เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 31 ชื่อจริงของหวังจี้เชาคือหวังน่าสมเพช!
บทที่ 31 ชื่อจริงของหวังจี้เชาคือหวังน่าสมเพช!
มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง ในห้องที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง
“ไม่เลวเลย”
เมื่อเห็นซูเย่เสนอตัวขึ้นมา ฮัวเหรินเชิงก็ยิ้มพลางพยักหน้า และทันทีที่เห็นภาพที่ซูเย่วาด แววตาของฮัวเหรินเชิงก็พลันเป็นประกายเจิดจ้า!
น่าสนใจยิ่ง!!
ไม่กี่ลายปากกาก็วาดเป็นรูปร่างของสมุนไพร
ไม่เลวเลย ดูท่าว่าคงจะเข้าใจลักษณะเฉพาะของสมุนไพรจีนเป็นอย่างดี
……
หลี่เคอหมิงเองก็กำลังมองดูอย่างเลื่อนลอย ในที่สุดเข้าก็เข้าใจว่าที่ซูเย่พูดว่าสมบูรณ์แบบก่อนหน้านี้หมายความว่าอะไร
ภาพพวกนี้ไม่ใช่แค่สมบูรณ์แบบ! แต่มันสมบูรณ์แบบเกินไปต่างหาก คนที่เข้าใจสมุนไพรจีนมองแวบเดียวก็สามารถรู้ได้ทันที
“เจ้าเด็กนี่ มีความสามารถไม่น้อยเลย”
……
หลี่มู่เสวี่ยตะลึงค้างไป เธอไม่รู้มาก่อนเลยว่าซูเย่วาดรูปได้
……
ไป๋จือหรานและไป๋จือเหยียนเองก็ตะลึงไปชั่วขณะ เขามี… ไม่สิ เขาแสดงความสามารถอีกอย่างแล้ว!!
……
บนอินเทอร์เน็ต ชาวเน็ตทุกคนต่างตกตะลึงกับเทคนิคการวาดภาพด้วยมือของซูเย่ ไม่น่าแปลกใจที่เขาเสนอตัวออกมาวาด เขาวาดได้ดีมากจริงๆ!
ซูเย่หยุดลงกะทันหัน..
แต่ในวินาทีถัดมาทุกคนต้องอึ้งยิ่งกว่าเดิม ซูเย่หยิบปากกาด้วยมือซ้ายและเริ่มวาดภาพด้วยมือทั้งสอง!
“เขาทำอย่างนั้นได้ยังไง”
“นี่ไม่ใช่ภาพที่วาดด้วยคอมพิวเตอร์ใช่ไหม”
“เขาวาดเร็วขนาดนี้ แล้วยังจะวาดด้วยมือทั้งสองข้างพร้อมกันอีกเหรอ? มือสองข้างวาดสมุนไพรต่างชนิดกัน ทุกภาพที่วาดออกมายังมีเก็บรายละเอียดได้อย่างดีอีก! พระเจ้า นี่มันบ้ามาก!!”
“บ้าจริง ฉันนักศึกษาระดับปริญญาตรี 3 ปี สาขาจิตรกรรม ยังวาดไม่ดีเท่าเขาเลย”
“ฉันวาดภาพมาหกปีแล้ว แต่ฉันกลับรู้สึกละอายมากที่เทียบไม่ได้กับเขาแม้แต่ปลายก้อย”
“ฉันคิดว่าฉันควรยกเลิกการรับรอง ‘จิตรกรมือสมัครเล่น’ ใน Weibo ของฉัน”
ชาวเน็ตต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์การวาดภาพของซูเย่ หัวข้อค้นหายอดนิยมของ #ซูเย่วาดภาพด้วยสองมือ# ปรากฏบนเวยป๋อทันที
……
“เรตติ้งการเข้าชมได้เท่าไหร่” จ้าวเหมียนเอ่ยถามอย่างประหม่า
ตอนนี้การแสดงได้ผ่านไปครึ่งทางแล้ว และเหลืออีกประมาณครึ่งหนึ่ง เรตติ้งผู้ชมในขณะนี้เป็นตัวกำหนดทิศทางของเรตติ้งในช่วงสุดท้าย ดังนั้นเขาจึงรู้สึกประหม่าเป็นพิเศษ
“1.3?”
ทีมงานคนหนึ่งมองดูแล้วก็ขยี้ตาอย่างแรง และหันศีรษะไปพูดกับจ้าวเหมียนด้วยความประหลาดใจ
“ผมไม่ได้ดูผิดใช่ไหม เรตติ้งถึง 1.3 แล้ว!”
ทันทีเขาพูดออกมา ทีมงานทุกคนในห้องรุมเข้ามาดูทันที สิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอ มันคือ 1.3 จริงๆ!
ทุกคนดีใจจนแทบกลายเป็นบ้าทันที
จ้าวเหมียนยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว อัตราการรับชมสูงสุดที่เขาคาดไว้คือ 1.2 แต่ตอนนี้ได้มากถึง 1.3 ก่อนที่รายการจะจบ
….ผลลัพธ์นี้ ถือว่าประสบความสำเร็จ!
……
เมื่อการสอบสิ้นสุดลง ผู้กำกับบอกให้ทุกคนขึ้นรถเพื่อกลับโรงแรมทันที ผู้ชมคิดว่ารายการกำลังจะจบลง แต่เมื่อพวกเขากดดูแถบเส้นเวลา พวกเขาพบว่าเพิ่งดูไปได้ครึ่งเดียวเท่านั้น
ในตอนที่ทุกคนกำลังสงสัย
กล้องหมุนไปอย่างกะทันหัน และภาพตัดมาในเช้าวันรุ่งขึ้น ผู้เข้าแข่งขันถูกพาไปที่สนามฟุตบอลที่มีโต๊ะตัวยาววางอยู่ บนโต๊ะเรียงรายไปด้วยสมุนไพรต่างๆ
พิธีกรประกาศการแข่งรอบที่สองทันที
“บ้าเอ้ย ฉันถูกหลอก ทีมผู้กำกับก็เข้าใจคิดดีจริงๆ!”
“ถ้าฉันไม่ดูแถบเส้นเวลา ฉันก็เกือบจะเชื่อแล้ว”
“ตัวอย่างตอนที่ 3 ของรายการออกมาแล้ว แต่รายการตอนนี้ยังไม่จบ?”
“ทีมงานรายการช่างมีความคิดดีจริงๆ…”
“ฮ่าฮ่า ผู้เข้าแข่งขันเหล่านี้น่าสงสารมาก พวกเขาทั้งหมดถูกหลอกด้วยความงุนงง”
……
การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป ทุกคนยังคงรอดู พวกเขาพบว่านี่เป็นการสอบที่ยากกว่าเดิม และไม่ต้องสงสัยเลยว่าความสนใจของทุกคนพุ่งไปรวมไปที่ซูเย่
ซูเย่เพิ่งวาดภาพด้วยมือของเขาได้อย่างน่าทึ่ง ดังนั้นครั้งนี้เขาจะทำอะไรอีก?
ภาพหน้าจอซูมไปที่ซูเย่
ณ ขณะนี้ ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ กำลังยุ่งอยู่กับการคัดเลือกสมุนไพร แต่ซูเย่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
“มีอะไรผิดปกติ?”
“เขาไม่ทำแต่มั่วยืนเหม่อเหรอ?”
“เขาเป็นแพทย์ แต่เขาไม่รู้ว่าจะเลือกยาสมุนไพรใบได้อย่างไรงั้นเหรอ หรือว่าเขาแค่ออมมือให้คนอื่น?”
ในตอนที่ทุกคนกำลังสงสัย ซูเย่พลันเคลื่อนไหว เห็นว่าเขาขยับกายไปที่สมุนไพรกองแรกอย่างรวดเร็ว คว้ามามากกว่า 30 อย่าง จากนั้นจึงเดินไปที่สมุนไพรกองถัดไป และคว้าสมุนไพรมามากมาย
เมื่อเห็นฉากนี้ ผู้ชมก็ยิ่งงง นี่เขากำลังทำอะไร?
ถุงเหล่านั้นใช้สำหรับบรรจุสมุนไพรของแต่ละตำรับยาใช่หรือไม่?
นี่มันเพิ่งเริ่ม เขาจะเอาสมุนไพรเยอะขนาดนั้นไปถมที่หรือไง ในเวลาไม่นานเขาก็เอาสมุนไพรใส่ถุงจนเต็ม
หรือว่าเขาจะไม่ลงมือจริงๆ?
ในเวลานี้ ภาพหน้าจอเป็นใบหน้าเยาะเย้ยของหวังจี้เชา ใบหน้าของเขาที่มองไปยังซูเย่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
แต่ในช่วงเวลาต่อมาเมื่ออารมณ์ของผู้ชมถูกกระตุ้นด้วยใบหน้าเยอะเย้ยของหวังจี้เชา ภาพก็ตัดไปที่ซูเย่อีกครั้ง
ซูเย่เดินไปที่พื้นที่ว่างโลงแล้วเทสมุนไพรทั้งหมดออกมา จัดสมุนไพรประเภทเดียวกันเป็นกอง จากนั้นค่อยๆ กางถุง 100 ถุงลงบนพื้น แล้วเริ่มหยิบสมุนไพรจากกองต่างๆ ด้วยความรวดเร็ว
ทันทีที่เห็นแบบนั้น ผู้ชมพลันเรียกสติกลับมาได้
“เขาจะหยิบสมุนไพรที่ต้องใช้ในร้อยตำรับยามาทีเดียว แล้วค่อยบรรจุใส่ถุงงั้นเหรอ?”
“บ้าจริง อัจฉริยะ!”
“ไม่จริงน่า เขาจำตำรับตา จำตัวสมุนไพรได้เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ”
ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของทุกคน ซูเย่ได้บรรจุสมุนไพรไปหลายสิบถุงแล้ว
ทุกครั้งที่บรรจุเรียบร้อยก็ล็อคลุงทันที จากนั้นจึงเอาถุงใหม่มาใส่ต่อไป เพียงแค่นั้น
ภายใต้ความสนใจของทุกคน เมื่อซูเย่บรรจุถุงที่ 100 เสร็จ ก็ไม่มีสมุนไพรเหลืออยู่บนพื้นแล้ว กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไม่มีข้อผิดพลาดในตำรับยา 100 ตำรับของสมุนไพรที่เขาคำนวณ??!
“แค่นี้คือสอบเสร็จแล้วเหรอ?”
“ให้ตายเถอะ ฉันรู้สึกเหมือนกำลังดูเดอะแฟลช”
“เทียบกับซูเย่แล้ว ความเร็วของคนอื่นราวกับหอยทาก”
ผู้ชมต่างมองซูเย่อย่างตะลึงพึงเพริศ
นี่มันเร็วเกินไปแล้ว! ต่อมา มองเห็นซูเย่หันกายมามองคนที่กำลังตะโกนให้กำลังใจเขา ทุกคนที่กำลังดูรายการก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เห็นความหงุดหงิดและความสิ้นหวังบนใบหน้าของผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ พวกเขาก็รู้สึกตลกอย่างอธิบายไม่ถูก
ในตอนที่ทุกคนกำลังยิ้มขำขัน กล้องก็หันไปทางหวังจี้เชา ทุกคนจึงเห็นว่าหวังจี้เชากำลังยกนิ้วกลางขึ้นหันไปทางซูเย่
“ซีนเมื่อกี้คืออะไรฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
“ซีนเด็ดวะ ความดำมืดในใจของหวังจี้เชา”
“ถ้าเป็นฉัน ฉันก็คงทำเหมือนกัน ซูเย่กวนบาทามากจริงๆ”
“จะให้ทำไงได้ ก็เขาเก่งนี่น่า”
“ที่สำคัญกว่าความฉลาดคือความมีไหวพริบ รู้จักใช้กลยุทธ์”
……
ตึกสถานีโทรทัศน์
“ฉันไม่ได้ดูผิดใช่ไหม”
ทีมงานที่จ้องเรตติ้งรายการอยู่ตะโกนขึ้นมาทันที “1.5 แล้ว เรตติ้ง 1.5 แล้ว!”
ทันทีที่เขาตะโกนขึ้น จ้าวเหมียนก็พุ่งเข้าไปดูทันที เขาพบว่าในตอนที่รายการใกล้จบ เรตติ้งก็พุ่งไปถึง 1.5 ได้ สถิติเรตติ้งสูงสุดรายการก่อนหน้านี้ของเขาอยู่ที่ 1.4 เท่านั้น รายการนี้เพิ่งออนแอร์แค่สองตอนก็สามารถทำลายสถิตินั้นได้แล้ว!!!
“ดี เยี่ยม สุดยอดไปเลย”
จ้าวเหมียนร้องกล่าวอย่างตื่นเต้น ทีมงานคนอื่นๆ ต่างตะโกนด้วยความดีใจ ทุกคนรู้ดีว่ารายการนี้ประสบความสำเร็จ
ในขณะนี้จ้าวเหมียนพลันสูดหายใจเข้าลึกหนึ่งเฮือก มองทุกคนแล้วพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“ถึงแม้ว่าผลงานจะออกมาดี แต่ทุกคนก็ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อทำให้รายการวาไรตี้นี้เป็นที่นิยมมากขึ้น ในเวลานั้น โปรไฟล์ของพวกเราก็จะมีสีสันเพราะรายการวาไรตี้นี้!”
“พรุ่งนี้ วันที่หก เราจะเริ่มบันทึกตอนที่สามของรายการ แม้ว่าเรตติ้งจะสูงอยู่แล้ว แต่เราก็ห้ามแอบขี้เกียจเด็ดขาด เราต้องทำให้แต่ละตอนดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ!”
“ครับ/ค่ะ!”
ทุกคนร้องตอบรับอย่างพร้อมเพรียง ผลลัพธ์ที่ดีเช่นนี้ ส่งผลให้ความกระตือรือร้นของทุกคนเพิ่มมากขึ้น ทุกคนพร้อมที่จะทำให้รายการนี้ถ่ายออกมาได้ดียิ่งขึ้น
รายการมาถึงช่วงสุดท้าย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าซูเย่จะได้ที่หนึ่งอีกครั้ง!
ผู้ชมทั้งหมดรู้สึกว่าสมเหตุสมผล และผลลัพธ์นี้ก็ไม่ได้ต่างจากที่พวกเขาคาดไว้
ในตอนที่รายการกำลังจะจบลง หัวข้อ #ซูเย่วาดภาพด้วยสองมือ# ก็พุ่งขึ้นสู่อันดับการค้นห้ายอดนิยมทันที
ชาวเน็ตจำนวนมากได้เข้าไปแสดงความคิดเห็นทันที เกือบทุกข้อความและความคิดเห็นยกย่องทักษะการวาดภาพอันล้ำเลิศของซูเย่ บางคนถึงกับโพสต์ภาพและเริ่มเลียนวาดตาม แต่ผลลัพธ์ต่างกันราวฟ้ากับเหว
ทุกคนแลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างกระตือรือร้น
นอกจากนี้ยังมีอีกหัวข้อหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตจำนวนมากในรายการค้นหายอดนิยม แม้ว่าจะไม่ได้ติดอันดับท็อปสิบ แต่ก็ได้อันดับที่ 15 ซึ่งประสบความสำเร็จในการดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากมาย ชื่อหัวข้อคือ #ชูนิ้วกลาง#
เมื่อคลิกเข้าไปดู มีภาพถ่ายเพียงหนึ่งภาพเท่านั้น เป็นภาพของหวังจี้เชาที่ชูนิ้วกลางให้ซูเย่!!
“น่าสมเพช ชื่อจริงคือหวังน่าสมเพชหรือเปล่า แต่ฉันแอบสงสารเขาเหมือนกันนะ ”
“ดูท่าทางที่เขาชูนิ้วกลางขึ้นสิ น่าเวทนาจริง ฉันเห็นความเศร้าแผ่ออกมาจากนิ้วกลางของเขาด้วยล่ะ เป็นความโศกเศร้าที่ทั้งเศร้าทั้งสลดใจ ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันทนไม่ได้แล้ว ฉันหัวเราะจนปวดท้องไปหมดแล้ว”
“หวังจี้เชาสู้เขา หวังจี้เชาอดทนไว้ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
……
หวังจี้เชาไล่อ่านข้อความและคอมเม้นต์ในแท็ก
ขำหาพ่อง! มีอะไรน่าขำ!
หวังจี้เชาส่งเสียงในลำคออย่างไม่พอใจ
ซูเย่ พรุ่งนี้เจอกัน!
……
เช้าวันถัดมา ซูเย่บอกลาพ่อแม่
“สองตอนแรกทำได้ดีมากเลย ต่อตอนไปลูกก็ต้องสู้ๆ นะ ห้ามตกอันดับเด็ดขาดนะเข้าใจไหม?”
ก่อนออกเดินทาง คุณแม่ซู่กำชับไว้
“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมเป็นลูกแม่นี่น่า”
ซูเย่พูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นคุณพ่อคุณแม่ซูก็มองส่งเขาขึ้นแท็กซี่ออกเดินทางมุ่งหน้าไปสนามบิน
บนรถแท็กซี่
“ติ๊ดติ๊ด…”
ซูเย่ได้รับข้อความวีแชทสองข้อความ
เมื่อเปิดอ่านดู เป็นข้อความที่ไป๋จือหรานและไป๋จือเหยียนส่งมา “พวกเราดูรายการของนายแล้ว นายทำได้ดีมาก ต่อไปก็สู้ๆ นะ”
เมื่อเห็นข้อความให้กำลังใจ ซูเย่พลันแย้มยิ้มเล็กน้อย
“ขอบคุณ”
หลังจากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปเมืองตี้ตู
ในตอนเย็น โปรดิวเซอร์หวังก็พาตากล้องมาทำการสัมภาษณ์ กระแสจากสองตอนก่อนหน้านี้ ทำให้พวกเขายิ่งมีความกระตือรือร้นในการหาหัวข้อการสัมภาษณ์
“ในสองตอนแรกที่คุณได้อันดับหนึ่งด้วยคะแนนเต็ม คุณมีความคาดหวังหรือความทะเยอทะยานสำหรับการสอบครั้งถัดไปไหม?”
โปรดิวเซอร์หวังถามคำถามตามบทที่คิดไว้
“ก็แค่ทำให้เหมือนเดิม”
ซูเย่ตอบด้วยรอยยิ้ม ทำให้โปรดิวเซอร์หวังผงะไป
จากนั้นก็เข้าใจโดยพลัน สำหรับคนอื่นคือการไม่ก้าวหน้าเหมือนเดิม แต่สำหรับซูเย่คือการได้อันดับหนึ่งเหมือนเดิม!
“ถึงคุณจะเป็นที่หนึ่งมาตลอด แต่หวังจี้เชาจากมหาวิทยาลัยการแพทย์ตี้ตูก็อยู่ในอับดับหลังคุณเสมอ และช่องว่างของคุณกับเขาก็ไม่ได้ห่างกันมากนัก คุณคิดว่าหวังจี้เชาจะแซงหน้าคุณได้หรือไม่?”
โปรดิวเซอร์หวังยิ้มพลางเอ่ยถาม
เห็นได้ชัดว่ากำลังหาเรื่อง ทว่า… ซูเย่ก็ไม่ได้กลัวการมีเรื่องสักเท่าไหร่
“คุณไปถามเขาเถอะครับ เป้าหมายของหมายผมคือมุ่งไปข้างหน้า ดังนั้นผมจะเสียเวลาหันไปมองย้อนหลังทำไมกัน” ซูเย่เอ่ยตอบ
“อันที่จริงพวกเราก็มีทีมงานไปสัมภาษณ์หวังจี้เชาเช่นกัน ดังนั้นพวกเราจะเอาคำพูดของคุณไปฝากเขาโดยไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียวแน่นอน รับรองได้เลย” โปวดิวเซอร์หวังยิ้มอย่างมีแผนร้ายในใจ