เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 90 ฉันจะรับเด็กคนนี้เป็นลูกศิษย์
บทที่ 90 ฉันจะรับเด็กคนนี้เป็นลูกศิษย์
หยางเหวินป๋อถึงกับชะงักกึก ลังเลเล็กน้อย ก่อนพยักหน้ารับคำ “ใช่ครับ”
“งั้นนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่เลยนะ หากในท้ายที่สุดแล้ว มหาวิทยาลัยของเราได้รับเงินทุน เธอก็อาจจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไปเป็นรองอธิการบดี หรืออาจจะได้เป็นอธิการบดีในอนาคตก็ได้ ฉันควรแสดงความยินดีกับเธอล่วงหน้าเลยดีไหม”
ฮั่วเหรินเซิงกล่าวต่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “เธอเองจะได้ความดีความชอบจากการชิงทุนในครั้งนี้ มหาวิทยาลัยของเราก็จะได้รับเงินทุนจำนวนมหาศาล แต่ซูเย่ได้อะไรตอบแทนบ้างล่ะ?”
“เขาไม่ได้อะไรตอบแทนเลย นอกจากเอาชื่อของตัวเองมาแปดเปื้อน และถูกทำลายอนาคตด้วยความเกลียดชังที่ไม่ยุติธรรม วิธีการที่เธอเลือกใช้ บางครั้งก็ต้องคำนึงถึงคุณธรรมด้วยเช่นกัน เพราะวิธีการบางอย่างต่อให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่บ่อยครั้งมันก็เป็นวิธีการที่อำมหิตมากเกินไป”
“ฉันจะรับเด็กคนนี้เป็นลูกศิษย์เอง”
ฮั่วเหรินเซิงพูดจบ ก็กล่าวต่อโดยทันที “ฉันคงทำลายอนาคตของเด็กรุ่นใหม่ที่มีจิตใจดีงามเช่นนี้ไม่ได้หรอก…”
“ขอบคุณอาจารย์มากเลยนะครับ!”
หลี่เคอหมิงอุทานออกมาด้วยความดีใจ
“อาจารย์ฮั่ว”
หยางเหวินป๋อพยายามโต้แย้ง
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว”
ฮั่วเหรินเซิงยกมือโบกสะบัด ขัดจังหวะการพูดของหยางเหวินป๋อ “เหตุผลของเธอฉันไม่สนใจหรอก ฉันเป็นแพทย์แผนจีน ฉันแค่อยากจะให้วงการของเราพัฒนาต่อไปก็เท่านั้นเอง”
“แต่อาจารย์ลองคิดดูสิครับว่าถ้าข่าวนี้หลุดรอดออกไป เราจะอธิบายกับพวกแพทย์แผนจีนฝีมือดีจำนวนมากได้อย่างไร พวกเขาต้องไม่พอใจแน่ ๆ เลยครับ”
“งั้นรอให้การแข่งขันชิงทุนจบลงก่อนก็ได้ ถ้าซูเย่สามารถคว้าตำแหน่งผู้ชนะได้สำเร็จ ก็คงไม่มีใครปฏิเสธความสามารถของเขาได้อีกแล้ว!”
ผู้เป็นปรมาจารย์แห่งวงการแพทย์แผนจีนหันหน้ามาหาหลี่เคอหมิง
“เคอหมิง ในเมื่อลูกศิษย์ของเธอมีความเก่งกาจมากกว่าคนทั่วไป ก็ใช้การแข่งขันชิงทุนในครั้งนี้ เป็นโอกาสทดสอบดูสิว่าเขามีความสามารถในระดับไหนกันแน่ ส่วนตอนนี้ เธอก็สอนวิชาฝังเข็มให้เขาแทนฉันไปก่อน”
“ได้เลยครับอาจารย์”
หลี่เคอหมิงพยักหน้าอย่างมีความสุข
แต่ทันใดนั้น เขาก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ แต่กลับไม่ได้พูดออกมา
หลี่เคอหมิงหันไปมองหน้าหยางเหวินป๋อ
หมอนี่จะคัดค้านอะไรอีกไหม?
แต่หยางเหวินป๋อไม่ได้คัดค้านอะไรอีกแล้ว
เพราะเขาย่อมรู้ดีว่าอาจารย์ฮั่วเดิมทีมีนิสัยยอมหักไม่ยอมงอ เท่านี้ก็นับว่าท่านอาจารย์ยอมประนีประนอมมากพอแล้ว หากหยางเหวินป๋อยังรบเร้าฮั่วเหรินเซิงต่อไป ดีไม่ดีชายชราอาจจะประกาศรับตัวซูเย่เป็นลูกศิษย์คนใหม่ในวันนี้เลยก็ได้ และนั่นก็จะทำให้มีปัญหาใหญ่ตามมาไม่รู้จบ
เพราะฉะนั้น การยื้อเวลาออกไปจนจบการแข่งชิงทุน ก็น่าจะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว
ถ้าซูเย่ไม่สามารถคว้าตำแหน่งผู้ชนะได้สำเร็จ แต่อาจารย์ฮั่วยังดึงดันที่จะรับตัวเขาเป็นลูกศิษย์อยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ ถึงตอนนั้น พวกนักศึกษาในคณะแพทย์จะต้องไม่พอใจมากแน่นอน
เพียงแค่คิด หยางเหวินป๋อก็รู้สึกปวดหัวแล้ว
ในขณะที่เดินกลับออกมาจากบ้านพักของฮั่วเหรินเซิง หลี่เคอหมิงก็ส่งข้อความไปหาซูเย่ บอกให้ชายหนุ่มมาพบเขาที่ศาลานั่งเล่นประจำมหาวิทยาลัย
ซูเย่กำลังจะเดินไปหาข้าวกลางวันทาน แต่เมื่อได้รับข้อความจากผู้เป็นอาจารย์ เขาก็รีบตรงดิ่งไปที่ศาลานั่งเล่นโดยทันที
“ฉันอยากจะขอโทษเธอ”
นี่คือคำพูดแรกที่หลุดออกจากปากหลี่เคอหมิงเมื่อเขาพบหน้าซูเย่ “ฉันอธิบายสถานการณ์ของเธอให้อาจารย์ฟังแล้ว แต่เธอก็คงรู้ดีว่าหลายวันนี้เกิดข่าวลือมากมาย เธอจะได้กลายเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ฉัน ถ้าเธอสามารถเป็นผู้ชนะการแข่งขันชิงทุนให้มหาวิทยาลัยของเราได้สำเร็จ”
“แต่เธอไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกนะ เดี๋ยวฉันจะคอยช่วยเหลือเป็นอย่างดี”
“เริ่มจากวันเสาร์นี้เป็นต้นไป ฉันจะไปรักษาคนไข้ที่โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจี้หยางทุกวันเสาร์ เรายังมีเวลาอีกสี่สัปดาห์ที่เธอจะได้เรียนรู้ทักษะการฝังเข็ม รวมถึงการศึกษาข้อมูลอีกหลายอย่างที่อาจจะมีอยู่ในข้อสอบวัดความรู้ก็ได้ เธอมั่นใจได้เลยว่าทุกอย่างที่ฉันรู้ ฉันจะถ่ายทอดให้เธออย่างหมดไส้หมดพุงเอง”
“ขอบคุณอาจารย์มากเลยนะครับ”
ซูเย่ก้มศีรษะด้วยความซาบซึ้งใจ
นอกจากได้รับความรู้โดยตรงจากหลี่เคอหมิงแล้ว การติดตามอาจารย์ไปรักษาคนไข้ถึงโรงพยาบาล ก็ยังนับเป็นประโยชน์สูงสุดต่อซูเย่อีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีที่ไหนจะเหมาะสมต่อการศึกษาศาสตร์แห่งแผนจีน มากไปกว่าโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนอีกแล้ว
ยิ่งคิด ซูเย่ก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น
แต่ว่า…
ซูเย่ก็ถามออกมาอย่างกะทันหัน “เป็นฝีมือของคณบดีจากคณะแพทย์แผนจีนใช่ไหมครับ?”
“หืม?”
หลี่เคอหมิงหยุดชะงัก
“เขาเป็นคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดใช่ไหมครับ?”
ซูเย่ถามย้ำออกไปอีกครั้ง
“เธอรู้ด้วยหรือ?”
หลี่เคอหมิงมองหน้าชายหนุ่มด้วยความไม่อยากเชื่อ เขาไม่คิดเลยว่าซูเย่จะรู้ว่าหยางเหวินป๋อเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายทั้งหมด แต่สุดท้ายก็ต้องตอบรับด้วยการพยักหน้า
เมื่อได้รับทราบคำตอบ แววตาของซูเย่ก็เป็นประกายเย็นชาขึ้นมาทันที
เมื่อกลับมาถึงหอพัก ซูเย่ก็ได้รับทราบว่าเว็บไซต์ของทางมหาวิทยาลัยได้โพสต์ข่าวใหญ่ประจำปี
“แจ้งนักศึกษาทุกคนโปรดทราบ : มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางกำลังจะเข้าร่วมการแข่งขันชิงทุนการศึกษา และงบวิจัยจำนวนมาก ขอให้นักศึกษาที่มีความสนใจร่วมแข่งขันกรอกใบสมัครที่ด้านล่าง”
อีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้ มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางอาจจะมีวีรบุรุษคนใหม่ถือกำเนิดขึ้นมาก็ได้
ในประกาศฉบับนี้ ยังมีข้อความอีกหนึ่งส่วนสำคัญแจ้งว่า
“ถ้านักศึกษาคนใดสามารถทำคะแนนได้ดีเป็นที่น่าพึงพอใจ ปรมาจารย์แห่งวงการแพทย์แผนจีนฮั่วเหรินเซิง ก็จะพิจารณารับตัวเป็นลูกศิษย์คนใหม่”
“คณะอาจารย์จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเหล่านักศึกษาจะตั้งใจเรียน และทำงานหนัก เพื่อคว้าชัยชนะ และเกียรติยศมาสู่มหาวิทยาลัยของเราให้จงได้!”
จดหมายแจ้งเตือนฉบับนี้ถูกแชร์ส่งต่อไปยังบอร์ดข้อความของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางในเว็บบอร์ดรวมมิตรมหาลัย
ดังนั้น นักศึกษาจึงรับทราบข่าวทั่วทั้งมหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าทุกคนที่เห็นข่าวนี้ย่อมเกิดความตื่นเต้นสุดขีด!
“สุดยอดเลยว่ะ!”
“นี่คือผลงานของคณบดีหยางแน่นอน สมแล้วที่เขารับปากพวกเราเอาไว้!”
“ต้องยกความดีความชอบทุกอย่างให้คณบดีหยางแล้วล่ะ บอกแล้วไงว่าปรมาจารย์แพทย์แผนจีนไม่มีทางรับเด็กจากคณะอื่นเป็นลูกศิษย์ได้หรอก!”
“พวกเราทำสำเร็จแล้วโว้ย!”
“นี่แหละความยุติธรรมที่แท้จริง!”
ในเวลาเดียวกันนี้ กลุ่มคนจากคณะแพทย์แผนจีนต่างก็ให้ความสนใจไปยังการรับลูกศิษย์คนใหม่ของปรมาจารย์ฮั่วเหรินเซิง…
พวกเขารับทราบว่าไม่มีโอกาสครั้งใดจะเข้าใกล้ความเป็นจริงมากไปกว่านี้อีกแล้ว การได้กลายเป็นลูกศิษย์คนใหม่ของฮั่วเหรินเซิง อย่าว่าแต่จะทำให้แพทย์แผนจีนทั่วประเทศต้องก้มหัวให้ ต่อให้เป็นแพทย์แผนจีนจากทั่วทั้งโลก ก็ไม่สามารถเทียบเคียงกับพวกเขาได้อีกแล้ว
นี่คือทางลัดสู่ความสำเร็จโดยแท้จริง
ทุกคนมีเวลาเตรียมตัวอีกหนึ่งเดือน พวกเขาจะต้องคว้าชัยชนะมาให้ได้!
บรรยากาศในบอร์ดข้อความกลับมาสู่โหมดแห่งความร้อนแรงอีกครั้ง
“อีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้ เรามาช่วยกันพิสูจน์เถอะว่า ซูเย่ก็แค่อัจฉริยะจอมปลอมคนหนึ่งเท่านั้นเอง!”
เมื่อกระทู้นี้ถูกโพสต์ลงไปในบอร์ดข้อความ
มันก็ถูกดันขึ้นเป็นกระทู้แนะนำประจำบอร์ดของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางอย่างรวดเร็ว
นักศึกษาจากคณะแพทย์แผนจีนจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าไปคอมเมนต์ให้กำลังใจผู้ที่ประกาศตัวว่าจะลงแข่งขัน รวมถึงโจมตีเด็กจากคณะวิจัยสมุนไพรจีน ว่าเป็นพวกไม่รู้จักที่ทางของตนเอง และไม่เจียมตัวเจียมตน
“คิดจะมาแข่งวัดความรู้กับพวกเราเด็กคณะแพทย์ ก็เตรียมตัวหน้าหงายให้ดีแล้วกัน!”
“เดี๋ยวพวกเราจะทำให้ดูเองว่า เด็กคณะแพทย์ทำประโยชน์ให้กับมหาลัยได้มากกว่าพวกนายขนาดไหน”
“เจ้าพวกคณะวิจัยสมุนไพร เวลาอีก 30 วันต่อจากนี้ เดี๋ยวพวกแกจะได้รู้ว่าความห่างชั้นที่แท้จริงน่ะมันเป็นยังไง!”
ในขณะนี้ นักศึกษาคณะแพทย์แผนจีนต่างก็คิดว่าตนเองเป็นฝ่ายได้เปรียบซูเย่ทุกประตู
ในขณะนี้เจ้าตัวได้ชำเลืองมองข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์ที่ซูชือส่งมาให้ดูระหว่างเดินไปห้องเรียนอย่างไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่
สงครามยังไม่ทันจะเริ่ม ก็เตรียมตัวนับศพทหารกันแล้วหรือ?
จังหวะนี้ ซูเย่เดินผ่านกลุ่มเด็กคณะแพทย์แผนจีนพอดี ชายหนุ่มเหล่านั้นต่างก็จ้องมองมาที่ซูเย่อย่างต้องการยั่วโมโห
ซูเย่เพียงยิ้มตอบกลับไปเล็กน้อย
เขานำบัตรสมาชิกของสมาคมแพทย์แผนจีนขึ้นมาติดไว้บนหน้าอกเสื้อ
หลังจากนั้น ซูเย่ก็ชี้มือให้กลุ่มเด็กจากคณะแพทย์แผนจีนดูบัตรที่อยู่บนหน้าอกของเขาอย่างต้องการยั่วโมโหเช่นกัน
เด็กจากคณะแพทย์แผนจีนกลุ่มนั้นพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
ให้ตายสิ!
น่าเจ็บใจชะมัด!
นั่นมันบัตรสมาชิกของสมาคมแพทย์แผนจีนไม่ใช่หรือ? พวกเราก็คงสอบผ่านเหมือนกันนั่นแหละถ้าได้ไปสอบ แต่ตอนนี้แค่ยังไม่มีเวลาไปสอบเท่านั้นแหละน่า!
ตอนนี้อวดดีได้ก็อวดดีไปเถอะ อีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้ นายคงไม่มีทางมาเดินชูคอได้แบบนี้อีกแล้ว!
เฮอะ!
กลุ่มเด็กจากคณะแพทย์แผนจีนได้แต่คิดประโยคเหล่านี้อยู่ในใจ ก่อนจ้องมองซูเย่เป็นครั้งสุดท้าย และหมุนตัวเดินจากไปด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว
“มุกนี้ใช้ได้เลยนี่หว่า เดี๋ยวฉันทำบัตรปลอมมาติดไว้บนหน้าอกตัวเองบ้างดีกว่า”
ซูชือพูดด้วยดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ พร้อมกับจ้องมองไปยังบัตรสมาชิกบนหน้าอกของซูเย่
“บ่ายนี้ฉันมีธุระต้องทำ ไม่ได้เข้าเรียนด้วยนะ ถ้ามีเรื่องด่วนอะไรก็โทรมาแล้วกัน”
ซูเย่แจ้งแก่เพื่อนสนิททั้งสองคน ก่อนจะเดินออกไปนอกเขตมหาวิทยาลัย
บุญคุณต้องทดแทน หนี้แค้นต้องชำระ
ในเมื่อหยางเหวินป๋อตั้งใจเล่นสกปรกกับเขาก่อน ซูเย่จึงไม่มีทางปล่อยให้อีกฝ่ายลอยนวลเด็ดขาด!
ซูเย่เดินไปตามเส้นทางซึ่งปรากฏบนแผนที่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ หลังจากนั้น เขาก็มาหยุดยืนมองเสาโทรศัพท์ต้นหนึ่งที่มีแผ่นป้ายโลหะขึ้นสนิมแขวนแจ้งเอาไว้ว่า
“สำนักงานนักสืบเอกชนต้าเจา”
ด้านล่างเป็นตัวหนังสือแถวเล็ก ๆ อ่านได้ความว่า : ชั้น 2 ตึกซีหู เบอร์โทรศัพท์ 05xxxxxxxxxxxx
ซูเย่เดินตรงขึ้นไปยังชั้นสองของตัวตึก และเคาะประตูห้องโดยไม่รอช้า
แม้ตึกภายนอกจะดูทรุดโทรมเก่าแก่ แต่การตกแต่งภายในสำนักงานค่อนข้างทันสมัย ดูหรูหรา และมีสไตล์
หญิงสาวตาโตอายุประมาณ 25 – 26 ปีคนหนึ่งเปิดประตูออกมาต้อนรับซูเย่ด้วยความประหลาดใจ “มีอะไรให้ช่วยคะ?”
“ผมอยากให้ช่วยตามสืบข้อมูลคนคนหนึ่งหน่อยน่ะครับ”
ซูเย่พูด มุมปากบิดตัวเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย
หญิงสาวสำรวจมองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าหนึ่งรอบ ก่อนจะหลีกทางให้ซูเย่เดินเข้าไปนั่งที่ชุดโซฟารับแขก ส่วนตนเองเดินขากะเผลกไปรินน้ำชา
ซูเย่หันหน้าไปมอง รอยยิ้มที่มุมปากของเขายิ่งชัดเจนมากขึ้น
หญิงสาวประคองถ้วยน้ำชาส่งมาให้ชายหนุ่มผู้เป็นแขก พร้อมกับถามว่า “จะให้สืบข้อมูลของใครคะ?”
“หยางเหวินป๋อ เขาเป็นคณบดีประจำคณะแพทย์แผนจีนของมหาวิทยาลัยจี้หยาง”
“สืบข้อมูลด้านไหนบ้าง?”
“ใช้อำนาจในหน้าที่ไปในทางมิชอบ รวมถึงอาจทำเรื่องผิดกฎหมายหลายอย่าง”
หญิงสาวมองหน้าซูเย่ด้วยความเหลือเชื่อ “อยากได้ผลการสืบสวนเมื่อไหร่คะ?”
“ยิ่งเร็วก็ยิ่งดีครับ”
“ฉันสืบให้คุณได้เร็วที่สุดหนึ่งสัปดาห์ ราคา 50,000 หยวน”
“ผมไม่มีเงิน”
ซูเย่บอกเขาไปตามตรง
“อ้าว?”
นักสืบสาวหมวดคิ้วหน้ายุ่ง ถ้าไม่มีเงิน แล้วจะมาหาเธอเพื่ออะไร?
“แต่ผมช่วยรักษาขาของคุณได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น หญิงสาวนักสืบก็ถึงกับชะงักกึก และจ้องมองซูเย่เขม็ง จากนั้นจึงถามออกมาเสียงดัง “คุณว่าไงนะ?”
แต่แล้วเธอก็รู้ตัวว่าตนเองแสดงอาการมากเกินไป จึงรีบปรับเปลี่ยนสีหน้ากลับมาเป็นเรียบเฉย ทว่า ในดวงตาก็ยังเป็นประกายด้วยแสงแห่งความหวัง
“ผมช่วยรักษาขาของคุณได้”
พูดจบ ซูเย่ก็เอื้อมมือไปแตะหัวเข่าขวาของหญิงสาวอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาจึงดึงมือกลับมา และรับถ้วยน้ำชาไปดื่มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นักสืบสาวตกใจ แต่ยังไม่ทันได้ขยับตัว เธอกลับต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าความเจ็บปวดที่หัวเข่าขวาได้อันตรธานหายไปแล้ว
หญิงสาวมองหน้าซูเย่ด้วยความตื่นตะลึง
หัวเข่าขวาของเธอได้รับบาดเจ็บมาสามปี ไม่เคยมีโรงพยาบาลไหนสามารถรักษาให้หายได้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาแบบวิถีตะวันออกหรือตะวันตก ด้วยเหตุนี้ นักสืบหญิงจึงไม่อยากเชื่อว่าชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้จะสามารถช่วยรักษาเธอได้สำเร็จในเวลาเพียงไม่กี่วินาที!
นักสืบหญิงพยายามกลบเกลื่อนความตื่นเต้น เธอพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“ตกลง อีกห้าวันหลังจากนี้ ฉันจะมอบข้อมูลทุกอย่างที่คุณต้องการให้เอง! ถือว่าตอบแทนที่ช่วยรักษาขาของฉันก็แล้วกัน”
“ได้ครับ เดี๋ยวอีกห้าวัน ผมจะแวะกลับมาใหม่”
ซูเย่ลุกขึ้น เดินไปที่ประตู แต่แล้วก็หันหน้ากลับมาพูดพร้อมยิ้มกว้างให้เธอ “เลิกฝึกวรยุทธ์แบบเดิมได้แล้วนะครับ ยิ่งฝึกมากเท่าไหร่ หัวเข่าของคุณก็ยิ่งเจ็บหนักมากเท่านั้น ทางที่ดีลองเปลี่ยนไปฝึกวรยุทธ์รูปแบบอื่นดูดีกว่า”
พูดจบ ชายหนุ่มก็เปิดประตูเดินจากไปหน้าตาเฉย
นักสืบหญิงได้แต่มองแผ่นหลังของซูเย่ด้วยความตกตะลึง
เขาก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ด้วยเหมือนกันหรือ?
และมีแต่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงเท่านั้น ถึงจะสามารถมองเห็นปัญหาของผู้ฝึกยุทธ์ด้วยกันได้
ทันใดนั้น หญิงสาวก็เบิกตาโตด้วยความดีใจ เห็นทีครั้งนี้ขาของเธอคงถูกรักษาหายแล้วจริง ๆ !
หลังจากนั้น นักสืบสาวก็รีบเข้าประจำการหลังคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ และตรวจสอบข้อมูลของคณบดีที่ชื่อหยางเหวินป๋อคนนั้น รวมถึงเริ่มจัดการแฮ็กบัญชีอีเมลของเป้าหมาย…
…
ในเวลาเดียวกันนี้ ซูเย่กำลังเดินกลับไปยังมหาวิทยาลัยของตนเอง
นับจากวินาทีแรกที่นักสืบหญิงเปิดประตูต้อนรับ เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายผู้ฝึกยุทธ์จากตัวของอีกฝ่าย เพียงแต่ว่าเธอยังไม่สามารถเปิดจุดลมปราณได้สำเร็จเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าขาของหญิงสาวมีปัญหา และมันทำให้การฝึกวิชาของเธอไม่คืบหน้า เมื่อสักครู่นี้ เขาจึงเปิดจุดลมปราณบริเวณหัวเข่าให้เธอ อาการบาดเจ็บที่หัวเข่าของหญิงสาวจึงหายดีเป็นปลิดทิ้ง
ซูเย่ช่วยเธอรักษาอาการบาดเจ็บ และก็ยังให้คำแนะนำเรื่องการฝึกวรยุทธ์อีกด้วย
“หยางเหวินป๋อ”
ในดวงตาของซูเย่ปรากฏความเย็นชาขึ้นมาอีกครั้ง
แต่ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
“สวัสดีครับ?”
ซูเย่กดรับสาย
“สวัสดีครับ นั่นคุณซูเย่ใช่ไหม?”
เสียงที่ค่อนข้างเป็นทางการดังตอบรับมาจากต้นสาย
“ใช่ครับ ผมเอง”
“สวัสดีคุณซูเย่ ผมโทรมาจากสถานีตำรวจท้องที่นะครับ พอดีว่าหมวก VR ของคุณได้ถูกจัดส่งมาถึงแล้ว กรุณามารับให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับ”