และนั่นก็หมายความว่ารัฐบาลกำลังคัดเลือกผู้เล่นที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเท่านั้น ถึงจะสามารถเห็นเคล็ดลับการเปิดจุดลมปราณได้

กว่าที่ผู้เล่นจะเลื่อนระดับขึ้นมาถึงเลเวลที่ 20 รัฐบาลก็คงคัดกรองคนได้เป็นจำนวนไม่น้อยแล้ว ว่าใครบ้างคือผู้ที่เหมาะสม

ต่อให้พยายามอย่างหนักสักเท่าไหร่ แต่ถ้าผู้เล่นมีคุณสมบัติไม่ตรงตามเกณฑ์ที่กำหนด ก็คงไม่มีทางได้รู้เคล็ดลับการเปิดจุดลมปราณเด็ดขาด

เกมออนไลน์เกมนี้จะต้องปิดบังความลับใหญ่หลวงบางอย่างอยู่แน่นอน!

“หรือว่าปราณธรรมชาติจะเพิ่มขึ้นมาแล้ว?”

โดยไม่พูดคำใดอีก

ซูเย่กระโดดลงจากเตียง เปิดประตูออกจากห้องพักเดินขึ้นบันไดไปสู่ชั้นดาดฟ้าของหอพักนักศึกษา

ชายหนุ่มยืนอยู่บนดาดฟ้า กวาดสายตามองเมืองที่อยู่เบื้องหน้า

“ไม่ใช่!”

ซูเย่ส่ายศีรษะกับตนเอง

เขาแน่ใจว่าพลังปราณธรรมชาติยังคงมีเหลืออยู่น้อยนิดเช่นเดิม

กว่าที่พลังปราณเหล่านั้นจะสามารถฟื้นฟูกลับมาอุดมสมบูรณ์เหมือนในอดีต ก็คงต้องใช้เวลาอย่างต่ำเป็นร้อยปี หรืออาจจะถึงขั้นพันปีด้วยซ้ำ!

“ตกลงรัฐบาลต้องการอะไรกันแน่?”

ซูเย่ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ

ไม่ใช่แต่เพียงรัฐบาลจีนประเทศเดียวเท่านั้น แต่เกมนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกือบทั้งโลก

หรือผู้ผลิตเกมมีเจตนาจะสร้างผู้ฝึกยุทธ์รุ่นใหม่ขึ้นมาเป็นจำนวนมหาศาล?

ไม่น่าเป็นไปได้

“ตอนนี้เราคงต้องทนรอไปก่อน เอาไว้แผนที่ระดับ 20 เปิดให้เข้าเล่นเมื่อไหร่ อาจจะมีเบาะแสให้ตามสืบมากกว่านี้”

ซูเย่หันหลังกลับแล้วเดินลงบันได

เมื่อกลับมาถึงห้องพักของตนเอง

ซูชือกับจินฟานกำลังล้างหน้าล้างตาอยู่พอดี

ซูเย่เดินไปที่ระเบียงห้อง และมองหัวกะหล่ำที่ปลูกเอาไว้ในกระถาง กะหล่ำหัวนั้นมีขนาดใหญ่มากกว่าเดิมหลายเท่า และรากของมันก็ใหญ่โตจนกระถางแทบรองรับไม่ไหวแล้ว

“น่ากินใช้ได้เหมือนกันนี่นา”

ซูเย่เอื้อมมือออกไปสัมผัสกะหล่ำหัวนั้น แล้วเขาก็ยิ้มออกมา “ถ้าเอาไปผัดคงอร่อยใช้ได้ทีเดียว”

พูดจบเขาก็เหลียวหน้ามองไปยังซูชือกับจินฟานที่กำลังแปรงฟันอยู่

ในเมื่อพวกนายเป็นเพื่อนร่วมห้องของฉัน ฉันก็จะช่วยเหลือพวกนายเอง

ไม่ว่ารัฐบาลจะตั้งใจผลิตเกมนี้เพื่อสนับสนุนให้เกิดผู้ฝึกยุทธ์หน้าใหม่ขึ้นมาจริง ๆ หรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ ก็คือโลกใบนี้คงไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

ซูเย่ตั้งใจว่าจะต้องช่วยเหลือเพื่อนทั้งสองคนนี้ให้ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลกให้ได้

ซูชือกับจินฟานยังคงแปรงฟันกันไป พร้อมกับพูดคุยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมเมื่อคืนนี้พวกเขาไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงอะไรนี่เลยสักนิด

เมื่อทุกคนแปรงฟัน และล้างหน้าล้างตาเสร็จ

สามหนุ่มก็ออกมาจากหอพัก แวะร้านข้างทางรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน ก่อนจะเดินไปเข้าเรียนตามตารางประจำวัน

ในห้องเรียน

ระหว่างที่นั่งฟังอาจารย์สอน ซูเย่ก็ทบทวนความรู้เกี่ยวกับแพทย์แผนจีนที่เขาบันทึกเอาไว้ในราชวังแห่งความทรงจำไปพร้อม ๆ กัน

บ่ายวันต่อมา

เมื่อทุกคนรับประทานอาหารกลางวันเสร็จสิ้น พ่อครัวในโรงอาหารก็เริ่มต้นทำความสะอาดโรงครัว

หลังตรวจดูข้อมูลในตำราแพทย์แผนจีนอยู่ถึง 2 วันเต็ม ๆ ซูเย่ก็ตัดสินใจเด็ดหัวกะหล่ำออกมาจากกระถางบนระเบียง เมื่อนำไปล้างน้ำเรียบร้อย เขาก็เดินถือหัวกะหล่ำตรงมาที่โรงอาหารทันที

ชายหนุ่มแวะเข้าไปที่โรงครัว

เขาหยุดยืนอยู่ข้างหน้าต่าง

พ่อครัวร่างอ้วนในวัย 20 กว่ากำลังทำความสะอาดเตาอบอยู่พอดี

“พี่ชาย ช่วยผัดกะหล่ำให้ผมกินสักหน่อยได้ไหม?”

ซูเย่ยื่นกะหล่ำเข้าไปผ่านทางช่องว่างของหน้าต่าง

“หา?”

พ่อครัวตัวอ้วนมองกะหล่ำที่ถูกยื่นเข้ามาด้วยความแปลกใจ

ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของเขาก็คือ กะหล่ำหัวนี้ช่างสวยน่ารับประทานเหลือเกิน

แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่มีคนนำวัตถุดิบมาให้เขาปรุงอาหารด้วยตัวเองอย่างนี้!

พ่อครัวหนุ่มอยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อครุ่นคิดสักพักเขาก็ตอบตกลง เพราะถึงอย่างไรตอนนี้เวลาอาหารกลางวันก็ผ่านไปแล้ว เขายังมีเวลาว่างอีกเหลือเฟือ

“ค่าแรง 5 หยวนนะน้อง”

“ไม่มีปัญหาเลยพี่ชาย ผมขอแวะไปซื้อของอย่างอื่นก่อน เสร็จแล้วเดี๋ยวกลับมาเอานะครับ”

พูดจบ ชายหนุ่มก็จัดการจ่ายเงินค่าแรงให้กับพ่อครัวร่างอ้วน ก่อนที่เขาจะเดินออกมาเพื่อซื้อข้าวเปล่า และกับข้าวเพิ่มเติมอีกสองสามอย่าง

ในโรงครัว

“ให้ตายสิ ฉันไม่เคยเห็นกะหล่ำที่มีความสวยงามสมบูรณ์ขนาดนี้มานานแล้ว อยากลองกินบ้างจังเลยน้า” พ่อครัวหนุ่มยกหัวกะหล่ำที่รับมาจากช่องหน้าต่างขึ้นดูด้วยความสนใจ แต่สุดท้ายก็ต้องสะกดกลั้นความอยากกินเอาไว้ และเริ่มต้นลงมือทำอาหารตามคำสั่ง

ในไม่ช้า ผัดกะหล่ำจานเด็ดก็พร้อมสำหรับรับประทานอยู่ในกล่องอาหาร

ซูเย่ยังไม่กลับมา

พ่อครัวหนุ่มทนกลิ่นหอมเย้ายวนใจไม่ไหว สุดท้ายเขาก็ต้องหยิบช้อนเหล็กคันหนึ่งมาตักผัดกะหล่ำขึ้นจากกล่องอาหาร ส่งเข้าใส่ปากตนเองหนึ่งคำใหญ่

“กร๊วบ”

สัมผัสของเนื้อกะหล่ำให้ความรู้สึกที่กรุบกรอบอยู่ในปาก

ความอร่อยล้ำแทรกเข้าทุกอณูลิ้น แผ่ซ่านไปยังต่อมรับรส เหมือนรสชาติอาหารที่สวรรค์ประทาน

“ทำไมถึงได้อร่อยแบบนี้เนี่ย?”

พ่อครัวหนุ่มเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ แล้วเขาก็ต้องรีบพูดกับตัวเองด้วยความดีใจ “หรือว่าฝีมือในการทำอาหารของเราจะพัฒนาขึ้นแล้ว?”

เขาอยากจะลองชิมอีกสักคำ

แต่ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ซูเย่เดินกลับมาถึงพอดี

“เสร็จแล้วใช่ไหมครับ?” ซูเย่ถาม เมื่อเห็นกล่องกะหล่ำวางอยู่ตรงหน้า

“เสร็จแล้ว” พ่อครัวหนุ่มร่างอ้วนแอบถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัวขณะที่ส่งกล่องอาหารผ่านช่องว่างทางหน้าต่าง ในตอนนี้เขาคงไม่รู้ว่าสีหน้าของเขาเลื่อนลอยดูไร้สติมาก

“ขอบคุณครับ”

ซูเย่รับกล่องอาหารมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หลังจากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินกลับออกจากโรงอาหาร มุ่งหน้ากลับหอพักของตัวเอง

หลังจากที่ทำได้เพียงจ้องมองกล่องอาหารหายลับไปกับตา ก็ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าที่พ่อครัวหนุ่มร่างอ้วนจะกลับมาได้สติอีกครั้ง

“สรุปว่าฝีมือทำอาหารของเราพัฒนาขึ้นจริง ๆ ใช่ไหม?” พ่อครัวหนุ่มคิดหาสาเหตุ นี่เป็นจานแรกที่เขาทำออกมาได้อร่อยเหาะขนาดนี้

“มิน่าล่ะ คุณปู่ถึงได้สอนนักสอนหนาว่าถ้าคนเราตั้งใจทำอะไรสักอย่าง ก็จะประสบความสำเร็จได้ในท้ายที่สุด”

เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงมีความสุข

เพื่อทดสอบฝีมือการทำอาหารของตนเองอีกครั้ง พ่อครัวหนุ่มร่างอ้วนก็ไม่เสียเวลาวุ่นวายอยู่ในโรงครัว เขารีบหากะหล่ำหัวใหม่ และวัตถุดิบสำหรับนำมาผัดอีกหนึ่งจาน

ใช้เวลาไม่นาน ขั้นตอนทุกอย่างก็เสร็จสิ้น

เมนูผัดกะหล่ำจานนี้ ทุกขั้นตอนเหมือนที่ทำให้ลูกค้าคนเมื่อครู่ทุกอย่าง

แต่เมื่อลองชิมแล้ว

“เฮ้ย”

สีหน้าของพ่อครัวหนุ่มก็เปลี่ยนไป เขาแทบจะคายอาหารในปากทิ้งออกมาทันที แต่นึกขึ้นได้ว่ามันจะเป็นการทำให้ของกินเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นพ่อครัวหนุ่มจึงต้องกล้ำกลืนฝืนทนกลืนมันลงคอไปในที่สุด

“ทำไมรสชาติมันไม่เหมือนกับจานที่แล้วล่ะ? ในเมื่อวัตถุดิบและเครื่องปรุงทุกอย่างก็เหมือนกันหมดนี่นา?”

…

ณ หอพักนักศึกษาชาย

“กลับมาแล้วคร้าบ” ซูเย่เดินกลับเข้าไปในห้องพักพร้อมด้วยกล่องอาหารกลางวัน และกับข้าวอีกหลายอย่าง

“ซูเย่ นายบอกว่าเดี๋ยวจะออกไปซื้อผัดผักมาให้กิน คงไม่ได้หมายถึงกะหล่ำหัวนั้นที่ปลูกอยู่บนระเบียงห้องเราหรอกใช่ไหม?”

ซูชือถามด้วยความสงสัยพร้อมกับชี้นิ้วไปที่กระถางต้นไม้บนระเบียงห้อง

“ถูกจับได้ซะแล้วเหรอเนี่ย?”

ซูเย่ยิ้มกว้าง และนำอาหารทั้งหมดไปวางไว้บนโต๊ะกลางห้องพัก หลังจากนั้นจึงเริ่มเปิดกล่องอาหารเมนูพิเศษ

“ฉันเอากะหล่ำหัวนั้นไปล้างเองกับมือเชียวนะ แถมยังไปขอร้องให้พ่อครัวที่โรงอาหารช่วยผัดให้ด้วย รับรองว่าอร่อยแน่นอน”

พูดจบแล้วชายหนุ่มก็แกะข้าวเปล่าให้เพื่อนคนละจาน

จากนั้นเขาก็ลองตักผัดกะหล่ำขึ้นมาชิมดูบ้าง

อื้อหือ…อร่อยกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย!

สีหน้าซูเย่ในตอนนี้เหมือนเขาพึ่งได้ลิ้มรสสิ่งที่อร่อยที่สุดในชีวิต

“ซูเย่ ทำหน้าแบบนั้นเว่อร์เกินไปหน่อยไหม”

ซูชือพูดในขณะที่นั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้าง ๆ และมองผัดกะหล่ำในกล่องอาหารด้วยแววตารังเกียจ

“ลองชิมดูก่อนเถอะ กินไม่ได้ก็กินอย่างอื่นไปสิ”

จินฟานก็นั่งลงแล้วเช่นกัน เขาหยิบตะเกียบ เตรียมพร้อมสำหรับการทานอาหารกลางวัน

ซูชือถอนหายใจและหยิบตะเกียบขึ้นมา

ซูเย่ก้มหน้าก้มตารับประทานผัดกะหล่ำไม่พูดคุยกับใคร ในขณะที่เพื่อนร่วมห้องทั้งสองคนรับประทานกับข้าวอย่างอื่นที่เขาซื้อมาจนหมด จากนั้นจึงได้ลองชิมผัดกะหล่ำเป็นการปิดท้าย

และไม่ต้องสงสัยเลย

ทันทีที่ได้กินเข้าไปเพียงคำเดียว จินฟานก็ถึงกับเบิกตาโต

“หืม?”

“เฮ้ย.. ทำไมอร่อยแบบนี้วะเนี่ย!”

“ไอ้นี่ก็ทำหน้าเว่อร์อีกคนแล้ว”

ซูชือเหลือบตามองจินฟานด้วยความเหยียดหยาม ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบกะหล่ำชิ้นหนึ่งส่งเข้าปาก

“เหยดดด!”

ดวงตาของชายหนุ่มลูกคุณหนูเบิกโตโดยทันที

“ผัดกะหล่ำมันอร่อยได้ถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”

ซูชือจ้องผัดกะหล่ำที่อยู่ในกล่องอาหารตรงหน้าด้วยความไม่อยากเชื่อ

“ซ้วบ”

จินฟานไม่เสียเวลาพูดคุยอีกแล้ว เขารีบใช้ตะเกียบคีบเนื้อกะหล่ำส่งเข้าปากของตนเองชิ้นแล้วชิ้นเล่า

เห็นดังนั้น ซูชือก็ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที

เขารีบดึงกล่องอาหารมาไว้ข้างหน้าตัวเอง

“นายแม่งกินเยอะแล้ว ที่เหลือเป็นของฉัน!”

แต่จินฟานก็แย่งกล่องอาหารกลับไปโดยไม่สนใจรับฟังคำทัดทานใด ๆ ทั้งสิ้น

ซูเย่รับประทานอิ่มแล้วตอนที่เพื่อนทั้งสองคนกำลังแย่งกันกินด้วยความวุ่นวาย

ซูชือเมื่อได้รับประทานแล้ว ก็หยุดไม่ได้อีกต่อไป

เดิมทีผัดกะหล่ำกล่องนี้เป็นอาหารที่ได้รับความสนใจน้อยที่สุด แต่บัดนี้ เพื่อนทั้งสองคนของซูเย่แทบจะฆ่ากันตายเพื่อแย่งชิงกะหล่ำชิ้นสุดท้าย

เพียงไม่นาน ผัดกะหล่ำในกล่องอาหารก็หมดเกลี้ยง

สามสหายได้แต่นั่งตบพุงอยู่บนเก้าอี้ด้วยความอิ่มหนำ

“เอื๊อก”

ซูชือเรอออกมาเล็กน้อย ดวงตายังเป็นประกายเพราะซาบซึ้งในความอร่อยของผัดกะหล่ำ “นี่เป็นความรู้ใหม่ของฉันเลยนะเนี่ย ใครจะไปคิดวะว่าผัดกะหล่ำหน้าตากาก ๆ อย่างนั้นจะอร่อยได้ถึงขนาดนี้ แบบนี้ให้ฉันกินทุกวันเลยก็ยังได้!”

จินฟานหันไปมองที่กระถางต้นไม้ริมระเบียงด้วยดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ

ซูเย่ยิ้ม แต่ไม่พูดอะไรออกมา

เมื่อช่วยกันล้างจานเสร็จเรียบร้อย ทั้งสามหนุ่มก็เดินกลับไปเข้าเรียนอีกครั้ง

ซูเย่ยังคงทบทวนตำราแพทย์แผนจีนในหัวของตนเองต่อไป

…

ขณะนี้เป็นเวลา 22:00 น.

ซูชือกับจินฟานสวมใส่หมวก VR และเข้าเล่นเกมพร้อมกัน

พวกเขายังอยู่เลเวล 10 เท่าเดิม

แม้ว่าทั้งสองหนุ่มจะสามารถฆ่าสัตว์ประหลาดระดับ 11 ได้อยู่บ้าง แต่ความเร็วของพวกเขาก็ยังไม่เท่ากับพวกคนที่ได้อัพเลเวลขึ้นไปล่วงหน้าเพราะมีค่าประสบการณ์เยอะกว่า

แต่คืนนี้ เมื่อได้เริ่มต้นสังหารสัตว์ประหลาดเพียงไม่กี่ตัว ทั้งซูชือและจินฟานต่างก็รับรู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไปจากเดิม

เหมือนกับว่าพวกเขามีฝีมือเก่งขึ้นอย่างไรไม่ทราบ?

การฆ่าสัตว์ประหลาดจึงดำเนินไปด้วยความรวดเร็วมากกว่าเดิม

แต่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลยนี่นา?

อยู่ดี ๆ ทำไมถึงมีพลังเพิ่มขึ้นมาได้ล่ะ?

สองหนุ่มปรึกษากันอยู่เล็กน้อย ก็ตัดสินใจถอนตัวออกจากกลุ่มเดิม และมาตั้งทีมล่าสัตว์ประหลาดกันเองเพียงสองคน

ผลก็คือค่าประสบการณ์ของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

“นี่พวกเราเก่งขึ้นหรือสัตว์ประหลาดพวกนี้มันกากลงกันแน่?”

“ทำไมสัตว์ประหลาดพวกนี้เหมือนจะเคลื่อนที่ได้ช้าลงเลยล่ะ?”

“เมื่อก่อนพวกมันไม่กระจอกแบบนี้นี่นา?”

ความสงสัยหลายอย่างผุดขึ้นมาในหัวใจ แต่ดาบในมือของพวกเขาก็ยังคงสังหารสัตว์ประหลาดต่อไปไม่หยุดยั้ง

…

ดวงจันทร์ลอยตัวบนท้องฟ้า ลมราตรีโชยพัดแผ่วเบา

ในป่าข้างจัตุรัสส่วนกลางของมหาวิทยาลัย

พลันปรากฏเงาร่างทั้งห้าขึ้น พวกเขามาจากทุกทิศทาง

บรรยากาศเงียบสงบ มีแต่เพียงเสียงลมเท่านั้นที่ทำลายความเงียบ

เมื่อสมาชิกทีมมารวมตัวกันเรียบร้อย จูอวี่เป็นเพียงผู้หญิงหนึ่งเดียวภายในทีมสืบสวน เธอกวาดสายตามองรอบตัวแล้วถามออกมา

“สรุปว่าเป็นที่นี่จริง ๆ ใช่ไหมคะ?”

“ที่นี่แหละ” เจ้าหน้าที่หมายเลข 197 หวังเหามองหน้าลูกน้องของตนเองทั้งสี่คนเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง “จากข้อมูลของทีมวิจัยที่ได้มาล่าสุด หมวกที่ถูกขโมยไปถูกเปิดใช้งานในเขตมหาวิทยาลัยแห่งนี้ โชคร้ายที่เราไม่สามารถระบุตำแหน่งได้แน่ชัดว่ามันถูกเปิดใช้งานที่ไหน”

ทุกคนพยักหน้ารับรู้

“ก่อนมาที่นี่ ผมได้ตรวจสอบรายชื่อผู้ลงทะเบียนซื้อหมวก VR กับทางสถานีตำรวจท้องถิ่นดูแล้ว ปรากฏว่าผู้ที่มาลงทะเบียนซื้อหมวกมีตั้งแต่นิสิตนักศึกษา ไปจนถึงอาจารย์ และพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของอยู่ในมหาวิทยาลัย ซึ่งหมายความว่าเรายังไม่สามารถบีบวงให้เหลือแค่ผู้ต้องสงสัยได้อย่างที่คิด”

“เพราะฉะนั้น วันนี้พวกเราจะมาปฏิบัติการล่อเสือออกจากถ้ำกัน!”

พูดจบหวังเหาก็นำหยกเขียวที่มีขนาดเท่าเล็บมือคนชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

เมื่อหยกชิ้นนั้นได้สัมผัสกับสายลมในอากาศ มันก็เรืองแสงเป็นประกายแวววาว พร้อมกับส่งมวลพลังปราณธรรมชาติออกไปรอบบริเวณ

เมื่อมองเห็นชิ้นหยกในมือหัวหน้าทีม ดวงตาของทุกคนก็เป็นประกายขึ้นมาทันที

นี่คือหยกเขียวปราณบริสุทธิ์ นับเป็นของหายากที่สุดชนิดหนึ่ง มีเพียงปฏิบัติภารกิจลับระดับชาติสำเร็จเท่านั้น ถึงจะได้ของสิ่งนี้เป็นรางวัลตอบแทน

“ผู้กองจะใช้หยกชิ้นนี้เป็นเหยื่อล่อเหรอครับ?”

ลูกน้องคนหนึ่งในทีมถามขึ้นด้วยความตกตะลึง

“ถูกต้อง นี่คงเป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่จะล่อคนร้ายออกมาได้”

หวังเหาตอบและยิ้มมุมปาก

“ถึงแม้หยกชิ้นนี้จะเป็นของล้ำค่า แต่เมื่อมันอยู่ในมือฉันแล้ว มั่นใจเถอะว่าจะไม่มีใครสามารถแย่งมันไปได้เด็ดขาด!”

“พวกเราเริ่มภารกิจได้!”

…

มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง หอพักชาย

ซูเย่ที่กำลังนอนฝึกวิชาอยู่บนเตียงพลันลืมตาขึ้นมา

“หืม?”

ดวงตาเป็นประกาย เมื่อเขาสามารถสัมผัสพลังอะไรบางอย่างได้

“พลังปราณพวกนี้มาจากไหนกันเนี่ย”

“เหมือนจะมาจากในป่าข้างจัตุรัสกลางใช่ไหม?”

หัวใจของเขากระตุกวูบ ลางสังหรณ์ของเขาเริ่มทำงาน

ซูเย่ลุกขึ้น ลงจากเตียงนอนในความเงียบ เขาเดินออกมาจากหอพักมุ่งหน้าเข้าไปในป่าและหายเข้าในความมืด ซูเย่รีบตรงไปยังตำแหน่งต้นกำเนิดของพลังปราณปริศนาโดยไม่มีผู้ใดพบเห็น

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 58 ผัดกะหล่ำแสนอร่อย"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์