เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 58 ซูเย่เผยความจริง
บทที่ 58 ซูเย่เผยความจริง
“สวัสดี นักศึกษาซูเย่”
นักข่าวกลุ่มหนึ่งมารวมตัวกัน และนักข่าวที่อยู่ด้านหน้าก็เอ่ยถามขึ้นทันที “คุณมีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องลอกงานที่เป็นประเด็นอยู่ในตอนนี้ไหม ทำไมคุณถึงมาปรากฏตัวที่ทางเข้าของมหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตูในเวลานี้? จุดประสงค์ของการมาที่นี่คืออะไร”
นักข่าวคนอื่นๆ ก็ได้ยื่นอุปกรณ์สัมภาษณ์ของพวกเขามาด้านหน้า ทุกคนต่างจ้องมองไปที่ซูเย่
“พวกคุณอยากรู้ความจริงไม่ใช่เหรอ?”
ซูเย่ยิ้มเบาๆ และพูดต่อ “วันนี้ผมมาที่นี่เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผม ไปด้วยกันไหมครับ!”
เมื่อพูดจบ เขาก็เดินตรงเข้าไปในมหาวิทยาลัย
พิสูจน์ความบริสุทธิ์?
นักข่าวทุกคนติดตามอย่างตื่นเต้น
ยามของมหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตูพยายามที่จะรั้งทุกคนไว้ แต่ว่าเขายังไม่ทันขยับกายลุกขึ้นพลันรู้สึกว่าร่างกายหนักอึ้งจนไม่สามารถขยับได้เลยแม้แต่น้อย
ทำได้เพียงมองดูกลุ่มคนเดินเข้ามา
นักข่าวเดินตามหลังซูเย่เข้าไป สายตาของพวกเขามองไปที่ยามหน้าประตูที่ก่อนหน้านี้คอยขัดขวางไม่ให้พวกเขาเข้าไปในมหาวิทยาลัยด้วยความสงสัย ยามเคยพูดไว้อย่างชัดเจนว่าไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าไปในมหาวิทยาลัยเด็ดขาด แต่ทำไมเขาถึงไม่เข้ามาห้ามซูเย่?
แต่ช่างมันเถอะ เดินตามเข้าไปก่อน
นักข่าวทุกคนเดินตามหลังซูเย่เข้าไป จนถึงอาคารสำนักงานในมหาวิทยาลัย
นักข่าวหลายคนใช้โอกาสนี้ถ่ายภาพสองสามภาพและโพสต์อย่างรวดเร็วบนแอคเคาท์เวยป๋อทางการของพวกเขา
“ซูเย่ปรากฏตัวที่มหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตู เขาต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขา!”
แอคเคาท์สื่อจำนวนมากโพสต์ข่าวออกมาพร้อมกัน ชาวเน็ตทุกคนที่กำลังด่าทอซูเย่ในโลกอินเทอร์เน็ตต่างตกตะลึงเมื่อเห็นข่าวนี้
ซูเย่ไปมหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตู?
เขายังกล้าไปอีกเหรอ?
“เขาไปมหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตูในเวลานี้ มันพิสูจน์ว่าเขายังพอมีความกล้าอยู่บ้าง”
“เขาจะใช้อะไรพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขา”
“เรื่องผ่านไปเป็นปีแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่ออกมาพูดแต่แรก ออกมาตอนนี้แล้วได้อะไร”
“ก่อนหน้านี้ไม่เห็นทำอะไรเลย ตอนนี้ถูกคนรุมทึ้งแล้วถึงได้ไปพิสูจน์งั้นเหรอ ใครจะรู้ว่าเขาจะทำเรื่องบ้าอะไรอีก”
“เขาคงไม่ได้ไปขอขมาต่อหน้าสาธารณชนหรอกใช่ไหม”
ภายในเวลาไม่นาน ชาวเน็ตต่างตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะได้เริ่มรอดูเรื่องราวที่จะเกิดขึ้น และรอดูความจริง
ตอนนี้พวกเขารู้สึกว่าเผือกลูกนี้มันอร่อยขึ้นเรื่อยๆ!
……
มหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตู หอนักศึกษาหญิง
หลี่มู่เสวี่ยแสดงอารมณ์โกรธจัดระหว่างที่นักข่าวถูกปิดล้อม ก่อนที่เธอจะกดปิดเครื่องโทรศัพท์มือถือของตนและเปิดเวยป๋อบนแท็บเล็ตทันทีที่กลับมาที่หอพัก
ไม่นานเธอก็เห็นวิดีโอของตัวเองที่ถูกสัมภาษณ์ และแม้ว่าหญิงสาวจะเกลียดนักข่าวเหล่านี้ที่ตัดต่อมั่วซั่ว แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อเห็นท่าทางและการแสดงของตนเองในวิดีโอที่ผ่านการตัดต่อมา หลี่มู่เสวี่ยก็โล่งใจอย่างอธิบายไม่ถูก
ยิ่งเห็นชาวเน็ตสนับสนุนเธอ ก็ยิ่งเบาใจกว่าเดิม
ยิ่งเธออ่านดูมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกสบายใจมากขึ้นเท่านั้น
แต่ในตอนนี้ จู่ๆ เธอก็เห็นคนบอกในเวยป๋อว่า ซูเย่มาที่มหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตู
เมื่อเห็นข่าวนี้ และรูปภาพที่แนบมากับโพสต์เวยป๋อ กับเห็นข้อความว่าซูเย่มาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ใบหน้าของเธอพลันแปรเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวน่าเกลียดในทันใด
“ไม่!”
“เป็นไปไม่ได้!!”
“เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!!!”
ความตื่นตระหนกในหัวใจของหลี่มู่เสวี่ยปะทุขึ้นอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นความคิดเห็นของชาวเน็ตในเวยป๋อ หญิงสาวก็พบว่าชาวเน็ตส่วนใหญ่ยังคงอยู่ข้างเธอ และยังคงตั้งคำถามกับซูเย่
เธอจึงรู้สึกสงบลงอีกครั้ง
“ใช่ หลักฐานทั้งหมดถูกทำลายไปแล้ว”
“ตอนนั้นไม่มีหลักฐานอะไรหลงเหลืออยู่ ทุกอย่างหายไป ฉันเขียนวิทยานิพนธ์เล่นนั้นด้วยตัวฉันเอง และไม่เกี่ยวอะไรกับซูเย่!”
“ถ้าเขามีหลักฐาน เขาก็ต้องวิ่งโล่ออกมาตั้งแต่เมื่อหนึ่งปีก่อนแล้ว”
“เขาไม่มีหลักฐานแน่นอน!”
“ซูเย่ นายไม่ควรมา… ทำไมนายถึงต้องมารับความอัปยศถึงที่ด้วย”
หลี่มู่เสวี่ยกัดริมฝีปากของเธอ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน
ทำไมเธอถึงขโมยงานของซูเย่ไปตั้งแต่แรก?
เหตุผลมันง่ายมาก เธอแค่ต้องการบทความที่ยอดเยี่ยมที่จะตีพิมพ์ในวารสารหลักเพื่อให้มีคุณสมบัติสำหรับการสอบปริญญาโทไงละ
ทำไมฉันถึงไม่บอกน่ะเหรอ
“เป็นเพราะการเห็นคุณค่าในตนเองของฉันเอง… ดังนั้นฉันจะไม่ยอมก้มหัวขอใคร สิ่งที่ฉันต้องการ ฉันจะได้มันมาเองโดยไม่สนใจวิธีการ!”
หลี่มู่เสวี่ยกำมือของเธอแน่น
……
“ผู้อำนวยการจางอิ๋งเจียง”
เมื่อเดินเข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ ซูเย่พลันเดินไปยังเบื้องหน้าของคนรู้จักที่คุ้นเคย
“หืม?”
เมื่อเห็นซูเย่ จางอิ๋งเจียง ชายผู้มีอายุมากกว่า 50 ปีพลันตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาขมวดคิ้วและเอ่ยถาม “เธอมาที่นี่ทำไม?”
ย้อนกลับไปตอนนั้น ซูเย่คือนักศึกษาคนดังของมหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตู นักศึกษาหนุ่มที่เรียนระดับปริญญาตรีโทเอกต่อกันที่อายุน้อยที่สุด
นักศึกษาอัจฉริยะที่สามารถเรียนข้ามเกรดได้ภายใต้แรงกดดันมหาศาลระหว่างการเรียนในมหาวิทยาลัย
นอกจากนี้ เหตุการณ์หลังการลอกงานยังร้ายแรงมากจนหนึ่งปีให้หลัง เขายังจำซูเย่ได้อย่างลึกซึ้ง
จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วและมองดูนักข่าวที่รุมล้อมเข้ามา
“ผมมาแก้ไขบทลงโทษของผมตอนนั้น”
ซูเย่เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
“แก้ไข?”
จางอิ๋งเจียงยืนขึ้น ขมวดคิ้วแน่นขึ้น “หลักฐานชัดเจนในตอนนั้น เธอลอกงานของนักศึกษาหลี่มู่เสวี่ย ไม่มีอะไรจะหักล้างความจริงนี้ได้”
“ฉันรู้ว่ามีคนมาแฉข่าวทางอินเทอร์เน็ตเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งสร้างปัญหาให้เธอไม่น้อยสินะ แต่ความผิดพลาดคือความผิดพลาด และการลงโทษก็คือการลงโทษ ไม่ว่าคะแนนของเธอจะดีแค่ไหน ก็ยกเลิกไม่ได้ ยิ่งไม่สามารถแก้ไขได้ นี่คือกฎเกณฑ์ของมหาวิทยาลัย อย่ามาทำตัวไร้สาระที่นี่ให้เสียเวลา!”
เมื่อนักข่าวได้ยินคำพูดนี้ ก็รีบจดลงทันที
ซูเย่หยิบฮาร์ดไดรฟ์ออกมาแล้วโยนลงบนโต๊ะของจางอิ๋งเจียง
“นี่คือหลักฐานที่พวกคุณต้องการ ข้างในมีขั้นตอนทั้งหมดของการทดลองของผมในปีนั้น ข้อมูลการทดลองทั้งหมด เวลาในการเขียนและข้อมูลสำรองในงานวิทยานิพนธ์ของผม และยังมีบันทึกที่ผมเอาวิทยานิพนธ์ส่งให้หลี่มู่เสวี่ยในอีเมล”
เมื่อทุกคนได้ยินก็ตกตะลึงทันที สายตาที่มองไปยังฮาร์ดไดรฟ์ส่องประกายจ้า
เขามีหลักฐานจริงด้วย ซูเย่มีหลักฐานในเรื่องเมื่อหนึ่งปีก่อน!!
มิน่าล่ะ เขาถึงได้กล้าออกมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่ว่าก่อนหน้านี้ทำไมเขาถึงไม่เอาออกมาละ?
นักข่าวรีบสั่งให้ตากล้องไปถ่ายรูปเก็บไว้
จางอิ๋งเจียงมองไปที่ฮาร์ดไดรฟ์อย่างตกตะลึง
มีหลักฐานจริงงั้นเหรอ?
ทำไมไม่เอามาตั้งแต่ปีที่แล้ว?
เขาจ้องมองไปที่ซูเย่
เมื่อต้องเผชิญกับนักข่าวจำนวนมาก เขาจึงรู้ว่าตนเองไม่สามารถทำอย่างขอไปทีได้ ดังนั้นเขาจึงหยิบโทรศัพท์ข้างๆ ขึ้นมาทันทีแล้วโทรออก “เชิญผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์จากภาควิชาเวชศาสตร์คลินิกมา”
ในเวลาไม่นาน ผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์ที่ทราบถึงเรื่องนี้จึงเร่งรุดมาทันทีโดยไม่กล้ารีรอ
ในที่ห้อง ภายใต้ด้วยความสนใจของทุกคนและสายตาของนักข่าวจำนวนมาก ผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์หลายคนจึงมาที่ห้องประชุมขนาดใหญ่ทันที เพื่อตรวจสอบหลักฐานในฮาร์ดดิสก์ ผ่านหน้าจอที่แสดงข้อมูล
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง
“ข้อมูลเหล่านี้เป็นของจริง”
“ภาพส่วนใหญ่เป็นภาพถ่ายหน้าจอของคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีเวลากำกับไว้ นอกจากนี้ จากกระบวนการทดลองและทฤษฎีการทดลอง บทความนี้เขียนโดยนักศึกษาซูเย่จริงๆ”
เมื่อพูดจบ สายตาของผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์หลายคนที่มองไปทางซูเย่ แววตาของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความเสียดาย เพราะพวกเขาเองก็รู้จักซูเย่ดี ตอนนั้นซูเย่เป็นนักศึกษาที่มีความสามารถ เป็นนักเรียนหัวกะทิที่ไม่ได้พบเจอได้บ่อย!!
ตอนนั้นหากไม่มีเรื่องลอกงานออกมา ตอนนี้คงไม่เป็นเช่นนี้
น่าเสียดาย…
ซูเย่เป็นผู้บริสุทธิ์?
เมื่อได้ยินดังนั้น ในหัวสมองของจางอิ๋งเจียงก็เหมือนมีเสียงระเบิดดังสนั่น
บทลงโทษของซูเย่ในตอนนั้น เป็นเขาออกปากเอง ที่จริงตอนนั้นมีบางจุดที่ควรสืบให้กระจ่างแจ้ง แต่เขาไม่ได้ทำ เพราะคิดเพียงแค่อยากจะให้เรื่องเงียบไปให้เร็วที่สุด มาวันนี้ ซูเย่กลับถือหลักฐานออกมา
“ของจริงแน่เหรอ?”
จางอิ๋งเจียงเอ่ยถามอย่างร้อนใจ
“จริงแท้แน่นอน”
ผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์หลายคนพยักหน้าพร้อมกัน “ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเส้นเวลาวิจัยงานของซูเย่อยู่ก่อนเวลาตีพิมพ์บทความของหลี่มู่เสวี่ย”
การพลิกกลับสุดช็อก!
นักข่าวต่างมองฉากเบื้องหน้าด้วยดวงตาเป็นประกาย นั่งคิดนอนคิดยังไงก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะพลิกกลับมาเป็นแบบนี้ได้
ซูเย่พิสูจน์ตัวเองได้จริงๆ!
แต่ว่าทำไมตอนนั้นซูเย่ถึงไม่เอาหลักฐานออกมา?
“ตอนนั้น.. ทำไมเธอถึงไม่เอาหลักฐานออกมา?”
จางอิ๋งเจียงเอ่ยถามคำถามที่อยู่ในใจของทุกคน
“เอ่อ…”
ซูเย่ยกยิ้มเย็น “ตอนนั้นพวกอาจารย์รีบร้อนสรุปผล เพื่อกลบเกลื่อนเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ก็ไม่เห็นมีใครมาถามหาหลักฐานจากผมนี่ครับ?”
จางอิ๋งเจียงผงะไป
“ตอนนั้นแม้แต่จุดน่าสงสัยที่เห็นชัดที่สุดคุณยังไม่ถามผมเลยด้วยซ้ำ”
ซูเย่เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“อะไร?”
จางอิ๋งเจียงเอ่ยถามทันที
“ตอนนั้น ผมและหลี่มู่เสวี่ยเป็นคนรักกัน พวกคุณคิดจริงๆ เหรอว่าผมจะไม่รู้ว่าเธอส่งวิทยานิพนธ์ของผมไป”
ซูเย่จ้องไปทางจางอิ๋งเจียง “ผมรู้ดีว่าเธอส่งวิทยานิพนธ์ของผมไป แต่ทำไมผมถึงยังส่งออกไปซ้ำอีก ผมกลัวว่าคนจะไม่รู้เหรอว่าผมลอกงานเธอ?”
ทุกคนชะงักค้าง
คำพูดของซูเย่ไม่ผิด
ซูเย่และหลี่มู่เสวี่ยมีความสัมพันธ์เป็นคนรักที่น่าอิจฉาในเวลานั้น เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้ว่าหลี่มู่เสวี่ยส่งงานของเขาไปตีพิมพ์ แล้วทำไมเขาถึงส่งไปตีพิมพ์ซ้ำอีก?
นี่เป็นปัญหาใหญ่จริงๆ
“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ พวกคุณทุกคนรวมถึงนักข่าวเหล่านี้ได้เห็นทุกอย่างแล้ว ผมจะไม่พูดอะไรมาก ผมจะรอให้มหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตูทำเรื่องนี้ให้กระจ่างและคืนชื่อเสียงของผมมา”
ซูเย่มองจางอิ๋งเจียงอย่างเย็นชา จากนั้นจึงหันหลังเดินออกไป
เมื่อเห็นซูเย่จากไป ใบหน้าของจางอิ๋งเจียงพลันเริ่มบิดเบี้ยว
สิ่งที่ซูเย่พูดจะต้องเผยแพร่ออกไปโดยนักข่าวเหล่านี้อย่างแน่นอน ในเวลานั้น นอกจากการคืนชื่อเสียงของซูเย่แล้ว มันยังจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของทั้งมหาวิทยาลัยเพราะการตัดสินใจที่รีบร้อนของเขา
ตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการคงนั่งไม่ได้อีกต่อไปอย่างแน่นอน!
การประนีประนอมเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่ในอนาคตคงไม่อาจเลื่อนขั้นได้อีก
จางอิ๋งเจียงต้องการเชิญนักข่าวออกไปพูดคุยเป็นการส่วนตัว แต่ก่อนที่เขาจะได้พูด นักข่าวเหล่านี้ได้เริ่มโพสต์ข่าวลงไปบนอินเทอร์เน็ตแล้ว
สายเกินไปที่จะปกปิด!!
……
ชาวเน็ตที่ให้ความสนใจเหตุการณ์นี้ ก็เห็นข่าวใหม่ทันที
“ซูเย่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขา!”
สื่อที่ไปในห้องประชุมทุกคน ได้เผยแพร่เนื้อหาข่าวที่คล้ายคลึงกัน
พวกเขาไม่เพียงแต่ใช้คำพูดเพื่ออธิบายกระบวนการทั้งหมดในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของซูเย่เท่านั้น แต่เขายังแนบรูปถ่ายมาหลายรูปด้วย
สื่อใหญ่หลายเจ้าในเวยป๋อจึงรีบแชร์ข่าวต่อทันที