เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 15 อันดับที่หนึ่ง ซูเย่!
บทที่ 15 อันดับที่หนึ่ง ซูเย่!
“ตอนนี้จะทำการประกาศผลการสอบเมื่อวาน”
ผู้คุมสอบที่ทำหน้าที่เป็นพิธีกรรับรายชื่อ แล้วเดินขึ้นมายังเบื้องหน้าของผู้เข้าแข่งขันทั้งหนึ่งร้อยคนพร้อมกล่าว “นักศึกษาที่ฉันเรียกชื่อนั้นแปลว่าผ่านการทดสอบรอบแรก โปรดไปรอที่ห้องถัดไป”
เมื่อได้ยินดังนั้น หวังจี้เฉาก็เหลือบมองที่ซูเย่ อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ ตกรอบแล้วไสหัวกลับบ้านไปซะ!
“คนแรก”
อาจารย์คุมสอบตะโกน
“ซูเย่”
เมื่อได้ยินชื่อของซูเย่ ทั้งห้องพลันเงียบงัน ซูเย่จากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางผ่านงั้นเหรอ? เขาคือคนที่ส่งข้อสอบภายในหนึ่งชั่วโมง
…นี่อีกฝ่ายผ่านจริงๆ งั้นเหรอ?
นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตูนั่งขมวดคิ้วท่ามกลางกลุ่มคน
แปะแปะแปะ
ในห้องมีเสียงปรบมือจากสองคน คือลวี่อวิ๋นเผิงและลู่จวิ้น ไม่ว่าซูเย่จะเรียนคณะสมุนไพรจีนหรือคณะแพทย์แผนจีน ยังไงซะเขาก็คือเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย อย่างน้อยก็ควรปรบมือแสดงความยินดีให้
คนอื่นๆ เองก็ยกมือขึ้นมาปรบมือให้พร้อมๆ กัน
ซูเย่ลุกขึ้น ยิ้มไปทางลวี่อวิ๋นเผิงและลู่จวิ้น แล้วประสานมือขอบคุณไปยังทุกคนก่อนจะเดินไปที่ห้องรับรองถัดไป
“หึ ถือว่าพอใช้ได้อยู่บ้าง”
หวังจี้เชามองเงาหลังของซูเย่ แล้วคิดในใจอย่างไม่ยี่หระ
วินาทีต่อมา
“คนที่สอง หวังจี้เชา”
เมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง หวังจี้เขาก็ลุกขึ้นและเดินไปยังห้องรับรองอีกห้องด้วยท่าทีหยิ่งทะนง
“ดูเหมือนว่าจะประกาศตามลำดับการส่งกระดาษคำถาม”
อาจารย์คุมสอบประการรายชื่อต่อไป
นักศึกษาสี่คนจากมหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตู และลวี่อวิ๋นเผิง ลู่จวิ้น พวกเขาต่างก็เข้ารอบ
จากนั้นไม่นาน ก็ประกาศรายชื่อครบทั้ง 50 คน ส่วนอีก 50 คนที่ไม่ถูกเรียกชื่อ พวกเขาต่างมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย
เห้อ ตกรอบไปทั้งอย่างนี้นี่นะ?
เมื่อเก็บรายชื่อในมือและมองดูนักศึกษาที่เหลืออยู่ 50 คนเบื้องหน้า ผู้คุมสอบกล่าวอย่างเสียใจ “ขอแสดงความเสียใจด้วย พวกคุณไม่ได้ไปต่อ”
ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่แล้ว แต่ในวินาทีที่อาจารย์ประกาศ นักศึกษา 50 คนที่ตกรอบ ในใจก็อดรู้สึกท้อแท้ไม่ได้
“นี่เป็นเพียงบททดสอบเล็กๆ ในชีวิตของคุณ มันไม่ได้สำคัญอะไรมากในชีวิตของคุณ การที่พวกคุณได้มาถึงที่นี่ แสดงว่าพวกคุณเก่งมากแล้ว ฉันเชื่อว่าหนทางแพทย์แผนจีนของพวกคุณจะต้องสดใสในอนาคต ฉันยังหวังว่าพวกคุณจะเป็นแพทย์แผนจีนที่ดีในอนาคตอันใกล้นี้ และขอขอบคุณสำหรับการมีส่วนร่วม!“
อาจารย์คุมสอบโค้งคำนับให้ทุกคน ส่วนทุกคนก็ยืนขึ้นโค้งคำนับเช่นกัน
เมื่อแยกย้ายไปเรียบร้อย อาจารย์คุมสอบก็มาอีกห้องทันที เขามองไปที่คนห้าสิบคนที่มีความภูมิใจบนใบหน้าแล้วกล่าว
“ขอแสดงความยินดีกับนักศึกษา 50 คนที่อยู่ที่นี่ พวกคุณผ่านเข้ารอบ”
“ก่อนอื่นขอแนะนำตัวเองก่อน ฉันเป็นอาจารย์คุมสอบของพวกเธอ และในขณะเดียวกันก็เป็นพิธีกรให้รายการด้วย ฉันชื่อหลิวอวิ๋นเทา”
“อันดับต่อไป ฉันจะอยู่อัดรายการกับทุกคนจนจบ”
เมื่อได้ยิน นักศึกษาทั้ง 50 คนก็ปรบมือต้อนรับ
“ขอบคุณทุกคน” หลิวอวิ๋นเทาขอบคุณแล้วพูดต่อ “การบันทึกตอนแรกของรายการได้เสร็จสิ้นลงแล้ว และตอนนี้จะมีการประกาศเนื้อหาของตอนที่สองของการแข่งขัน ขอบเขตเนื้อหาการสอบคือ… แยกแยะสมุนไพร!”
แยกแยะสมุนไพร? สายตาของทุกคนหรี่ลงเล็กน้อย
ง่ายเกินไปรึเปล่า?!
“การบันทึกตอนที่สองของรายการจะเริ่มในสามวัน ดังนั้นทุกคนจะมีเวลาสามวันในการพักผ่อนและเตรียมตัว”
“เมื่อถึงเวลาจะทำการคัดออก 20 คน ฉันหวังว่าทุกคนจะพร้อมสำหรับการประเมินและเตรียมใจไว้ให้ดี”
เมื่อทุกคนได้ยินก็พากันคิดวุ่นวายทันที รอบที่สองก็คัดออกอีก 20 คนงั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าแข่งไม่กี่รอบก็คงรู้ว่าใครชนะแล้ว!!
ทุกคนพลันรู้สึกกดดัน
“ใครมีคำถามอะไรไหม ถ้าไม่มีคำถามอะไรแล้ว สามารถกลับไปพักผ่อนได้”
เมื่อทุกคนกำลังจะลุกขึ้นและจากไป
ทันใดนั้น นักศึกษาคนหนึ่งลุกขึ้น
“ผมมีคำถาม”
ทุกคนก็หันไปมอง
ซูเย่เห็นว่าผู้ถามเป็นนักศึกษาคนหนึ่งของมหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตู
“ว่ามา”
อาจารย์คุมสอบหลิวอวิ๋นเทาพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ผมอยากรู้ว่าใครเป็นอันดับหนึ่งในการสอบเมื่อวานนี้”
นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตูเอ่ยขึ้น
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็หันไปมองพิธีกรทันที พวกเขาก็อยากรู้ว่าใครเป็นอันดับหนึ่งเมื่อวานนี้เช่นกัน เพราะนั่นแค่ประกาศรายชื่อผู้ผ่านเข้ารอบ ไม่ใช่อันดับ และยังไม่ได้เห็นเลยว่าระดับของตัวเองอยู่ที่จุดไหน!
จ้าวเหมียน ผู้กำกับที่อยู่หลังแถวกล้องยิ้มขึ้นมาทันที
นักเรียนกลุ่มนี้น่ารักจริงๆ และพวกเขาก็ช่างรู้ดีถึงจุดไฮไลต์ของรายการวาไรตี้!
เขาเตรียมประกาศผลไว้แล้ว และถึงกับเตี๊ยมกับพิธีกรไว้ว่าถ้าไม่มีใครถาม ก็ให้พิธีกรถามทุกคนว่าอยากรู้คะแนนไหม
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จะต้องมีประกาศอันดับและคะแนนสอบอย่างแน่นอน แต่ในเมื่อมีคนมาขอ งั้นก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ
เพราะนี่คือรายการวาไรตี้!
ผู้คุมสอบหลิวอวิ๋นเทายิ้มแล้วกล่าว
“ตอนที่ฉันอ่านรายชื่อผู้ผ่านเข้ารอบ ฉันเรียกตามลำดับแล้ว คนแรกที่ฉันเรียกชื่อก็คืออันดับหนึ่ง”
อะไรนะ? !
พรึ่บ——
นักเรียน 49 คนใหันไปมองซูเย่ทันที
เขาคืออันดับหนึ่ง???
เป็นไปได้ยังไง!!
เขาทำข้อสอบเพียงแค่หนึ่งชั่วโมง นี่เขาได้ที่หนึ่งจริงๆ งั้นเหรอ?
สีหน้าของทุกคนก็ยังดูเชื่อไม่ลงอยู่ดี ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้ว่าซูเย่จะได้ที่หนึ่งจริงๆ …นี่เป็นเรื่องเหลือเชื่อ!
แม้แต่ใบหน้าของลวี่อวิ๋นเผิงและลู่จวิ้นก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ แม้ว่าพวกเขาจะเคยตกใจมาก่อนหน้านี้และคิดว่าตัวเองมีภูมิคุ้มกันในระดับหนึ่ง พวกเขาก็ยังคงอดประหลาดใจไม่ได้อยู่ดี
“ผมไม่เชื่อ”
หวังจี้เชากล่าวขึ้น
“ผมก็ไม่เชื่อ”
“ผมด้วย”
ทุกคนต่างส่งเสียงประท้วง
“เราต้องการให้ประกาศคะแนน”
อีกคนจากมหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตูยืนขึ้น มองที่ซูเย่ “เราจำเป็นต้องรู้ว่าคะแนนของเราคืออะไร และเราอยากเห็นคะแนนของทุกคน”
“ใช่ ดูคะแนนของทุกคนแล้วขอประกาศผล!“
ทุกคนตอบรับอย่างเห็นด้วยทันที
หลิวอวิ๋นเทาหันไปมองผู้กำกับจ้าวเมี่ยน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้า เขาก็จึงไปเตรียมข้อมูลมา
“เพื่อความเป็นธรรมและการเปิดกว้าง จะมีการประกาศผลเร็วๆ นี้!”
หลิวอวิ๋นเทากล่าวพร้อมกับเอื้อมมือไปที่หน้าจออิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหน้า “โปรดดูที่หน้าจอเบื้องหน้าของทุกคน”
สายตาของทุกคนหันไปรวมกันทันที หน้าจออิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่สว่างขึ้น เลขคะแนนสีแดงปรากฏขึ้นมา
เมื่อเห็น อันดับแรก เป็นชื่อของซูเย่!
อันดับแรก ซูเย่ 100 คะแนน
อันดับที่ 2 หวัง จี้เชา 99.5 คะแนน
เมื่อเห็นสองอันดับแรก ก็เกิดความโกลาหลขึ้นในห้องรับรอง
“คะแนนเต็ม”
“จะเป็นไปได้ยังไง เขาทำแค่หนึ่งชั่วโมงเอง”
“ตอบคำถามห้าร้อยข้อภายในหนึ่งชั่วโมงโดยไม่ทำผิดเลยสักจุดเดียว นี่มันปลอมเกินไปหรือเปล่า?”
ทุกคนงงงวยกับคะแนนของซูเย่ จึงโพล่งคำถามออกมาโดยไม่รู้ตัว
หวังจี้เชาผู้มีคะแนนอยู่อันดับสองขมวดคิ้วพลันยืนขึ้นแล้วกล่าว
“เท่าที่ผมรู้ ซูเย่เขาเป็นนักศึกษาคณะสมุนไพรจีนที่ไม่ได้เรียนแพทย์แผนจีนโดยตรง เขาเพิ่งเริ่มเรียนมาแค่ครึ่งปี เขาจะได้คะแนนเต็มได้อย่างไร? หนำซ้ำยังใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงในการทำข้อสอบ?”
เมื่อเขาถามออกมา ทุกคนพลันพยักหน้าเห็นด้วย
“ใช่แล้ว!”
“นั่นน่ะสิ!”
พิธีกรมองไปทางผู้กำกับ
ตอนนี้จะทำยังไง?
ผู้กำกับจ้าวเดินเข้ามาและพูดกับทุกคนจากหลังกล้อง “กระดาษคำตอบได้รับการตรวจโดยอาจารย์แพทย์แผนจีนจากมหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตู นักศึกษาที่มีข้อสังสัยสามารถไปตรวจสอบเอกสารได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าของพวกหวังจี้พลันเปลี่ยนจากไม่พอใจเป็นแข็งค้าง
อาจารย์จากมหาวิทยาลัยของพวกเขาเป็นคนตรวจ? นี่มัน…
ถ้าขืนสงสัยในตัวซูเย่ก็เท่ากับว่าสงสัยในตัวอาจารย์ของพวกเขาน่ะสิ… นี่มันอุทกภัยเยือนวัดเทพเจ้ามังกรชัดๆ!
ใบหน้าของคนทั้งสี่พลันกระอักกระอ่วน ส่วนนักศึกษาคนอื่นๆ ก็เกือบจะหลุดหัวเราะออกมา
ขณะนั้นเอง ใบหน้าของหวังจี้เชาพลันจากกระอักกระอ่วนเป็นดำคล้ำทันที เขาไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ แล้วตอนนี้จะทำยังไง?
“ช่างเถอะ”
เมื่อรู้ว่าความสงสัยต่อไปจะส่งผลต่อชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย เขาจึงพ่นลมหายใจอย่างไม่พอใจแล้วกล่าวต่อ “ของจริงก็คือของจริง ของปลอมก็คือของปลอม การสอบครั้งถัดไปใครกันแน่ที่มีความสามารถมากกว่ากันทุกคนก็จะได้เห็นเอง!”
เมื่อพูดจบก็นั่งลงทันที นักศึกษาสามคนจากมหาวิทยาลัยเดียวกันก็นั่งลงเช่นกัน และเมื่อคนอื่นๆ เห็นดังนั้น พวกเขาก็จึงหยุดพูดลง
เมื่อเห็นฉากนี้ ผู้กำกับจ้าวก็เม้มริมฝีปากเบาๆ เขายังคงรู้สึกว่ามัดขาดอะไรไป หากความขัดแย้งจบลงง่ายๆ แบบนี้ คงจะน่าผิดหวังน่าดู เมื่อเขาคิดก็เลื่อนสายตาไปยังซูเย่พร้อมรอยยิ้มทันที และเอ่ยถาม “นักศึกษาซูเย่ คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับการที่ได้อันดับหนึ่ง”
เหอะเหอะ
ซูเย่ยิ้มเยาะ ผู้กำกับคนนี้ช่างสรรหาเรื่องมาให้เขาจริงๆ!
“ไม่ได้คิดยังไง”
ซูเย่ยิ้มแล้วแสร้งทำท่าทางไม่เข้าใจ “ตอนแรกผมคิดว่าทุกคนจะได้เต็มซะอีก”
อ้าวเห้ย นี่มันเยาะเย้ยกันหรือเปล่า! ทันทีที่ทุกคนได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ใบหน้าของนักศึกษาทุกคนก็ดูบิดเบี้ยวน่าเกลียด ขนาดลวี่อวิ๋นเผิงและลู่จวิ้นยังแอบมองบนใส่ ไอ้หมอนี่มันชักจะเกินไปแล้วนะ!
ผู้กำกับจ้าวพอใจกับคำตอบของซูเย่มาก และมองไปที่ซูเย่อย่างลึกล้ำ เด็กคนนี้น่าสนใจมาก เขายิ้มอย่างพอใจ
“โอเค การถ่ายทำจบลงแล้ว”
กล้องทั้งหมดที่กำลังบันทึกอยู่ได้ปิดลง
“ทุกคนอย่าเพิ่งออกไป”
ผู้กำกับจ้าวเอ่ยรั้งทุกคน
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”
นักศึกษาที่ยืนขึ้นและกำลังจะจากไปพลันหยุดกะทันหันและมองที่จ้าวเหมียนอย่างสงสัย
“ฉันอยากถามว่า ใครมีความรู้เกี่ยวกับกวีจีนบ้าง? อย่างเช่นท่องกลอนได้เยอะๆ ประมาณร้อยบทอะไรแบบนั้น”
จ้าวเหมียนเอ่ยถาม
ทุกคนต่างตกตะลึง คุณหมายถึงอะไรนะ? กวีจีน?
ถามไปทำไมกัน
“คือว่าอย่างนี้นะ”
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบ จ้าวเหมียนก็อธิบายทันที “มีรายการที่เรียกว่าชุมนุมวิชาการกำลังรับสมัครผู้คนจากทุกสาขาอาชีพเพื่อเข้าร่วม และต้องการคนในสายอาชีพแพทย์แผนจีนเช่นกัน ซึ่งตอนนี้เรากำลังจัดการแข่งขันแพทย์แผนจีนพอดี เลยคิดว่านี่เป็นโอกาสที่หายากที่จะได้ออกทีวี มีใครเต็มใจที่จะเข้าร่วมหรือไม่”
ทั่วทั้งห้องเงียบงัน ไม่มีใครส่งเสียง เห็นได้ชัดว่าทุกคนไม่สนใจรายการที่ว่านั่นเลย
“คนที่อยากไปรวมรายการ มีค่าเสียเวลา 2,000 หยวน”
จ้าวเหมียนกล่าวข้อเสนอ
พรึ่บ! มีคนคนหนึ่งยกมือขึ้น
“คุณอยากไปเหรอ?”
จ้าวเหมียนมองไปยังคนที่ยกมืออย่างประหลาดใจ ส่วนคนอื่นๆ ก็หันไปมองเช่นกัน
คนที่ยกมือคือซูเย่!
ซูเย่พยักหน้า
สองพันหยวนก็คือเงินเหมือนกัน!!