เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 19 ซูเย่คือผู้ชนะ
บทที่ 19 ซูเย่คือผู้ชนะ
“เก้า”
ซูเย่เอ่ยตอบทันที “ปักษาโผบินสูงเก้าหมื่นหลี่ วอนสายลมอย่าหยุดพัด นำพาเรือน้อยนี้ไปสู่สามเกาะเซียน”
เขายังตอบได้อยู่
มีเสียงปรบมือดังลั่นไปทั่วห้องอัด แล้วเลื่อนสายตาไปยังหลี่เจิ้งเลี่ยงทันที
หลี่เจิ้งเลี่ยงยิ้มและยกนิ้วให้ซูเย่ จากนั้นจึงเอ่ยต่อ
“สาม”
“สามฉินที่ล้อมนครฉางอัน หมอกแลควันบดบังท่าเรือทั้งห้า”
เขาก็ยังคงตอบได้อีก
เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง ทุกคนอดไม่ได้ที่จะประหม่าและตั้งตารอ ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะมีความสามารถด้านวรรณคดีอย่างลึกซึ้ง แล้วท้ายที่สุดใครในสองคนนี้ที่จะกลายเป็นผู้ชนะในที่สุด?
“แปด”
ซูเย่อมยิ้มเบาๆ แล้วเอ่ยตอบ “เดือนแปดสาลี่พุทราหน้าเรือนออกผล หนึ่งวันปีนเก็บมิรู้หน่าย”
“สี่”
“สี่สิบสามปี มองดูฉางเจียง ภาพสงครามยังชัดเจน”
“สี่”
หลี่เจิ้งเลี่ยงเอ่ยตอบทันที
“สิบสามสอนทอผ้า สิบสี่ปักอาภรณ์ สิบห้าบรรเลงคงโหว สิบหกเข้าใจธรรมเนียมจารีต สิบเจ็ดออกเรือน มิโป้ปดแม้คำเดียว”
ทันทีที่ซูเย่เอ่ยจบ หลี่เจิ้งเลี่ยงพลันยกยิ้มมุมปาก กลอนนี้สามารถแบ่งพูดได้อย่างน้อยก็สามครั้ง แต่เขาเล่นพูดออกมาทีเดียวเลย…
“หก”
“เรื่องราวเก่าก่อนของหกราชวงศ์ไหลผ่านไปราวสายน้ำ เหลือเพียงลมหนาวและทุ่งหญ้ารกร้าง”
……
ทั้งสองคนผลัดกันตอบคนละท่อน ไม่หยุดแม้เพียงเล็กน้อย ภายในเวลาไม่ถึงสองนาที ทุกคนในที่เกิดเหตุรู้สึกตึงเครียดอย่างมาก ความรู้สึกนี้ทำให้ทุกคนไม่กล้าหันไปสนใจอย่างอื่น แต่จดจ้องไปยังทั้งสองคนบนเวทีเพราะพวกเขาไม่อยากพลาดแม้เพียงเสี้ยววิ!
การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป จำนวนค่าพายจากหลักที่ 110 กลายเป็นมากกว่าหลักที่ 150 และในที่สุดมากกว่าหลักที่ 200!
ณ ที่ห้องอัด ทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้นและตึงเครียดไปพร้อมๆ กัน และในตอนที่ซูเย่กล่าวจบก็ถึงคราวของหลี่เจิ้งเลี่ยง
“แปด”
หลี่เจิ้งเหลียงขมวดคิ้วและครุ่นคิด เวลาเริ่มนับถอยหลังสิบวินาทีก็ค่อยๆ น้อยลง ทุกคนต่างรู้สึกกดดันแทนเขา
นับถอยหลัง 5 วินาที
หลี่เจิ้งเลี่ยงก็พูดขึ้นทันที
“ที่พำนักวัดดูมีสิบหมู่ กระท่อมดูแล้วไม่แคล้วแปดเก้าห้อง”
“กลอนนี้ได้พูดไปแล้วค่ะ”
พิธีกรเตือนทันที
พูดไปแล้วงั้นเหรอ? หลี่เจิ้งเลี่ยงผงะไปครู่หนึ่ง แล้วรีบคิดทันที แต่ไม่มีเวลาเหลือแล้ว
สาม สอง หนึ่ง… หมดเวลา! หลี่เจิ้งเลี่ยงถอนหายใจแล้วมองไปที่ซูเย่ด้วยความชื่นชม เขาแพ้แล้ว…
“ฉันขอประกาศว่าผู้ชนะคือซูเย่ ยินดีด้วยค่ะ! ซูเย่กลายเป็นสุดยอดผู้ชนะของการแข่งครั้งนี้!!!”
พิธีกรประกาศเสียงดังด้วยความตื่นเต้น
แปะแปะแปะ… มีเสียงปรบมือดังสนั่น ทุกคนปรบมือให้ซูเย่อย่างตื่นเต้นและเป็นธรรมชาติ แข็งแกร่งเกินไป
“สุดยอดไปเลย”
จ้าวเหมียนที่นั่งอยู่ท่ามกลางฝูงชน เพิ่งเรียกสติคืนมาได้แล้วพูดด้วยความตื่นเต้นพลางปรบมือทันที
“ไม่คิดเลยว่าฝั่งรายการของนายจะมีคนเก่งแบบนี้ซ่อนอยู่”
เฉินหลี่ซ่างปรบมือพลางเอ่ยชม
“ฮ่าฮ่า…”
จ้าวเหมียนหัวเราะเสียงดังอย่างสุขใจ ช่วงเวลานี้ ดวงตาของเขาเป็นประกายสว่างจ้ายามมองไปที่ซูเย่ เขาไม่เคยคาดหวังว่าซูเย่จะสามารถเป็นสุดยอดผู้ชนะได้ในการแข่งขันกับผู้ชนะจากซีซันอื่นๆ …การเลือกซูเย่มาเข้าร่วมเป็นทางเลือกที่ถูกต้องจริงๆ!
ในตอนนี้ เขามีความคิดที่จะจัดฉากให้ซูเย่ในรายการอนาคตแพทย์แผนจีน แต่เมื่อนึกถึงคำสั่งเหล็กจากเบื้องบนที่ไม่ให้อนุญาตทำการจัดฉาก เขาก็ได้แต่ถอนหายใจ
บนเวที
“ขอแสดงความยินดีกับซูเย่ที่เป็นผู้ชนะคนสุดท้ายของการต่อสู้ที่ดุเดือดในค่ำคืนนี้ด้วยค่ะ!”
พิธีกรเดินไปที่ด้านข้างของซูเย่อย่างประหลาดใจ และหลังจากที่เสียงปรบมือหยุดลง เธอก็ถามด้วยความสงสัย
“ฉันขอถามได้ไหมคะ ว่าคุณสามารถท่องบทกวีโบราณได้ทั้งหมดกี่บท”
ไม่ใช่แค่พิธีกรเท่านั้น เกือบทุกคนในกลุ่มผู้ชมมองไปที่ซูเย่ พวกเขาก็อยากรู้เช่นกัน ซูเย่จึงยกนิ้วชี้ขึ้นเพียงหนึ่งนิ้ว
พิธีกรถามด้วยความงุนงง “หนังสือบทกวีสมัยถังซ่งหนึ่งเล่มหรือคะ?”
ซูเย่ส่ายหัวแล้วเอ่ยตอบ “สามารถท่องได้เรื่อยๆ เลยครับ”
“ว้าว!”
ทันทีที่คำพูดออกจากปาก ผู้ชมพลันอุทานอย่างประหลาดใจ
พวกเขาได้ยินว่าอะไรนะ? สามารถท่องได้เรื่อยๆ …นานมากแล้วที่ไม่ได้ยินคำโอ้อวดเช่นนี้!
ในห้องอัด ทีมผู้เข้าแข่งขันร้อยคนขมวดคิ้วและมองไปที่ซูเย่ พวกเขาต่างรู้สึกซูเย่กำลังคุยโว แต่เมื่อเฉินหลี่ซ่างได้ยิน ดวงตาของเขาพลันเป็นประกาย อันที่จริงเขามีแนวคิดเกี่ยวกับเกมที่ดูเป็นไปไม่ได้อยู่ แต่เขาไม่เคยพบผู้เข้าแข่งขันที่เหมาะสม เนื่องจากคนผู้นั้นจะต้องท่องบทกวีได้จำนวนมหาศาลถึงจะสามารถเล่นได้!
บางทีอาจจะให้ซูเย่ได้ลองดู?
เฉินหลี่ซ่างเหลือบมองจ้าวเหมียนที่กำลังตื่นเต้นโดยที่ไม่รู้ว่าเขากำลังวางแผนจะทำอะไรอยู่ ทันใดนั้นเขาก็แอบเดินเลี่ยงออกไป แล้วหยิบเครื่องส่งสัญญาณวิทยุขึ้นมาเพื่อพูดคุยกับพิธีกรบนเวที
เมื่อพิธีกรได้ยินเสียงในหูฟัง เธอเหลือบมองผู้กำกับด้วยความประหลาดใจอย่างมาก ทว่าหลังจากเห็นเฉินหลี่ซ่างพยักหน้า เธอก็ทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้น
“แต่เดิมรายการจะจบลงที่ตรงนี้ การเดินทางแห่งความท้าทายของคุณกำลังจะสิ้นสุดลง แต่ฉันเพิ่งได้รับข้อความมาว่า คุณทำได้ดีมากในการแข่งขันครั้งนี้ ดังนั้นทีมงานจึงต้องการถามความคิดเห็นของคุณเพื่อดำเนินรายการต่อไป เป็นการเพิ่มรอบพิเศษ!”
“แน่นอนว่าคุณมีสิทธิ์ในการปฏิเสธ”
หลังจากพิธีกรพูดจบ เธอก็ยิ้มให้ผู้ชมทันทีและพูดว่า “พวกคุณอยากดูไหมคะ?”
“อยากดู อยากดู!”
“รอบพิเศษ! รอบพิเศษ! รอบพิเศษ…”
ผู้ชมต่างโห่ร้องยินดีทันที กว่าพวกเขาจะเข้ามาดูที่ห้องส่งได้ไม่ใช่ง่ายๆ …ดังนั้นพวกเขาจะต้องดูให้คุ้มอย่างแน่นอน
แม้แต่ผู้เข้าแข่งที่แพ้ซูเย่ก็ยกแขนขึ้นและตะโกน
พวกเขาต้องการดูซูเย่แข่งขันอีกครั้ง!
จ้าวเหมียน ผู้ซึ่งกำลังวาดฝันว่าจะประชาสัมพันธ์รายการยังไงพลันตื่นขึ้น แล้วหันศีรษะไปมองเฉินหลี่ซ่างที่อยู่ข้างๆ
ในเวลานี้ที่นั่งว่างเปล่า!
“บัดซบ! เหล่าเฉิน โกงฉันอีกแล้ว!!!”
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าซูเย่แพ้ ภาพลักษณ์ของเขาไม่สมบูรณ์แบบ! เฉินหลี่ ซ่าง! แกตายแน่!”
แต่ไม่มีใครได้ยินเสียงคำรามต่ำของเขา และเสียงตะโกนก็ถูกระงับไว้ทั้งหมด
รอบพิเศษ?
ซูเย่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ผมไม่มีปัญหาครับ”
ทันทีที่ได้ยินดังนั้น
ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้นทันที
ผู้กำกับเฉินหลี่ซ่างที่หลบอยู่ไกลๆ ก็กำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้นมาก
ประเสริฐ! เขาได้ทำรายการมาหลายตอนเพื่อรอใครสักคนมาท้าทายโปรเจ็กต์นี้
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่รอคอย
ไม่ว่าซูเย่จะสามารถชนะได้หรือไม่ แต่ชายหนุ่มจะต้องเรียกยอดเข้าชมและความสนใจมาให้รายการได้มากขึ้นอย่างแน่นอน
นี่ยังเป็นเหตุผลสำคัญที่เขาให้ซูเย่เข้าร่วมรอบพิเศษ!
ขอโทษจริงๆ นะเหล่าจ้าว
บนเวที
“นักศึกษาซูเย่มั่นใจดีจริงๆ นะคะ”
พิธีกรแย้มยิ้มแล้วเอ่ยต่อ “งั้นเรามาดูกติกาการแข่งรอบพิเศษนี้เลยค่ะ นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในรายการของเรา เห็นว่าระดับความยากยากกว่าเฟยฮวาลิ่งค่าพายเสียอีก!”
เมื่อได้ยินดังนั้นผู้คนก็เริ่มตื่นเต้นทันที
วิธีแข่งแบบใหม่? พวกเขาต่างคาดหวัง ในยามนี้บนหน้าจอพลันปรากฏกติกาขึ้นมา
“รอบพิเศษ: เฟยฮวาลิ่งหนึ่งต่อร้อย”
ยังคงเป็นเกมเฟยฮวาลิ่ง
“ผู้ชนะท้าทายผู้เข้าแข่งร้อยคน โดยให้ผู้ชมในห้องเป็นคนเลือกตัวอักษร ผู้ชนะและผู้เข้าแข่งร้อยคนสลับกันตอบบทกวีที่มีตัวอักษรที่กำหนด ผู้ชนะกล่าวหนึ่งประโยค ผู้เข้าแข่งคนที่หนึ่งเอ่ยหนึ่งประโยค แล้วผู้ชนะก็ตอบอีกประโยค ผู้เข้าแข่งคนที่สองก็เอ่ยตอบ ตามลำดับไปเรื่อยๆ หากในกลุ่มผู้เข้าแข่งร้อยคนไม่ตอบไฟจะถูกปิด ซึ่งหมายความว่าถูกคัดออกและผู้เข้าแข่งคนต่อไปจะต้องตอบแทน!”
“ถ้าผู้ชนะตอบไม่ได้ รอบพิเศษนี้จะจบลงทันที!”
พิธีกรอ่านกติกาของการแข่งในครั้งนี้
“เห้อ…” ทุกคนพลันถอนหายใจออกมา รอบพิเศษนี้ผิดปกติเกินไปมั้ย?
หนึ่งต่อร้อย?
ใครมันจะไปทำได้กัน ยิ่งไปกว่านั้นยังกำหนดตัวอักษร บทกวีที่มีตัวอักษรที่กำหนดอยู่ด้วยจะมากสักเท่าไหร่ แล้วผู้เข้าแข่งขันจะจำได้สักกี่มากน้อย!
กลุ่มผู้เข้าแข่งร้อยคนก็ประหลาดใจเช่นกันที่มีกติกาที่โหดร้ายแบบนี้ ไม่ว่าจะตัวอักษรอะไร แต่ก็มีคู่แข่งร้อยคนเชียวนะ! ถ้าแต่ละคนพูดหนึ่งประโยคก็ร้อยประโยคแล้ว งั้นแบบนี้ผู้ชนะจะเหลืออะไรให้พูดอีก? นี่ไม่ใช่การกลั่นแกล้งผู้ชนะของคืนนี้หรอกใช่ไหม?
เมื่อเห็นกฎที่ว่านี้จ้าวเหมียนก็มึนงง ฉับพลันความโกรธก็ปะทุขึ้นในดวงตาของเขา
“เฉินหลี่ซ่าง ฉันจะตีแกให้ตายเลย!!!”
“นักศึกษาซูเย่”
พิธีกรหันศีรษะมาแล้วเอ่ยถาม “กล้ารับคำท้าต่อไหมคะ”
“คุณพูดมาขนาดนี้แล้ว ผมบอกว่าผมไม่กล้าได้ด้วยเหรอครับ?”
ซูเย่ตอบด้วยรอยยิ้ม ฉับพลันพูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง “จัดมาได้เลยครับ!”
เยี่ยมยอด! ผู้ชมปรบมือให้กับความกล้าหาญของซูเย่!
“เฟยฮวาลิ่งหนึ่งต่อร้อย เริ่ม ณ บัดนี้!”
เมื่อพิธีกรกล่าวจบ แสงไฟหน้าแท่นของผู้เข้าแข่งทั้งร้อนคนพลันสว่างขึ้นมาอีกครั้ง
จากนั้นเธอก็มองไปที่ล่างเวทีแล้วกล่าวกับผู้ชม “ตอนนี้ฉันต้องการเลือกผู้รับชมในห้องนี้ เพื่อเลือกตัวอักษรหนึ่งตัวค่ะ”
มีผู้ชมยกมือขึ้นหลายคน พิธีกรผายมือไปยังเลือกผู้ชมที่เป็นหญิงสาวที่ดูมีความกระตือรือร้นมากที่สุดและอยู่ใกล้ที่สุด
“เพราะใกล้จะปีใหม่จีนแล้ว ฉันขอเลือกคำว่า ‘ปี’ ค่ะ!”
ผู้ชมรับไมโครโฟนจากทีมงานแล้วหันไปพูดกับกล้องทันที
ตัวอักษร ‘ปี’
พิธีกรพยักหน้าและมองไปที่ซูเย่
“ปีอุดมสมบูรณ์ในกลิ่นรวงข้าว ที่นาเราแว่วเสียงกบ”
ซูเย่พูดตอบด้วยรอยยิ้ม หลังจากนั้นกล้องก็หันไปทางกลุ่มผู้เข้าแข่งขันทั้งหนึ่งร้อยคน
“มิอาจรู้วังหยกบนสวรรค์ คืนนี้นั้นเป็นปีที่เท่าไหร่” ผู้เข้าแข่งขันคนแรกเอ่ยตอบ
“แม่ทัพกรำศึกร้อยคราสิ้น ทหารหาญสิบปีได้หวนคืน” ซูเย่เอ่ยตอบ
“พลาดพรากจากกันสิบปี มิอยากคะนึงถึง แต่ไหนเลยจะลืมได้” ผู้เข้าแข่งขันคนที่สองเอ่ยตอบ
“จุดไฟต้มใบชาใหม่ เมามายร่ายบทกวีปีแสนสุข”
“รักษากายใจให้สุข ช่วยผยุงอายุนานปี”
“ใครคือผู้แรกที่ยืนชมจันทร์ข้างแม่น้ำ แสงจันทร์กระจ่างส่องสว่างผู้ใดในปีแรก”
“ยุคสมัยผ่านไปไม่สิ้นสุด เฉกเช่นดวงเดือนทุกปีที่ริมธารา”
“เส้อ กลายเป็นห้าสิบสาย แต่ละเส้นสายหวนคำนึงปีวัยเยาว์”
“ชาวหูรุกรานปวงประชาน้ำตาแห้งเหือด รอคอยทัพจินปีแล้วปีเล่า”
……
การแข่งขันดำเนินไปอย่างดุเดือดตั้งแต่ต้น ทั้งสองฝ่านต่างผลัดกันตอบ ไม่มีใครยอมใคร กลุ่มผู้เข้าแข่งขันร้อยคนยิ่งอึดอัดใจมากกว่าเดิม เขาอยากรู้ว่าใครสามารถโค้นล้มซูเย่ได้
ซูเย่ทำเพียงยกยิ้มมุมปากตลอดเวลา
“ในหนึ่งปียามงามตาไม่พ้นต้นวสันต์ ช่างเหนือชั้นกว่าใบไม้เขียวทั่วนคร”
ประโยคที่ 50 มีคนตกรอบหนึ่งคน
“เวลาอันงดงามในหนึ่งปีโปรดจำไว้ ใบส้มพลิ้วไสวยามนั้นเอง”
ประโยคที่ 55 มีคนตกรอบอีกหนึ่งคน
“ดอกโบตั๋นข้างสะพานบานสะพรั่ง ทุกปีนั้นมิรู้บานให้ใครชม”
ประโยคที่ 60 มีคนตกรอบสองคนติดกัน
จำนวนบทกลอนเกี่ยวกับตัวอักษร ‘ปี’ ยิ่งท่องออกมาเยอะเท่าไหร่ จำนวนคนที่ตกรอบก็เพิ่มขึ้นเท่านั้น
เมื่อรอบแรกจบลงแล้ว ก็เหลือผู้เข้าแข่งขันเพียง 70 คนจาก 100 คน
ทุกคนต่างตกตะลึง ซูเย่ความจำดีเกินไปแล้ว หนึ่งคนต่อร้อยคน ซูเย่ท่องบทกวีไปไม่น้อย!
จ้าวเหมียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ส่วนเฉินหลี่ซ่างตั้งตาดูอย่างสนุกสนาน
รอบที่สองเริ่มต่อทันที ซูเย่ยังคงทำได้ดีเช่นเดิม มีผู้เข้าแข่งขันตกรอบไปอีก 40 คน เหลือเพียง 30 คน
รอบที่สาม ซูเย่ยังคงตอบได้อย่างมั่นคง มีคนตกรอบไป 24 คน เหลืออีก 6 คนเท่านั้น ผู้ชมทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้น มันน่าตื่นเต้นมากเกินไปแล้ว ผู้ชนะกำลังจะปรากฏขึ้นในไม่ช้า!
จ้าวเหมียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และแววตาของเขาพลันฉายแววของความคาดหวัง
“บางที เขาอาจจะชนะได้!”
ถ้าชนะก็ดีน่ะสิ!
“รอบที่สี่”
“ตรวจหยกแท้ใส่เตาเผาสามวัน ตรวจเนื้อไม้ดีรอดูเจ็ดปี” ซูเย่พูดด้วยรอยยิ้ม
คนต่อไปลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจและตกรอบไป
คนที่สองตอบต่อทันที
“ท้อและหลี่ผลิบาน ประดับประดาวสันต์ในปีนั้น”
ซูเย่พูดต่อด้วยรอยยิ้ม
คนที่สองตอบไม่ได้ คนที่สามตอบไม่ได้ คนที่สี่ตอบไม่ได้…
ขณะนี้ในกลุ่มผู้เข้าแข่งขันหนึ่งร้อยคนเหลือเพียงคนสุดท้ายคนเดียวเท่านั้น
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่บุคคลนี้ ถ้าเขาตอบไม่ได้ ซูเย่จะเป็นผู้ชนะทันที!
เขาจะสามารถตอบได้หรือไม่?
“ครานี้ในคืนปีใหม่ โคมไฟแลดวงจันทร์ยังคงเดิม”
ผู้เข้าแข่งคนสุดท้ายคนนี้เขาเอ่ยออกมาได้ทันเวลาพอดี พลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วมองไปที่ซูเย่ ตอนนี้เขาตอบแล้ว!
ทุกคนก็มองไปที่ซูเย่เช่นกัน ตอนนี้เผือกร้อนถูกส่งต่อให้ซูเย่ เขาจะตอบได้หรือไม่?
มุมปากของซูเย่ยกขึ้นเล็กน้อยแล้วกล่าว
“ในสักปีข้าเป็นเทพแห่งวสันต์ ตัวข้านั้นหวังให้เบจมาศแลดอกท้อบานสะพรั่ง”
ยังตอบได้อยู่! ทุกคนหันไปมองผู้เข้าแข่งขันคนสุดท้ายทันที ตอนนี้คนผู้นั้นกำลังขมวดคิ้วแน่น ครั้งนี้อีกฝ่ายจะตอบได้หรือไม่?